คณะกรรมาธิการแม่น้ำโขงเห็นชอบแผนการพัฒนาที่ยั่งยืน

ผู้แทนกว่า 140 คนจากประเทศสมาชิก MRC (ลาว กัมพูชา ไทย และเวียดนาม) ได้หารือและได้อนุมัติเอกสารสำคัญ รวมถึงกฎขั้นตอนการดำเนินการของคณะมนตรีแม่น้ำโขงและคณะกรรมการร่วม และยุทธศาสตร์การพัฒนาไฟฟ้าพลังน้ำอย่างยั่งยืนสำหรับลุ่มน้ำโขงตอนล่างผู้เข้าร่วมการประชุมยังได้ขอให้หุ้นส่วนการพัฒนาพิจารณาให้ข้อมูลเพิ่มเติมแก่สำนักเลขาธิการ MRC ต่อไป เพื่อให้แน่ใจว่าจะประสบความสำเร็จและมีประสิทธิภาพสูง นางบุญ ตัวแทน  สปป.ลาว กล่าวว่า “รัฐบาลลาวให้ความสำคัญกับการพัฒนาที่ยั่งยืนในลุ่มแม่น้ำโขงและตั้งเป้าที่จะจัดการกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโดยบูรณาการงานของ MRC เข้ากับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติระยะ 5 ปีที่ 9 สำหรับปี 2564-2568 และแผนห้าปีของ ภาคทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเพื่อการจัดการทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืน” สปป.ลาวยืนยันความร่วมมือกับประเทศสมาชิก MRC หุ้นส่วนการพัฒนา คู่เจรจา และองค์กรระหว่างประเทศอื่น ๆ ในการดำเนินการตามข้อตกลงแม่น้ำโขง พ.ศ. 2538 โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สิ่งนี้จะเกี่ยวข้องกับความร่วมมือในด้านการจัดการน้ำและทรัพยากรที่เกี่ยวข้องกับน้ำ เพื่อส่งเสริมการพัฒนาที่ยั่งยืนในลุ่มแม่น้ำโขง ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_MRC_234.php

กระทรวงเกษตรปศุสัตว์ฯ เมียนมา จับมือภาคเอกชน ตั้งเขตขยายพันธุ์ 28 แห่ง ทั่วประเทศ

เพื่อพัฒนาภาคปศุสัตว์ของเมียนมา กระทรวงเกษตรปศุสัตว์และการชลประทานของเมียนมาร่วมมือกับภาคเอกชน ได้จัดตั้งเขตปศุสัตว์ 28 แห่งในแต่ละภูมิภาคของรัฐเพื่อตอบสนองตามความต้องการของตลาด และเป็นการส่งเสริมการบริโภคภายในประเทศ เช่น เนื้อสัตว์ ปลา ไข่ นม และผลิตภัณฑ์จากนม การบริโภคผลิตภัณฑ์ปศุสัตว์ที่สดและเพียงพอ ส่งเสริมการส่งออก การเพิ่มรายได้ของประชาชนและยกระดับการครองชีพ กรมวิจัยปศุสัตว์จะขยายเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงในภาคปศุสัตว์ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการลดช่องว่างระหว่างคนจนและคนรวย จากสถิติการลงทุนของต่างชาติในภาคเกษตรและประมงคิดเป็นสัดส่วนไม่ถึง 2% ของเงินลงทุนทั้งหมดต่อปี ดังนั้น ภาคเกษตรจึงเป็นส่วนสำคัญของประเทศที่จะต้องหาหาวิธีที่จะพัฒนาเพื่อความยั่งยืน ตั้งแต่ปีงบประมาณ 2531-2532 จนถึงเดือนก.ย. 2561 เมียนมามีเงินลงทุนจากต่างประเทศกว่า 7.7 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เป็นการลงทุนในภาคการเกษตร 395 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ คิดเป็น 0.51% ของการลงทุนจากต่างประเทศทั้งหมด

