พาณิชย์โหมแฟร์ออนไลน์ 5 เดือนสั่งซื้อพุ่ง 7 พันล้าน

กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เผยว่า ครึ่งปีแรก 2564 กรมดำเนินการส่งเสริมการส่งออกผ่านช่องทางออนไลน์ตามนโยบายนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ สามารถสร้างยอดขายสินค้าได้ถึง 7,600 ล้านบาท ด้านการจัดกิจกรรมรูปแบบใหม่ mirror-mirror ที่ผู้ประกอบการไม่ต้องเดินทางไป ส่งไปแค่สินค้าเพื่อไปจัดแสดงและใช้วิธีการเจรจาผ่านออนไลน์นั้น ได้นำมาใช้ร่วมงาน Gulfood 2021 ที่ดูไบ งาน Foodex Japan 2021 สำหรับแผนฯช่วงครึ่งปีหลังนี้จะมีการจัดงาน 15 งาน อาทิ THAILOG LOGISTIX Virtual Exhibition งาน TOP Thai Brands, Thailand Week, Mini Thailand Week ในประเทศอาเซียน อินเดีย และบังกลาเทศ

ที่มา: https://www.prachachat.net/economy/news-703641

เมียนมาส่งออกถั่วลูกไก่ไปต่างประเทศกว่า 23,675 ตัน

กระทรวงพาณิชย์ เผย ระหว่างวันที่ 1 ต.ค. 2563 ถึง 25 มิ.ย. 2564 ของปีงบประมาณ 2563-2564 เมียนมาส่งออกถั่วลูกไก่มากกว่า 23,675 ตัน มูลค่าประมาณ 13.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ราคาอยู่ระหว่าง 86,000-88,000 จัตต่อถุงสามตะกร้าขึ้นอยู่กับสาบพันธุ์ โดยราคาจะผันผวนขึ้นอยู่กับอุปสงค์และอุปทาน และราคายังคงทรงตัวท่ามกลางปัญหาการขนส่งและปัญหาในการทำธุรกรรมในประเทศ ปีที่แล้วเมียนมาส่งออกถั่วลูกไก่ไปยังอินเดีย ปากีสถาน สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ตุรกี และอื่นๆ ส่วนการเพาะปลูกจะในเขตย่างกุ้ง มัณฑะเลย์ พะโค สะกาย และอิยาวดี เนปิดอว์ รวมพื้นที่กว่า 890,000 เอเคอร์ทั่วประเทศ โดยจะเพาะปลูกในเดือนตุลาคมและพฤศจิกายน และเก็บเกี่ยวในช่วงเดือนมกราคม-เมษายน

ที่มา: https://www.gnlm.com.mm/myanmar-ships-over-23675-tonnes-of-chick-pea-to-external-market-as-of-25-june/#article-title

เวียดนามเผยจัดตั้งธุรกิจใหม่ในครึ่งแรกของปีนี้ 67,100 แห่ง แม้เผชิญโควิดระบาด

กระทรวงวางแผนและการลงทุน เปิดเผยว่ายอดจัดตั้งธุรกิจใหม่ในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ จำนวน 67,100 แห่ง เพิ่มขึ้น 8% เมื่อเทียบเป็นรายปี ถือว่าทำสถิติสูงสุดตั้งแต่เริ่มมีการจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจใหม่ แม้ว่าจะเผชิญกับการระบาดของโควิด-19 ระลอกที่ 4 ที่ส่งผลกระทบเมื่อปลายเดือนเม.ย. แต่จำนวนธุรกิจรายใหม่ก็เพิ่มขึ้นในหลายพื้นที่ ทั้งนี้ มูลค่าทุนจดทะเบียนจำนวน 942 ล้านล้านดอง (40.9 พันล้านเหรียญสหรัฐ) เพิ่มขึ้น 34% เมื่อเทียบเป็นรายปี จำนวนบริษัทตั้งใหม่ที่เพิ่มขึ้น ได้แก่ อสังหาริมทรัพย์ เพิ่มขึ้น 44.8% รองลงมาบริษัทด้านสุขภาพ การศึกษาและคลังสินค้า ในขณะเดียวกัน จำนวนบริษัทที่ลดลง ได้แก่ บริษัทด้านการผลิตและการจำหน่าย ลดลง 50% รองลงมาธุรกิจที่พัก อาหาร เครื่องดื่ม บริการจัดหางาน เกษตรกรรม ป่าไม้และประมง

