“เวียดนาม” เผยเก็บภาษี พุ่ง 16.5%

กรมสรรพากร เปิดเผยว่าผลการจัดเก็บรายได้จากภาษีทั้งหมดในช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้ อยู่ที่ประมาณ 673 ล้านล้านดอง (28.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) คิดเป็น 57.3% ของเป้าหมายที่ตั้งไว้ และเพิ่มขึ้น 16.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งจำนวนเม็ดเงินจากการจัดเก็บภาษีส่วนใหญ่มาจากภาคธุรกิจและภาคอุตสาหกรรมที่มีรายได้มากที่สุด การจัดเก็บภาษีเป็นไปในทิศทางที่เป็นบวก เนื่องจากเศรษฐกิจในช่วงแรกของปีขยายตัวได้ดีและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เป็นอย่างดี ในขณะที่ภาคการผลิตและธุรกิจอยู่ในช่วงฟื้นตัว ทำให้รายได้ของรัฐบาลเพิ่มขึ้น

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/fivemonth-tax-revenue-ups-165-percent/229428.vnp

“การท่องเที่ยวเวียดนาม” ม.ค.-พ.ค. ส่งสัญญาดี คึกคัก!

การท่องเที่ยวของเวียดนามได้รับผลการตอบที่น่าประทับใจ เนื่องจากเวียดนามเปิดการท่องเที่ยวอย่างเต็มที่ เที่ยวบินระหว่างประเทศกลับมาฟื้นฟูและมหกรรมการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 31 ที่กรุงฮานอย

สำนักงานสถิติแห่งชาติเวียดนาม (GSO) เปิดเผยว่าในช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้ นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางมายังเวียดนาม เพิ่มขึ้น 4.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ขณะที่ในเดือนพฤษภาคมเพียงเดือนเดียว จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้น 70.6% เมื่อเทียบกับเดือนก่อน และ 12.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

ทั้งนี้ รายได้จากบริการอาหารและที่พักในช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้ เพิ่มขึ้น 15.7% เมื่อเทียบปีต่อปี สาเหตุสำคัญมาจากการเดินทางเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ การแข่งขันกีฬาซีเกมส์ (SEA Games) และงานอีเว้นท์ ส่งผลให้รายได้ของอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น 69.3% ในเดือนพ.ค.

ที่มา : https://hanoitimes.vn/vietnam-tourism-gains-impressive-results-during-jan-may-320898.html

ราคาน้ำมันปาล์มเมียนมาพุ่งเป็น 8,000 จัต แม้ ตรึงราคาอยู่ที่ 5,725 จัต

รายงานอุตสาหกรรมอาหารทอดในเมียนมา เผย แม้ว่าราคาน้ำมันปาล์มจะตรึงไว้ที่ 5,727 จัต แต่ราคาขายปลีกที่ผู้บริโภคต้องซื้อยังพุ่งไปถึง 8,000 จัต ซึ่งกระทรวงพาณิชย์เมียนมาประกาศว่าผู้ที่ขึ้นราคาโดยไม่เป็นธรรมจะถูกดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด โดยราคา FOB ณ ตลาดย่างกุ้ง ระหว่างวันที่ 30 พ.ค.ถึง 5 มิ.ย.65 อยู่ที่ 5,725 จัต แต่ราคาที่ซื้อขายจริงอยู่ที่ 8,000 จัต ซึ่งเจ้าหน้าที่ของกระทรวงต้องลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบอย่างเร่งด่วน ทั้งนี้กระทรวงยังต้องควบคุมราคาน้ำมันปาล์มในประเทศเพื่อให้เป็นธรรมและสอดคล้องกับราคาตลาดโลก และต้องจับตาราคา FOB น้ำมันปาล์มของมาเลเซียและอินโดนีเซียที่เป็นผู้ส่งออกรายใหญ่ของโลกอย่างใกล้ชิด

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/palm-oil-price-up-by-k8000-despite-fixed-price-at-k5725/

ผู้ประกอบการภาคการท่องเที่ยวกัมพูชา เรียกร้องบุคลากรกลับมาทำงาน

Chhay Sivlin นายกสมาคมตัวแทนภาคการท่องเที่ยวกัมพูชา สนับสนุนให้ผู้เชี่ยวชาญด้านการท่องเที่ยว หรือผู้ที่เกี่ยวข้อง กลับมาทำงานในภาคการท่องเที่ยวใหม่อีกครั้ง เนื่องจากปัจจุบันภาคการท่องเที่ยวภายในประเทศเริ่มกลับมาฟื้นตัวอีกครั้ง สะท้อนจากปริมาณนักท่องเที่ยวชาวไทยและเวียดนามเข้ามายังกัมพูชาเพิ่มมากขึ้นหลังทั้งสองประเทศกลับมาเปิดประเทศใหม่อีกครั้ง ในขณะเดียวกันนักท่องเที่ยวจีนยังคงเป็นนักท่องเที่ยวกลุ่มสำคัญของกัมพูชา ด้าน Thuon Sinan ประธานสมาคมด้านการท่องเที่ยวเอเชียแปซิฟิกยังได้กล่าวเสริมถึงการไหลเข้าของนักท่องเที่ยวต่างชาติในภูมิภาคอาเซียน โดยได้คาดว่าภาคการท่องเที่ยวระหว่างประเทศจะค่อยๆ กลับมาฟื้นตัวกันทั่วทั้งภูมิภาค ทั้งในกัมพูชา เวียดนาม ไทย และอินโดนีเซีย

