ASEAN-Korea Startup Innovation Week 2024 ต้อนรับสตาร์ทอัพด้านไอทีจากเมียนมาเข้าร่วมการแข่งขันแนวคิดนวัตกรรม

ตามข้อมูลขององค์การส่งเสริมการค้าเมียนมา บริษัทสตาร์ทอัพด้านไอทีของเมียนมาได้รับเชิญให้เข้าร่วมการแข่งขันนำเสนอผลงานสัปดาห์นวัตกรรมสตาร์ทอัพอาเซียน-เกาหลี ปี 2024 ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 21-23 ตุลาคม โดยงานสัปดาห์นวัตกรรมปี 2024 ได้มีการเชิญชวนสตาร์ทอัพระยะเริ่มต้นของอาเซียน ซึ่งสตาร์ทอัพที่ได้รับเลือกจะต้องเข้าร่วมโปรแกรมเร่งรัดและการประชุมทางธุรกิจแบบเสมือนตั้งแต่วันที่ 2 ถึง 13 กันยายน จากนั้นพวกเขาจะต้องปรากฏตัวที่งานในเกาหลี การแข่งขันแนวคิดนวัตกรรม ซึ่งสตาร์ทอัพที่ได้รับคัดเลือกจะต้องพิสูจน์ตัวเองด้วยการเสนอวิธีแก้ปัญหาต่อคณะกรรมการตัดสินซึ่งจะถามคำถามในวันที่ 21 ตุลาคม สตาร์ทอัพชั้นนำจะเข้าร่วมพิธีมอบรางวัลและสนทนาข้างกองไฟในวันที่ 22 ตุลาคม และเข้าร่วมทัวร์ระบบนิเวศสตาร์ทอัพของเกาหลีในวันที่ 23 ตุลาคม อย่างไรก็ดี ศูนย์อาเซียน-เกาหลีจะดูแลด้านที่พักและเที่ยวบินไป-กลับสำหรับสตาร์ทอัพแต่ละรายที่ได้รับการคัดเลือกสำหรับงานนี้ และขอให้สถานทูตของประเทศสมาชิกอาเซียนในกรุงโซลเสนอสตาร์ทอัพ 2 แห่งเป็นตัวแทน นอกจากนี้ ตัวแทนต้องมีคุณสมบัติตรงตามคุณสมบัติและข้อกำหนดการสมัคร ซึ่งคณะกรรมการประสานงานอาเซียนว่าด้วยวิสาหกิจขนาดย่อม ขนาดเล็ก และขนาดกลาง (ACCMSME) ยังสามารถแนะนำผู้ประกอบการรายหนึ่งรายสำหรับแต่ละประเทศในอาเซียนได้

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/asean-korea-startup-innovation-week-2024-welcomes-myanmar-it-startups-to-join-pitch-competition/

อัตราอ้างอิงการขายส่งน้ำมันปาล์มของ YGN ทรงตัวเป็นเวลาสามสัปดาห์ติดต่อกัน

ตามการระบุของคณะกรรมการกำกับดูแลด้านการนำเข้าและจัดจำหน่ายน้ำมันบริโภค  ระบุว่าอัตราอ้างอิงราคาขายส่งน้ำมันปาล์มสำหรับตลาดย่างกุ้งในสัปดาห์นี้ ตั้งไว้ที่ 5,220 จ๊าดต่อviss มีผลตั้งแต่วันที่ 13 พฤษภาคม ซึ่งใกล้เคียงกับช่วงสองสัปดาห์ก่อนหน้า โดยที่อัตราอ้างอิงยังคงไม่เปลี่ยนแปลงในช่วงสามสัปดาห์ที่ผ่านมาติดต่อกัน ด้านคณะกรรมการกำกับดูแลการนำเข้าและจำหน่ายน้ำมันบริโภคภายใต้กระทรวงพาณิชย์ได้ติดตามราคา FOB ในประเทศมาเลเซียและอินโดนีเซียอย่างใกล้ชิด โดยเพิ่มค่าขนส่ง ภาษี และบริการทางธนาคาร เพื่อกำหนดอัตราอ้างอิงตลาดค้าส่งสำหรับน้ำมันบริโภคเป็นรายสัปดาห์ อย่างไรก็ตาม แม้ว่าราคาน้ำมันปาล์มในตลาดจะสูงกว่าราคาอ้างอิง กระทรวงพาณิชย์เมียนมา ยังคงควบคุมเรื่องของการขายสินค้าเกินราคาในตลาดเพื่อคุ้มครองผู้บริโภค นอกจากนี้ กระทรวงกำลังทำงานร่วมกับสมาคมผู้ค้าน้ำมันเมียนมา และบริษัทนำเข้าน้ำมันปรุงอาหาร เพื่อเพิ่มช่องทางการซื้อน้ำมันปาล์มนำเข้าในราคาที่ไม่แพงให้กับผู้บริโภคด้วย

