สปป.ลาว เร่งออกใบอนุญาตให้แรงงานต่างด้าวที่ทำงานในประเทศ

กระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม สปป.ลาว วางแผนที่จะออกวีซ่าทำงานให้กับแรงงานต่างด้าวที่ผิดกฎหมายและขยายใบอนุญาตให้กับแรงงานที่ถูกกฎหมาย เพื่อให้สามารถทำงานในประเทศต่อไปได้ เพื่อช่วยให้ประเทศจัดการแรงงานผิดกฎหมายได้ดีขึ้น และแก้ปัญหาการขาดแคลนแรงงานที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน โดยเร่งรัดการออกใบอนุญาตและขยายเวลาใบอนุญาตทำงานสำหรับแรงงานต่างด้าวใน ทั้งนี้ ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา มีแรงงานต่างด้าวอพยพเข้ามาในประเทศลาวเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะแรงงานผิดกฎหมาย หน่วยงานภาครัฐในทุกระดับจึงได้ดำเนินมาตรการหลายอย่างเพื่อปกป้องสิทธิของคนงาน และดูแลความสงบเรียบร้อยและความปลอดภัยของสังคม  ในปี 2555 รัฐบาล สปป.ลาว เริ่มดำเนินการจดทะเบียนแรงงานสำหรับผู้อพยพ และในปี 2566 ได้เปิดศูนย์แรงงานและสวัสดิการสังคมทุกแห่งในแขวงต่างๆ เพื่อให้ชาวต่างชาติลงทะเบียนและออกใบอนุญาตทำงานชั่วคราว ตามที่กระทรวงแรงงานฯ ระบุว่าระบบการออกใบอนุญาตและระบบการจัดการแรงงานต่างด้าวใหม่จะช่วยให้รัฐบาลรวบรวมข้อมูลและกำหนดจำนวนแรงงานข้ามชาติผิดกฎหมาย เพื่อดำเนินการแก้ไขได้อย่างเหมาะสม

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/laos-speeds-up-granting-licences-to-foreign-workers/285044.vnp

มีนักท่องเที่ยวกว่าแสนคน เดินทางมาหลวงพระบางในช่วงเทศกาลปีใหม่ลาว

วันที่ 10-19 เมษายน 2567 ช่วงเทศกาลปีใหม่ลาว มีนักท่องเที่ยวทั้งในประเทศและต่างชาติกว่า 110,000 คนเดินทางมาท่องเที่ยวในเมืองหลวงพระบาง​ เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 364.44% สร้างรายได้ประมาณ 47 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จำแนกเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติกว่า 41,500 คน ซึ่งประกอบด้วยนักท่องเที่ยวจีน 10,497 คน, เกาหลีใต้ 5,541 คน,​ ไทย 4,284 คน, เวียดนาม 2,843 คน, ญี่ปุ่น 1,616 คน, สหรัฐอเมริกา 908 คน, ฝรั่งเศส 882 คน, เยอรมนี 749 คน, สหราชอาณาจักร 657 คน และแคนาดา 506 คน จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้นอย่างมากเมื่อเทียบกับปีก่อนที่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเพียง 23,749 คนเท่านั้น ทั้งนี้ จากจำนวนนักท่องเที่ยวกว่าแสนคน ทำให้เมืองหลวงพระบางมีรายได้จากเทศกาลนี้กว่า 47 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freefreenews/freecontent_78_Luang_y24.php

