“สปป.ลาว” เร่งจัดหาเงินในการชำระหนี้ เงินเดือนและโครงการพัฒนาของภาครัฐ

กระทรวงการคลัง เปิดเผยว่าการจ่ายเงินเดือนข้าราชการ การพัฒนาโครงการลงทุนและการชำระหนี้ เป็นค่าใช้จ่ายส่วนใหญ่ของรัฐบาลที่ได้จัดสรรในปี 2566 โดยรัฐบาลปรับเพิ่มวงเงินงบประมาณรายจ่ายจากปีที่แล้ว อยู่ที่ 34.5 ล้านล้านกีบ ขึ้นมาอยู่ที่ 43.49 ล้านล้านกีบในปี 2566 ในขณะที่รายได้ของประเทศตั้งเป้าไว้ที่ 38.44 ล้านล้านกีบ เพิ่มขึ้น 21.7% เมื่อเทียบปีต่อปี และแผนการใช้จ่ายงบประมาณในปีนี้ คิดเป็นร้อยละ 18.58% ของ GDP ทั้งนี้ รัฐบาลได้ทำการปรับปรุงเกี่ยวกับการบริหารรายจ่ายและการพัฒนาระบบการชำระเงิน ซึ่งเป้าหมายที่สำคัญ คือ การจัดการรายได้ในประเทศให้เพียงพอกับการใช้จ่ายได้ หรือทำให้เกินดุลงบประมาณ เพื่อให้รัฐฯ มีเงินสำรองในการชำระหนี้ อย่างไรก็ตาม ค่าเงินกีบที่อ่อนค่าลง ทำให้รัฐบาลต้องคาดการณ์ว่าจะสามารถชำระหนี้ต่างประเทศได้หรือไม่

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten2023_More14.php

“สปป.ลาว” เผยพัฒนาระบบการผลิตข้าว ด้วยเครื่องจักรทันสมัย

การก่อสร้างสะพาน ถนนและการติดตั้งอุปกรณ์ไฟฟ้าที่เร่งจัดหาเครื่องจักรที่ทันสมัย เพื่อใช้ในการเพาะปลูกข้าวในฤดูฝนและฤดูแห้งแล้ง เครื่องจักรดังกล่าว ใช้เพื่อปลูกเมล็ดพันธุ์ข้าวบนพื้นที่ 350 เฮกตาร์ในแขวงมูลปาโมกข์ แขวงจำปาสัก เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา นางปานี ยาท่อต (Mrs Pany Yathotou) รองประธานาธิบดีสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว และผู้ว่าการจังหวัดจำปาสัก ได้เข้ามาเยี่ยมชมกิจการ ระบบการเพาะเมล็ดแบบใช้เครื่องจักรช่วยประหยัดแรงงาน ประหยัดต้นทุน และเมล็ดกระจายลงดินอย่างเหมาะสม

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten2023_Modern13.php

สปป.ลาว ปรับปรุงระบบการจัดเก็บภาษี หวังเพิ่มรายได้เข้ารัฐบาล

ปัจจุบันภาคธุรกิจใน สปป.ลาว มากกว่า 119,000 แห่ง กำลังใช้ระบบการจัดการภาษีที่เพิ่งเปิดตัวโดยรัฐบาล ซึ่งมีชื่อเรียกว่า TaxRIS โดยคิดเป็นกว่าร้อยละ 87.7 ของธุรกิจที่ได้จดทะเบียนในระบบที่มีจำนวนกว่า 135,789 แห่งในประเทศ ตามการรายงานของกระทรวงการคลัง ซึ่งระบบดังกล่าวถือเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายภาครัฐบาลในการปรับปรุงการจัดเก็บภาษีให้ทันสมัย ผ่านกฎระเบียบที่เข้มงวดมากขึ้น หลังฝ่ายนิติบัญญัติและนักเศรษฐศาสตร์มีความกังวลเป็นอย่างมากเกี่ยวกับการหลีกเลี่ยงการชำระภาษี โดยในปีนี้กระทรวงการคลังได้กำหนดเป้าหมายการจัดเก็บภาษีไว้ที่ 38,448 พันล้านกีบ เพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 21.70 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยตัวเลขดังกล่าวคิดเป็นประมาณร้อยละ 16.42 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) รวมถึงรัฐบาลยังได้วางแผนที่จะนำระบบประกาศศุลกากรอิเล็กทรอนิกส์หรือที่เรียกว่า ASYCUDA และระบบภาษีอัจฉริยะเพื่อลดการหลีกเลี่ยงภาษี ภายใต้ระบบ Lao National Single Window (LNSW) เป็นสำคัญ

