รัฐบาลสปป.ลาวให้คำมั่นที่จะกระจายแหล่งพลังงานเพื่อลดการนำเข้า

รัฐบาลให้คำมั่นว่าจะกระจายแหล่งพลังงานโดยการพัฒนาโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม และถ่านหินเป็นเชื้อเพลิง เพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลนไฟฟ้าในฤดูแล้ง การพัฒนาเหล่านี้จะสนับสนุนความพยายามของรัฐบาลในการเพิ่มปริมาณการส่งออกพลังงาน และลดปริมาณการนำเข้าไฟฟ้าจากประเทศเพื่อนบ้าน สปป.ลาวมีศักยภาพมหาศาลในการผลิตพลังงานจากโรงไฟฟ้าพลังน้ำ แสงอาทิตย์ และพลังงานลมเพื่อจำหน่ายให้กับไทย เวียดนาม และกัมพูชา ณ ปี 2020 สปป.ลาวมีแหล่งพลังงาน 82 แหล่ง โดยมีกำลังการผลิตติดตั้งรวมมากกว่า 10,000 เมกะวัตต์ ทั้งนี้ความท้าทายหลักคือโรงไฟฟ้าพลังน้ำที่มีศักยภาพประมาณ 1,500 เมกะวัตต์สูญเสียไปโดยโรงไฟฟ้าพลังน้ำในช่วงฤดูฝนที่มีกระแสน้ำไหลสูง แต่ลาวต้องนำเข้าไฟฟ้าจากประเทศไทยมากขึ้นในฤดูแล้ง ราคาที่ EDL จ่ายสำหรับไฟฟ้าที่นำเข้านี้ทำให้มีราคาแพงกว่าไฟฟ้าที่นำเข้าจาก กฟผ. เกือบสองเท่า นี้เป็นสาเหตุสำคัญในการที่สปป.ลาวจำเป็นอย่างยิ่งในการลดการนำเข้าเละเพิ่มผลลิตไฟฟ้าในประเทศ

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Govt_220_21.php

ภาคเอกชนกัมพูชามองหาโอกาสการส่งออกไปยังออสเตรเลีย

นักธุรกิจรวมถึงผู้ส่งออกในกัมพูชา มองหาโอกาสในการขยายการส่งออกสินค้าไปยังประเทศออสเตรเลีย โดยเฉพาะข้าวสาร ซึ่งแนวคิดดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศออสเตรเลียมาเยือนกัมพูชา เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา โดยในปัจจุบันการส่งออกของกัมพูชาไปยังออสเตรเลียและตลาดต่างประเทศอื่นๆ ยังคงเป็นเรื่องยาก จากการคมนาคมขนส่งที่ยังคงเผชิญกับอุปสรรคอันเนื่องมาจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งผู้ส่งออกข้าวของกัมพูชายังได้กล่าวเสริมว่า ขั้นตอนที่แตกต่างกันและการจัดการความปลอดภัยด้านอาหารของประเทศผู้นำเข้าต่างๆ ยังคงเป็นอุปสรรคต่อการส่งออกข้าวของกัมพูชาในปัจจุบัน โดยนอกจากความคาดหวังทางด้านการส่งออกแล้วกัมพูชายังคาดหวังด้านการลงทุนจากนักลงทุนออสเตรเลีย ในอุตสาหกรรมการแปรรูปอาหารและอุตสาหกรรมเกษตร เป็นสำคัญ ซึ่งในช่วง 10 เดือนที่ผ่านมา กัมพูชาส่งออกสินค้าเกษตรไปยังออสเตรเลียรวม 8,200 ตัน

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50967508/private-sector-optimistic-about-business-with-australia/

