ท่าเรือเพื่อการท่องเที่ยวในกัมพูชาคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในสิ้นปีนี้

การก่อสร้างท่าเรือเพื่อการท่องเที่ยวระหว่างประเทศในจังหวัดกำปอตเสร็จสมบูรณ์แล้วประมาณร้อยละ 50 และคาดว่าจะแล้วเสร็จในปลายปี 2564 โดยความคืบหน้าดังกล่าวได้นำเสนอในที่ประชุมเพื่อทบทวนการดำเนินโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางด้านการท่องเที่ยวเพื่อการเติบโต ด้านสิ่งแวดล้อมในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงใน 4 จังหวัดชายฝั่งของกัมพูชา ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและประธานคณะกรรมการบริหารโครงการระดับชาติเป็นประธานการประชุมเมื่อวันที่ 20 ม.ค. โดยการประชุมดังกล่าวมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาการท่องเที่ยว ผ่านโครงสร้างพื้นฐานรองรับการท่องเที่ยว ได้แก่ ท่าเรือนานาชาติกำปอตเพื่อการท่องเที่ยว ซึ่งแนะนำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินโครงการอย่างมีประสิทธิผลและสำเร็จลุล่วงตามแผนที่วางไว้ เพื่อเป็นการพัฒนาภาคการท่องเที่ยวภายในประเทศ

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50806066/tourism-seaport-construction-to-be-completed-by-year-end/

รัฐบาลสปป.ลาวสนับสนุนการลงทุนของภาคเอกชนในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน

รัฐบาลสปป.ลาวได้ออกพระราชกฤษฎีกาเพื่อส่งเสริมการมีส่วนร่วมของนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและโครงสร้างด้านสาธารณูปโภค โดยโครงการทั้งหมดจะทำผ่านโครงการความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน (PPP) โครงการ PPP กำลังแพร่หลายในสปป.ลาวเนื่องจากรัฐบาลต้องการการลงทุนจำนวนมากเพื่อปรับปรุงโครงข่ายถนนทางรถไฟและสิ่งอำนวยความสะดวกอื่น ๆ เพื่อกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจ จากข้อมูลด้านการลงทุนภายในประเทศพบว่า การลงทุนของภาคเอกชนคิดเป็นมากกว่าร้อยละ 50 ของการลงทุนทั้งหมดในสปป.ลาว ทำให้รัฐบาลสปป.ลาวมุ่งมั่นที่จะเสนอสิ่งจูงใจเพื่อส่งเสริมการลงทุนของภาคเอกชน อย่างไรก็ตามการลงทุนในแต่ละโครงการต้องพิจารณาถึงส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมหรือสุขภาพของชุมชนท้องถิ่นควบคู่ไปด้วย ตามแผนยุทธศาสตร์แห่งชาติสปป.ลาวที่สนับสนับการลงทุนที่ควบคู่ไปกับการดูแลสิ่งแวดล้อม

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Govt_16.php

สแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด คาดเศรษฐกิจเวียดนาม ปี 64 โต 7.8%

ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด คาดการณ์เศรษฐกิจเวียดนามปีนี้โต 7.8% อานิสงค์จากการผลักดันของอุตสาหกรรมการผลิต นายทิม ลีฬหะพันธุ์ (Tim Leelahaphan) นักเศรษฐศาสตร์ประจำธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด กล่าวว่าเศรษฐกิจเวียดนามฟื้นตัวตั้งแต่ช่วงไตรมาสที่ 3 ของปีที่แล้ว ซึ่งการลงทุนจากต่างประเทศและภาคบริการถือเป็นปัจจัยขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจที่สำคัญในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ทั้งนี้ เวียดนามเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางที่น่าสนใจของนักลงทุนต่างชาติ หลังจากประสบความสำเร็จในการควบคุมเชื้อไวรัสโควิด-19 ประกอบกับเวียดนามได้รับประโยชน์จากสมรภูมิการค้าสหรัฐ-จีน แต่ว่าน่าจะไม่สิ้นสุดในรัฐบาลโจ ไบเดน นอกจากนี้ ธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย (ADB) คาดเศรษฐกิจเวียดนามโต 6.1% ตามมาด้วยกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) คาดว่าโต 6.5% และธนาคารเอชเอสบีซี (HSBC) คาดว่าจะขยายตัว 7.6% อย่างไรก็ตาม รัฐบาลตั้งเป้าการเติบโตไว้ที่ 6.5%