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten11_Govt_y23.php

เวียดนามลงทุนใน สปป.ลาวพุ่ง 52.5%

จากรายงานของ VietnamPlus เผย หลังจากการประชุมความร่วมมือด้านการลงทุนของสปป.ลาว และ เวียดนาม ซึ่งจัดขึ้นที่กรุงเวียงจันทน์เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา พบว่า ในปี 2565 บริษัทจากเวียดนามลงทุนในสปป.ลาว มีมูลค่าการพุ่งสูงถึง 180 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 52.5% เมื่อเทียบกับปีก่อน (2564) ในขณะเดียวกัน บริษัทจากสปป.ลาว ก็เข้าไปลงทุนในเวียดนามจำนวน 10 โครงการ มีมูลค่าการลงทุนกว่า 71 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยในระหว่างการประชุม รัฐบาลสปป.ลาวให้คำมั่นว่าจะสร้างบรรยากาศการค้า การลงทุน และเตรียมเงื่อนไขที่เหมาะสมสำหรับการลงทุนในประเทศ ซึ่งเวียดนามเป็นนักลงทุนต่างชาติรายใหญ่อันดับ 3 รองจากจีนและไทย ทั้งนี้ ในปี 2564 มีบริษัทจากเวียดนามเข้ามาลงจำนวน 238 โครงการ โดยมีทุนจดทะเบียนรวม 5.34 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

ที่มา: https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten2023_Vietnamese10.php

เกาหลีใต้ บริจาคข้าว 1,314 ตัน ให้ชุมชนยากจน ในสปป.ลาว

เมื่อวันศุกร์ที่ 13 มกราคม 2565 ที่ผ่านมา รัฐบาลเกาหลีใต้ นำโดย นายยุง ซูจอง เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐเกาหลีเป็นตัวแทนในการส่งมอบข้าวให้แก่นางเบย์คัม ขัตติยา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคมของสปป.ลาว จำนวน 1,314 ตัน  ณ คลังสินค้าของโครงการอาหารโลก (WFP) ในนครหลวงเวียงจันทน์ เพื่อแจกจ่ายให้กับประชาชนในย่านชุมชนยากจนกว่า 100,000 คนทั่วประเทศ โดยการบริจาคในครั้งนี้ จะช่วยเหลือผู้คนในช่วงเวลาที่ยากลำบาก เนื่องจากวิกฤตทางการเงินที่ตึงเครียดและภาวะการขาดแคลนอาหารที่รุนแรงขึ้น ซึ่งนางเบย์คัม ขัตติยา กล่าวในพิธีส่งมอบว่า การบริจาคในครั้งนี้เป็นประโยชน์ต่อประชาชนในพื้นที่ห่างไกลซึ่งมักเกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติ ด้านนายยุง ซูจอง กล่าวเสริมด้วยว่า สปป.ลาวได้ประโยชน์จากการสนับสนุนนี้มาตั้งแต่ปี 2564 และเกาหลีใต้ตั้งใจอย่างยิ่งที่จะเสริมสร้างความมั่นคงด้านอาหาร และการมุ่งเน้นยุทธศาสตร์ความเป็นหนึ่งเดียวระหว่างเกาหลีใต้และประเทศในอาเซียน

ที่มา: https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten2023_Skorea10.php