ที่มา: https://news-eleven.com/article/220848

‘เวียดนาม’ เผยเด็กจบใหม่ อยากได้เงินเดือน 435-650 เหรียญสหรัฐ

กลุ่มบริษัทอเด็คโก้ เวียดนาม (Adecco) เอเจนซี่จัดหางานแบบครบวงจร เผยผลสำรวจพบว่าผู้จบการศึกษาใหม่ส่วนใหญ่ 44% อยากได้เงินเดือนมากกว่า 10 ล้านดอง (435-650 เหรียญสหรัฐ) และ 31% ต้องการเงินเดือนราว 6-10 ล้านดอง แต่นายจ้างส่วนใหญ่ 51% เต็มใจที่จะจ่ายเงินเดือนต่ำกว่า 10 ล้านดอง และ 27.5% จ่ายเงินเดือนมากกว่า 10 ล้านดอง ทั้งนี้ พนักงานใหม่ส่วนใหญ่ 88.5% ให้ความสำคัญในเรื่องของเงินเดือนและค่าตอบแทนมากที่สุด รองลงมาโอกาสในการฝึกอบรม (87.7%) และโอกาสที่จะเลื่อนตำแหน่ง (73.8%) นอกจากนี้ ผู้ว่าจ้างแสดงความกังวลต่อเด็กเวียดนามจบใหม่ทั้งเรื่องยังขาดทักษะการปฏิสัมพันธ์ การแก้ไขปัญหา (Soft Skills), ตั้งหวังไว้สูงเกินความเป็นจริงและความไม่มั่งคง อย่างไรก็ตาม สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้ธุรกิจราว 39% รับสมัครงานลดลง โดยประมาณ 19% ลดลงมากกว่า 50%

ที่มา : https://e.vnexpress.net/news/business/data-speaks/new-graduates-want-monthly-salary-of-435-650-4395281.html

‘เวียดนาม’ เรียกร้องให้มีการปรับปรุงนโยบาย เหตุดึงประสิทธิภาพของข้อตกลง EVFTA

นาย Giorgio Aliberti เอกอัครราชทูต หัวหน้าคณะผู้แทนสหภาพยุโรปประจำเวียดนาม กล่าวว่าการปรับปรุงระบบนโยบายและกรอบกฎหมายให้เป็นไปตามหลักสากล ถือเป็นหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ทำให้เวียดนามสามารถบูรณาการเข้ากับห่วงโซ่มูลค่าโลกได้มากยิ่งขึ้น ตลอดจนดึงดูดเม็ดเงินทุนจากสหภาพยุโรปและเกิดการแข่งขันของธุรกิจในประเทศและต่างประเทศ เวียดนามมีศักยภาพที่ดีในการดึงดูดการลงทุนจากอียู โดยเฉพาะภาคอุตสาหกรรมที่มีมูลค่าสูง ทั้งนี้ เมื่อต้นปี 2564 ธุรกิจยุโรปทำการสำรวจดัชนีบรรยากาศทางธุรกิจของเวียดนาม (BCI) อยู่ที่ระดับ 73.9 จุด ในไตรมาสแรกของปีนี้ ซึ่งอยู่ในระดับสูงสุดนับตั้งแต่ไตรมาสที่ 3 ของปี 2562 อย่างไรก็ตาม การแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกที่ 4 ส่งผลกระทบต่อหลายๆ จังหวัดและหัวเมือง ทำให้ดัชนี BCI ปรับตัวลดลง 30 จุด ในไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ มาอยู่ที่ระดับ 45.8 จุด

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/vietnam-urged-to-improve-policies-for-effective-implementation-of-evfta/216259.vnp

Gallup กล่าวถึงกัมพูชาในแง่ของประเทศ ที่ปลอดภัยที่สุดใน SEA

Gallup บริษัทวิเคราะห์ข้อมูลชั้นนำของโลก รายงานผลการศึกษาเกี่ยวกับความปลอดภัยด้านการลงทุนในกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พบว่ากัมพูชาเป็นหนึ่งในประเทศที่ปลอดภัยที่สุดในในภูมิภาค ผ่านรายงาน Global and Order Report ประจำปี 2021 โดยจัดอันดับให้กัมพูชาเป็นประเทศที่ปลอดภัยด้านการลงทุนที่สุดอันดับ 3 ในภูมิภาค รองจากอินโดนีเซีย (อันดับ 1) และฟิลิปปินส์ (อันดับ 2) ซึ่งเวียดนามถูกจัดให้อยู่ในลำดับเดียวกันกับกัมพูชา โดยการศึกษานี้ใช้การสัมภาษณ์ผู้ประกอบการมากกว่า 120,000 คน ใน 115 ประเทศทั่วโลก

