“ฟิทช์” คงเรตติ้งเวียดนามที่ BB สะท้อนเชิงบวก

ฟิทช์ เรทติ้งส์ (Fitch Ratings) หน่วยงานจัดอันดับความน่าเชื่อถือ คาดการณ์เศรษฐกิจเวียดนามจะขยายตัว 7.4% ในปี 2565 เป็นผลสืบเนื่องจากภาคอุตสาหกรรม การก่อสร้างและการบริการที่เติบโตอย่างแข็งแกร่ง ตลอดจนการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศที่ไหลเข้ามายังประเทศเพิ่มสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม เวียดนามยังมีความเสี่ยงด้านลบจากความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน ดังนั้นทางหน่วยงานฟิทช์ เรทติ้งส์ จึงปรับลดคาดการณ์ตัวเลขเศรษฐกิจที่ 6.2% ในปี 2566 ด้วยเหตุนี้ ฟิทช์ เรทติ้งส์ คงอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวของเวียดนามไว้ที่ ‘BB’ ด้วยแนวโน้มเป็นบวก

ที่มา : https://vietnamnet.vn/en/fitch-ratings-affirms-vietnam-at-bb-with-positive-outlook-2075843.html

ไทยเล็งดึงดูดนักท่องเที่ยวชาวจีนผ่านรถไฟจีน-ลาว ปีหน้า

สมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (ATTA) คาดการณ์ว่าจะมีนักท่องเที่ยวชาวจีนเข้าประเทศประมาณ 3 ล้านคนที่เดินทางผ่านทางรถไฟสายเวียงจันทร์-บ่อเต็น รวมระยะทาง 423 กม. ในขณะที่ ดร.อดิษฐ์ ชัยรัตนานนท์ เลขาธิการสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว กล่าวว่าสปป.ลาวอาจไม่มีขีดความสามารถที่จะรองรับนักท่องเที่ยวจำนวนมากได้ ทั้งด้านสิ่งอำนวยความสะดวกหรือบริการที่พัก โดยคาดการณ์ว่าจำนวนนักท่องเที่ยวข้างต้นจะสูงถึง 4-5 ล้านคนในปีหน้า และส่วนใหญ่จะเดินทางผ่านทางรถไฟลาว-จีนที่เชื่อมระหว่างคุนหมิง-เวียงจันทร์ หากทางการจีนจะเปิดให้กลับมาเดินทางอีกครั้ง นอกจากนี้ สปป.ลาว มีนักท่องเที่ยวจำนวนมากกว่า 1 ล้านคนในช่วงต้นปีจนถึงเดือน ก.ย. เป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติ 644,756 คน รัฐบาลคาดว่าจะดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติอย่างน้อย 9 แสนคนในปี 2565 และทำรายได้กว่า 218 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

ที่มา : https://laotiantimes.com/2022/11/01/thailand-eyes-for-tourists-from-china-via-laos-china-railway-next-year/

ราคาอ้างอิงน้ำมันปาล์ม พุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง

คณะกรรมการกำกับดูแลการนำเข้าและจำหน่ายน้ำมันพืชภายใต้กระทรวงพาณิชย์ของเมียนมา เผย ราคาอ้างอิงของน้ำมันปาล์มขายส่งในตลาดย่างกุ้ง ตั้งแต่วันที่ 31 ตุลาคม ถึง วันที่ 17 พฤศจิกายน 2565 พุ่งไปอยู่ที่ 4,225 จัตต่อ viss (viss เท่ากับ 1.6 กิโลกรัม) เพิ่มขึ้น 50 จัตต่อ viss ของราคา ณ วันที่ 30 ตุลาคม 2565 ที่ 4,175 จัตต่อ viss โดยคณะกรรมการฯ แม้จะมีราคาอ้างอิงในปัจจุบันก็พุ่งสูงขึ้น แต่หากพบว่าผู้ค้าปลีกและผู้ค้าส่งนั้นขายราคาที่สูงกว่าราคาอ้างจะต้องถูกดำเนินการทางกฎหมาย ด้านกระทรวงพาณิชย์ได้ออกมาชี้แจงให้กับผู้บริโภคว่าน้ำมันพืชยังมีปริมาณที่เพียงพอสำหรับการบริโภค และจะรักษาระดับราคาให้เหมาะสมกับค่าครองชีพของคนในประเทศ ทั้งนี้ปริมาณการบริโภคน้ำมันในประเทศอยู่ที่ประมาณ 1 ล้านตันต่อปี การผลิตน้ำมันปรุงอาหารมีประมาณ 400,000 ตัน และเพื่อความเพียงพอของการบริโภคน้ำมันปรุงอาหาร เมียนมาจึงต้องนำเข้าจากมาเลเซียและอินโดนีเซีย ประมาณปีละ 700,000 ตัน

