SCG รายงานผลประกอบการทางการเงินที่แข็งแกร่งในครึ่งปีแรกในกัมพูชา

กลุ่ม บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย (SCG) รายงานผลประกอบการเป็นบวกในช่วงครึ่งปีแรกรวมถึงการดำเนินงานในกัมพูชา จากรายงานตั้งแต่เดือนมกราคมถึงมิถุนายนรายได้จากการขายของ SCG เพิ่มขึ้น 11% ในตลาดกัมพูชาซึ่งสูงถึง 226 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยให้บริการออกแบบข้อมูลจำเพาะ ,วัสดุ และหลังคา ซึ่งรวมถึงการออกแบบการติดตั้ง SCG ยังคงขยายการเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่เป็นนวัตกรรมและมูลค่าเพิ่มสูงอย่างต่อเนื่อง โดยมุ่งมั่นที่จะรวมแนวคิดเศรษฐกิจเข้ากับการดำเนินงานที่ครบวงจร โดยมีโซลูชั่นเพื่อตอบสนองลูกค้าภายในตลาดกัมพูชา

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50628722/scg-reports-strong-financial-performance-in-h1/

เวียดนามเผยยอดการส่งออกไม้ ผลิตภัณฑ์ไม้ มีมูลค่ามากกว่า 6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

จากคำแถลงของรองประธานสมาคมผลิตภัณฑ์ไม้แปรรูป และผลิตภัณฑ์ไม้เวียดนาม (The Timber and Forest Product Association of Vietnam) เปิดเผยว่าในช่วง 7 เดือนแรกของปี 2562 ยอดการส่งออกไม้ และผลิตภัณฑ์ไม้ของเวียดนามมีมูลค่ารวมมากกว่า 6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 17 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยสหรัฐอเมริกายังคงเป็นตลาดส่งออกผลิตภัณฑ์ไม้รายใหญ่ที่สุดของเวียดนาม ตามมาด้วยญี่ปุ่น จีน และสาธารณรัฐเกาหลี ตามลำดับ ในปัจจุบัน วัตถุดิบการแปรรูปไม้ในประเทศเวียดนาม คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 75 และอีกร้อยละ 25 มาจากการนำเข้าจากต่างประเทศ ซึ่งการขยายตัวส่งออกผลิตภัณฑ์ไม้เวียดนามยังคงสามารในการตั้งเป้าหมายที่กำหนดไว้ คิดเป็นมูลค่ารวม 10.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/523360/wood-and-forest-products-exports-exceed-6b.html#HMjZayWBD2de6ima.97

เวียดนามเกินดุลการค้า 1.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในช่วง 7 เดือนแรกของปี 2562

จากรายงานของสำนักงานสถิติเวียดนาม (The General Statistic Office of Vietnam) เปิดเผยว่าในช่วง 7 เดือนแรกของปี 2562 ยอดเกินดุลการค้าของเวียดนามมีมูลค่า 1.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยการส่งออก ของเวียดนามมีมูลค่า 24 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 88.1 ของรายได้รวมจากการส่งออก ซึ่งสินค้าส่งออกสำคัญที่สุดของเวียดนาม ได้แก่ โทรศัพท์และชิ้นส่วนประกอบ รองลงมาอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ คอมพิวเตอร์ และเสื้อผ้า สิ่งทอ ตามลำดับ สหรัฐอเมริกายังคงเป็นตลาดส่งออกรายใหญ่ที่สุดของเวียดนาม ตามมาด้วยสหภาพยุโรป และจีน ตามลำดับ นอกจากนี้ ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา เวียดนามมีมูลค่าการนำเข้ารวม 143.34 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 8.3 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ในขณะเดียวกัน จีนยังคงเป็นตลาดนำเข้าสำคัญที่สุดของเวียดนาม ตามมาด้วยสาธารณรัฐเกาหลี และกลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียน ตามลำดับ

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/vietnam-books-18-billion-usd-trade-surplus-in-seven-months/156949.vnp