รอยัล กรุ๊ป วางแผนพัฒนา SEZ ในเขตจังหวัดเกาะกงของกัมพูชา

รอยัล กรุ๊ป ซึ่งเป็นกลุ่มบริษัทชั้นนำภายในประเทศกัมพูชา ได้วางแผนพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ (SEZ) บนพื้นที่ขนาด 8,631 เฮกตาร์ ในเขตจังหวัดเกาะกง ซึ่งเดิมเป็นที่ดินของรัฐ ผ่านความร่วมมือกับทางกระทรวงสิ่งแวดล้อม รวมถึงกระทรวงเศรษฐกิจและการคลัง และคณะกรรมการจังหวัดเกาะกง ในการร่วมพัฒนาโครงการ SEZ ซึ่งในขณะนี้ รอยัล กรุ๊ป กำลังก่อสร้างโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินขนาด 700mW ในเขตบ่อทุมสาคร บนพื้นที่ 168 เฮกตาร์ โดนปัจจุบัน จังหวัดเกาะกง มีพรมแดนติดกับจังหวัดตราดของประเทศไทย และมีเขตเศรษฐกิจพิเศษ (SEZ) ในเกาะกงอยู่แล้ว 1 แห่ง ที่เป็นของบริษัท L.Y.P Group ซึ่งตั้งอยู่ในเขตอำเภอมนดวลสีมา

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50967339/royal-group-granted-over-8000-hectares-of-land-for-sez-development-in-koh-kong-province/

รัฐบาลสปป.ลาวดันธุรกิจกระตุ้นการผลิตให้ตลาดจีน

รัฐบาลเตรียมจัดการเจรจากับผู้ประกอบการธุรกิจเพื่อกระตุ้นให้พวกเขาผลิตสินค้าที่ผู้ซื้อชาวจีนต้องการมากขึ้น แผนของรัฐบาลในการส่งเสริมการผลิตเชิงพาณิชย์ที่เกี่ยวข้องกับการรถไฟลาว-จีน ซึ่งมีกำหนดจะเปิดให้บริการในเดือนหน้า เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจ รัฐบาลจะจัดการเจรจากับหอการค้าและอุตสาหกรรมแห่งชาติลาว โดยมีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมให้ธุรกิจลงทุนและผลิตสินค้า 9 ประเภทได้แก่ โค ข้าว กล้วย มันสำปะหลัง ชา แตงโม ถั่ว และน้ำยางพารา ซึ่งรัฐบาลจีนได้ให้โควตาการส่งออกแก่ลาว การดำเนินการนี้จะช่วยลดข้อกำหนดขั้นตอนการส่งออก

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Govt_to219.php

ปีงบฯ 63-64 เงินลงทุนจากต่างประเทศไหลสู่เมียนมาเพียง 3.791 พันล้านดอลลาร์

จากข้อมูลของคณะกรรมการด้านการลงทุนและจดทะเบียนธุรกิจ (DICA) พบว่า ตั้งแต่เดือนต.ค.63 ถึงเดือนก.ย.64 ของปีงบประมาณ 2563-2564 มีการลงทุนจากต่างประเทศเข้าสู่เมียนมาเพียง 3.791 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยลงทุนในภาคเกษตรกรรม 9.988 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ภาคปศุสัตว์และการประมง 19.698 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ภาคการผลิต 286.023 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ภาคพลังงาน 3,121.323 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ภาคการขนส่งและการสื่อสาร 133.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ภาคการโรงแรมและการท่องเที่ยว 81 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ภาคอสังหาริมทรัพย์  8 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ภาคนิคมอุตสาหกรรม 28.21 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และภาคอื่นๆ  103.656 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งในปีงบประมาณ 2562-2563 มีโครงการลงทุนทั้งหมด 245 รายการ เม็ดลงทุนรวม 4.235 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และได้อนุมัติการลงทุนเพิ่มอีก 1.291 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ สำหรับ 110 โครงการที่ดำเนินการอยู่ รวมทั้งสิ้น 5.56 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งตามแผนส่งเสริมการลงทุนจากต่างประเทศของเมียนมาตั้งเป้าไว้สูงถึง 8.5 พันล้านดอลลาร์ในปีงบประมาณ 2564-2565 แต่เนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 จึงต้องมีการทบทวนใหม่ ทั้งนี้เมียนมากำลังเร่งดำเนินการตามแผนส่งเสริมการลงทุน 20 ปี โดยมุ่งเป้าเป็นประเทศที่มีรายได้ปานกลางให้ได้ภายในปี 2573