ที่มา : https://e.vnexpress.net/news/business/economy/record-high-enterprises-established-despite-outbreaks-4304167.html

เวียดนามตั้งเป้าปี 68 จำนวนคลัสเตอร์โรงงานอุตสาหกรรม ทั้งสิ้น 1,704 แห่ง

นาย เหงวียน ฮ่ง เญียน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าเวียดนาม ได้แถลงการณ์ในที่ประชุมออนไลน์เกี่ยวกับประเด็นการส่งเสริมกลุ่มอุตสาหกรรม เมื่อวันที่ 2 ก.ค. โดยในปี 2563 เวียดนามมีจำนวนจำนวนคลัสเตอร์โรงงานอุตสาหกรรม ทั้งสิ้น 968 แห่ง ครอบคลุมทุกพื้นที่ 30,192 เฮคเตอร์ ซึ่งตามแผนพัฒนาคลัสเตอร์อุตสาหกรรมปี 2568 เวียดนามจะมีคลัสเตอร์โรงงาน จำนวน 1,704 แห่ง ครอบคลุมพื้นที่กว่า 58,123 เฮคเตอร์ ทั้งนี้ นายเญียน ขอให้หน่วยงานท้องถิ่นทำการร่างแผนพัฒนาพื้นที่อย่างเร่งด่วนและเสนอนโยบายเพื่อดึงดูดนักลงทุน ประกอบกับรายละเอียดของกฎ ระเบียบที่ชัดเจน เพื่อบรรลุการดำเนินงาน

ที่มา : https://english.vov.vn/en/economy/vietnam-to-have-1704-industrial-clusters-by-2025-871126.vov

นักวิเคราะห์ ชี้นักลงทุนต่างชาติเทขายหุ้นเวียดนาม เหตุกังวลการระบาดโควิด-19

ตามรายงานของบริษัทหยวนต้า เผยว่านักลงทุนต่างชาติเทขายหุ้นบลูชิพ เป็นมูลค่ากว่า 1 พันล้านเหรียญสหรัฐในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ นักลงทุนที่เทขายหุ้นส่วนใหญ่มาจากเกาหลีใต้ ไต้หวัน ฟิลิปปินส์ ไทยและอินเดีย เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับการระบาดของโควิด-19 ตลอดจนภาวะเงินเฟ้อโลกและค่าเงินดอลลาร์แข็งค่า โดยในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาเพียงเดือนเดียว มีการเทขายหุ้นเป็นมูลค่า 12 พันล้านเหรียญสหรัฐใน 6 ตลาด คิดเป็น 4% ในเวียดนาม อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นเวียดนามยังได้รับมุมมองในเชิงบวก ทั้งด้านเศรษฐกิจและศักยภาพของตลาดหุ้นที่มีการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง

ที่มา : https://e.vnexpress.net/news/business/economy/foreign-investors-sell-out-blue-chips-on-covid-fears-analyst-4302717.html