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/ygn-palm-oil-wholesale-reference-rate-flat-for-three-straight-weeks/#article-title

มะริดส่งออกผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำมูลค่า 19.41 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปีงบประมาณ 2566-2567

U Zaw Min Oo รองผู้อำนวยการกรมประมง เมืองมะริด เขตตะนาวศรี รายงานว่า ผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำจากเขตตะนาวศรี ซึ่งส่วนใหญ่มาจากมะริด ถูกส่งออกผ่านเส้นทางการค้าชายแดนมอตอง ในขณะที่บางส่วนขนส่งโดยตรงจากเกาะสองไปยังระนอง ในปีงบประมาณ 2566-2567 ที่ผ่านมา ซึ่งมีการส่งออกผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำรวม 32,567.61 ตัน สร้างรายได้ 19.41 ล้านดอลลาร์สหรัฐ นอกจากนี้ ยังมีการส่งออกผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำ 3,854 ตันในเดือนเมษายน ซึ่งเป็นเดือนแรกของปีงบประมาณ 2567-2568 โดยมีรายได้ 3.47 ล้านดอลลาร์สหรัฐ อย่างไรก็ดี อำเภอมะริดขึ้นชื่อเรื่องการผลิตปลาน้ำเค็มและกุ้ง ซึ่งผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำที่ส่งออกสำคัญจากเขตตะนาวศรี ได้แก่ ปลา กุ้ง ปลาเลี้ยง และผลิตภัณฑ์ทางทะเลอื่นๆ จากเกาะสอง อำเภอทวาย และมะริด ที่ถูกขนส่งผ่านห้าเส้นทางเพื่อการส่งออก และสินค้าบางส่วนยังขนส่งไปยังย่างกุ้งก่อนส่งออกไปต่างประเทศ

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/myeik-district-exports-us19-41-million-worth-of-aquatic-products-in-2023-24-financial-year/

กระทรวงพาณิชย์เมียนมาจับมือสภาหอการค้าและอุตสาหกรรมแห่งเมียนมา ส่งออกข้าวโพดและข้าว กระตุ้นเศรษฐกิจ

มีรายงานว่า ข้าวโพดกว่า 5,400 ตันถูกส่งออกจากท่าเรือ Min Htet Min (MHM) พร้อมด้วย 2,700 ตันจากท่าเทียบเรือ Shweme (SMJ) และข้าว 4,850 ตันจากท่าเรือ Wilmar International Port ซึ่งจุดเริ่มต้นด้านการส่งออกดังกล่าวนี้ ดำเนินการผ่านความร่วมมือระหว่างกระทรวงพาณิชย์และสหภาพสภาหอการค้าและอุตสาหกรรมแห่งเมียนมา (UMFCCI) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจของประเทศ อย่างไรก็ดี เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม มีการส่งออกเพิ่มเติม ได้แก่ ข้าวโพด 71,900 ตัน และข้าว 6,000 ตันจากท่าเรือ Sule Port Wharves (SPW) ข้าวโพด 53,500 ตันจากท่าเรืออุตสาหกรรมเมียนมา (MIP), ข้าวโพด 58,400 ตัน และข้าว 12,500 ตันจากท่าเรือ Ahlon International Port Terminal (AIPT), ข้าวโพด 29,500 ตันจาก The Myanmar Terminal-TMT, ข้าวโพด 5,400 ตันจากท่าเรือ Min Htet Min (MHM), 11,000 ตันจากท่าเทียบเรือนานาชาติย่างกุ้ง (YIGT) และข้าวโพด 2,700 ตันจาก Myanmar Five Star Line ( MFSL) ซึ่งการส่งออกเหล่านี้ได้ถูกกำหนดให้มีการดำเนินการอย่างต่อเนื่อง