ที่มา: https://news-eleven.com/article/217365

กัมพูชารายงานถึงการฉีดวัคซีนโดสแรกในประเทศแล้วกว่า 13.9 ล้านคน

กระทรวงสาธารณสุขและกระทรวงกลาโหมรายงาน ณ วันที่ 7 พฤศจิกายน ถึงปริมาณการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ให้กับประชาชนโดสแรกแล้วกว่า 13,963,921 คน ทั่วประเทศ โดยตั้งเป้ากระจายวัคซีนให้ได้จำนวน 14.5 ล้านคน โดยเร็วที่สุด ซึ่งจำนวนผู้ได้รับการฉีดวัคซีนแล้วอย่างน้อย 1 โดส แบ่งออกเป็น ผู้ที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป จำนวน 10,035,265 คน, อายุ 12-18 ปีจำนวน 1,795,757 คน, เยาวชน อายุ 6-12 ปี จำนวน 1,952,768 คน และ เด็กอายุ 5 ปี จำนวน 180,131 คน ซึ่งในปัจจุบันเยาวชนอายุ 6-12 ปี ได้รับการฉีดวัคซีนครบร้อยละ 100 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว (เข็มแรก) โดยกัมพูชาได้ทำการเร่งฉีดวัคซีนให้กับประชาชนครบ 2 โดสแล้วกว่าร้อยละ 82 ของจำนวนประชากรในประเทศทั้งหมดราว 16 ล้านคน ตามข้อมูลของ ourworldindata.org

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50966706/a-total-of-13963921-people-have-received-the-first-dose-of-covid-19-vaccines-since-the-first-dose-was-administered-on-february-10/

การท่องเที่ยวภายในประเทศกัมพูชาเริ่มเห็นการฟื้นตัว

สถานการณ์การท่องเที่ยวภายในประเทศกัมพูชาเริ่มเห็นการฟื้นตัว โดยปริมาณนักท่องเที่ยวภายในประเทศเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งคิดเป็นจำนวนรวม 174,543 คน เป็นนักท่องเที่ยวชาวกัมพูชาจำนวน 169,532 คน และนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติจำนวน 5,011 คน ในช่วงวันที่ 6-7 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ทางด้าน รมว.ท่องเที่ยว ระบุถึงสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญของกัมพูชาในช่วงดังกล่าวที่ได้ให้การต้อนรับนักท่องเที่ยว ได้แก่ จังหวัดพระสีหนุจำนวน 37,641 คน, พนมเปญ 35,210 คน, จังหวัดกำปอต 16,501 คน, จังหวัดเสียมราฐ 15,100 คน, และจังหวัดโพธิสัตว์ 10,447 คน เป็นสำคัญ หลังรีสอร์ทที่พักและสถานที่ท่องเที่ยวทั่วประเทศได้กลับมาเปิดรับนักท่องเที่ยวใหม่อีกครั้ง

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50966669/weekend-domestic-tourism-still-active-in-cambodia-but-far-cry-from-when-it-was-open-for-foreign-tourism/

‘สแตนชาร์ต’ มองเวียดนามเป็นจุดหมายที่มีศักยภาพเติบโตสูงสุดในกลุ่มประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่

