กัมพูชาคาดผู้โดยสารทางอากาศพุ่งแตะ 4.6 ล้านคน ในปี 2023

กัมพูชาคาดการณ์ปี 2023 ปริมาณผู้โดยสารทางอากาศอาจเพิ่มขึ้นเป็น 4.6 ล้านคน หลังจากจีนปรับนโยบายควบคุมโรคระบาดโควิด-19 เมื่อวันที่ 8 มกราคม ที่ผ่านมา ด้าน Sin Chansereyvutha โฆษกสำนักงานเลขาธิการการบินพลเรือน กล่าวว่า ในปีที่ผ่านมากัมพูชาได้ให้การต้อนรับเที่ยวบิน 28,900 เที่ยว โดยมีผู้โดยสารรวม 2.38 ล้านคน ขณะที่ทางการกัมพูชาพร้อมให้การต้อนรับการกลับมาของนักท่องเที่ยวชาวจีน ซึ่งในช่วงก่อนเกิดการแพร่ระบาดถือเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวที่ใหญ่ที่สุดของกัมพูชา โดยปัจจุบันกัมพูชามีสายการบิน 27 สายการบินที่ให้บริการภายในประเทศ

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501219669/cambodia-forecasts-4-6-million-air-passengers-in-2023-after-chinas-reopening/

ปี 2022 จีนยังคงเป็นคู่ค้ารายใหญ่ของกัมพูชา

  ปี 2022 จีนยังคงเป็นคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของกัมพูชาด้วยมูลค่าการค้ารวม 1.1686 หมื่นล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.39 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามข้อมูลของกรมศุลกากรและสรรพสามิตกัมพูชา (GDCE) ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 22.29 ของการส่งออกสินค้าของกัมพูชาไปยังทั่วโลกที่มูลค่ารวม 5.2425 หมื่นล้านดอลลาร์ ในขณะที่การนำเข้าสินค้าของกัมพูชาจากจีนคิดเป็นสัดส่วนกว่าร้อยละ 34.89 ของการนำเข้าทั้งหมด หรือคิดเป็นมูลค่า 1.0446 หมื่นล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.86 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501219676/mainland-china-largest-merchandise-trading-partner-of-cambodia-in-2022/

“คลัง” ชง ครม.ลดภาษีดีเซลอีก 3 เดือน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 17 ม.ค.นี้ กระทรวงการคลังจะเสนอให้ขยายเวลามาตรการลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลออกไปอีก 2-3 เดือน เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระค่าครองชีพประชาชน และภาระของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง โดยมาตรการเดิมจะสิ้นสุดลงวันที่ 20 ม.ค.นี้ ซึ่งถือเป็นการต่ออายุมาตรการเป็นรอบที่ 6 โดยเบื้องต้นคาดว่าจะลดภาษีให้อีกลิตรละ 3-5 บาท เป็นเวลา 2-3 เดือน เริ่มตั้งแต่ 21 ม.ค.เป็นต้นไป ซึ่งจะทำให้กรมสรรพสามิต สูญเสียรายได้การจัดเก็บงบประมาณอีกไม่เกิน 20,000 ล้านบาท สำหรับการขยายเวลาปรับลดภาษีดีเซลครั้งนี้ จะต้องพิจารณารายละเอียดว่าจะปรับลดลงเท่าไร โดยจะปรับลดเหมือนกับครั้งแรก คือ ลิตรละ 3 บาท เป็นเวลา 3 เดือน หรือจะลิตรละ 5 บาท เป็นเวลา 2 เดือน เนื่องจากขณะนี้สถานการณ์ราคาพลังงานได้เริ่มผ่อนคลายลง ประกอบกับขณะนี้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง มีทางเลือกในการบริหารสภาพคล่องได้มากขึ้น.

