MoC เผย ปีงบประมาณย่อย 64-65 เมียนมานำเข้าสินค้าลดลง 7.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

กระทรวงพาณิชย์เมียนมา (MoC) เผย มูลค่าการนำเข้าของเมียนมาระหว่างวันที่ 1 ต.ค.2564-25 มี.ค.2565 ของงบประมาณย่อย ปี 2564-2565 (ต.ค.64-มี.ค.65) อยู่ที่ 7.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ลดลง 24 ล้านดอลลาร์เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยที่การนำเข้าสินค้าทุนลดลงในเดือนที่แล้ว ขณะที่กลุ่มนำเข้าอื่นๆ (สินค้าอุปโภคบริโภค สินค้าขั้นกลาง และธุรกิจเย็บเครื่องนุ่งห่ม หรือ CMP) เพิ่มขึ้น เมื่อเดือนที่แล้วเมียนมานำเข้าสินค้าทุน เช่น ชิ้นส่วนรถยนต์ ยานพาหนะ เครื่องจักร ฯลฯ อยู่ที่ประมาณ 1.43 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน 1.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในขณะเดียวกัน การนำเข้าสินค้าอุปโภคบริโภคมูลค่า 1.65 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 73.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีงบประมาณก่อนหน้า โดยประเทศที่เมียนมานำเข้าสินค้า 10 อันดับแรก ได้แก่ จีน สิงคโปร์ ไทย มาเลเซีย อินโดนีเซีย อินเดีย เวียดนาม ญี่ปุ่น สาธารณรัฐเกาหลี และสหรัฐอเมริกา

ที่มา: https://www.gnlm.com.mm/5-april-2022/#article-title

 

‘เวียดนาม’ เผย งานส่งเสริมทางการท่องเที่ยว “VITM” ตั้งเป้าดึงดูดคน 40,000 คน

งาน Vietnam International Travel Mart (VITM) 2022 เป็นงานส่งเสริมการขายสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยวของเวียดนาม จัดขึ้นที่กรุงฮานอย เมื่อวันที่ 3 เม.ย. โดยดึงดูดธุรกิจกว่า 2,000 แห่งและผู้เข้าเยี่ยมชม 40,000 คน งานแสดงดังกล่าวเปิดหัวข้อ “การพัฒนาการท่องเที่ยวสู่รูปแบบการใช้ชีวิตใหม่ (New Normal) – โอกาสการท่องเที่ยวของเวียดนาม” ในบริบทผลกระทบจากโควิด-19 ของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว การกลับมาฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวและการเปิดประเทศอย่างเต็มรูปแบบภายในวันที่ 15 มี.ค. ทั้งนี้ ในไตรมาสแรกของปีนี้ จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติมาเยือนเวียดนาม อยู่ที่ราว 91,000 คน เพิ่มขึ้น 89.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยภาคการท่องเที่ยวได้ตั้งเป้ารับนักท่องเที่ยวต่างชาติอยู่ที่ 5 ล้านคน และนักท่องเที่ยวในประเทศ 60 ล้านคนในปีนี้ สร้างรายได้ให้กับประเทศประมาณ 17.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/vietnam-intl-travel-mart-2022-attracts-40000-visitors/224518.vnp

 