โลจิสติกส์จะโตเป็นสามเท่าภายในปี 2573

กลุ่มโลจิสติกส์ของเมียนมาจะเพิ่มเป็นสามเท่าของจำนวนปัจจุบันภายในปี 2573 ตามแผนแม่บทด้านโลจิสติกส์ระดับประเทศ เกี่ยวกับแผนแม่บทการขนส่งแห่งประเทศเมียนมา (2014) และแผนแม่บทการขนส่งแห่งชาติ (2017) เมียนมาได้รับความช่วยเหลือจากสำนักงานความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น (JICA) ที่ให้การส่งเสริมภาคการขนส่งทางทะเลอย่างสม่ำเสมอ โดยในแผนแม่บทด้านโลจิสติกส์แห่งชาติ (2017) ความต้องการสินค้าคาดว่าจะเพิ่มขึ้นสามเท่าภายในปี 2573 มีการสร้างท่าเรือแปดแห่งในย่างกุ้งภายในระยะเวลาสามปีและการขนถ่ายสินค้ากำลังดำเนินการในท่าเรือ 41 แห่งตามรายงานของการท่าเรือแห่งเมียนมา (Myanma Port Authority :MPA) โดยท่าเรือย่างกุ้งเป็นท่าเรือที่สำคัญที่สุดเพราะมากกว่า 90% ของการค้าทางทะเลระหว่างประเทศอยู่ที่ท่าเรือแห่งนี้

ที่มา : https://elevenmyanmar.com/news/logistics-sector-to-grow-threefold-by-2030-minister

เก้าเดือนแรกของปีงบฯ เมียนมาส่งออกข้าว 370,000 ตันไป 33 ประเทศ

9 เดือนแรกของปีงบประมาณ 61-62 เมียนมาส่งออกข้าวหักกว่า 370,000 ตันไปยัง 33 ประเทศ โดย 48% ของการส่งออกทั้งหมดไปเบลเยียม มีรายได้จากการส่งออกมากกว่า 99.628 ล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนใหญ่เป็นเบลเยียม 179,739 ตันหรือข้าวหักมูลค่า 48.155 ล้านเหรียญสหรัฐคิดเป็น 48% ของยอดส่งออกทั้งหมด อินโดนีเซีย 57,360 ตันมูลค่า 15.668 ล้านเหรียญสหรัฐ จีน 25,000 ตันมูลค่า 6.723 ล้านเหรียญสหรัฐ เนเธอร์แลนด์ 21,400 ตันมูลค่า 5.324 ล้านเหรียญสหรัฐ และสหราชอาณาจักร 18,000 ตันมูลค่า 4.743 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคมถึง 12 กรกฎาคมปีงบประมาณนี้มีรายรับ 562.191 ล้านเหรียญสหรัฐจากการส่งออกข้าวและข้าวหักจำนวน 1.858 ล้านตัน ในปี 60-61 มีการส่งออกข้าวเกือบ 3.6 ล้านตันทำสถิติสูงสุดในรอบ 50 ปี

ที่มา : https://elevenmyanmar.com/news/over-370000-tons-of-broken-rice-exported-to-33-countries-in-more-than-nine-months

สปป.ลาวมีจำนวนนักท่องเที่ยวจีนเพิ่มขึ้น นักท่องเที่ยวเกาหลีน้อยลงในรอบ 6 เดือนที่ผ่านมา

จำนวนนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวปป.ลาวเพิ่มขึ้น 5% ในช่วงหกเดือนที่ผ่านมาจากจำนวนนักท่องเที่ยวชาวจีนที่เพิ่มขึ้น มีคนมากกว่า 2.2 ล้านคนมาเที่ยวสปป.ลาวในช่วงเดือนมกราคมถึงมิถุนายนตามข้อมูลจากกรมพัฒนาการท่องเที่ยวของลาวกระทรวงสารสนเทศวัฒนธรรมและการท่องเที่ยว จำนวนผู้เข้าชมชาวจีนเพิ่มขึ้น 13% ในขณะที่ผู้เข้าชมชาวเวียดนามเพิ่มขึ้น 11% จำนวนผู้เข้าชมจากประเทศไทยเพิ่มขึ้น 1 เปอร์เซ็นต์เช่นกัน ซึ่งเชื่อว่าจำนวนผู้มาเยือนเพิ่มขึ้นเนื่องจากการรณรงค์เยือนสปป.ลาว – ​​จีนอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามจำนวนนักท่องเที่ยวเกาหลีใต้ลดลง 20% ในขณะที่นักท่องเที่ยวญี่ปุ่นทรุดลง 13%ซึ่งการลดลงของจำนวนนักท่องเที่ยวจากบางประเทศเกิดจากสถานการณ์ที่อยู่นอกเหนือการควบคุมของเจ้าหน้าที่ บางคนอยู่ห่างเพราะพวกเขาไม่แน่ใจในคุณภาพของบริการที่นี่ แม้ว่าสปป.ลาวจะมีผลิตภัณฑ์การท่องเที่ยวที่น่าหลงใหลมากมาย แต่ก็มีความไม่สะดวกหลายอย่าง เช่นการเข้าถึงถนนที่ไม่สะดวกไปยังสถานที่ท่องเที่ยว

ที่มา : https://laotiantimes.com/2019/07/30/laos-more-chinese-less-korean-tourists/

กัมพูชาเรียกร้องเบลารุสให้สร้างโรงงานผลิตยางรถยนต์ในกัมพูชา

กระทรวงพาณิชย์เรียกร้องให้ผู้ประกอบการจากประเทศเบลารุสพิจารณาการลงทุนในภาคต่างๆของราชอาณาจักร โดยการประชุมเมื่อสัปดาห์ก่อนระหว่างกัมพูชา และเบลารุส เพื่อหารือเกี่ยวกับความร่วมมือทางการค้าและเศรษฐกิจ ซึ่งกระทรวงคมนาคมกล่าวว่าประเทศกัมพูชาสามารถผลิตยางได้มากถึง 300,000 ตันต่อปี ที่สามารถนำมาใช้ในการผลิตยางได้ ซึ่งตั้งแต่เดือนมกราคมถึงเดือนมิถุนายนมูลค่าการส่งออกยางของราชอาณาจักรอยู่ที่ 139 ล้านเหรียญสหรัฐ มีการส่งมอบสินค้า 104,261 ตันเพิ่มขึ้น 24% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยเฉลี่ยหนึ่งตันราคาขายอยู่ที่ 1,339 เหรียญสหรัฐ จากข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์ทั้งสองประเทศยังแนะนำให้เพิ่มความร่วมมือทางการค้าและเศรษฐกิจที่จะทำให้เบลารุสสามารถส่งออกเครื่องจักรยางรถยนต์และเวชภัณฑ์ไปยังกัมพูชาและในทางกลับกันกัมพูชาจะสามารถจัดส่งยางสินค้าเกษตรและอาหารทะเลไปยังประเทศในยุโรปตะวันออก

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50628454/belarus-urged-to-build-tyre-factory-in-kingdom/

พนมเปญแลนด์แคปิตอล ลงทุนกว่า 5.25 ล้านเหรียญสหรัฐ ในมารีนเบย์แคปิตอล

พนมเปญแลนด์แคปิตอลอินเวสต์เมนต์ได้ลงนามในข้อตกลงกับมารีนเบย์แคปิตอลเพื่อทำการลงทุนอย่างเป็นทางการมูลค่ากว่า 5.25 ล้านเหรียญสหรัฐ สู่บริษัท โลจิสติกส์ชั้นนำของกัมพูชา เพื่อเพิ่มศักยภาพและร่วมพัฒนาภาคการขนส่งภายในประเทศกัมพูชา และเป็นการขยายธุรกิจของบริษัทเอง โดยเน้นว่าการเติบโตของเศรษฐกิจกัมพูชาและภาคการส่งออกในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมากัมพูชาเป็นประเทศที่มีการเติบโตทางเศรษฐกิจที่โดดเด่นที่สุดในเอเชียโดยมีการขยายตัวทางเศรษฐกิจโดยเฉลี่ยร้อยละ 7 ในช่วงสามปีที่ผ่านมา มูลค่าการส่งออกของกัมพูชาตั้งแต่เดือนมกราคมถึงพฤษภาคม 2562 มีมูลค่าถึง 5.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐตามรายงานของกระทรวงเศรษฐกิจและการเงิน