สายการบิน สปป.ลาว วางแผนเพิ่มเที่ยวบินสู่จีน

หลังจากประเทศจีนเริ่มผ่อนปรนข้อจำกัดเกี่ยวกับโรคระบาดโควิด-19 ส่งผลทำให้สายการบินใน สปป.ลาว มีแผนที่จะเพิ่มเที่ยวบินในการให้บริการไปยังเมืองต่างๆ อาทิเช่น จากเวียงจันทน์ไปยังกวางโจว เซี่ยงไฮ้ เฉิงตู ฉางโจว และหางโจว โดยคาดว่าเที่ยวบินจะเริ่มมีการเพิ่มขึ้นในช่วงเดือนมีนาคม กล่าวโดยนาย Noudeng Chanthaphasouk ผู้อำนวยการฝ่ายการพาณิชย์ของสายการบิน ซึ่งปัจจุบันสายการบินแห่งชาติให้บริการ 3 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ จากเวียงจันทน์ไปยังคุนหมิง เมืองหลวงของมณฑลยูนนาน โดยสายการบินยังมีแผนที่จะเพิ่มจำนวนเที่ยวบินจากหลวงพระบางและจำปาศักดิ์ไปยังประเทศจีนเพิ่มเติมด้วย เนื่องจากคาดการณ์ว่าความต้องการเดินทางจะพุ่งสูงขึ้นหลังจีนผ่อนคลายมาตรการโควิด-19 ซึ่งหลังจากจีนประกาศเปิดพรมแดนไปเมื่อวันที่ 8 มกราคมที่ผ่านมา ในช่วงสองวันแรก (วันอาทิตย์ที่ 8 และวันจันทร์ที่ 9) มีประชาชนมากกว่า 1,200 คนเดินทางผ่านชายแดน สปป.ลาว-จีน ณ จุดผ่านแดนระหว่างประเทศบ่อเต็น-โมฮัน โดยส่วนใหญ่เป็นผู้ที่ถือวีซ่าธุรกิจ นักศึกษา ทูต และประเภทอื่นๆ

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten2023_Lao08.php

ประชาชนเดินทางผ่านชายแดน สปป.ลาว-จีน แตะ 1.2 พันคน ในช่วง 2 วัน

ทางการ สปป.ลาว กล่าวว่า ประชาชนมากกว่า 1,200 คน เดินทางผ่านชายแดน สปป.ลาว-จีน ณ จุดผ่านแดนระหว่างประเทศบ่อเต็น-โมฮัน ในช่วง 2 วันแรกของสัปดาห์หลังจากจีนเริ่มเปิดพรมแดนอีกครั้ง แต่ถึงอย่างไรทางฝั่งจีนยังไม่อนุญาติให้ผู้ที่มีวีซ่าท่องเที่ยวเดินทางเข้าประเทศ โดยผู้ถือวีซ่าและบัตรผ่านแดนประเภทอื่นๆ รวมถึงวีซ่าเพื่อธุรกิจ การศึกษา ตลอดจนเพื่อวัตถุประสงค์ทางการทูตและทางการ สามารถข้ามพรมแดนได้ตั้งแต่วันอาทิตย์ที่ผ่านมา (8 ม.ค.) ขณะที่รัฐบาล สปป.ลาว เปิดจุดผ่านแดนระหว่างประเทศทั้งหมดอีกครั้งอย่างเป็นทางการสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ตั้งแต่เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคมปีที่แล้ว ซึ่งดังจำนวนข้างต้นส่วนใหญ่เป็นประชากรจีนที่เป็นผู้ประกอบการนักธุรกิจ

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten07_More_y23.php

“รถไฟลาว-จีน” เผยยอดการขนส่งสินค้าแข็งแกร่ง

วันที่ 2 ม.ค. เจ้าหน้าที่กรมศุลกากรในเมืองคุนหมิง รายงานว่ามีปริมาณการขนส่งสินค้าผ่านรถไฟลาว-จีน อยู่ที่ 2.23 ล้านตัน นับตั้งแต่เปิดให้บริการ 13 เดือนที่ผ่านมา ปัจจุบันการขนส่งสินค้ามีมูลค่าราว 2.13 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ทั้งนี้ หากพิจารณาในเดือนธันวาคม พบว่าศุลกากรคุนหมิงมีการขนย้ายสินค้าทั้งนำเข้าและส่งออก จำนวนทั้งสิ้น 286,000 ตันที่ผ่านเส้นทางรถไฟ เพิ่มขึ้น 6 เท่าจากเดือนแรกของปี