ตลาดระยะใกล้เที่ยวไทย “ททท.-แอร์เอเชีย” จัดโปรโมชันดึงต่างชาติ

นายธเนศวร์ เพชรสุวรรณ รองผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ด้านตลาดเอเชียและแปซิฟิกใต้ เปิดเผยว่า ททท.ได้ร่วมกับสายการบินไทยแอร์เอเชีย ส่งเสริมการเดินทางของนักท่องเที่ยวจากตลาด ระยะใกล้ที่สอดคล้องกับแผนการบินภายในภูมิภาคของแอร์เอเชีย เพื่อดึงนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเข้าประเทศไทยให้ได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ 10 ล้านคนในปีนี้ เพื่อสร้างรายได้ 625,800 ล้านบาท โดยเป็นสัดส่วนของตลาดระยะใกล้จากภูมิภาคอาเซียน 1.1 ล้านคน จากแปซิฟิกใต้ (ประเทศออสเตรเลีย) 200,000 คน และเอเชียใต้ (อินเดีย) ประมาณ 450,000 คน ที่คาดว่าจะเริ่มเดินทางได้ในเดือน เม.ย.นี้ ทั้งนี้ ไทยแอร์เอเชียได้ทยอยเปิดเส้นทางบิน ระหว่างประเทศต่อเนื่องครอบคลุมตลาดอาเซียนและเอเชียใต้ 7 ประเทศ ได้แก่ เวียดนาม กัมพูชา มาเลเซีย อินโดนีเซีย สิงคโปร์ มัลดีฟส์ และอินเดีย รวม 18 เส้นทาง

ที่มา : https://www.thairath.co.th/business/economics/2360055

คาดท่าอากาศยานแห่งใหม่ในเสียมราฐ จะกระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวกัมพูชา

นายกรัฐมนตรี ฮุน เซน กล่าวถึงท่าอากาศยานนานาชาติเสียมราฐ ที่ได้ทำการลงทุนโดยจีนจะมีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวของกัมพูชาในอนาคต โดยมีจุดประสงค์เพื่อรองรับการเติบโตของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่จะมาเยือนกัมพูชาหลังการแพร่ระบาดของโควิด-19 คลี่คลายลง ซึ่งคาดว่าจะสามารถรองรับผู้โดยสารได้ประมาณ 7 ล้านคนต่อปีในช่วงเฟสแรก โดยสนามบินแห่งนี้ ตั้งอยู่บนพื้นที่ 700 เฮกตาร์ ห่างจากอุทยานโบราณคดีอังกอร์ประมาณ 40 กม. และอยู่ห่างจากตัวเมืองเสียมราฐ 50 กม. ลงทุนโดย Angkor International Airport Investment (Cambodia) Co., Ltd. ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ Yunnan Investment Holdings Ltd.

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501052173/siem-reaps-new-international-airport-to-boost-cambodias-economy-tourism/

กว่าร้อยละ 70 ของชาวกัมพูชา สามารถเข้าถึงบริการทางด้านการเงินได้แล้ว

ธนาคารแห่งชาติของกัมพูชา (NBC) รายงานถึงปริมาณการเข้าถึงบริการทางด้านการเงินของคนกัมพูชาในปัจจุบันอยู่ที่ประมาณร้อยละ 70 ที่สามารถเข้าถึงบริการทางด้านการเงินได้ ซึ่งมีผู้ถือบัญชี e-wallet มากกว่า 8.6 ล้านคน ณ สิ้นปี 2021 โดยในจำนวนนี้รวมถึงบัญชีเครดิต เงินฝาก การโอนเงิน และการชำระเงินดิจิทัล ตามรายงานของ NBC ในการประชุมยุทธศาสตร์การเงินแห่งชาติ (NFIS) ประจำปี 2019-2025 ซึ่งปัจจุบัน NBC และสถาบันการเงินภายในประเทศได้เริ่มดำเนินมาตรการเชิงรุกเพื่อรองรับต่อความต้องการที่จะเกิดขึ้น ยกตัวอย่างเช่นการปรับโครงสร้างเงินกู้ ณ เดือนกุมภาพันธ์ 2022 ที่ผ่านมา โดยมีมูลค่ามากกว่า 4.8 พันล้านดอลลาร์ หรือคิดเป็นประมาณร้อยละ 11 ของมูลค่าสินเชื่อทั้งหมดในอุตสาหกรรม เพื่อเป็นการช่วยเหลือผู้ประสบปัญหาจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501052053/70-percent-of-cambodians-have-access-to-financial-services/