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/palm-oil-wholesale-reference-price-continues-to-rise/

จำนวนบัญชีเงินฝากในสถาบันการเงินกัมพูชา เพิ่มขึ้นกว่า 18% ในช่วง 8 เดือนแรกของปี

จำนวนบัญชีเงินฝากภายในธนาคารพาณิชย์และสถาบันรับฝากเงินรายย่อย (MDIs) ในกัมพูชา เพิ่มขึ้นเป็นกว่า 14.3 ล้านบัญชี ณ เดือนสิงหาคม เพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 18 จากจำนวน 12.1 ล้านบัญชี ณ สิ้นปี 2021 โดยในจำนวนนี้คิดเป็นบัญชีในธนาคารพาณิชย์ 11.7 ล้านบัญชี และอีก 2.6 ล้านบัญชีอยู่ใน MDIs ซึ่งมูลค่าเงินฝากเพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 8 หรือคิดเป็นมูลค่า 41.5 พันล้านดอลลาร์ ในช่วงเวลาดังกล่าวจากมูลค่าเงินฝาก 38.4 พันล้านดอลลาร์ ณ สิ้นปี 2021 โดยปัจจุบันกัมพูชามีธนาคารพาณิชย์รวมทั้งสิ้น 58 แห่ง, ธนาคารเฉพาะกิจ 9 แห่ง และสถาบันไมโครไฟแนนซ์ 86 แห่ง รวมถึง MDIs 5 แห่ง ซึ่งมีสำนักงานใหญ่และสาขารวม 2,593 แห่ง ขณะที่มีตู้เอทีเอ็ม (ATM) รวมกันทั้งสิ้น 4,219 แห่งทั่วประเทศ

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501177879/number-of-deposit-accounts-at-cambodias-banks-financial-institutions-up-18-pct-in-first-8-months/

นักท่องเที่ยวไทยมาเยือนกัมพูชามากสุดในช่วง 9 เดือนแรกของปี

9 เดือนแรกของปี 2022 ภาคการท่องเที่ยวและการบริการกัมพูชาเริ่มกลับมาฟื้นตัว หลังจากที่ทรุดลงเป็นอย่างหนักจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยปัจจุบันกัมพูชาได้ให้การต้อนรับนักท่องเที่ยวมากกว่า 1.26 ล้านคน คิดเป็นการเพิ่มขึ้นร้อยละ 861.21 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวชาวไทยร้อยละ 36.56 รองลงมาเป็นชาวเวียดนามร้อยละ 22.53 ของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติทั้งหมดในช่วง 9 เดือนแรกของปี โดยกว่าร้อยละ 74.75 มีวัตถุประสงค์เพื่อการท่องเที่ยวในวันหยุด และอีกส่วนหนึ่งประมาณร้อยละ 30 มีจุดประสงค์ของการเดินทางเพื่อมาทำธุรกิจภายในกัมพูชา แต่ถึงแม้จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติจะมีแนวโน้มขยายตัว แต่จำนวนนักท่องเที่ยวผู้มาเยือนในปีนี้ก็ยังห่างไกลจากจำนวนนักท่องเที่ยวของกัมพูชาในช่วงก่อนโควิด-19 ซึ่งรัฐบาลและกระทรวงการท่องเที่ยวได้พยายามเป็นอย่างมากในการเร่งฟื้นฟูภาคการท่องเที่ยวและบริการ

