‘ผู้ประกอบการเวียดนาม’ แนะใช้ประโยชน์จากการย้ายห่วงโซ่อุปทาน

คุณ Phùng Anh Tuấn รองผู้อำนวยการของบริษัท Manutronic Vietnam JSC กล่าวว่าการเปลี่ยนแปลงของห่วงโซ่อุปทานโลก ส่งผลให้บริษัทและกลุ่มธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ ในเวียดนาม มีโอกาสที่จะอยู่ในห่วงโซ่อุปทานโลก และขยายกิจการทั้งการผลิตและการดำเนินธุรกิจ รวมถึงสร้างแรงงานมากขึ้น อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวจะทำให้อุตสาหกรรมสนับสนุนในประเทศเผชิญกับความท้าทายครั้งสำคัญ เนื่องมาจากกฎระเบียบและข้อบังคับต้องเป็นไปตามมาตรฐานระดับสูงของพันธมิตรทางธุรกิจ

ในขณะที่คุณ Trâong Thị Chí Bình รองประธานสมาคมอุตสาหกรรมสนับสนุนเวียดนาม (VASI) กล่าวว่าธุรกิจอุตสาหกรรมของเวียดนามส่วนใหญ่เป็นวิสาหกิจขนาดย่อมและขนาดกลาง และดำเนินกิจการจากการจัดหาส่วนประกอบและชิ้นส่วนรถยนต์ อิเล็กทรอนิกส์และรถจักรยานยนต์ อย่างไรก็ดี การผลิตชิ้นส่วนสำหรับสินค้าไฮเทค เช่น รถยนต์และเครื่องบิน จำเป็นที่จะต้องมีการเตรียมการในระยะยาว

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/1650949/vietnamese-businesses-suggested-taking-advantage-of-global-supply-chain-shifts.html

อัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้นส่งผลให้ราคาอาหารพุ่งสูงขึ้น

จากดัชนีราคาผู้บริโภคที่พุ่งสูงขึ้น ราคาอาหารเ เช่น Monhinga (ก๋วยเตี๋ยวปลาแบบดั้งเดิมพร้อมเครื่องเสริม) แป้งทอด ขนมปัง แป้งนาน และอื่นๆ มีราคาเพิ่มขึ้นอย่างน่าทึ่งในปีนี้ โดยราคาส่วนผสมที่สูง (ข้าวสาลี ไข่ ข้าว น้ำมัน และอื่นๆ) ในการทำอาหารเหล่านั้น กระตุ้นให้ผู้ขายต้องขึ้นราคาอาหารจากเดิมอย่างน้อย 300–500 จ๊าด ในทำนองเดียวกัน ราคาข้าวสาลีขยับขึ้นเป็น 155,000 จ๊าดต่อถุง จากเดิม 145,000 จ๊าดต่อถุง รวมทั้งราคาขายปลีกน้ำตาลก็เพิ่มขึ้นเป็น 4,300 จ๊าดต่อviss และราคาแป้งยังเพิ่มขึ้นเป็น 5,200-5,400 จ๊าดต่อviss จาก 4,800 จ๊าดต่อviss  อย่างไรก็ดี เนื่องจากราคาของชำในครัว ซึ่งรวมถึงข้าว ปลา เนื้อสัตว์ และผัก พุ่งสูงขึ้น ร้านแผงลอยริมถนนบางแห่งที่เสิร์ฟข้าวแกงพม่าก็ขึ้นราคาอาหารหนึ่งมื้อเป็น 3,000 จ๊าด ซึ่งส่งผลให้ภาคครัวเรือนมีภาระค่าใช้จ่ายมากขึ้น

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/rising-inflation-sends-breakfast-costs-soaring/#article-title