  ที่มา : https://e.vnexpress.net/news/business/economy/vietnam-to-grow-at-7-8-pct-in-2021-standard-chartered-4225459.html

ฟินแลนด์เตรียมลงทุน 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในโครงการการลงทุนภาครัฐ

ฟินแลนด์เตรียมเงิน 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อนำไปลงทุนโครงการภาครัฐในเวียดนามปีนี้ ภายใต้ข้อตกลงกรอบทวิภาคีที่เกี่ยวข้องกับสิ่งอำนวยความสะดวกด้านการลงทุนภาครัฐ (PIF) โดยข้อตกลงดังกล่าว ได้ลงนามเมื่อวันที่ 21 มกราคม นาย Kari Kahiluoto เอกอัครราชทูตฟินแลนด์ประจำเวียดนาม เปิดเผยว่าเขาและรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังเวียดนามได้รับมอบอำนาจให้ลงนามในข้อตกลงนี้ ทั้งนี้ เอกอัครราชทูตฟินแลนด์ กล่าวว่า ‘PIF’ มีวัตถุประสงค์เพื่อให้การสนับสนุนทางการเงินแก่โครงการลงทุนภาครัฐในประเทศกำลังพัฒนา รวมถึงส่งเสริมโครงการลงทุนที่เกี่ยวกับน้ำประปา การปกป้องสิ่งแวดล้อม การเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศ พลังงานและเทคโนโลยีสะอาด เป็นต้น

ที่มา : https://english.thesaigontimes.vn/80313/finland-to-provide-us$100-million-for-public-investment-projects-in-vietnam.html

เมียนมาเดินหน้าตั้งศูนย์ตลาดสินค้าเกษตร ในเนปยีดอ

กระทรวงเกษตรปศุสัตว์และชลประทาน มีแผนที่จะจัดตั้งศูนย์ตลาดสินค้าเกษตรในเนปิดอว์เพื่อพัฒนาตลาดสินค้าเกษตรของประเทศ มีกำหนดเปิดทำการในวันที่ 20 มกราคม 64 ซึ่งจะได้รับการพัฒนาโดยความร่วมมือกับองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศของสาธารณรัฐเกาหลี โดยได้รับการจัดสรรเงินทุนจำนวน 8.37 ล้านดอลลาร์สหรัฐซึ่งจะเป็นประโยชน์กับเกษตรกรในท้องถิ่นเป็นอย่างมา ซึ่งโครงการนี้จะให้ความสำคัญกับธุรกิจหลังการเก็บเกี่ยวเป็นหลัก โครงการนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยเหลือการพัฒนาตลาดการเกษตรของเมียนมา โดยเมียนมาหวังว่าจะสร้างผลประโยชน์ร่วมกันทั้งผู้ผลิตและผู้บริโภคนำไปสู่การยกระดับครองชีพของเกษตรกรให้สูงขึ้น

ที่มา: https://www.mmtimes.com/news/myanmar-set-agri-market-centre-nay-pyi-taw.html

พาณิชย์ลุยแก้ปัญหาตกเขียวกระเทียม ดึงเอกชนช่วยรับซื้อกก.13.50บ.

