รถไฟจีน-สปป.ลาว ผู้โดยสารพุ่งเกิน 9 ล้านคน

ตั้งแต่เปิดตัวในเดือนธันวาคม 2564 รถไฟจีน-สปป.ลาวได้ให้บริการผู้โดยสารไปแล้วกว่า 9 ล้านเที่ยว โดยมีการซื้อตั๋วเดินทางของผู้โดยสารชาวจีนประมาณ 7.54 ล้านเที่ยว ในขณะที่การซื้อตั๋วเดินทางของผู้โดยสารชาวสปป.ลาวอยู่ที่ประมาณ 1.46 ล้านคน ซึ่งตั้งแต่ต้นปี 2566 มีปริมาณผู้โดยสารเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยมีจำนวนผู้โดยสารเฉลี่ยต่อวันถึง 29,000 คน เพิ่มขึ้นเกือบสองเท่าเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปี 2565 ทำให้การรถไฟจีนได้เพิ่มตู้เพื่อให้รองรับผู้โดยสารเพื่อตอบสนองความต้องการเดินทางที่เพิ่มสูงขึ้น ทั้งนีั้ รถไฟจีน-ลาว ถือเป็น ทางรถไฟสายนี้สายสำคัญของระเบียงเศรษฐกิจจีน-อินโดจีน และเป็นส่วนหนึ่งของ โครงการหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง (Belt & Road Initiative — BRI) ที่เชื่อมระหว่าง 2 ประเทศ เป็นระยะทาง 1,035 กม. โดยเชื่อมต่อกับนครคุนหมิง เมืองเอกของมณฑลยูนนาน ประเทศจีน กับเวียงจันทน์ เมืองหลวงของสปป.ลาว

ที่มา: https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten06_Passenger_y23.php

จีนทวงแชมป์เที่ยวไทยอันดับ 1 สศช.ขยับเป้านักท่องเที่ยวต่างชาติ-รายได้

นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยในโอกาสนักท่องเที่ยวจีนเริ่มเดินทางเข้าไทยหลังจากรัฐบาลจีนประกาศเปิดประเทศตั้งแต่วันที่ 8 ม.ค.66 ว่า ททท.คาดว่าตลอดปี 66 จะมีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าไทยไม่น้อยกว่า 5 ล้านคน กลับมาเป็นชาติที่เข้าไทยมากเป็นอันดับ 1 ครองสัดส่วน 20% ของนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมดในปีนี้ ที่คาดไม่น้อยกว่า 25 ล้านคน ทั้งนี้ โดย สถิตินักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทย วันที่ 1-7 ม.ค. 66 มีจำนวนสะสม 419,516 คน โดยอันดับ 1 คือ รัสเซีย 46,128 คน รองลงมา คือ มาเลเซีย 45,517 คน, เกาหลีใต้ 32,977 คน, อินเดีย 22,393 คน และลาว 19,674 คน ส่วนนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้ามาเป็นอันดับที่ 12 ที่จำนวน 12,308 คน ขณะที่ตลอดปี 65 นักท่องเที่ยวต่างชาติมาไทย 11,818,727 คน โดยอันดับ 1 คือ มาเลเซีย 1,951,834 คน ตามด้วยอินเดีย 965,994 คน, ลาว 844,958 คน, กัมพูชา 591,657 คน และสิงคโปร์ 589,770 คน ส่วนจีน อันดับ 14 ด้วยจำนวน 286,511 คน ด้านสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ได้ปรับคาดการณ์จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทยใหม่หลังจากที่จีนเปิดประเทศเร็วกว่าที่คาดไว้ว่าจะเป็นครึ่งปีหลังของปี 66 จากเดิมที่ คาดจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทย 23 ล้านคน สร้างรายได้ 1.2 ล้านล้านบาท โดยขอรอดูสถานการณ์ในอีก 2-3 สัปดาห์ก่อนปรับตัวเลขใหม่ คาดจะมีความชัดเจนเดือน ก.พ.นี้ ขณะที่ นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง กล่าวว่า จากที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) เตือนว่าเศรษฐกิจโลกอยู่ในภาวะถดถอย ได้มอบหมายให้สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดว่าจะกระทบต่อเศรษฐกิจไทยหรือไม่อย่างไร แต่ยืนยันว่าเศรษฐกิจไทยยังขยายตัวได้ตามการฟื้นตัวของการท่องเที่ยว โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีนภายหลังการเปิดประเทศ

ที่มา: https://www.thairath.co.th/business/feature/2598640

เมียนมา-เซ็น MoU บังคลาเทศ ส่งออกข้าวกว่า 165,000 ตัน

กระทรวงพาณิชย์เมียนมา (MoC)  เผย เมื่อวันที่ 8 กันยายน 2565 ที่ผ่านมาเมียนมาและบังกลาเทศ ได้ลงนามความร่วมมือ (MOU) โดย บังคลาเทศตกลงที่จะซื้อข้าวขาว 250,000 ตันและข้าวนึ่งอีก 50,000 ตันจากเมียนมา ตั้งแต่ปี 2565-2570 ซึ่ง ณ วันที่ 2 มกราคม 2565 เมียนมาส่งออกข้าวไปบังคลาเทศแล้วกว่า 165,000 ตัน ส่วนที่เหลือจะส่งมอบภายในระยะเวลากำหนด ตามข้อตกลงพันธ์ขาวที่จะทำการส่งออก คือ ข้าวขาว (ATAP) พันธุ์ GPCT Broken STX ราคา FOB ที่ส่งออกจะอยู่ที่ 2.78856 หยวนต่อกิโลกรัม และ 2,788.56 หยวนต่อตัน ทั้งนี้ กรมอาหารของบังกลาเทศและสมาพันธ์ข้าวแห่งเมียนมา (MRF) ได้ลงนาม MoU ร่วมกัน โดยได้ส่งข้าวเป็นครั้งแรกในปี 2560 จำนวน 100,000 ตัน และในปี 2564 เป็นครั้งที่ 2

ที่มา: https://www.gnlm.com.mm/myanmar-ships-over-165000-tonnes-of-rice-to-bangladesh-under-g-to-g-pact/#article-title

ธ.ค.65 เงินเฟ้อสปป.ลาว พุ่งขึ้นเป็น 39.3%

เมื่อวันเสาร์ที่ 7 ม.ค.2566 สำนักงานสถิติสปป.ลาว ได้เผยแพร่รายงานอัตราเงินเฟ้อของประเทศพบว่า พบว่า อัตราเงินเฟ้อในสปป.ลาวเพิ่มขึ้นเป็น 39.3%  เมื่อเทียบกับเเดือนธันวาคม 2564 และมีอัตราสูงสุดในปี 2565 โดยปัจจัยสำคัญมาจากราคาที่สูงขึ้นของหมวดการสื่อสารและการขนส่ง สินค้าอุปโภคบริโภค และการอ่อนค่าเงินกีบ ซึ่งจากรายงานบ่งชี้ว่าค่าใช้จ่ายในหมวดการสื่อสารและการขนส่งเพิ่มขึ้น 50.4% (YoY) ราคาอาหารและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์เพิ่มขึ้นขึ้น 45.9 % (YoY) ทั้งนี้ การเพิ่มขึ้นของราคาสินค้าทุกประเภททำให้ประชาชนทั่วไปเดือดร้อนมากขึ้นโดยเฉพาะผู้ที่มีค่าแรงต่ำหรือมีรายได้น้อย

ที่มา: https://english.news.cn/20230108/c764a3747bfb472c9a7fb7321f81b690/c.html

 

‘เวียดนาม’ ตั้งเป้าจีดีพีต่อหัว 7,500 ดอลลาร์สหรัฐในปี 2573

เวียดนามกำหนดเป้าหมายจีดีพีต่อหัวที่ 7,500 ดอลลาร์สหรัฐ ภายในปี 2573 โดยเป้าหมายดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของแผนแม่บทระดับชาติสำหรับปี 2564-2573 พร้อมวิสัยทัศน์ถึงปี 2593 ที่เสนอต่อประชุมวิสามัญครั้งที่ 2 จะเปิดขึ้นในวันที่ 5 มกราคม ภายใต้แผนดังกล่าว รัฐบาลเวียดนามตั้งเป้าการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ที่ 7% ในปี 2564-2573 และจะขยายตัว 6.5-7.5% ในปี 2574-2593 นอกจากนี้ เวียดนามยังมุ่งเน้นที่จะพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจ ลาวไคฮานอย-ไฮฟอง-กว่างนิง และ ม็อกไบ-นครโฮจิมินห์-หวุงเต่า ในปี 2593

ที่มา : https://vietnamnet.vn/en/vietnam-targets-usd7-500-gdp-per-capita-by-2030-2098122.html

‘สแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด’ คาดเศรษฐกิจเวียดนาม ปี 66 โตแรง 7.2%

ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด เปิดเผยว่าแนวโน้มอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) ของเวียดนามในปี 2566 คาดว่าจะอยู่ที่ 7.2% จากการฟื้นตัวในปีที่แล้ว และจะชะลอตัวลง 6.7% ในปี 2567 ผู้เชี่ยวชาญมองว่าเป้าหมายที่ทางการวางไว้ที่ 6.5% ถือว่าเป็นความท้าทายอย่างมากต่อเวียดนาม เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่มีแนวโน้มถดถอย แรงกดดันเงินเฟ้อจะยังคงอยู่ในระดับสูง ในขณะที่ภาคธุรกิจยังเผชิญกับความยากลำบากในการรับมือและขยายกำลังการผลิต แต่ในมุมมองของธนาคารยังมีความเชื่อมั่นในศักยภาพทางด้านเศรษฐกิจของเวียดนามในระยะกลาง ถึงแม้ว่าตัวชี้วัดเศรษฐกิจมหภาคบางรายการจะบ่งชี้สัญญาว่าเริ่มชะลอตัวในไตรมาสที่ 4 ของปี 2565

ที่มา : https://vietnamnet.vn/en/standard-chartered-forecasts-7-2-gdp-growth-for-vietnam-in-2023-2098567.html

กัมพูชาคาดจำนวนนักท่องเที่ยวพุ่งแตะ 7 ล้านคน ภายในปี 2025

กัมพูชาเตรียมพร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวจีนซึ่งคาดว่าจะหลั่งไหลเข้ามาหลังรัฐบาลจีนปลดล็อกการเดินทางระหว่างประเทศ ขณะที่กระทรวงการท่องเที่ยวกัมพูชา คาดการว่าจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางมายังกัมพูชาราว 7 ล้านคน ภายในปี 2022 ซึ่งกระทรวงฯ ระบุว่า พร้อมให้ความร่วมมือกับภาคเอกชนในการเชื่อมต่อเที่ยวบินและการขนส่งนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มนักท่องเที่ยวจีนที่เป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวสำคัญ ซึ่งก่อนเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 นักท่องเที่ยวชาวจีนกว่า 155 ล้านคน เดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ ทั่วโลก คิดเป็นกว่าร้อยละ 10 ของการท่องเที่ยวทั่วโลก สร้างมูลค่าด้านการท่องเที่ยวกว่า 2.58 แสนล้านดอลลาร์ โดยอาเซียนได้ให้การต้อนรับรับนักท่องเที่ยวจีน 32.2 ล้านคน ในช่วงเวลาดังกล่าว

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501215355/cambodia-expects-to-receive-about-seven-million-international-tourists-by-2025/

FDI ไหลเข้ากัมพูชาเพิ่มขึ้น 7% ในช่วงปี 2022

ปี 2022 กัมพูชาดึงดูดเม็ดเงินลงทุนในสินทรัพย์ถาวรมูลค่าแตะ 4.68 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.5 จากมูลค่า 4.35 พันล้านดอลลาร์ ในปีก่อนหน้า (2021) ข้อมูลดังกล่าวรายงานโดยสภาเพื่อการพัฒนาแห่งกัมพูชา (CDC) ซึ่งส่วนใหญ่เป็นนักลงทุนจากจีน ญี่ปุ่น ไทย และสิงคโปร์ มุ่งเน้นไปที่ภาคการเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร การผลิต การท่องเที่ยว รวมถึงโครงสร้างพื้นฐาน และในอุตสาหกรรมอื่นๆ ด้านปลัดกระทรวงการต่างประเทศกัมพูชาและโฆษก Penn Sovicheat กล่าวว่า ข้อตกลงการค้าหุ้นส่วนเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP), ข้อตกลงการค้าเสรีกัมพูชา-จีน (CCFTA) และกฎหมายการลงทุนฉบับใหม่ เป็นส่วนสำคัญในการดึงดูดนักลงทุนต่างชาติเข้ามาในกัมพูชามากขึ้น

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501215425/fdi-inflow-to-cambodia-increases-by-7-7-percent-in-2022-despite-global-uncertainty/