สปป.ลาว เผย ทางด่วนหลวงพระบาง-วังเวียง ใกล้เสร็จสมบูรณ์แล้ว

ความคืบหน้าแผนงานการก่อสร้างทางด่วนเชื่อมต่อระหว่างนครหลวงเวียงจันทน์-บ่อเต็น แขวงหลวงน้ำทา ติดกับชายแดนจีน ที่แบ่งการก่อสร้างออกเป็น 4 ระยะ ที่ผ่านมาดำเนินงานในระยะที่ 1 เวียงจันทน์-หลวงพระบาง ระยะทาง 109 กม. เสร็จสิ้นแล้วตั้งแต่ปี 2564 คิดเป็นสัดส่วนเพียง 9.3% ของความยาวรวมของทางด่วนเวียงจันทน์-บ่อเต็น 1,097.15 กม. ขณะนี้อยู่ในช่วงระยะที่ 2 คือ การก่อสร้างเส้นทางจากหลวงพระบาง-วังเวียง โดยปัจจุบันสิ้นสุดขั้นตอนการสำรวจและออกแบบเบื้องต้นแล้ว ส่วนระยะที่ 3 จากหลวงพระบาง-แขวงอุดมไซ อยู่ระหว่างการจัดทำข้อตกลงความร่วมมือด้านการพัฒนากับนักลงทุน สำหรับระยะที่ 4 ตั้งแต่แขวงอุดมไซ-บ่อเต็น ได้มีการลงนามบันทึกความเข้าใจด้านการก่อสร้างกับนักลงทุนแล้ว แต่ขณะนี้อยู่ในระหว่างการต่ออายุ สำหรับทางด่วนระหว่างเวียงจันทน์-หลวงพระบาง ได้รับความนิยมอย่างมาก เนื่องจากสามารถลดเวลาการเดินทางระหว่างเมืองหลวงและจุดท่องเที่ยวจาก 3.5 ชั่วโมง เหลือเพียง 1 ชั่วโมง ทำให้สามารถเดินทางกลับได้ภายในวันเดียว ทั้งนี้ เส้นทางด่วนสายนี้รัฐบาล สปป.ลาว ถือหุ้น 5% และกลุ่มบริษัทยูนนานก่อสร้างและการลงทุน (YCIH) ของจีน ถือหุ้น 95%

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freefreenews/freecontent_77_Plansfor_y24.php

นายกฯ สปป.ลาว จะนำประโยชน์จากเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้เพื่อกระตุ้นการพัฒนาที่ยั่งยืน

นายสอนไซ สีพันดอน นายกรัฐมนตรี สปป.ลาว กล่าวในระหว่างเข้าร่วมประชุมณะกรรมาธิการเศรษฐกิจและสังคมสำหรับเอเชียและแปซิฟิก ครั้งที่ 80 ถึงการนำนวัตกรรมดิจิทัลที่เป็นหัวใจสำคัญในการกระตุ้นความก้าวหน้าไปสู่เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) ซึ่งปัจจุบันยังดำเนินไปอย่างช้าๆ ตามรายงานขององค์การสหประชาชาติ ซึ่งชี้ให้เห็นว่าปัจจุบันการปฏิบัติตาม SDGs นั้น เป็นไปตามแผนเพียง 15% เท่านั้น ดังนั้น การใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัลจะเป็นหนึ่งในเครื่องมือที่สำคัญที่สุดในการเร่งการดำเนินการ SDG ในประเทศลาว ตั้งแต่บัดนี้จนถึงปี 2030 เพื่อสร้างขีดความสามารถในด้านนวัตกรรมดิจิทัล เพื่อช่วยพัฒนาเส้นทางการพัฒนาที่ยั่งยืน

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freefreenews/freecontent_76_PM_y24.php

สปป.ลาว – เอกชนจีน ลงนามบันทึกความเข้าใจ เพื่อส่งเสริมการส่งออกสินค้าลาวไปยังจีน

สำนักงานปลัดกระทรวงอุตสาหกรรมและการพาณิชย์ สปป.ลาว และบริษัท Shanghai Zhe Zhe Qang Co., Ltd และ Lao Konsin International Group สัญชาติจีน ร่วมลงนามบันทึกความเข้าใจ (MoU) เพื่อศึกษาความเป็นไปได้ในการส่งเสริมการส่งออกสินค้าของ สปป.ลาว ไปยังประเทศจีน โดยเฉพาะผลผลิตทางการเกษตร สินค้าเกษตรแปรรูป สินค้าอุตสาหกรรม และสมุนไพรพื้นบ้าน โดยปลัดกระทรวงฯ กล่าวว่า “การลงนามดังกล่าวนี้จะช่วยส่งเสริมความร่วมมือในด้านองค์ความรู้โดยเฉพาะด้านการวางแผนการผลิต การฝึกอบรม และการปรับปรุงคุณภาพสินค้าของ สปป.ลาว เพื่อให้สินค้าได้มาตรฐานการส่งออกและสามารถส่งออกไปยังประเทศจีนได้ และในที่สุดจะสามารถจัดตั้งบริษัทร่วมทุนระหว่างประเทศในประเทศลาว ผ่านความร่วมมือกับกรมส่งเสริมการค้าและหัตถกรรม กระทรวงอุตสาหกรรมและพาณิชย์”