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501177931/thai-tourists-lead-the-pack-in-number-of-tourists-that-visited-cambodia-in-first-nine-months/

Lee Jae-yong ประธานกรรมการบริหาร “ซัมซุง” เยือนเวียดนาม ปลายปีนี้

อี แจยอง (Lee Jae-yong) ประธานกรรมการบริหารบริษัทซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ (Samsung Electronics) คาดว่าจะเดินทางไปเวียดนามในช่วงปลายปีนี้ เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับการบริหารจัดการของธุรกิจและแสวงหาโอกาสใหม่ๆ สื่อเกาหลีใต้ “Korea Times” ได้อ้างข้อมูลจากเจ้าหน้าที่ ชี้ว่าคุณอี แจยอง จะไปเยี่ยมชมศูนย์วิจัยและพัฒนา (R&D) ในเวียดนาม มูลค่าการก่อสร้างอยู่ที่ 220 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในสิ้นปีนี้ นอกจากนี้ ในปัจจุบันเวียดนามถือเป็นฐานการผลิตของบริษัทซัมซุง และจะมีการดำเนินก่อสร้างโรงงานสมาร์ทโฟน 2 แห่ง รวมถึงโรงงานผลิตโทรทัศน์และเครื่องใช้ในครัวเรือน โดยโรงงานดังกล่าวสามารถผลิตสมาร์ทโฟนให้กับบริษัทซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ มากกว่า 50% ที่จำหน่ายไปทั่วโลก

ที่มา : https://english.vov.vn/en/economy/samsung-chairman-lee-jae-yong-to-visit-vietnam-late-this-year-post980809.vov

“เวียดนาม” เผย 10 เดือนแรกปี 65 ลงทุนต่างประเทศ 450 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

จากข้อมูลของกระทรวงการวางแผนและการลงทุนพบว่าในช่วง 10 เดือนแรกของปี 2565 เวียดนามมีมูลค่าการลงทุนในต่างประเทศ รวมทั้งสิ้นเกินกว่า 450 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็น 70% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว และมีโครงการใหม่จำนวน 90 โครงการ หรือราว 390.1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 1.8% เท่า เมื่อเทียบปีต่อปี สำหรับกลุ่มประเทศที่เวียดนามไปลงทุนในต่างประเทศมากที่สุด คือ สิงคโปร์ มีมูลค่าการลงทุนที่ 75.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จำนวน 20 โครงการ รองลงมาสปป.ลาว สหรัฐฯ เยอรมนีและเนเธอร์แลนด์ เป็นต้น ทั้งนี้ ภาคเอกชนเวียดนามส่วนใหญ่ลงทุนในภาคอุตสาหกรรมการผลิตและแปรรูป รวม 224 ล้านดอลลาร์สหรัฐ อสังหาริมทรัพย์ การขุดเหมืองแร่และค้าปลีกค้าส่ง

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/vietnam-invests-over-450-million-usd-overseas-in-10-months/242994.vnp

IMF คาดเศรษฐกิจกัมพูชาขยายตัว 6.6%

กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) คาดว่าเศรษฐกิจกัมพูชาจะกลับมาขยายตัวหลังได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดย IMF คาดการณ์ว่ากัมพูชาจะกลับมาขยายตัวร้อยละ 5.1 ในปี 2022, ร้อยละ 6.2 ในปี 2023 และ ร้อยละ 6.6 ในปี 2024 ซึ่งรายงานผ่าน “Regional Economic Outlook Report for Asia and Pacific: Sailing into Headwinds” โดยการขยายตัวเป็นผลมาจากนโยบายส่งเสริมการค้าของรัฐบาลกัมพูชา รวมถึงข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) และอัตราการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ที่ครอบคลุมภายในประเทศ ซึ่งทางการกัมพูชากล่าวเสริมว่าปัจจุบันสถานการณ์ด้านการบริโภคภายในประเทศได้กลับมาแข็งแกร่งอีกครั้ง รวมถึงการกลับมาเติบโตของภาคบริการ และการส่งออกในช่วงครึ่งแรกของปี 2022 ในขณะที่การเติบโตภายในภูมิภาคคาดว่าจะขยายตัวมากกว่าร้อยละ 5 ในประเทศ อินโดนีเซีย และมาเลเซีย ด้านฟิลิปปินส์คาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 6.5 โดยเวียดนามคาดว่าจะขยายตัวมากที่สุดที่ร้อยละ 7 จากการได้รับประโยชน์ของการย้ายฐานการผลิตจากจีนมายังเวียดนาม