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501085259/tourism-workers-urged-to-return-to-work-as-tourism-picks-up/

Q1 การค้าระหว่าง กัมพูชา-ฮังการี พุ่งแตะ 2.23 ล้านดอลลาร์

ฮังการีถือเป็นหนึ่งในตลาดส่งออกสำคัญของกัมพูชา โดยมีมูลค่าการค้าระหว่างกัมพูชาสูงถึง 2.23 ล้านดอลลาร์ ในช่วง 4 เดือนแรกของปี 2022 รายงานโดย Ok Bung ซึ่งปัจจุบันรักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวเสริมว่ากัมพูชาพยายามปรับตัวอย่างหนักเพื่อที่จะใช้ชีวิตร่วมกับโควิด-19 ในรูปแบบชีวิตวิถีใหม่ (New Normal) ทั้งในด้านการค้าและการลงทุน ที่มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาประเทศ ด้านเอกอัครราชทูตฮังการีแสดงความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้าที่จะกระชับความสัมพันธ์อันดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการค้า รวมถึงยังคงจะให้การสนับสนุนนักธุรกิจและนักลงทุนชาวฮังการีมองหาโอกาสในการทำธุรกิจในกัมพูชาในระยะถัดไป

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501084662/cambodia-hungary-trade-at-2-23-million-for-q1/

พริกไทยมีแนวโน้มราคาพุ่ง ! จากผลผลิตที่ลดฮวบลง

นาย U Hla Han พ่อค้าซื้อขายพริกไทยจากพื้นที่สามเหลี่ยมปากแม่น้ำที่ตลาดบุเรงนอง เปิดเผยว่า เมื่อต้นปีที่ผ่านมา การปลูกพริกไทยในเขตสามเหลี่ยมปากแม่น้ำอิรวดีราคาพุ่งสูงขึ้น โดยเกษตรกรได้ให้ข้อมูลว่าเนื่องจากมีฝนตกหนักและราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้น ผลผลิตจึงอาจลดลงประมาณครึ่งหนึ่ง อีกทั้งมีเกษตรกรเพียง 10% เท่านั้นที่สามารถซื้อปุ๋ยได้ เนื่องจากต้องเผชิญกับปัญหาขาดแคลนปุ๋ย โดยเมื่อปีก่อนราคาปุ๋ยอยู่ที่ 40,000 จัตต่อถุง และราคาน้ำมันดีเซลอยู่ที่ 200,000 จัตต่อบาร์เรล ในปีนี้ ราคาปุ๋ยพุ่งขึ้นเป็น 90,000 จัตต่อปุ๋ย 1 ถุง และราคาน้ำมันดีเซลพุ่งขึ้นเป็น 500,000 จัตต่อบาร์เรล ทั้งนี้คาดว่า ราคาพริกไทยในปีนี้อาจพุ่งสูงเกือบ 2 เท่า เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว

ที่มา: https://www.gnlm.com.mm/pepper-price-may-rise-due-to-drop-in-its-yield/#article-title

“ฟิทช์ เรทติ้งส์” ประกาศอันดับความน่าเชื่อถือ PV Power ที่ BB+

ฟิทช์ เรทติ้งส์ (Fitch Ratings) ได้ประกาศปรับอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวของ PetroVietnam Power Corp (PV Power) รัฐวิสาหกิจทางด้านพลังงานของเวียดนาม อยู่ที่ระดับ “BB” มีแนวโน้มเป็นบวกเป็นปีที่สองติดต่อกันและเป็นผู้ผลิตไฟฟ้ารายแรกชองเวียดนามที่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือในระดับสากล ทั้งนี้ ตามข้อมูลของหน่วยงาน เปิดเผยว่าคงสถานะเครดิตโดยลำพัง (Standalone Credit Profile: SCP) ของ PV Power ได้รับแรงหนุนจากตำแหน่งทางการตลาดที่แข็งแกร่งและเป็นผู้ผลิตไฟฟ้ารายใหญ่อันดับที่ 2 ในเวียดนาม นอกจากนี้ยังได้รับประโยชน์จากแหล่งเชื้อเพลิงที่หลากหลาย ตลอดจนมีการลงนามสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะยาว (PPA) กับการไฟฟ้าเวียดนาม (EVN) ที่มีกำลังการผลิต 80% ของการผลิตไฟฟ้าทั้งหมด อีกทั้ง คุณ Nguyen Duy Giang รองผู้อำนวยการทั่วไปของ PV Power กล่าวว่าด้วยการจัดอันดับดังกล่าวจากสถาบัน Fitch คาดว่า PV Power จะมีความสามารถในการระดมทุนในตลาดต่างประเทศมากขึ้น