‘เวียดนาม’ เผยไตรมาสแรก งบประมาณจากการค้ากับต่างประเทศ พุ่ง 22%

กรมศุลกากรเวียดนาม เปิดเผยว่าการจัดเก็บรายได้ของรัฐบาลจากการส่งออกและนำเข้าในไตรมาสแรกของปี 2565 มีมูลค่า 107.3 ล้านล้านดอง (4.7 พันล้านเหรียญสหรัฐ) เพิ่มขึ้น 22.44% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งเทียบเท่า 30.5% ของเป้าหมายทั้งปี นอกจากนี้ ในไตรมาสที่ 1 กรมศุลกากรได้ทำการประสานงานกับหน่วยงานในการจับสินค้า 3,706 คดี รวมกันเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 1.28 ล้านล้านดอง ซึ่งจัดเก็บเข้ารายได้รัฐฯ ราว 69.9 พันล้านดอง

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/budget-revenue-from-foreign-trade-rises-over-22-percent-in-q1/224520.vnp

ไทย-จีนชื่นมื่น “สนั่น” นำหอการค้าฯผนึก ”ดอน” เยือนจีนครั้งแรกหลังโควิด

เมื่อวันที่ 1-2 เมษายน 2565 นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ได้ร่วมคณะนายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งนำคณะผู้แทนด้านเศรษฐกิจไทยเยือน เมืองหวงซาน มณฑลอานฮุย สาธารณรัฐประชาชนจีน ตามคำเชิญของ นายหวังอี้ มนตรีแห่งรัฐและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน เพื่อกระชับความเป็นหุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์อย่างรอบด้านระหว่างไทยกับจีน มีเป้าหมายเพื่อขับเคลื่อนความร่วมมือระหว่างในการส่งเสริมและอำนวยความสะดวกด้านการค้าการลงทุน และความเชื่อมโยงด้านการคมนาคมขนส่ง รวมทั้งความเชื่อมโยงระหว่าง EEC กับเขตเศรษฐกิจลุ่มแม่น้ำแยงซี (Yangtze River Delta: YRD) ซึ่งเป็นเขตเศรษฐกิจของจีน เพื่อหารือความร่วมมือในกรอบทวิภาคี อนุภูมิภาค (แม่โขง-ล้านช้าง) และภูมิภาค (อาเซียน-จีน) และแลกเปลี่ยนความเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์ในภูมิภาคร่วมกัน

ที่มา: https://www.prachachat.net/economy/news-902585

อินเดียให้ทุนสนับสนุนโครงการพัฒนา 4 แห่งในสปป.ลาว

รัฐบาลอินเดียได้มอบเงินจำนวน 184,677 ดอลลาร์สหรัฐฯ ให้กับโครงการสี่โครงการที่เกี่ยวข้องกับการปรับปรุงสิ่งอำนวยความสะดวกในด้านสุขภาพ การค้า และการศึกษาในสปป.ลาว เงินทุนนี้จัดทำขึ้นภายใต้โครงการ Quick Impact ของกรอบความร่วมมือแม่น้ำโขง-คงคา อีกโครงการหนึ่งที่จะได้รับการสนับสนุนคือโครงการปรับปรุงการผลิตกาแฟออร์แกนิกและการกระจายความหลากหลายของเศรษฐกิจในชนบทและการเสริมสร้างศักยภาพของชาวบ้านในหมู่บ้านน้ำวัง อำเภอเวียงภูคา จังหวัดหลวงน้ำทา รัฐบาลอินเดียให้ความสำคัญกับความร่วมมือกับสปป.ลาวภายใต้กรอบความร่วมมือระดับทวิภาคีและพหุภาคี โดยเฉพาะอย่างยิ่งการมีส่วนร่วมในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของสปป.ลาว และปรับปรุงคุณภาพชีวิตของคนในท้องถิ่น นับตั้งแต่ก่อตั้งโครงการ Quick Impact ในปี 2555 ลาวได้อนุมัติโครงการ 11 โครงการ มูลค่ารวม 532,677 เหรียญสหรัฐ โครงการดังกล่าวช่วยส่งมอบผลลัพธ์ที่จับต้องได้ซึ่งช่วยปรับปรุงมาตรฐานการครองชีพของผู้คนทั่วทั้งอนุภูมิภาค ในประเทศลาว กัมพูชา เมียนมาร์ ไทย และเวียดนาม