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/moc-collaborates-with-umfcci-to-export-maize-and-rice-boosting-economy/

การสอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับขั้นตอนการขนส่งตู้คอนเทนเนอร์ผ่านชายแดนเมียนมา-ไทย

กรมการค้า กระทรวงพาณิชย์เมียนมา ออกแถลงการณ์ ฉบับที่ 1/2567 เมื่อวันที่ 8 พ.ค. 2567 เพื่อเดินหน้าขนส่งตู้คอนเทนเนอร์ไป-กลับ ย่างกุ้ง-เกาะสอง-ระนอง เพื่อการค้าชายแดนเมียนมา-ไทย ซึ่งผู้ค้าสามารถสอบถามเกี่ยวกับการขนส่งตู้คอนเทนเนอร์สำหรับการค้าชายแดนไทย-เมียนมา เพื่ออำนวยความสะดวกในการดำเนินการ ทั้งนี้ ตัวอย่างที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลใบอนุญาตมีการกล่าวถึงในระบบ Myanmar Tradenet 2.0 โดยผู้ยื่นคำขอจะต้องเลือกย่างกุ้งในลำดับที่ 6 และ 7 สำหรับการนำเข้า และย่างกุ้งในลำดับที่ 6 และระนองในลำดับที่ 7 สำหรับการส่งออก นอกจากนี้ หากต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับใบอนุญาตส่งออกและนำเข้า และขอความช่วยเหลือด้านเทคนิค สามารถติดต่อฝ่ายส่งออกและนำเข้าผ่านหมายเลขติดต่อ 067 3408294 สำหรับการนำเข้า และ 067 3408325 สำหรับการส่งออก และฝ่ายสารสนเทศและเทคโนโลยี ผ่าน 067 3408221 และ 067 3408723

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/enquiry-available-for-container-shipping-process-via-myanmar-thailand-border/#article-title

เมียนมา-ไทยหารือการพัฒนาการเกษตรและการผลิตปศุสัตว์

วานนี้ 11 พ.ค. 2567 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตร ปศุสัตว์ และชลประทานแห่งสหภาพเมียนมา อู มิน น่อง เข้าพบ นายมงคล วิศิษฏ์สตัมภ์ เอกอัครราชทูตไทยประจำเมียนมา และคณะ ณ ห้องประชุมกระทรวง ในการประชุมหารือการอนุญาตให้ผู้ประกอบการเอกชนของไทยลงทุนในการผลิตทางการเกษตรและปศุสัตว์ตามกฎหมาย การขยายพันธุ์โคนมและการผลิตผลิตภัณฑ์จากนมเพื่อดึงดูดโอกาสการลงทุนจากต่างประเทศในเมียนมา การส่งออกถั่วและถั่วชนิดต่างๆ จากเมียนมา การจัดตั้งเขตปลอดโรคปากและเท้าเปื่อยสำหรับโคในประเทศเมียนมา การดำเนินการเขตควบคุมโรคในสัตว์ นโยบายในการส่งออกสัตว์ข้ามพรมแดน ข้อกำหนดสำหรับการพัฒนาบันทึกความเข้าใจสำหรับการส่งออกโค ความร่วมมือในการอนุรักษ์ปลาดุกหัวสั้น กระบวนการเพื่อการผลิตทางการเกษตรอย่างยั่งยืนที่ไม่เป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อม และความร่วมมือในการพัฒนาการเกษตรและปศุสัตว์ของทั้งสองประเทศ โดยมีปลัดกระทรวงและเจ้าหน้าที่กรมกระทรวงร่วมประชุมด้วย

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/myanmar-thailand-discuss-developing-agriculture-and-livestock-production/#article-title