‘EVFTA’ ผลักดันหนุนการส่งออกของเวียดนามไปยังตลาดออสเตรเลีย

ยอดการค้าระหว่างเวียดนามและออสเตรเลีย เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา เพิ่มขึ้นจาก 256.8 ล้านเหรียญสหรัฐในปี 2552 มาอยู่ที่ 3.6 พันล้านเหรียญสหรัฐในปี 2562 อย่างไรก็ดี เมื่อปีที่แล้ว จากการได้รับผลกระทบของโควิด-19 ทำให้ยอดการค้ารวมลดลงเหลือเพียง 3.2 พันล้านเหรียญสหรัฐ และข้อสังเกตจากการค้า ชี้ให้เห็นว่าเวียดนามเกินดุลการค้ากับออสเตรเลียมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2553 ทั้งนี้ ตามข้อมูลของศูนย์พาณิชยกรรมระหว่างประเทศ (ITC) เผยว่ายอดการนำเข้าของออสเตรเลียจากเวียดนาม พุ่ง 184% เป็นมูลค่า 3.2 พันล้านเหรียญสหรัฐเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งเป็นอัตราการเติบโตสูงสุดในบรดาตลาดนำเข้า 50 อันดับแรกของออสเตรเลีย โดยการเติบโตของการค้านั้น เป็นผลมาจากได้รับอนิสงค์จากความตกลงการค้าเสรีสหภาพยุโรป-เวียดนาม (EVFTA)

ที่มา : https://english.vov.vn/en/economy/evfta-set-to-boost-vietnamese-exports-to-austrian-market-870415.vov

ถั่วฝักยาวเริ่มขายดีในตลาดนะเมาะ

ยอดขายถั่วฝักยาวในตลาดตำบลนะเมาะ เขตมะกเว ดีวันดีคืนอย่างเห็นได้ชัด เกษตรกรเริ่มหันมาปลูกพืชถั่วฝักยาวกันเพิ่มขึ้น เพราะใช้น้ำน้อย ระยะเวลาปลูก 65 วัน สามารถเก็บเกี่ยวขายในราคา 1,500 จัต เกษตรกรปลูกถั่วฝักยาวเป็นหนึ่งในพืชผักสวนครัวหลักในทุกๆ ปี ซึ่งถั่วฝักยาวแต่ละห่อสามารถให้ผลผลิตได้ประมาณหกหรือแปดครั้งในแต่ละครั้ง และสามารถเก็บเกี่ยวได้ทุกสองวัน ตำบลตำบลนะเมาะป็นพื้นที่ที่มีฝนตกน้อย ดังนั้นคนในท้องถิ่นจึงปลูกพืชผักสวนครัวอื่น ๆ นอกเหนือจากการปลูกพืชน้ำมันที่บริโภคได้เพื่อหารายได้เสริมให้กับครอบครัว การที่ราคาพืชผลสูงขึ้นกำลังผลักดันให้ชาวสวนปลูกพืชผลมากขึ้นเช่นกัน

ที่มา: https://www.gnlm.com.mm/long-bean-selling-well-in-natmauk-township/

ครม.อนุมัติทางด่วนบ่อแก้ว-บ่อเต็นเชื่อมจีน-ไทย

รัฐบาลอนุมัติการก่อสร้างทางด่วนระหว่างแขวงบ่อแก้วและแขวงบ่อเต็น ซึ่งจะเชื่อมโยงจีนและไทยและสปป.ลาว ทางพิเศษบ่อแก้ว-บ่อเต็น ได้รับการอนุมัติจากกระทรวงโยธาธิการและคมนาคม โดยจะวิ่งจากบ่อเต็นที่ชายแดนลาว-จีนในแขวงหลวงน้ำทาและต่อไปยังชายแดนลาว-ไทยในเขตห้วยทราย แขวงบ่อแก้วการก่อสร้างทางด่วนระยะทาง 176.3 กม. คาดว่าจะมีมูลค่า 3.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ จะช่วยให้ยานพาหนะสามารถเดินทางได้ 80 กม. ต่อชั่วโมง และลดเวลาการเดินทางระหว่างบ่อเต็นและห้วยทรายให้เหลือเพียงหนึ่งชั่วโมงครึ่ง โครงการนี้เป็นอีกก้าวหนึ่งในความพยายามของรัฐบาลในการเปลี่ยนลาวจากการไม่มีทางออกสู่ทะเลเป็นทางเชื่อมทางบกภายในภูมิภาค