ที่มา : https://kpl.gov.la/En/Detail.aspx?id=82033

ไทย สปป.ลาว และออสเตรเลีย ร่วมฉลองครบรอบ 30 ปีของการเปิดสะพานมิตรภาพฯ แห่งที่ 1

ตัวแทนของประเทศไทย สปป.ลาว และออสเตรเลีย เข้าร่วมงานฉลองการก่อสร้างสะพานมิตรภาพลาว-ไทยแห่งแรก ซึ่งเปิดใช้มาตั้งแต่เดือนเมษายน พ.ศ. 2537 เพื่อสร้างสายสัมพันธ์แห่งมิตรภาพที่ยั่งยืนระหว่างทั้งสามประเทศ โดยสะพานแห่งนี้รัฐบาลออสเตรเลียได้ร่วมให้ทุนสนับสนุนการก่อสร้าง ซึ่งเชื่อมโยงการเดินทางระหว่างเวียงจันทน์ สปป.ลาว กับจังหวัดหนองคายของไทย โดยตระหนักถึงความจำเป็นอย่างยิ่งในการปรับปรุงการเชื่อมต่อระหว่างประเทศเพื่อนบ้าน สะพานแห่งนี้ถือเป็นการกระชับความสัมพันธ์ระหว่างลาวและไทย และตลอดระยะเวลา 30 ปีที่ผ่านมา สะพานแห่งนี้มีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมการคมนาคม การค้า การลงทุน การท่องเที่ยว และการเชื่อมโยงระหว่างประชาชนระหว่างลาว ไทย และทั่วทั้งภูมิภาค

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freefreenews/freecontent_75_LaoThai_y24.php

ผู้ประกอบการไร่กาแฟใน สปป.ลาว ประสบปัญหาขาดแคลนแรงงาน-เงินเฟ้อสูง

ผู้ปลูกกาแฟใน สปป.ลาว เผชิญภาวะขาดแคลนแรงงาน หลังคนงานจำนวนมากเปลี่ยนไปทำไร่มันสำปะหลังหรือเดินทางออกนอกประเทศ เพื่อแสวงหารายได้ที่สูงกว่าในประเทศไทย ผู้ปลูกกาแฟรายหนึ่งกล่าวว่า เมื่อถึงฤดูเก็บเกี่ยวเมล็ดกาแฟ เจ้าของสวนทางตอนใต้ของ สปป.ลาว ต้องเผชิญกับปัญหาการขาดแคลนแรงงาน เนื่องจากค่าจ้างที่ต่ำและยังเผชิญกับอัตราเงินเฟ้อที่สูงในประเทศ โดยคนงานไร่กาแฟในเมืองปากซอง แขวงจำปาสัก ต่างหลีกเลี่ยงงานที่จ่ายค่าจ้างเพียง 10-13 ดอลลาร์สหรัฐต่อวัน และหันไปหางานที่มีรายได้ดีกว่าในประเทศเพื่อนบ้านแทน ส่วนคนอื่นๆ หางานทำในไร่มันสำปะหลังซึ่งมีค่าจ้างที่ดีกว่า

ทื่มา : https://www.rfa.org/english/news/laos/coffee-growers-04192024141053.html

สปป.ลาว – เมียนมา ประชุมร่วมทบทวนแนวทางความร่วมมือด้านชายแดน

สปป.ลาว และเมียนมา ร่วมประชุมเพื่อทบทวนแนวทางการตรวจสอบ การซ่อมแซม และการสร้างเครื่องหมายชายแดนระหว่าง สปป.ลาว และเมียนมา โดยจัดขึ้นที่แขวงบ่อแก้ว สปป.ลาว มีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมความมั่นคงและความสงบเรียบร้อยตามแนวชายแดนร่วมกัน ทั้งสองฝ่ายประเมินความคืบหน้าของงานและรับทราบความสำเร็จของการตรวจสอบแนวเขตแดนระยะทาง 236 กม. ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2567 ได้ตรวจสอบและบำรุงรักษาบริเวณชายแดน นอกจากนี้ คณะทำงานของทั้งสองประเทศได้ใช้อุปกรณ์ GPSรวบรวมข้อมูล 172 จุดตามแนวชายแดนแม่น้ำโขง ให้บริการวิจัยและปรับปรุงระบบแผนที่ชายแดนของทั้งสองประเทศจากระบบเก่าตามข้อตกลงเมื่อปี 2537 ทำให้ระบบใหม่และทันสมัยยิ่งขึ้น

