กัมพูชาส่งออกยางเพิ่มขึ้นเล็กน้อยในช่วงไตรมาส 1 ปี 2022

กัมพูชาส่งออกยางแห้งจำนวน 61,839 ตัน ในช่วงไตรมาสแรก (Q1) ของปี 2022 เพิ่มขึ้นเล็กน้อยร้อยละ 1 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว แต่หากคิดเป็นมูลค่าการส่งออกอยู่ที่ 98.5 ล้านดอลลาร์ ลดลงร้อยละ 1.3 จากมูลค่า 99.8 ล้านดอลลาร์ ในช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว ตามรายงานของ General Directorate of Rubber ซึ่งปัจจุบันยางแห้งหนึ่งตันมีราคาโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 1,594 ดอลลาร์ ต่ำกว่าช่วงเดียวกันของปีที่แล้วประมาณ 42 ดอลลาร์ โดยกัมพูชาส่งออกยางแห้งไปยังประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ คือ มาเลเซีย เวียดนาม สิงคโปร์และจีนเป็นหลัก ในแง่ของการผลิตปัจจุบันกัมพูชาเพาะปลูกต้นยางบนพื้นที่ทั้งหมด 404,044 เฮกตาร์ ซึ่งต้นยางบนพื้นที่กว่า 310,193 เฮกตาร์ หรือคิดเป็นร้อยละ 77 สามารถที่จะเก็บเกี่ยวผลผลิตได้แล้ว

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501059622/cambodias-rubber-export-slightly-up-in-q1-hut-value-drops/

เทศกาลปีใหม่กัมพูชา คึกคักต้อนรับนักท่องเที่ยวภายในประเทศกว่า 4.6 ล้านคน

ทางการกัมพูชารายงานจำนวนนักท่องเที่ยวในประเทศเกือบ 4.6 ล้านคน ในช่วงวันหยุดนักขัตฤกษ์สามวัน (ปีใหม่กัมพูชา) แบ่งออกเป็นนักท่องเที่ยวชาวกัมพูชา 4.5 ล้านคน และนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติอีกเกือบ 30,000 คน โดยสถานที่ท่องเที่ยวหลัก ได้แก่ จังหวัดพระตะบอง (565,618 คน), กำปงจาม (514,447 คน), เสียมราฐ (400,591 คน), บันทายมีชัย (388,273 คน), ไพรเวง (382,867 คน), กำปงสปือ (331,809 คน), ภูษัต (298,037 คน), กำปงชนัง (275,400 คน), กำปอต (254,270 คน), พระสีหนุ (232,264 คน) และพนมเปญ (222,220 คน)

ที่มา : https://www.phnompenhpost.com/business/nearly-46m-tourists-logged-cambodia-over-khmer-new-year

ปริมาณการค้ากัมพูชา Q1 แตะ 1.3 หมื่นล้านดอลลาร์

มูลค่าการค้ากัมพูชาแตะ 1.3 หมื่นล้านดอลลาร์ ในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ เพิ่มขึ้นมากกว่าร้อยละ 9 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยการส่งออกของกัมพูชายังคงเพิ่มขึ้นมากกว่าร้อยละ 25 เมื่อเทียบกับปีก่อน จากข้อมูลของกรมศุลกากรและสรรพสามิต (GDCE) กระทรวงเศรษฐกิจและการคลังกัมพูชา ซึ่งปริมาณการส่งออกในไตรมาสแรกแตะระดับ 5.7 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 25.7 จากมูลค่า 4.5 พันล้านดอลลาร์ ในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ในขณะที่การนำเข้าคิดเป็นมูลค่า 7.4 พันล้านดอลลาร์ ลดลงเล็กน้อยจาก 7.5 พันล้านดอลลาร์ในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว คิดเป็นการขาดดุลทางด้านการค้าในไตรมาสแรกอยู่ที่ 1.7 พันล้านดอลลาร์ โดยในปี 2021 ปริมาณการค้าของกัมพูชาแตะ 48,000 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 28.2 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งการส่งออกมีมูลค่าอยู่ที่ 19.30 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.3 ในขณะที่การนำเข้ามีมูลค่า 28.70 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 50.3 ตามข้อมูลของ GDCE

ที่มา : https://www.phnompenhpost.com/business/cambodias-q1-trade-volume-hits-over-13b

โครงการพัฒนาชนบทครอบคลุม 126 หมู่บ้าน ของเมืองมะริด เขตตะนาวศรี

ปีงบประมาณ 2565-2566 กรมพัฒนาชนบท เมืองมะริด เขตตะนาวศรี กำลังเร่งดำเนินโครงการพัฒนาชนบทใน 126 หมู่บ้าน โดยจะเน้นไปที่โครงสร้างพื้นฐาน เช่น การก่อสร้างถนนและสะพาน การประปาและไฟฟ้า โครงการหมู่บ้าน emerald green โครงการกองทุนหมุนเวียน โครงการพัฒนาชนบทและหลักสูตรวิชาชีพด้านอาชีวศึกษา โดยมีเป้าหมายเพื่อยกระดับเศรษฐกิจสังคมของชุมชน ซึ่งในช่วงปีงบประมาณปัจจุบัน มีการเร่งพัฒนาโครงการ ได้แก่ ถนน 5 สาย, สะพาน 13 แห่ง, โครงการประปา 37 โครงการ, หมู่บ้าน emerald green 4 แห่ง, โครงการพัฒนาชนบทใน 72 หมู่บ้าน, และหลักสูตรการฝึกวิชาชีพ ที่จะใช้งบประมาณกว่า 1.977 พันล้านจัต