บริษัทผลิตเนื้อวัวของ สปป.ลาว เล็งส่งออกเนื้อวัวไปยังจีนมากขึ้น

กลุ่มบริษัท ดวงเจริญพัฒนา กำลังจัดตั้งฟาร์มปศุสัตว์ขนาดใหญ่ในแขวงบ่อแก้ว สปป.ลาว โดยมีเป้าหมายเพื่อจัดหาเนื้อวัวให้กับตลาดในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะจีน ซึ่งกลุ่มบริษัท ดวงเจริญพัฒนา ได้รับสัมปทานที่ดิน 5 แปลง จากรัฐบาล ครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมด 3,687 เฮกตาร์ เพื่อปลูกหญ้าและเลี้ยงโค โดยประธานและผู้อำนวยการของบริษัท กล่าวว่า โครงการนี้เริ่มต้นในปี 2564 และได้ทำการทดลองเลี้ยงวัว 4 สายพันธุ์ จนถึงขณะนี้ บริษัทได้ส่งออกวัวไปแล้วมากกว่า 1,000 ตัว ส่วนใหญ่ไปยังจีน ไทย และเวียดนาม ทั้งนี้ กลุ่มบริษัท ดวงเจริญพัฒนา ได้สร้างงานให้กับคนในท้องถิ่นมากกว่า 300 ตำแหน่ง มีส่วนช่วยในการพัฒนาเศรษฐกิจในแขวงบ่อแก้ว และส่งผลให้ สปป.ลาว สามารถสร้างรายได้มากกว่า 1.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ จากการส่งออกสินค้าเกษตรในปี 2566 ซึ่งเกินเป้าหมายกว่า 20.18% สินค้าเกษตรหลักที่ส่งออก ได้แก่ กล้วย ยางพารา มันสำปะหลัง อ้อย วัว และกระบือ โดยจีนเป็นผู้ซื้อรายใหญ่ที่สุด รัฐบาลลาวสนับสนุนให้เกษตรกรและผู้ผลิตเพิ่มการส่งออกเพื่อนำเงินตราต่างประเทศ ช่วยลดอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศที่สูงในช่วงที่ผ่านมา

ที่มา : https://english.news.cn/asiapacific/20240223/1b37e1a966b24406a4d9d723b13ce70e/c.html

สปป.ลาว คาดว่าแขวงเวียงจันทน์จะสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวได้กว่า 9 แสนคนในปีนี้

แขวงเวียงจันทน์กลายเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวทั้งในประเทศและต่างประเทศมายาวนาน และคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวมาเยือนประมาณ 9 แสนคน ภายในสิ้นปีนี้ เนื่องจากแขวงเวียงจันทน์มีข้อได้เปรียบมากมาย เช่น เป็นที่ตั้งของเมืองหลวง มีเมืองที่มีทรัพยากรการท่องเที่ยวมากมาย การผลิตทางการเกษตรที่แข็งแกร่ง ทรัพยากรธรรมชาติที่ดีต่อสุขภาพ และวิถีชีวิตที่หลากหลาย นับตั้งแต่เปิดประเทศอีกครั้งในปลายปี 2565 การท่องเที่ยวในแขวงเวียงจันทน์ก็ได้รับการฟื้นฟูอย่างค่อยเป็นค่อยไป ตามที่นายบุญจันทร์ มาลาวงศ์ ผู้ว่าเมืองวังเวียง กล่าวว่า ปีที่แล้วมีนักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศมากกว่า 8 แสนคน มาเยือนแขวงเวียงจันทน์ และมากกว่า 6 แสนคน มาเยี่ยมชมสถานที่ท่องเที่ยวในวังเวียง และผู้คนมากกว่า 2 แสนคน มาเยี่ยมชมเมืองมากกว่าจำนวนที่ตั้งเป้าหมายไว้ในปี 2566

ที่มา : https://kpl.gov.la/EN/detail.aspx?id=80798

‘จีน’ ยังคงครองอันดีบหนึ่ง ซัพพลายเออร์รายใหญ่ที่สุดในเวียดนาม

กรมศุลกากรเวียดนาม เปิดเผยว่าจีนยังเป็นซัพพลายเออร์รายใหญ่ที่สุดของเวียดนามในกลุ่มตลาดนำเข้ารายใหญ่ 7 แห่ง มีมูลค่าการค้ามากกว่า 1 พันล้านเหรียญสหรัฐในเดือน ม.ค. โดยเฉพาะมูลค่าการนำเข้าของเวียดนามจากตลาดจีน อยู่ที่ 11.88 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นกว่า 65% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ในขณะที่สินค้าที่มีการนำเข้ามากที่สุด ได้แก่ เครื่องจักรและชิ้นส่วน คอมพิวเตอร์ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และเหล็กกล้า