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Indai_65_22.php

ราคามะขามตลาดมัณฑะเลย์พุ่ง! จากความต้องการที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ราคาตลาดมัณฑะเลย์เพิ่มขึ้นจากความต้องการอย่างต่อเนื่อง ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เมื่อปีที่แล้ว ช่วงก่อนเทศกาลติงยาน (สงกรานต์ของเมียนมา) ราคามะขามอยู่ที่ 1,000 จัตต่อ viss (viss เท่ากับ 1.6 กิโลกรัมส่วนราคามะขามไร้เมล็ดจะอยู่ที่ 2,200 จัตต่อ viss ส่วนในปีนี้ ราคามะขามอยู่ที่ 1,800 จัตต่อ viss และราคามะขามไร้เมล็ดอยู่ที่ 3,600 จัตต่อ viss ในปีนี้ คาดว่าผลผลิตและสต๊อกมะขามจะลดลง จาการการสั่งซื้อจากในประเทศและต่างประเทศที่มีคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้น โดยมะขามจะถูกส่งไปยังจีน อินเดีย และบังคลาเทศ ส่วนการเพาะปลูกส่วนใหญ่จะอยู่ในภาคกลางของประเทศอย่างเขตมัณฑะเลย์ (เมืองเจาะบะด้อง, เมืองโปะป้า, เมืองปะโคะกู, เมืองมไยง์, เมืองยะแม่ตี้น, เมืองซีพินไยง์ และ เมือปีนแลบู้) โดยในปีงบประมาณ 2564-2565 เมียนมาส่งออกมะขามรวมทั้งสิ้น 20,662 ตัน คิดเป็นมูลค่า มูลค่า 9.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 9,796 ตัน (มูลค่าประมาณ 5.6 ล้านดอลลาร์) เมื่อเทียบกับปีงบประมาณ 2563-2564

ที่มา: https://www.gnlm.com.mm/strong-demand-drives-tamarind-price-up-in-mandalay-market/#article-title

‘ไทย-เวียดนาม’ กระชับสัมพันธ์การค้า ดันมูลค่า 25 พันล้านเหรียญสหรัฐ

จากการอธิปรายเมื่อวันที่ 31 มี.ค. นายนิกรเดช พลางกูร เอกอัครราชทูต ณ กรุงฮานอย และนายฟาม มินห์ ชินห์ นายกรัฐมนตรีเวียดนาม ได้หารือถึงแนวทางการร่วมมือทางเศรษฐกิจในระดับทวิภาคี อนุภูมิภาคและข้ามชาติ รวมถึงประเด็นสำคัญที่นายกรัฐมนตรีให้คำมั่นว่าจะอำนวยความสะดวกในการขนส่งผลไม้ไทยไปยังจีนผ่านประเทศเวียดนาม ทั้งนี้ เอกอัครราชทูตยังขอให้นายกรัฐมนตรีเปิดประตูการลงทุนในเวียดนาม โดยเฉพาะพลังงานทางเลือก และกล่าวเสริมว่าคนไทยสนใจที่จะลงทุนในเวียดนามมากขึ้น ในขณะเดียวกัน นายกรัฐมนตรีแสดงความยินดีกับประเทศไทยที่ประสบความสำเร็จในการจัดตั้งสภาหอการค้าและอุตสาหกรรมในเวียดนาม

ที่มา : https://www.nationthailand.com/business/40014125