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50978852/study-cambodia-is-one-of-safest-countries-in-sea/

คลังเร่งรัฐวิสาหกิจเบิกจ่ายงบ ปั๊มเงินเข้าระบบหนุนเศรษฐกิจฟื้นตัว

นางปานทิพย์ ศรีพิมล ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) เผย ผลการเบิกจ่ายงบลงทุนในปี 2564 ณ สิ้นเดือนต.ค. 2564 มีผลการเบิกจ่ายงบลงทุนสะสม 269,883 ล้านบาท หรือคิดเป็น 89% ของแผนการเบิกจ่ายสะสม และสำหรับรัฐวิสาหกิจที่ได้เริ่มการเบิกจ่ายงบลงทุนปีงบประมาณ 2565 มา 1 เดือน (ต.ค. 2564) มีผลการเบิกจ่าย 3,222 ล้านบาท หรือคิดเป็น 47% ของแผนการเบิกจ่ายสะสม นอกจากนี้ ในปี 2565 จะกำกับเรื่องการปรับลดกรอบการลงทุนระหว่างปีของรัฐวิสาหกิจให้เข้มข้นขึ้นโดยกำหนดเงื่อนไขการปรับลดคะแนนประเมินผลการดำเนินงาน กรณีที่รัฐวิสาหกิจปรับลดกรอบการลงทุนเกินกว่า 5% ของกรอบการลงทุนสูงสุดที่ได้รับอนุมัติ เพื่อให้การเบิกจ่ายงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจช่วยผลักดันการฟื้นตัวของเศรษฐกิจหลังสถานการณ์โควิด-19

ที่มา: https://www.naewna.com/business/619052

พริกกัมพูชาเตรียมเจาะตลาดทั่วโลก ผ่านการพัฒนาห่วงโซ่คุณค่า

GIZ หน่วยงานพัฒนาของเยอรมนี (Deutsche Gesellschaft für Internationale Zusammenarbeit) กำลังทำงานร่วมกับผู้แปรรูปพริกในท้องถิ่นของกัมพูชา เพื่อช่วยเพิ่มศักยภาพในการผลิตและเจาะตลาดใหม่ๆ ทั่วโลก โดย GIZ ได้จัดการประชุมเชิงปฏิบัติการร่วมกับตัวแทนจากทางรัฐบาลกัมพูชา สมาคมภาคเอกชน วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) และหน่วยงานด้านการพัฒนาเพื่อรับข้อเสนอแนะเกี่ยวกับร่างรายงานเกี่ยวกับห่วงโซ่มูลค่าเมล็ดพันธุ์สู่การส่งออกสำหรับพริกในกัมพูชา ซึ่ง GIZ กล่าวว่ารายงานนี้จะช่วยให้ผู้ผลิตพริก ซึ่งส่วนใหญ่เป็น SMEs พัฒนาผลิตภัณฑ์ของตนและเข้าถึงตลาดระดับภูมิภาคได้มากขึ้น พริกปลูกทั่วราชอาณาจักร โดยไทยและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ถือเป็นปลายทางส่งออกหลักของพริกไทยกัมพูชา

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50978806/chilli-value-chain-being-boosted-to-tap-new-global-markets/

สปป.ลาวตื่นตัว Omicron Covid-19 Variant

หน่วยงานเฉพาะกิจด้านการป้องกันและควบคุมโรคโควิด-19 แห่งชาติสปป.ลาว Taskforce  กล่าวว่าประเทศอยู่ในการแจ้งเตือนระดับสูงสำหรับไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ B1.1.529 ที่มีชื่อเรียกว่า “โอไมครอน” ซึ่งตรวจพบเจอครั้งแรกในแอฟริกาใต้เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน ตามคำแถลงของ Taskforce เมื่อวานนี้ ตัวแปรใหม่นี้สามารถแพร่เชื้อได้มากกว่าสายพันธุ์ก่อนหน้าและสามารถทำลายเซลล์ภูมิต้านทานได้ดีกว่าไวรัสตัวเก่า ขณะนี้หน่วยเฉพาะกิจของลาวได้เรียกร้องให้ผู้อยู่อาศัยใช้มาตรการป้องกันเพิ่มเติมจากโควิด-19 อย่างเข้มงวด โดยกล่าวว่าตัวแปรดังกล่าวอาจปรากฏในประชากรเมื่อใดก็ได้ นอกจากนี้ยังเรียกร้องให้ทุกคนได้รับการฉีดวัคซีนโดยเร็วที่สุด ด้านรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะจัดประชุมเพื่อหารือเกี่ยวกับตัวแปร Omicron และตัดสินใจว่าควรใช้มาตรการใหม่เพื่อตอบสนองต่อภัยคุกคามหรือไม่ ทั้งนี้หากมีการระบาดของไวรัสสายพันธุ์นี้ จะไม่เพียงแค่ผลกระทบด้านสาธารณะสุขแต่ยังร่วมไปถึงภาวะเศรษฐกิจที่กำลังเปาะบางอย่างมากของสปป.ลาวก็จะได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจนนำไปสู่ภาวะเศรษฐกิจครั้งใหญ่