ททท.ลุยจัดโรดโชว์จีนรอบ 3 ปี นำผู้ประกอบไทยฟื้นตลาดจีนเที่ยวไทยมูลค่า 5 แสนล้าน

นายชูวิทย์ ศิริเวชกุล ผู้อำนวยการภูมิภาคเอเชียตะวันออก การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ททท.เตรียมจัดโรดโชว์ส่งเสริมการขายที่จีนในช่วงสัปดาห์ที่ 3 เดือน ก.พ.66 ในพื้นที่หลัก 3 เมือง ได้แก่ เมืองเซี่ยงไฮ้ กว่างโจว และเฉิงตู นำผู้ประกอบการท่องเที่ยวทั้งฝั่งไทยและจีนมาพบปะเจรจาธุรกิจกัน รวม 120 ราย ประกอบด้วยฝั่งไทย 60 ราย และฝั่งจีนอีก 60 ราย เพื่อนำไปจัดทำแพ็กเกจท่องเที่ยวไทย เสนอขายแก่นักท่องเที่ยวจีนทั้งกลุ่มเดินทางด้วยตัวเอง (FIT) และเตรียมการขายสำหรับกรุ๊ปทัวร์ เมื่อรัฐบาลจีนอนุญาต ทั้งนี้ ถือเป็นการกลับไปจัดโรดโชว์ที่จีนครั้งแรกในรอบ 3 ปี นับตั้งแต่เกิดวิกฤติโควิด-19 หลังจีนเปิดประเทศ มีผลตั้งแต่วันที่ 8 ม.ค.66 เป็นต้นไป ขณะนี้นักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางท่องเที่ยวด้วยตัวเอง (FIT) สามารถออกท่องเที่ยวระหว่างประเทศได้แล้ว ซึ่งภาพรวมโครงสร้างตลาดนักท่องเที่ยวจีนก่อนโควิด-19 ระบาด กลุ่ม FIT ครองสัดส่วน 60% ส่วนกรุ๊ปทัวร์ 40% แต่ถ้าดูเฉพาะเมืองใหญ่ เช่น เซี่ยงไฮ้เป็นกลุ่ม FIT สูงถึง 80-90% ปักกิ่งมีกลุ่ม FIT 60-70% ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  ปี 62 ก่อนวิกฤติโควิด-19 เป็นปีที่นักท่องเที่ยวจีนมาไทยสูงสุดเป็นประวัติการณ์ 11 ล้านคน สร้างรายได้กว่า 531,000 ล้านบาท คิดเป็นส่วนแบ่ง 27% ของทั้งจำนวนและรายได้ตลาดต่างประเทศที่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเกือบ 40 ล้านคน ที่สร้างรายได้ 2 ล้านล้านบาท.

ที่มา: https://www.thairath.co.th/business/economics/2597655

กรุงศรีฯ ประเมินเศรษฐกิจไทยปี 66 ขยายตัว 3.6% แรงหนุนท่องเที่ยว จับตาปัจจัยภายนอกกระทบ

วิจัยกรุงศรี บทวิเคราะห์ภาวะเศรษฐกิจและการเงิน (ฉบับพิเศษ) โดยระบุถึงทิศทางเศรษฐกิจปี 2566 คาดว่าจะเป็นปีแรกที่กิจกรรมทางเศรษฐกิจของไทยสามารถกลับมาอยู่ในระดับใกล้เคียงหรือสูงกว่าช่วงก่อนการระบาดของโควิด-19 วิจัยกรุงศรีคาดเศรษฐกิจไทยปี 2566 จะยังเติบโตต่อเนื่องที่ร้อยละ 3.6 จากร้อยละ 3.2 ในปี 2565 โดยมีแรงขับเคลื่อนหลักจากภาคท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง การใช้จ่ายภาคครัวเรือนที่เติบโตจากการจ้างงานที่ปรับดีขึ้นโดยเฉพาะในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับภาคท่องเที่ยว การลงทุนที่ยังมีสัญญาณเชิงบวกอยู่บ้างจากการฟื้นตัวของภาคบริการ ความต่อเนื่องของการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน และการขยายตัวของการลงทุนในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC)

อย่างไรตาม การลงทุนในบางอุตสาหกรรมและการส่งออกในภาพรวมจะเผชิญความเสี่ยงจากปัจจัยภายนอก ทั้งการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ภาวะทางการเงินที่ตึงตัวขึ้น การเติบโตต่ำของเศรษฐกิจจีน สงครามรัสเซีย-ยูเครนที่ยืดเยื้อ และความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ รวมถึงการทวนกระแสโลกาภิวัตน์ (Deglobalization) ปัจจัยเหล่านี้อาจจำกัดการเติบโตของกิจกรรมทางเศรษฐกิจ

ที่มา : https://www.thaipost.net/economy-news/296943/