นอกจากนี้ คุณ Zhang Xianzhou ผู้อำนวยการของธุรกิจการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ กล่าวว่าตั้งแต่เปิดเส้นทางรถไฟลาว-จีน ปริมาณการขนส่งสินค้าทั้งนำเข้าและส่งออกของธุรกิจเพิ่มขึ้นอย่างมาก เพิ่มขึ้นราว 40% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว และยังช่วยยกระดับขีดความสามารถทางการแข่งขันของธุรกิจอีกด้วย

ที่มา : https://kpl.gov.la/En/Detail.aspx?id=70871

รถไฟจีน-สปป.ลาว ผู้โดยสารพุ่งเกิน 9 ล้านคน

ตั้งแต่เปิดตัวในเดือนธันวาคม 2564 รถไฟจีน-สปป.ลาวได้ให้บริการผู้โดยสารไปแล้วกว่า 9 ล้านเที่ยว โดยมีการซื้อตั๋วเดินทางของผู้โดยสารชาวจีนประมาณ 7.54 ล้านเที่ยว ในขณะที่การซื้อตั๋วเดินทางของผู้โดยสารชาวสปป.ลาวอยู่ที่ประมาณ 1.46 ล้านคน ซึ่งตั้งแต่ต้นปี 2566 มีปริมาณผู้โดยสารเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยมีจำนวนผู้โดยสารเฉลี่ยต่อวันถึง 29,000 คน เพิ่มขึ้นเกือบสองเท่าเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปี 2565 ทำให้การรถไฟจีนได้เพิ่มตู้เพื่อให้รองรับผู้โดยสารเพื่อตอบสนองความต้องการเดินทางที่เพิ่มสูงขึ้น ทั้งนีั้ รถไฟจีน-ลาว ถือเป็น ทางรถไฟสายนี้สายสำคัญของระเบียงเศรษฐกิจจีน-อินโดจีน และเป็นส่วนหนึ่งของ โครงการหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง (Belt & Road Initiative — BRI) ที่เชื่อมระหว่าง 2 ประเทศ เป็นระยะทาง 1,035 กม. โดยเชื่อมต่อกับนครคุนหมิง เมืองเอกของมณฑลยูนนาน ประเทศจีน กับเวียงจันทน์ เมืองหลวงของสปป.ลาว

ที่มา: https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten06_Passenger_y23.php

ธ.ค.65 เงินเฟ้อสปป.ลาว พุ่งขึ้นเป็น 39.3%

เมื่อวันเสาร์ที่ 7 ม.ค.2566 สำนักงานสถิติสปป.ลาว ได้เผยแพร่รายงานอัตราเงินเฟ้อของประเทศพบว่า พบว่า อัตราเงินเฟ้อในสปป.ลาวเพิ่มขึ้นเป็น 39.3%  เมื่อเทียบกับเเดือนธันวาคม 2564 และมีอัตราสูงสุดในปี 2565 โดยปัจจัยสำคัญมาจากราคาที่สูงขึ้นของหมวดการสื่อสารและการขนส่ง สินค้าอุปโภคบริโภค และการอ่อนค่าเงินกีบ ซึ่งจากรายงานบ่งชี้ว่าค่าใช้จ่ายในหมวดการสื่อสารและการขนส่งเพิ่มขึ้น 50.4% (YoY) ราคาอาหารและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์เพิ่มขึ้นขึ้น 45.9 % (YoY) ทั้งนี้ การเพิ่มขึ้นของราคาสินค้าทุกประเภททำให้ประชาชนทั่วไปเดือดร้อนมากขึ้นโดยเฉพาะผู้ที่มีค่าแรงต่ำหรือมีรายได้น้อย

ที่มา: https://english.news.cn/20230108/c764a3747bfb472c9a7fb7321f81b690/c.html