ที่มา : https://en.nhandan.vn/business/item/11541902-fitch-ratings-maintains-standalone-credit-profile-of-pv-power-at-bb.html

“เวียดนาม” เผยเงินเฟ้อพุ่ง 2.25%

สำนักงานสถิติแห่งชาติเวียดนาม (GSO) เปิดเผยว่าดัชนีราคาผู้บริโภค (เงินเฟ้อทั่วไป) เดือนพ.ค.65 เพิ่มขึ้น 0.38% เมื่อเทียบกับเดือนก่อน หากพิจารณาในช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้ เพิ่มขึ้น 2.25% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน สาเหตุที่ทำให้เงินเฟ้อสูงขึ้นมาจากการสูงขึ้นของราคาน้ำมัน โดยนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ยอยู่ที่ 2.25% และมีแนวโน้มที่จะเพิ่มสูงขึ้นอีกในอนาคตข้างหน้า อย่างไรก็ตาม การปรับขึ้นของราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก ทำให้กลุ่มขนส่งมีต้นทุนสูงขึ้น 2.34% ทำให้ดัชนีราคาผู้บริโภคโดยรวมเพิ่มขึ้น 0.23% ในขณะที่ราคาบ้านและวัสดุก่อสร้างปรับตัวลดลง 0.13% เมื่อเทียบกับเดือนก่อน นอกจากนี้ ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (IIP) เดือนพ.ค.65 คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 10.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แสดงให้เห็นถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ

ที่มา : https://www.sggpnews.org.vn/business/inflation-climbs-by-225-percent-in-five-first-months-99494.html

ประธานาธิบดีเรียกร้องให้ร่วมมืออย่างใกล้ชิดเพื่อจัดการกับความท้าทายระดับโลก

ประธานาธิบดีทองลุน สีสุลิด ได้เรียกร้องให้ประชาคมระหว่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งรัฐสำคัญของเอเชีย ทำงานอย่างใกล้ชิดมากขึ้นในการจัดการกับความท้าทายที่โลกกำลังเผชิญ ตั้งแต่ความทุกข์ยากทางเศรษฐกิจไปจนถึงความขัดแย้งระหว่างประเทศ ประธานาธิบดีกล่าวว่าประเทศในเอเชียควรมีบทบาทมากขึ้นในกิจการระหว่างประเทศ สิ่งนี้จะส่งเสริมสันติภาพและความมั่นคงระหว่างประเทศ สร้างความไว้วางใจและความเคารพซึ่งกันและกัน และปรับปรุงเงื่อนไขสำหรับการพัฒนา การบูรณาการทางเศรษฐกิจ และการเชื่อมโยงภายในเอเชีย ทั้งนี้เอเชียเป็นภูมิภาคที่มีพลวัตและมีสัญญามากมาย เนื่องจากเป็นที่อยู่อาศัยของประชากรมากกว่าครึ่งโลก ประเทศจีนเป็นประเทศเศรษฐกิจที่ใหญ่เป็นอันดับสองของโลกและเป็นเศรษฐกิจการผลิตและผู้ส่งออกสินค้าที่ใหญ่ที่สุดและเป็นตลาดผู้บริโภคที่เติบโตเร็วที่สุด ในขณะเดียวกัน อินเดียเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจเติบโตเร็วที่สุดแห่งหนึ่งของโลก และเป็นที่อยู่อาศัยของประชากรวัยหนุ่มสาวจำนวนหนึ่งในห้าของโลก ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจก้าวหน้าที่สำคัญและเป็นปัจจัยสำคัญต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจในเอเชีย ขณะที่อาเซียน รวมทั้งลาว มีบทบาทสำคัญในสถาปัตยกรรมระดับภูมิภาค

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten102_President_y22.php

หนี้สาธารณะแตะ 60.58% ครม.ยันไม่หลุดกรอบวินัยการคลัง

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษก ประจำสำนักนายกรัฐมนตรีแถลงมติคณะรัฐมนตรี(ครม.) รายงานว่า ณวันที่ 31 มี.ค.2565 โดยสัดส่วนหนี้สาธารณะต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศหรือจีดีพี (GDP) อยู่ที่ 60.58 ซึ่งยังอยู่ภายใต้กรอบที่กำหนดไม่เกินร้อยละ 70 ส่วนสัดส่วนภาระหนี้ต่อประมาณการรายได้ประจำปีงบประมาณร้อยละ 26.77 กรอบที่กำหนด ไม่เกินร้อยละ 35 จากเการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รัฐบาลจึงมีความจำเป็นในการดำเนินมาตรการเพื่อช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบและกระตุ้นเศรษฐกิจ เยียวยาและฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบ ทำให้ปริมาณหนี้สาธารณะเพิ่มสูงขึ้นในช่วงที่ระบบเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว เป็นผลให้ช่วงเดือนมี.ค.นี้มีสัดส่วนหนี้สาธารณะต่อจีดีพีปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อย ที่มา: https://www.naewna.com/business/657084