นาย Jose Vinals ประธานธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด ได้ตั้งข้อสังเกตไว้ว่าเวียดนามถือเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางทางด้านเศรษฐกิจที่มีความสำคัญในกลุ่มประเทศเกิดใหม่ เนื่องจากมีศักยภาพในการพัฒนาและชูนโยบายเปิดประเทศ (open-door policy) ขณะที่ นาย เหงวียน ฮ่ง เญียน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า กล่าวว่าเวียดนามได้ก่อตั้งสถาบัน เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งเศรษฐกิจในประเทศและยกระดับขีดความสามารถทางการแข่งขันของผู้ประกอบการเวียดนาม ตลอดจนช่วยธุรกิจในการใช้ประโยชน์ของการทำข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) อย่างเต็มที่ นอกจากนี้ กระทรวงฯ จะเดินหน้าเร่งกับการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลในทุกด้านการผลิตและการค้า ในขณะเดียวกันก็ดำเนินการตามรูปแบบการส่งเสริมอย่างยั่งยืน การวางนโยบายอุตสาหกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและสนับสนุนอุตสาหกรรม 4.0

ที่มา : https://english.vov.vn/en/economy/standard-chartered-vietnam-a-priority-destination-among-emerging-economies-903554.vov

 

‘เวียดนาม’ เผยกิจการ 96% ในเขตอุตสาหกรรมโฮจมินห์ กลับมาดำเนินกิจการอีกครั้ง หลังผ่อนคลายมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม

การนิคมอุตสาหกรรมและการแปรรูปเพื่อการส่งออกนครโฮจิมินห์ (HEPZA) รายงานว่ากิจการราว 96% ใน 17 เขตอุตสาหกรรมการผลิตและแปรรูปเมืองโฮจิมินห์ กลับมาดำเนินกิจการอีกครั้ง หลังจากยกเลิกมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมไปแล้ว 1 เดือน โดยคนงานมากกว่า 230,500 คน หรือ 80% ของคนงานรวมทั้งหมด ได้กลับมาทำงาน ทั้งนี้ Hua Quoc Hung ผู้อำนวยการของหน่วยงานบริหารจัดการเขตเศรษฐกิจพิเศษ กล่าวว่ากิจการเตรียมประกาศรับสมัครแรงงานมากขึ้น เนื่องจากโรงงานเร่งจัดการยอดคำสั่งซื้อที่มาจากในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะช่วยสิ้นปีนี้ นอกจากนี้ แรงงานที่อยู่ในเขตอุตสาหกรรมดังกล่าวได้รับการเข้าฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 สูงถึง 94.4% ชี้ให้เห็นว่าแรงงานมีความพร้อมในการดำเนินงานแบบวิถีชีวิตใหม่

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/nearly-96-percent-of-firms-in-hcm-citys-ips-resume-operations-after-social-distancing/214060.vnp

 

เที่ยวไทยฟื้นตัวปีหน้า หาก‘โควิด’ไม่ระบาดหนักซ้ำ

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดปี 2565 ตลาดไทยเที่ยวไทยจะกลับเข้าสู่เส้นทางการฟื้นตัว” โดยระบุว่า หลังจากที่ทางการผ่อนคลายมาตรการควบคุมการระบาดของโควิดและการเดินทางข้ามจังหวัด การฉีดวัคซีนที่ครอบคลุมประชากรมากขึ้น รวมถึงมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศ ทำให้คนไทยเริ่มออกเดินทางท่องเที่ยวในประเทศเพิ่มขึ้น กว่า 73.7% ของกลุ่มตัวอย่างคนกรุงเทพฯ ต้องการเดินทางท่องเที่ยวมากถึงมากที่สุด ทำให้ในช่วง 2 เดือนสุดท้ายของปี 2564 โดยเบื้องต้น คาดว่า หากไม่มีการระบาดหนักอีก ตลาดไทยเที่ยวไทยในปี 2565 น่าจะมีจำนวนประมาณ 109-155 ล้านคน/ครั้ง ฟื้นตัวจากปี 2564 ที่ราว 66.71 ล้านคน/ครั้ง

ที่มา: https://www.naewna.com/business/614385