ที่มา : https://laotiantimes.com/2021/11/29/laos-on-alert-for-omicron-covid-19-variant/

กัมพูชารายงานภาวะการณ์ลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ

ธนาคารแห่งชาติกัมพูชารายงานถึงสถิติการอนุญาตลงทุน จากการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) มูลค่ารวม 39,000 ล้านดอลลาร์ ในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ เพิ่มขึ้นร้อยละ 9.6 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยประเทศจีนถือเป็นประเทศที่เข้ามาลงทุนในกัมพูชามากที่สุดในช่วงเวลาดังกล่าว คิดเป็นมูลค่าการลงทุนรวม 17.3 พันล้านดอลลาร์ หรือร้อยละ 44.2 ของทุนจดทะเบียนทั้งหมด ด้านเกาหลีใต้รองลงมาด้วยเงินทุนจดทะเบียนรวม 4.1 พันล้านดอลลาร์ ตามด้วยเวียดนามที่ 2.5 พันล้านดอลลาร์ และสิงคโปร์ด้วยเงินลงทุน 2.4 พันล้านดอลลาร์ตามลำดับ โดยไทยเข้ามาลงทุนในกัมพูชาด้วยมูลค่าเงินลงทุนที่ได้รับอนุมัติรวม 1.8 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศส่วนใหญ่ครอบคลุมภาคการเกษตร โรงงานการผลิตและแปรรูป ภาคการเงิน โรงแรมและร้านอาหาร การก่อสร้าง เขื่อนไฟฟ้าพลังน้ำ และอสังหาริมทรัพย์ เป็นสำคัญ

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50978345/cambodia-registers-39-billion-in-fdis-during-first-six-months/

ไทยแอร์เอเชีย เตรียมกลับมาให้บริการเที่ยวบิน กรุงเทพฯ-พนมเปญ

หลังจากทางการกัมพูชาประกาศยกเลิกการกักตัวสำหรับผู้เดินทางหรือนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่ได้รับวัคซีนครบตามกำหนด ซึ่งทางแอร์เอเชียได้ประกาศเริ่มให้บริการเที่ยวบินระหว่างประเทศจากกรุงเทพฯ (ดอนเมือง) ไปยังพนมเปญ ประเทศกัมพูชา โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 22 ธันวาคม กำหนดเที่ยวบินไว้ที่ 3 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ คือในวันพุธ วันศุกร์ และวันอาทิตย์ ซึ่งค่าโดยสารรวมสำหรับสมาชิก BIG เริ่มต้นที่ 1,690 บาทต่อเที่ยว จองได้ตั้งแต่วันที่ 18-28 พ.ย. สำหรับการเดินทางในวันที่ 22 ธ.ค.-25 มี.ค. โดยกัมพูชาอนุญาตให้บุคคลที่ได้รับการฉีดวัคซีนครบถ้วนตามข้อกำหนดขององค์การอนามัยโลก อย่างน้อย 14 วัน ก่อนออกเดินทางและมีผลตรวจ RT-PCR เป็นลบ ส่วนสำหรับผู้ที่ต้องการเดินทางมายังกัมพูชา แต่ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีนครบตามกำหนด ก็ยังคงต้องถูกกักตัว เป็นเวลา 14 วัน ถึงจะออกเดินทางภายในประเทศได้

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50977872/bangkok-phnom-penh-flights-by-thai-air-asia-to-resume-in-december/