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50628513/phnom-penh-land-capital-invests-5-25-million-into-marine-bay-capital/

จีน แห่ซื้อโรงงานยางพารา

กระทรวงอุตสาหกรรมกำลังจับตามองการเคลื่อนไหวแวดวงอุตสาหกรรมยางพารา เพราะล่าสุด มีผู้ประกอบการรายใหญ่จากจีนหลายรายเข้ามาซื้อธุรกิจผลิตยางพารารายใหญ่ของไทยหลายโรงงาน เช่น โรงงาน ไทยฮั้วยางพารา จำกัด และบริษัท วงศ์บัณฑิต จำกัด ซึ่งต้องติดตามดูว่าจะส่งผลเรื่องราคาหรือไม่ โดยส่วนใหญ่เป็นโรงงานที่อยู่กลางน้ำ คือ อุตสาหกรรมแปรรูปขั้นต้นของยางพารา เช่น การผลิตยางแท่ง ยางแผ่นรมควัน น้ำยางข้น กลุ่มนี้มีโรงงานผู้กุมตลาดยางพาราทั้งหมด 5 ราย จากข่าวที่จีนซื้อไปแล้ว 2 ราย อีกหลายรายอยู่ระหว่างเจรจา อาจส่งผลทั้งด้านบวกและด้านลบ โดยด้านลบทำให้จีนเข้ามามีอิทธิพลในกลางน้ำ คือมีโอกาสรวมตัวกันกดดัน (ฮั้ว) กำหนดราคา และปริมาณการซื้อยางพาราจากเกษตรกรไทย และสหกรณ์การเกษตรที่อยู่ต้นน้ำได้ ด้านบวกคือทำให้ส่งออกไปยังตลาดจีนได้มากขึ้น ทั้งนี้ แนวทางการรับมือ คือ รัฐบาลควรเข้ามาช่วยเหลือเกษตรกร และสหกรณ์การเกษตรยางพารา ให้เกิดการรวมตัวกันผลิตและแปรรูปยางพาราขั้นต้นที่มีคุณภาพ และฝึกอบรมด้านการทำธุรกิจให้มีความเป็นสากล เป็นต้น.

ที่มา: https://www.thairath.co.th/news/business/1625561

กองทุนเยอรมันลงทุนในบริษัทน้ำตาลเวียดนาม 28 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

จากคำแถลงของบริษัท Thanh Thanh Cong – Bien Hoa JSC (SBT) เปิดเผยว่าสถาบันการเงินเยอรมัน (DEG) ได้เข้ามา ลงทุน คิดเป็นมูลค่า 28 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยซื้อหุ้นบุริมสิทธิ์แปลงสภาพต่อหุ้น (30,000 ด่อง หรือ 1.26 ดอลลาร์สหรัฐฯ) ณ ราคาตลาดในวันที่ 25 ก.ค. 62 ซึ่งทางบริษัทผลิตและจำหน่ายน้ำตาลเวียดนาม (SBT) จะนำเงินทุนดังกล่าวมาใช้สร้างกลยุทธ์การลงทุนในธุรกิจน้ำตาลเพื่อขยายผลิตภัณฑ์น้ำตาลออรแกนิค และจัดซื้อเครื่องจักร เป็นต้น นอกจากนี้ บริษัทได้ขยายการลงทุนไปยังกัมพูชาอีกด้วย

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/german-fund-invests-28-million-usd-in-vietnamese-sugar-company/156887.vnp