ภาคการผลิตของเมียนมาดึงดูด FDI ทั้งหมด 40 ล้านเหรียญสหรัฐในเดือนเมษายน

ตามสถิติที่เผยแพร่โดยคณะกรรมการการลงทุนและการบริหารบริษัท (DICA) การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศมากกว่า 39.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ไหลเข้าสู่ภาคการผลิตของเมียนมาจากวิสาหกิจ 8 แห่งในเดือนแรกของปีงบประมาณปัจจุบัน พ.ศ. 2567-2568 (เมษายน-มีนาคม) โดยในเดือนเมษายน ภาคการผลิตมีส่วนดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศเข้ามาในประเทศ 100% ซึ่งบริษัทจีนมีการลงทุนในภาคการผลิตเป็นหลักโดยมี 4 โครงการ ตามมาด้วยอินโดนีเซีย อินเดีย จีนไทเป และสิงคโปร์ในแต่ละโครงการ สถานประกอบการผลิตที่ต้องการกำลังแรงงานจำนวนมากได้รับการจัดลำดับความสำคัญเพื่อสร้างโอกาสในการทำงานให้กับคนในท้องถิ่น ทั้งนี้ ภาคการผลิตของเมียนมาส่วนใหญ่กระจุกตัวอยู่ในธุรกิจเสื้อผ้าสำเร็จรูปและสิ่งทอที่ผลิตในรูปแบบ CMP และมีส่วนช่วยต่อ GDP ของประเทศในระดับหนึ่ง อย่างไรก็ดี ตามคำแถลงของ สมาคมผู้ผลิตเสื้อผ้าสำเร็จรูปเมียนมา (MGMA) สมาคมฯ มุ่งมั่นที่จะเร่งความพยายามในการพัฒนาภาคส่วนสิ่งทอและเสื้อผ้าของเมียนมา โดยร่วมมือกับแบรนด์และพันธมิตรต่างประเทศ ซึ่ง ณ เดือนเมษายน 2567 มีโรงงานที่ดำเนินการอยู่ 539 แห่งที่ดำเนินการภายใต้ MGMA ซึ่งประกอบด้วยโรงงานในจีน 315 แห่ง, เกาหลีใต้ 55 แห่ง, ญี่ปุ่น 18 แห่ง, จากประเทศอื่น ๆ 16 แห่ง, โรงงานในประเทศ 62 แห่ง และกิจการร่วมค้า 27 แห่ง และมีโรงงานกว่า 50 แห่งที่ปิดชั่วคราวในขณะนี้

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/myanmars-manufacturing-sector-attracts-whole-fdi-of-us40m-in-april/#article-title

การค้าชายแดนกลับมาดำเนินต่อไปหลังจากสะพานมิตรภาพเปิดอีกครั้ง

ตามการระบุของผู้ค้าและผู้อยู่อาศัยบริเวณชายแดนเมียนวดี กล่าวว่า เมียวดีกลับมาเป็นปกติอีกครั้ง และการค้าชายแดนก็กลับมาดำเนินต่อตามปกติ หลังจากสะพานมิตรภาพ 2 แห่งถูกเปิดอีกครั้ง  สะพานมิตรภาพไทย-เมียนมาร์แห่งที่ 1 เชื่อมระหว่างไทยและเมียวดีได้เปิดอีกครั้งเมื่อวันที่ 27 เมษายน หลังจากที่ปิดไปเมื่อวันที่ 23 เมษายน และสะพานแห่งที่ 2 เปิดให้บริการอีกครั้งในวันที่ 30 เมษายน หลังจากปิดในวันที่ 11 เมษายน อย่างไรก็ดี ปัจจุบันสะพานหมายเลข 2 ได้เปิดขึ้นอีกครั้ง และการค้าชายแดนได้ดำเนินการอีกครั้งตามปกติ สินค้าไทยเข้าเมียนมา และสินค้าเมียนมาส่งออกไปยังไทย ขณะนี้อุปทานสินค้าเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว เมียวดีกลับคืนสู่สภาพเดิม ทั้งนี้ แม้ว่าทางหลวงสายเอเชียจะยังคงถูกปิดกั้น จึงมีการใช้ถนนทางเลือกเพื่อการค้าชายแดน และผ่านมาประมาณ 5 เดือนแล้ว ด้วยเหตุนี้ทำให้เกิดความล่าช้าในการขนส่งและค่าใช้จ่ายในการขนส่งเพิ่มขึ้นเนื่องจากผู้ค้าต้องใช้ช่องทางอื่นในการซื้อขาย

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/border-trade-resumes-after-friendship-bridges-reopened/