ที่มา : https://english.vov.vn/en/economy/china-maintains-place-as-largest-provider-of-goods-to-vietnam-post1078990.vov

รัฐบาล สปป.ลาว ประกาศเพิ่มค่าธรรมเนียมการทำหนังสือเดินทางฉบับใหม่

กระทรวงการต่างประเทศ สปป.ลาว ได้ประกาศว่าจะเพิ่มค่าหนังสือเดินทางเป็น 60 ดอลลาร์สหรัฐฯ สำหรับหนังสือเดินทางที่มีชิปอิเล็กทรอนิกส์ (e-passport) และ 40 ดอลลาร์สหรัฐฯ สำหรับหนังสือเดินทางปกติราคาใหม่จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 4 มีนาคม 2567 โดยจะต้องชำระเงินเป็นกีบตามอัตราแลกเปลี่ยนปัจจุบันตามที่กระทรวงการคลังกำหนด ค่าธรรมเนียมการดำเนินการที่เพิ่มขึ้นจะทำให้รายได้เพิ่มขึ้นสำหรับเงินกองทุนของรัฐบาล และช่วยให้มั่นใจว่ามีเงินทุนเพียงพอเพื่อให้ดำเนินการเกี่ยวกับหนังสือเดินทางได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ค่าธรรมเนียมดังกล่าวครอบคลุมค่าอุปกรณ์ไอทีนำเข้าที่ใช้ในการผลิตหนังสือเดินทาง และค่าบำรุงรักษาอุปกรณ์นี้และระบบอื่นๆ ที่เจ้าหน้าที่กรมกงสุลใช้เพื่อให้แน่ใจว่ามีการค้างในกระบวนการผลิตน้อยลง นับตั้งแต่วันที่เริ่มใช้ค่าธรรมเนียมใหม่ จะสามารถออกหนังสือเดินทางเล่มใหม่ได้ภายใน 10 วันทำการ

ที่มา: https://www.vientianetimes.org.la/freefreenews/freecontent_40_Govt_y24.php

ธนาคารแห่ง สปป.ลาว กำหนดให้นักลงทุนต่างชาติเปิดบัญชี FDI

ธนาคารแห่ง สปป.ลาว (BOL) ได้บังคับใช้กฎระเบียบใหม่ ซึ่งกำหนดให้นักลงทุนต่างชาติต้องเปิดบัญชีธนาคารเพื่อการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ไม่ว่าจะเป็นสกุลเงินกีบลาวหรือสกุลเงินต่างประเทศที่แปลงสภาพกับธนาคารพาณิชย์ภายใน 15 วันหลังจากได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกและติดตามการไหลเวียนของเงินทุน ขณะเดียวกันก็ส่งเสริมการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศใน สปป.ลาว เมื่อโอนเงินเข้าธนาคารพาณิชย์ในประเทศลาวแล้ว ผู้ลงทุนต่างประเทศจะต้องยื่นขอ Capital Importation Certificate (CIC) ต่อฝ่ายบริหารการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศภายใน 30 วัน

ที่มา : https://laotiantimes.com/2024/02/22/bol-policy-mandates-foreign-investors-to-open-fdi-account/

‘ซีบีอาร์อี’ เผยผลสำรวจ ชี้เวียดนามกลายเป็นหนึ่งในตลาดเกิดใหม่ ดึงดูดนักลงทุนต่างชาติมากที่สุด

ซีบีอาร์อี บริษัทที่ปรึกษาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำระดับโลก เปิดเผยผลการสำรวจประจำเดือนพฤศจิกายนและธันวาคม พบว่าเวียดนามกลายเป็นหนึ่งในตลาดเกิดใหม่ที่มีความต้องการทางด้านการลงทุนมากที่สุด ตามหลังอินเดียในแง่ความน่าดึงดูดของนักลงทุน โดยเวียดนามมีข้อได้เปรียบทางด้านภูมิประเทศและเศรษฐกิจที่มีความแข็งแกร่ง รวมถึงใช้กลยุทธ์ที่มุ่งเน้นการส่งออกไปยังตลาดต่างประเทศและดำเนินการห่วงโซ่อุปทานให้มีประสิทธิภาพ ด้วยเหตุนี้ทำให้นักลงทุนมองเห็นถึงศักยภาพทั้งด้านการพัฒนาอุตสาหกรรมของประเทศและพัฒนาพื้นที่อยู่อาศัย อย่างไรก็ดียังมีข้อจำกัดทางด้านกฎหมายในการถือครองทรัพย์สินและที่ดิน หรือการเข้าถึงแหล่งเงินทุนที่เป็นอุปสรรค