ที่มา: https://www.thairath.co.th/business/oil/2603673

“เวียดนาม” เผยการค้าระหว่างประเทศ ปี 65 โต 9.1%

กรมศุลกากรเวียดนาม เปิดเผยข้อมูลเบื้องต้นว่ามูลค่าการค้าระหว่างประเทศ 730 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัว 9.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ส่งผลให้เกินดุลการค้า 12.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยแบ่งมาจากการมูลค่าการนำเข้า 358.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 7.8% เมื่อเทียบปีต่อปี ในขณะที่มูลค่าการส่งออก 371.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 10.5% เมื่อเทียบปีต่อปี ทั้งนี้ เดือนธันวาคม 2565 สินค้าส่งออกสำคัญที่ขยายตัวอย่างมาก ได้แก่ เครื่องจักรและอุปกรณ์ (26.3%), คอมพิวเตอร์ เครื่องใช้ไฟฟ้าและส่วนประกอบ (16.3%) และสิ่งทอ เครื่องนุ่งห่ม (12.1%) ในขณะที่สินค้านำเข้าสำคัญที่หดตัวอย่างมาก ได้แก่ น้ำมันดิบ (66.6%), ผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม (39.3%) และเครื่องจักร อุปกรณ์ (11.7%)

ที่มา : https://english.thesaigontimes.vn/vietnams-2022-foreign-trade-expands-9-1-y-o-y/

“ตลาดรถยนต์เวียดนาม” โตพุ่ง 33% ปี 65

สมาคมผู้ผลิตรถยนต์เวียดนาม (VAMA) ระบุว่าในปี 2565 มียอดจำหน่ายรถยนต์อยู่ที่ 404,635 คัน เพิ่มขึ้น 33% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยแบ่งเป็นรถยนต์นั่ง 316,941 คัน เพิ่มขึ้น 48% เมื่อเทียบปีต่อปี รถยนต์เพื่อการพาณิชย์ 82,714 คัน ลดลง 1.5% และรถยนต์รุ่นพิเศษ 4,980 คัน ลดลง 14% นอกจากนี้ ยังมีรถยนต์ที่ประกอบในประเทศ 226,487 คัน และรถยนต์นำเข้า 178,148 คัน เพิ่มขึ้น 30% และ 37% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ตามลำดับ ทั้งนี้ หากพิจารณาในเดือนธันวาคม พบว่ายอดจำหน่ายรถยนต์อยู่ที่ 35,301 คัน ลดลง 3% เมื่อเทียบเดือนก่อนหน้า และลดลง 0.5% เดือนพฤศจิกายน สาเหตุมาจากความยากลำบากในการเข้าถึงสินเชื่อของธนาคาร และอัตราดอกเบี้ยที่ปรับตัวสูงขึ้น ทำให้ผู้บริโภคต้องชะลอการซื้อ

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/automobile-sales-increase-33-in-2022/246911.vnp

เดือนธ.ค 65 เมียนมาโกยเม็ดเงิน FDI เข้าประเทศกว่า 190 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ฯ

จากสถิติของ คณะกรรมการของ การลงทุนและการบริหาร บริษัท (DICA) พบว่า 9 เดือนที่ผ่านมา (เดือนเมษายน-เดือนธันวาคม 2565) ของปีงบประมาณ 2565-2566 มีบริษัทจากต่างชาติทั้งหมด 44 แห่ง ได้เข้ามาลงทุนในภาคการผลิตเมียนมาคิดเป็นมูลค่ากว่า 187.426 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยด้านการเกษตรดึงดูดเม็ดเงินกว่า 3.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จาก 2 โครงการ, ด้านพลังงาน 817 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จาก 10 โครงการ, อสังหาริมทรัพย์ 29 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จาก 1 โครงการ, ด้านบริการ  413.068 ล้านดอลลาร์ จำนวน 2โครงการ, ภาคการผลิตเหมืองแร่ 7 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯจาก 1 โครงการ ทั้งนี้ ภาคการผลิตของเมียนมาส่วนใหญ่กระจุกตัวอยู่ในการผลิตเสื้อผ้าและสิ่งทอที่ผลิตแบบการตัด การผลิต และการบรรจุภัณฑ์ (CMP) และเป็นส่วนสำคัญของ GDP ของประเทศ  ซึ่งส่วนใหญ่แล้วเม็ดเงินลงทุนจะมาจากจีน และเกาหลีใต้