บริษัทกว่า 450 แห่งยังคงไม่สามารถส่งรายได้จากการส่งออกในปี 2564 กลับประเทศได้

สถิติของกระทรวงพาณิชย์เมียนมา ระบุว่ามีบริษัทมากกว่า 450 แห่งที่ยังไม่ได้ส่งรายได้จากการส่งออกในปี 2564 กลับประเทศได้ ทั้งนี้ คิดเป็นมูลค่ามากกว่า 462 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ณ วันที่ 26 เมษายน โดยรายได้จากการส่งออกจะต้องฝากเข้าบัญชีธนาคารในประเทศภายใน 45 วันสำหรับสินค้าที่จะส่งออกไปยังประเทศในเอเชีย และภายใน 90 วันสำหรับประเทศอื่น ๆ นอกเอเชีย อย่างไรก็ดี กรมการค้าระบุเมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2566 ว่าธนาคารกลางเมียนมา (CBM) ควรส่งรายชื่อบริษัทที่ไม่สามารถนำรายได้จากการส่งออกส่งกลับประเทศได้ภายในระยะเวลาที่กำหนด ให้กับกระทรวงพาณิชย์ และแจ้งให้ตัวแทนจำหน่ายที่ได้รับอนุญาต (ธนาคาร) ที่เกี่ยวข้องทราบเกี่ยวกับรายชื่อพร้อมกัน นอกจากนี้ กรมการค้าจะแจ้งให้สหพันธ์หอการค้าและอุตสาหกรรมแห่งสหภาพเมียนมาร์ (UMFCCI) ทราบถึงรายชื่อเพื่อให้สามารถฝากเงินได้อีกครั้ง รวมทั้ง กรมการค้าจะระงับการจดทะเบียนผู้ส่งออก/ผู้นำเข้าเป็นเวลาสองสัปดาห์หลังจากแจ้งให้บริษัทเหล่านั้นทราบ หากรายได้จากการส่งออกไม่ถูกส่งกลับประเทศ

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/over-450-companies-still-fail-to-repatriate-export-earnings-in-2021/#article-title

ธนาคารกลางเมียนมาดำเนินนโยบายการเงินเพื่อลดอัตราเงินเฟ้อ

ธนาคารกลางเมียนมา (CBM) ใช้นโยบายการเงินเพื่อควบคุมอัตราเงินเฟ้อและรักษาเสถียรภาพราคา ในวันที่ 3 พ.ค. ทั้งนี้ CBM กำลังวางนโยบายการเงินเพื่อให้เกิดการเติบโตทางเศรษฐกิจ หลังจากวิเคราะห์การเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ สถานการณ์อัตราแลกเปลี่ยน อัตราส่วนสินเชื่อของธนาคารต่อ GDP อัตราส่วนหนี้ครัวเรือนต่อ GDP เป็นต้น นอกจากนี้ ในบรรดานโยบายการเงิน แทนที่จะขึ้นอัตราดอกเบี้ย กลับปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยขั้นต่ำ อัตราเงินสำรองของธนาคารเอกชนในสกุลเงินเมียนมาและการจ่ายดอกเบี้ยเงินสำรองส่วนเกินก็เช่นกัน ส่งผลให้ปัจจุบันเงินฝากธนาคารและสินเชื่อมีเพิ่มมากขึ้น อย่างไรก็ตาม เพื่อควบคุมการเพิ่มขึ้นของสกุลเงินหมุนเวียนและลดอัตราเงินเฟ้อ อัตราส่วนสำรองขั้นต่ำจึงเพิ่มขึ้นเป็น 3.75 จากร้อยละ 3.5 ดอกเบี้ยสำรองส่วนเกินก็เพิ่มขึ้นเป็น 3.8 จากร้อยละ 3.6 ในเดือนพฤษภาคม 2567 การเพิ่มขึ้นของดอกเบี้ยสำรองส่วนเกินอาจสนับสนุนอัตราดอกเบี้ยรายปีสำหรับบัญชีเงินฝากออมทรัพย์และส่งผลให้ภาคเอกชนมีแหล่งเงินทุนมากขึ้น สามารถลดจำนวนเงินหมุนเวียนและลดแรงกดดันด้านเงินเฟ้อเมื่อธนาคารฝากเงินในบัญชี CBM ในปัจจุบันมากขึ้น

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/cbm-implements-monetary-policies-to-curb-inflation/