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/laos-myanmar-review-border-cooperation/284818.vnp

สปป.ลาว ได้รับเงินสำหรับปรับปรุงถนนหมายเลข R12 กว่า 1.8 พันล้านบาท จากไทย

รัฐบาลไทยอนุมัติเงิน 1.8 พันล้านบาท หรือประมาณ 48.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่รัฐบาล สปป.ลาว เพื่อบำรุงรักษาและปรับปรุงทางหลวงหมายเลข R12 ซึ่งช่วยลดระยะเวลาเดินทางจากจังหวัดนครพนมของประเทศไทย ผ่าน สปป.ลาว และข้ามฝั่งไปยังชายแดนเวียดนามในจังหวัดกว๋างบิ่ญ โฆษกรัฐบาลไทย กล่าวว่า เงินสนับสนุนดังกล่าวจะถูกนำไปใช้ในการปรับปรุงอาคารขนส่งสินค้า สถานที่จัดเก็บสินค้า ไฟส่องสว่างบริเวณทางแยก สาธารณูปโภค ระบบระบายน้ำในชุมชน และสถานที่ท่องเที่ยวตลอดเส้นทางทางหลวงหมายเลข R12 และจะยกระดับการขนส่งทางถนน ระบบโลจิสติกส์ที่เชื่อมโยงไทยกับลาว เวียดนามและจีน ลดระยะเวลาการขนส่งจาก 10 ชั่วโมงเหลือเพียง 4 ชั่วโมง และลดขั้นตอนศุลกากรจาก 5 จุดเหลือเพียง 2 จุดตรวจ ทั้งนี้ ทางหลวงหมายเลข R12 ถือเป็นเส้นทางที่สั้นที่สุดเมื่อเทียบกับ R8 หรือ R9 ตามแนวระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก-ตะวันตก โดยปริมาณสินค้าที่ขนส่งจากนครพนมไปยังลาวผ่าน R12 หลังจากการบำรุงรักษาเสร็จสิ้น คาดว่าจะเพิ่มขึ้นประมาณ 50%

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/thailand-gives-financial-support-to-laos-for-road-maintenance/284788.vnp

สปป.ลาว แจ้งปรับราคาน้ำมันวันนี้ เบนซินปรับขึ้น ดีเซลปรับลดลง

ทางการ สปป.ลาว แจ้งปรับราคาขายปลีกน้ำมันมีผล 06.00 น. วันที่ 18 เมษายน 2567 โดยราคาน้ำมันเบนซิน 95 ปรับขึ้น 550 กีบต่อลิตร มาอยู่ที่ 33.200 กีบต่อลิตร เบนซิน 91 ปรับขึ้น 440 กีบต่อลิตร มาอยู่ที่ 25.250 กีบต่อลิตร ส่วนน้ำมันดีเซล ปรับลดลง 160 กีบต่อลิตร มาอยู่ที่ 21.120 กีบต่อลิตร ซึ่งเป็นราคาสำหรับขายปลีกในแขวงเวียงจันทน์ อย่างไรก็ตาม ราคาที่ปรับขึ้นเป็นไปตามราคาตลาดโลกและน้ำมันสำเร็จรูปนำเข้า และจะเปลี่ยนแปลงราคาในช่วงทุกๆ 7 วัน

ที่มา : https://www.vientianetimeslao.la/%e0%bb%81%e0%ba%88%e0%bb%89%e0%ba%87%e0%ba%9b%e0%ba%b1%e0%ba%9a%e0%ba%a5%e0%ba%b2%e0%ba%84%e0%ba%b2%e0%ba%99%e0%bb%89%e0%ba%b3%e0%ba%a1%e0%ba%b1%e0%ba%99-%e0%bb%81%e0%ba%ad%e0%ba%b1%e0%ba%94%e0%ba%8a/