ที่มา: https://www.gnlm.com.mm/e-paper/

น้ำมันขึ้นราคา กีบอ่อน ทำร้ายผู้ผลิตลาว

กระทรวงอุตสาหกรรมและการพาณิชย์ รายงานวิจัยระบุว่าความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับยูเครนได้ขัดขวางห่วงโซ่อุปทานทั่วโลก ส่งผลให้ราคาเชื้อเพลิง ก๊าซ และอาหารสัตว์ขึ้นราคา จากข้มูลระบุว่าราคาน้ำมันพุ่งขึ้น 28% จาก 77.97 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ณ สิ้นปี 2564 เป็น 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในเดือนเมษายน 2565 อีกทั้งการอ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่องของเงินกีบ จากรายงานเงินกีบอ่อนค่าลง 6% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ และ 5% เมื่อเทียบกับเงินบาทข้อมูล ณ วันที่ 8 เมษายน ราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้นและการอ่อนค่าของ kip เป็นหนึ่งในปัจจัยหลักที่ผลักดันอัตราเงินเฟ้อในสปป.ลาว ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 6.25% ในเดือนมกราคมเป็น 8.54% ในเดือนมีนาคมทำให้ต้นทุนการผลิตสูงขึ้นส่งผลให้ราคาในตลาดสูงขึ้น โดยเฉพาะเนื้อวัว เนื้อหมู ปลา และผัก สร้างความลำบากให้กับประชาชนทั่วไป เป็นการซ้ำเติมเศรษฐกิจสปป.ลาวที่กำลังฟื้นตัวของเศรษฐกิจอย่างช้าๆ จากการระบาดใหญ่ของโควิด-19

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten73_rising.php

‘ฟู้ดเดลิเวอรี’ปีนี้ส่อโต 7.9 หมื่นล.

นางสาวจันต์สุดา ธนานิตยะอุดม ผู้อํานวยการฝ่ายการตลาดและพันธมิตรทางธุรกิจ แกร็บ ประเทศไทย กล่าวว่า ในช่วงสองปีที่ผ่านมา ธุรกิจฟู้ดเดลิเวอรีได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นในประเทศไทย อันเป็นผลมาจากพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป จากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยคาดว่าในปี 2565 นี้ ธุรกิจฟู้ดเดลิเวอรีจะยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องและมีมูลค่าตลาดรวมกว่า 7.9 หมื่นล้านบาท นอกจากนี้ผู้ประกอบการร้านอาหารก็หันมาใช้ช่องทางการขายผ่านแพลตฟอร์มเดลิเวอรีมากขึ้นเช่นกัน ซึ่งเห็นได้จากจำนวนพาร์ทเนอร์ร้านอาหารของแกร็บฟู้ดที่มีการเติบโตเพิ่มขึ้นกว่า 800% (เปรียบเทียบจากช่วงสิ้นปี 2562 จนถึงปี 2564) จนมีจำนวนมากกว่า 200,000 ร้านในปัจจุบัน

ที่มา: https://www.naewna.com/business/648201

‘เวียดนาม’ เผยไตรมาส 1 ปี 65 เกินดุลการค้าสะพัดกว่า 1.46 พันล้านเหรียญสหรัฐ

กรมศุลกากรเวียดนาม (GDVC) รายงานว่าเวียดนามมียอดเกินดุลการค้า 1.46 พันล้านเหรียญสหรัฐ ในช่วง 3 เดือนแรกของปี 2565 และหากพิจารณาตัวเลขการค้าของเดือนมีนาคม พบว่าเพิ่มขึ้น 20% เป็นมูลค่า 36.66 พันล้านเหรียญสหรัฐ ส่งผลให้ยอดการค้ารวมในช่วง 3 เดือนแรกของปีนี้ อยู่ที่ 176.75 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 14.3% โดยกิจการต่างชาติยังคงเป็นแรงผลักดันการส่งออกของเวียดนาม มีสัดส่วน 73.4% ของรายได้ทั้งหมด ทั้งนี้ ในช่วงเวลาดังกล่าว สินค้าส่งออกหลักของเวียดนามที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก ได้แก่ โทรศัพท์และชิ้นส่วน เพิ่มขึ้น 34.8% คิดเป็นมูลค่า 972 ล้านเหรียญสหรัฐ ตามมาด้วยคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์, เครื่องจักรและส่วนประกอบ, สิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม ในขณะที่ประเทศสหรัฐอเมริกายังคงเป็นตลาดส่งออกรายใหญ่ที่สุดของเวียดนาม รองลงมาจีน สหภาพยุโรปและอาเซียน