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Govt127.php

กฎหมายอีคอมเมิร์ซในกัมพูชาเริ่มเห็นภาพชัดขึ้น

กฎหมาย e-commerce ของกัมพูชา เริ่มมองเห็นภาพชัดขึ้น ผู้เชี่ยวชาญรวมทั้งเจ้าหน้าที่กระทรวงที่เกี่ยวข้องกฎหมายฉบับนี้อยู่ระหว่างหารือวิธีปฏิบัติ การบังคับใช้และกำหนดขอบเขตในอนาคต โดยมีหอการค้า (EuroCham) เป็นเจ้าภาพผ่านการสัมมนาแบบออนไลน์ Om Dararith ผู้ให้คำปรึกษาแก่กระทรวงพาณิชย์กล่าวว่า “บริษัท e-commerce มีเวลา 6 เดือนในการสมัครเพื่อขอรับใบอนุญาต และสามารถประกอบกิจการได้เฉพาะภายในราชอาณาจักรเท่านั้น ส่วนผลกระทบของการจำกัดช่วงเวลาสมัครนั้น ยังไม่สามารถบอกได้เนื่องจากกระทรวงกำลังอยู่ในขั้นตอนการกระจายข้อมูลเกี่ยวกับกฎหมาย” และกล่าวเสริมว่าธุรกิจ e-commerce ที่ประกอบในประเทศกัมพูชาปัจจุบันนี้ต้องมีการเตรียมการเพื่อปฏิบัติตามกฎหมาย e-commerce ที่กำลังจะมีผลบังคับใช้ โดยต้องเตรียมเอกสารเพื่อขอรับใบอนุญาตให้ถูกต้อง ขณะนี้กระทรวงพาณิชย์กำลังพัฒนา website ให้ผู้ประกอบธุรกิจสามารถขออนุญาตผ่านช่องทาง online (ซึ่งปัจจุบันต้องส่งแบบฟอร์มกระดาษเท่านั้น) ซึ่งภาพรวมธุรกิจ e-commerce ในประเทศกัมพูชาเป็นไปในทิศทางที่ดี

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50884606/uncertainties-about-e-commerce-laws-addressed-by-eurocham/

รีสอร์ตในกัมพูชาเริ่มเลิกจ้างพนักงานหลังการแพร่ระบาดยังไม่สิ้นสุด

อุตสาหกรรมท่องเที่ยวทวีปเอเชียได้รับผลกระทบจากโรคระบาด Covid และการฟื้นฟูยังคงอีกยาวไกล เนื่องจากมาตรการไม่รับนักท่องเที่ยวสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของกัมพูชาก็ตกอยู่ในสภาวะถดถอย อัตราการว่างงานในภาคท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ กระทรวงท่องเที่ยวคาดว่าอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวยังไม่สามารถฟื้นตัวเต็มที่จนถึงปลายปี 2023 ขณะนี้กำลังเร่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและรีสอร์ตภายในประเทศเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวหลังจากเปิดประเทศ ประกอบด้วย โครงการสร้างสนามบินใหม่ในพนมเปญ โครงการพัฒนา Mondulkiri เพื่อเป็นศูนย์การของการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ (ecotourism) หนึ่งในโฆษกอุตสาหกรรมท่องเที่ยวกล่าวว่า “แผนการฉีดวัคซีน Covid ของรัฐบาลเป็นไปได้ดีเทียบกับหลายๆประเทศในอาเซียน อย่างไรก็ดี อุตสาหกรรมท่องเที่ยวไม่สามารถรอให้โรคระบาดหมดได้เช่นกัน จึงอยากให้รัฐบาลพิจารณาเปิดเขตแดนที่วางแผนว่าจะเปิดภายในไตรมาศ 4 ปีนี้ โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวที่ได้รับวัคซีนแล้ว ซึ่งจะช่วยฟื้นฟูการท่องเที่ยวที่ซบเซาใน 2 ปีที่ผ่านมา อีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญคือรัฐบาลต้องพิจารณามาตราการช่วยเหลือเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำหรือปลอดดอกเบี้ยให้แก่อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเนื่องจากผู้ประกอบการกำลังขาดแคลนเงินทุนสำรอง”

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50884775/resorts-lay-off-workers-with-no-end-to-covid-in-sight