ที่มา : https://vietnamnet.vn/en/viet-nam-among-the-most-sought-after-emerging-markets-survey-2252988.html

รัฐมนตรีกระทรวงอุตสาหกรรมเยี่ยมชมโรงงานการผลิตรถบัส Daewoo และโรงงานกระดาษ (Yeni)

วานนี้ ดร. ชาร์ลี ธาน รัฐมนตรีกระทรวงอุตสาหกรรมของสหภาพแรงงาน เยี่ยมชมโรงงานการผลิตรถบัส Daewoo ในเมือง Htaukkyant เมือง Mingaladon เขตย่างกุ้ง  โดยได้มีการเข้าตรวจสอบการผลิตรถบัสโดยสาร Daewoo และให้คำแนะนำในการเร่งดำเนินโครงการประกอบและผลิตรถโดยสารไฟฟ้า ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของรัฐในการสนับสนุนการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้า ทั้งนี้ รัฐมนตรีสนับสนุนให้เจ้าหน้าที่ของบริษัทปฏิบัติตามพันธกรณีความรับผิดชอบต่อสังคมขององค์กร (CSR) ด้วยการจัดตั้งสถานีชาร์จและที่ชาร์จมือถือสำหรับยานพาหนะไฟฟ้าตามระเบียบการที่จัดตั้งขึ้น รวมทั้งยังได้เดินทางไปยังโรงงานกระดาษ (Yeni) ในเขตพะโค เพื่อดำเนินการเยี่ยมชมและตรวจสอบงานซ่อมแซมและปรับแต่งเครื่องจักรผลิตเยื่อและกระดาษขนาดเล็ก โดยเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการจัดตั้งกลุ่มเพื่อผลิตเครื่องจักรผลิตเยื่อกระดาษขนาดเล็กที่สามารถผลิตได้สามถึงห้าตันต่อวัน โดยมีเป้าหมายเพื่อพัฒนาเครื่องจักรที่สามารถผลิตได้มากถึงสิบตันต่อวัน นอกจากนี้ เขายังสั่งว่าการออกแบบเครื่องผลิตเยื่อกระดาษขนาดเล็กควรผ่านการประมวลผลล่วงหน้า และอุปกรณ์ในห้องปฏิบัติการควรได้รับการตรวจสอบและปรับปรุง

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/moi-union-minister-visits-daewoo-bus-manufacturing-workshop-paper-factory-yeni/

รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ออกเดินทางร่วมงาน VIFA EXPO ครั้งที่ 15 ที่ประเทศเวียดนาม

คณะผู้แทนเมียนมานำโดย U Min Min รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เดินทางออกจากย่างกุ้งไปยังเวียดนามเมื่อวานนี้ เพื่อเข้าร่วมงาน Vietnam International Furniture and Home Accessories Fair ครั้งที่ 15 ซึ่งวางแผนจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 26-29 กุมภาพันธ์ ที่ SKY EXPO Vietnam International Exhibition Center ในเมืองโฮจิมินห์ ประเทศเวียดนาม โดยนิทรรศการนี้จะเปิดโอกาสให้นักธุรกิจ เช่น ผู้ผลิต ผู้ขาย และผู้ซื้อเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบ้านจากต่างประเทศ ได้ร่วมเจรจาโดยตรงระหว่างนักธุรกิจด้วยกัน และบรรลุโอกาสในการร่วมมือทางธุรกิจเพื่อเพิ่มการส่งออกผลิตภัณฑ์เฟอร์นิเจอร์เมียนมาไปยัง ตลาดต่างประเทศ อย่างไรก็ดี คณะผู้แทนเมียนมาจะเข้าร่วมงาน ศึกษาสภาพการปลูกมะพร้าวและการส่งออกในเวียดนาม และหารือประเด็นที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีการผลิตทางการเกษตร

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/deputy-minister-for-commerce-leaves-for-15th-vifa-expo-in-vietnam/