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501177183/cambodia-stays-on-growth-path-set-to-expand-6-6/

รมว.พาณิชย์กัมพูชา ลงนามส่งออกรังนกนางแอ่นไปยังจีน

กระทรวงพาณิชย์ (MoC) ลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MoU) กับศูนย์การค้าเซี่ยเหมินในกัมพูชา ซึ่งดำเนินการโดยบริษัทสัญชาติจีน เพื่อเพิ่มการส่งออกรังนกนางแอ่นไปยังประเทศจีน โดย MoU ดังกล่าวลงนามโดย Kao Kosal อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าของกระทรวงพาณิชย์ และ Zeng Youmin ผู้อำนวยการศูนย์การค้าเซี่ยเหมินกัมพูชา ซึ่งวัตถุประสงค์หลักคือการสร้างพันธมิตรในการผลิตและจัดหาผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับรังนก รวมถึงเป็นการส่งเสริมการพัฒนาโรงงานแปรรูปรังนกภายในกัมพูชา โดยเฉพาะเป็นการส่งเสริมและสนับสนุนภาคเอกชนรายย่อย (SMEs) เพื่อเป็นการสร้างเสถียรภาพในตลาดรังนกกัมพูชา ภายใต้คุณภาพ มาตรฐานสุขอนามัย และความปลอดภัย เป็นสำคัญ ซึ่งทางการกัมพูชาคาดหวังเป็นอย่างมากที่จะเพิ่มการส่งออกผลิตภัณฑ์รังนกไปยังประเทศจีน โดยในปี 2020 กัมพูชามีรังนกนางแอ่นจำนวนกว่า 872 หลัง ที่สามารถผลิตรังนกได้ประมาณ 1-1.5 ตันต่อเดือน ในขณะที่ราคารังนกสดปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 700-900 ดอลลาร์ต่อกิโลกรัม และรังนกแปรรูปอยู่ที่ประมาณ 1,500-2,000 ดอลลาร์ต่อกิโลกรัม ตามข้อมูลของกรมวิชาการเกษตร (GDA)

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501177180/commerce-ministry-chinese-firm-sign-swiftlet-nest-exports-mou/

จีนลดการนำเข้าถั่วลิสงจากเมียนมา กดราคาร่วงต่ำกว่า 6,000 จัตต่อ viss

ศูนย์ขายส่งสินค้ามัณฑะเลย์ เผย ผลผลิตถั่วลิสงที่เก็บเกี่ยวใหม่จำนวนมากจาก ภูมิภาคต่างๆ ของเมียนมากำลังถูกขนส่งไปจำหน่ายยังตลาดมัณฑะเลย์ส่งผลให้ราคาร่วงลงต่ำกว่า 6,000 จัตต่อ viss (viss เท่ากับ 1.6 กิโลกรัม) และความต้องการที่ลดต่ำลงของจีนส่งผลให้ราคาร่วงลงอย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อวันที่ 1 กันยายน2565 ราคาถั่วลิสงอยู่ระหว่าง 6,800 ถึง 7,200 จัตต่อ viss ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ แต่ราคา ณ  เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2565 ราคาลดลงอยู่ระหว่าง 4,700-5,800 จัตต่อ viss ตัวเลขดังกล่าวสะท้อนการลดลงอย่างรวดเร็วถึง 1,000 จัตต่อ viss ในระยะเวลาเพียงแค่หนึ่งเดือน

ที่มา: https://www.gnlm.com.mm/chinas-low-demand-drives-peanut-prices-down-to-below-k6000-per-viss/