ที่มา : http://hanoitimes.vn/vietnam-posts-trade-surplus-of-us146-billion-in-q1-320536.html

เวิลด์แบงก์ ชี้ ‘เวียดนาม’ ได้รับผลประโยชน์มากที่สุดจากข้อตกลง RCEP

ธนาคารโลก (เวิลด์แบงก์) เปิดเผยว่าเวียดนามทำรายได้มากที่สุดจากการค้ากับประเทศสมาชิกภายใต้ความตกลงการเป็นหุ้นส่วนระดับภูมิภาค (RCEP) โดยอัตราภาษีศุลกากรทางการค้าเฉลี่ยของเวียดนามปรับตังลดลงจาก 0.8% มาอยู่ที่ 0.2% ในขณะที่อัตราภาษีศุลกากรที่ประเทศจะลดลงจาก 0.6% มาอยู่ที่ 0.1% ปี 2543-2578 ทั้งนี้ ตามรายงานของ newswire Vietnam Briefing ชี้ว่าผลประโยชน์จากการค้าของเวียดนามกับสมาชิกประเทศ RCEP ส่งผลให้เวียดนามมีรายได้เพิ่มขึ้น 4.9% เมื่อเทียบกับระดับพื้นฐาน ซึ่งถือว่าสูงกว่าระดับของประเทศอื่นๆ ที่ทำรายได้เพิ่มขึ้นราว 2.5% อีกทั้ง เวียดนามและมาเลเซียเป็นประเทศสมาชิกที่คาดว่าจะได้รับผลประโยชน์สูงสุดจากข้อตกลงฉบับนี้ “RCEP” จะช่วยให้เวียดนามเข้าถึงตลาดผู้บริโภคที่มีขนาดใหญ่กว่า 2 เท่าของความตกลง CPTPP อย่างไรก็ตามเวียดนามต้องยกระดับความสามารถ เพื่อที่จะตอบสนอบความต้องการที่สูงขึ้นและการแข่งขันที่รุนแรง

ที่มา : https://english.vov.vn/en/economy/vietnam-to-benefit-most-from-rcep-wb-post937468.vov

ชายแดนเกาะสอง-ระนอง ส่งออกประมงมากที่สุดของเขตตะนาวศรี

รายงานของกรมประมงเมืองเกาะสอง เผย ด่านชายแดนเกาะสอง-ระนอง มีการส่งออกสินค้าประมงมากที่สุด ของเขตตะนาวศรี โดย 6 เดือนที่ผ่านมา ระหว่างวันที่ 1 ต.ค. 2564 ถึง 31 มี.ค. 2565 มีการส่งออกสินค้าประมงจากเกาะสองไปยังประเทศไทย คิดมูลค่ากว่า 160 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จากปริมาณสินค้าประมงประมาณ 161,283 ตัน แม้ชายแดนเกาะสองจะมีความต้องการสินค้าประมงในปริมาณมาก แต่พบว่าในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมาลดลงกว่า 18,000 ตันเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยมีมูลค่าการส่งออกลดลง 1.245 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ การส่งออกปลามีแนวโน้มลดลงในฤดูสัตว์น้ำวางไข่ (เมษายน พฤษภาคม และมิถุนายน) ซึ่งธุรกิจประมงชายฝั่งถือเป็นหัวใจหลักทางเศรษฐกิจของเกาะสอง

ที่มา: https://www.gnlm.com.mm/kawthoung-ranong-border-post-sees-highest-fishery-exports-in-taninthayi-region/#article-title

ตัวเลขผู้โดยสารรถไฟสปป.ลาว พุ่งทะยานรับวันปีใหม่ลาว

จำนวนผู้โดยสารบนรถไฟลาว-จีนพุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในช่วงปีใหม่ของลาว โดยสถานีต่างๆ ใน Kasy และ Nga จะเปิดขึ้นเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่รถไฟเปิดให้บริการในเดือนธันวาคม โดยวันที่ 10 เมษายน รถไฟ EMU จำนวน 468 ขบวนได้เดินทางแล้ว บรรทุกผู้โดยสาร 244,400 คน ที่ผ่านมาจำนวนผู้โดยสารสูงสุดในหนึ่งวันคือ 3,160 คน นอกจากนี้ รถไฟบรรทุกสินค้าได้เดินทางข้ามพรมแดนจำนวน 589 เที่ยว บรรทุกสินค้าได้ 365,400 ตัน สินค้าที่ทำการขนส่งได้แก่ ยาง ปุ๋ยชีวภาพ สินค้าอุปโภคบริโภคพื้นฐาน อิเล็กทรอนิกส์ อุปกรณ์ไฟฟ้า อุปกรณ์สื่อสาร รถยนต์ สิ่งทอ ผัก และดอกไม้ รถไฟสปป.ลาวได้สร้างแนวโน้มที่ดีให้กับเศรษฐกิจสปป.ลาว จากการเป็นตัวเชื่อมเส้นระหว่างสปป.ลาวไปจีน ซึ่งเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดในโลก อีกแง่หนึ่งยังเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในประเทศและดึงนักท่องเที่ยวจากจีนมายังสปป.ลาว

ที่มา: https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten72_Railway.php