ที่มา: https://www.gnlm.com.mm/domestic-pilgrims-flock-to-shwedagon-pagoda-during-public-holidays/

สายการบิน สปป.ลาว วางแผนเพิ่มเที่ยวบินสู่จีน

หลังจากประเทศจีนเริ่มผ่อนปรนข้อจำกัดเกี่ยวกับโรคระบาดโควิด-19 ส่งผลทำให้สายการบินใน สปป.ลาว มีแผนที่จะเพิ่มเที่ยวบินในการให้บริการไปยังเมืองต่างๆ อาทิเช่น จากเวียงจันทน์ไปยังกวางโจว เซี่ยงไฮ้ เฉิงตู ฉางโจว และหางโจว โดยคาดว่าเที่ยวบินจะเริ่มมีการเพิ่มขึ้นในช่วงเดือนมีนาคม กล่าวโดยนาย Noudeng Chanthaphasouk ผู้อำนวยการฝ่ายการพาณิชย์ของสายการบิน ซึ่งปัจจุบันสายการบินแห่งชาติให้บริการ 3 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ จากเวียงจันทน์ไปยังคุนหมิง เมืองหลวงของมณฑลยูนนาน โดยสายการบินยังมีแผนที่จะเพิ่มจำนวนเที่ยวบินจากหลวงพระบางและจำปาศักดิ์ไปยังประเทศจีนเพิ่มเติมด้วย เนื่องจากคาดการณ์ว่าความต้องการเดินทางจะพุ่งสูงขึ้นหลังจีนผ่อนคลายมาตรการโควิด-19 ซึ่งหลังจากจีนประกาศเปิดพรมแดนไปเมื่อวันที่ 8 มกราคมที่ผ่านมา ในช่วงสองวันแรก (วันอาทิตย์ที่ 8 และวันจันทร์ที่ 9) มีประชาชนมากกว่า 1,200 คนเดินทางผ่านชายแดน สปป.ลาว-จีน ณ จุดผ่านแดนระหว่างประเทศบ่อเต็น-โมฮัน โดยส่วนใหญ่เป็นผู้ที่ถือวีซ่าธุรกิจ นักศึกษา ทูต และประเภทอื่นๆ

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten2023_Lao08.php

กัมพูชาส่งออกสินค้ากลุ่ม GFT โต 15% ในปี 2022

กัมพูชาส่งออกสินค้ากลุ่ม เสื้อผ้า รองเท้า และสินค้าเพื่อการเดินทาง (GFT) ขยายตัวประมาณร้อยละ 15 ในปี 2022 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากมูลค่า 10.99 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นเป็นกว่า 12.63 พันล้านดอลลาร์ ตามการรายงานล่าสุดของกรมศุลกากรและสรรพสามิต (GDCE) ซึ่งภาค GFT ยังคงเป็นส่วนสำคัญในการสร้างรายได้ให้กับประเทศ ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 56.2 ของการส่งออกทั้งหมดเมื่อปีที่แล้ว แต่สัดส่วนดังกล่าวปรับตัวลดลงเล็กน้อยจากร้อยละ 56.9 ในปี 2021 โดยในบรรดาสินค้ากลุ่ม GFT การส่งออกรองเท้าขยายตัวร้อยละ 24.8 ขณะที่สินค้าเครื่องแต่งกายที่ไม่ถักทอขยายตัวร้อยละ 21.4 สินค้าเพื่อการเดินทางขยายตัวร้อยละ 17.6 และเครื่องแต่งกายแบบถักขยายตัวร้อยละ 9.4 ตามลำดับ

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501218056/kingdoms-gft-exports-grow-by-15-in-2022/

NBC กล่าวถึงภาคธนาคารมีบทบาทอย่างมาก ในการสนับสนุนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ

ธนาคารแห่งชาติกัมพูชา (NBC) กล่าวว่า ภาคธนาคารมีบทบาทเป็นอย่างมากในการสนับสนุนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของกัมพูชาอย่างต่อเนื่อง โดยยังคงให้บริการทางด้านการเงินที่เหมาะสมเพื่อตอบสนองต่อความต้องการภาคเศรษฐกิจ ซึ่งในปี 2022 ภาคธนาคารได้ออกสินเชื่อให้แก่ภาคเอกชนเพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 21 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เพื่อสนับสนุนการฟื้นฟูของภาคธุรกิจ ขณะที่ปริมาณเงินฝากภายในประเทศขยายตัวร้อยละ 11.3 นอกจากนี้ ธนาคารกลางกัมพูชายังมีความพยายามเป็นอย่างมากในการเชื่อมต่อระบบเศรษฐกิจในระดับภูมิภาค ด้วยการอำนวยความสะดวกในการทำธุรกรรมระหว่างธนาคาร รวมถึงการส่งเสริมการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยว เป็นสำคัญ โดยปัจจุบัน กัมพูชามีธนาคารพาณิชย์รวมทั้งสิ้น 58 แห่ง ธนาคารเฉพาะกิจ 9 แห่ง และสถาบันการเงินรายย่อย 86 แห่ง ซึ่งมีสำนักงานใหญ่และสาขารวม 2,614 แห่ง

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501218507/cambodias-national-bank-says-banking-system-plays-active-role-in-continuing-to-support-economic-recovery/

ซิตี้แบงก์ มองเศรษฐกิจไทยรับอานิสงส์จีนเปิดประเทศ ปีนี้ขยายตัว 4.3%

นางสาวนลิน ฉัตรโชติธรรม นักเศรษฐศาสตร์ ธนาคารซิตี้แบงก์ ประเทศไทย เปิดเผยว่า ธนาคารซิตี้แบงก์ได้คาดการณ์ว่าในปี 2566 จะมีจำนวนนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าประเทศไทยอยู่ที่ราว 25.5 ล้านคน โดยคิดเป็นนักท่องเที่ยวจีนราว 3.9 ล้านคน (หรือร้อยละ 35 ของนักท่องเที่ยวจีนปี 2562) อันเป็นผลจากการที่ประเทศจีนเปิดประเทศเร็วกว่าความคาดหมาย ทำให้มีนักเดินทางชาวจีนเดินทางเข้าประเทศเกินกว่าการประมาณการไว้ในเบื้องต้น 1.7 ล้านคน (หรือร้อยละ 15 ของปี 2562) อย่างไรก็ตาม ด้านยอดการใช้จ่ายต่อคนของนักท่องเที่ยวมีแนวโน้มลดลงกลับคืนสู่ระดับใกล้เคียงปี 2562 หรือ 1,562 ดอลลาร์สหรัฐ หลังข้อมูลล่าสุดชี้ว่ากำลังการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวได้ลดลงต่ำกว่าในปี 2563 (ที่ 2,000 ดอลลาร์สหรัฐ) และ 2564 (ที่ราว 12,000 ดอลลาร์สหรัฐ) หรือในช่วงการระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งส่วนใหญ่จะต้องมาระยะยาวหรือเป็นการเดินทางเพื่อเจรจาธุรกิจมากกว่าการมาพักผ่อนระยะสั้นๆ ด้วยเหตุนี้ ซิตี้แบงก์จึงได้ปรับการคาดการณ์ดุลบัญชีเงินสะพัดของปี 2565 มาอยู่ที่ -3.3% ของ GDP จากเดิมที่ -1.6% รวมถึงปรับลดดุลบัญชีสะพัดปี 2566 ที่น่าจะกลับมาเกินดุล มาอยู่ที่ 2.4% ของ GDP ในปี 2566 จากเดิมที่ 3.8% (โดยใช้ประมาณการค่าใช้จ่ายต่อหัวที่ 1,590 ดอลลาร์สหรัฐ)

ที่มา : https://www.prachachat.net/finance/news-1174004