พาณิชย์ คลอดมาตรการเชิงรุกช่วยเหลือชาวไร่กระเทียม ดึงเอกชน 8 รายทำสัญญาซื้อขายล่วงหน้า กก.ละ 13.50 บาท หลังพบตกเขียวกดราคาเหลือ กก.8 บาท พร้อมอัดมาตรการเสริม ช่วยดอกเบี้ยเงินกู้ 3% เพื่อซื้อกระเทียมเก็บ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยหลังการประชุมวางแผนเชิงรุกรองรับการแก้ไขปัญหากระเทียม ณ ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ ว่า กระทรวงฯ ได้เตรียมการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกกระเทียมเป็นการล่วงหน้าเพื่อรองรับผลผลิตที่จะออกสู่ตลาดมากช่วงเดือน ก.พ.-มี.ค. โดยกรมการค้าภายในได้ประสานงานกับพาณิชย์จังหวัด ซึ่งเป็นทีมเซลส์แมนของจังหวัด ร่วมกับภาคเอกชนจัดให้มีการเจรจาซื้อขายกระเทียมสดในราคาที่เป็นธรรม 8 สัญญา มีภาคเอกชน 8 บริษัทเป็นผู้ซื้อและกลุ่มเกษตรกร 8 กลุ่มเป็นผู้ขาย ในราคากระเทียมสดกิโลกรัมละ 13.50 บาท ซึ่งเป็นราคาชี้นำตลาดในฤดูกาลผลิตนี้ ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์ยังได้กำหนดมาตรการเสริมในช่วงที่กระเทียมออกมาก โดยมีมาตรการชะลอขาย ถ้าเกษตรกร ผู้รวบรวมกระเทียมหรือสหกรณ์ กลุ่มเกษตรกรชะลอขาย จะมีวงเงินช่วยเหลือเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำให้เกษตรกร กลุ่มเกษตรกร สหกรณ์ผู้รวบรวมกระเทียม ประมาณ 6 เดือน เมื่อราคาดีค่อยขาย ช่วยดอกเบี้ย 3% และมาตรการทางกฎหมายให้มีการบังคับใช้กฎหมายเข้มงวด โดยเฉพาะปัญหาการลักลอบการนำเข้ากระเทียมจากต่างประเทศ โดยได้สั่งการให้กรมศุลกากร ตำรวจ ฝ่ายความมั่นคง และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง เคร่งครัดการแก้ปัญหาลักลอบการนำเข้า ซึ่งจะนำเรื่องนี้ไปเรียนให้ที่ประชุม ครม.ทราบอีกครั้งหนึ่งในวันที่ 26 ม.ค.64 เพื่อให้นายกรัฐมนตรีได้สั่งการกำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงแก้ปัญหาการลักลอบนำเข้ากระเทียมต่อไป  นอกจากนี้ จะเข้มงวดการออกไปอนุญาตนำเข้ากระเทียม ให้มีการตรวจสอบปริมาณและคุณภาพของกระเทียมที่นำเข้า และเข้มงวดการตรวจสอบการขนย้าย หากตรวจพบการกระทำผิดจะมีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ 

ที่มา: https://www.dailynews.co.th/economic/820902

TFG คาดรายได้ปี 64 โต 15% ลุยขยายการผลิตไก่ปรุงสุก-ธุรกิจหมูรองรับดีมานด์

นายเพชร นันทวิสัย รองประธานสายงานฟาร์มและพัฒนาคุณภาพ บมจ.ไทยฟู้ดส์ กรุ๊ป (TFG) เปิดเผยว่า บริษัทฯ คาดรายได้ปี 64 จะเติบโตได้ราว 15% จากปีก่อน ซึ่งยังคงมาจากธุรกิจไก่ โดยเฉพาะไก่ปรุงสุกที่มีการเติบโตอย่างมากในส่วนของลูกค่าเก่า โดยบริษัทฯ ก็มีแผนเพิ่มกำลังการผลิตในปีนี้เป็น 15,000 ตัน/ปี จากสิ้นปี 63 อยู่ที่ 9,000-10,000 ตัน/ปี ของกำลังการผลิตที่สามารถรองรับได้ทั้งหมด 20,000 ตัน/ปี เพื่อรองรับการเติบโตที่เพิ่มเป็นเท่าตัว อีกทั้งยังมาจากการส่งออกไก่ ที่ปีนี้มีแผนเปิดตลาดใหม่ๆ มากขึ้น เช่น เกาหลี เป็นต้น ทำให้ในภาพรวมของธุรกิจไก่ก็น่าจะเติบโตได้ 5%  ทั้งนี้ ธุรกิจสุกร ทั้งในประเทศไทยและเวียดนามก็ถือว่าเป็น Growth Driver ที่สำคัญในปีนี้ โดยบริษัทฯ คาดว่าจะมีรายได้เติบโต 20-25% จากในประเทศโต 15% และเวียดนามเติบโตเป็นเท่าตัว เนื่องจากซัพพลายสุกรยังขาดแคลนทั้งในภูมิภาค เช่น จีน, เวียดนาม หรือใน CLMV รวมถึงฟิลิปปินส์ สืบเนื่องจากปัญหาโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร (African swine fever:ASF) แม้ว่าปีนี้จีนจะดูฟื้นตัวขึ้นมาได้บ้างพอสมควร แต่โดยรวมทั้งภูมิภาคสุกรก็ยังลดลง หรือซัพพลายยังน้อยกว่าดีมานด์ และราคาสุกรก็อยู่ในระดับสูง นายเพชร เปิดเผยว่า บริษัทจึงมีแผนลงทุนขยายฟาร์มสุกรในปีนี้ โดยวางเป้าเติบโต 30% จากปัจจุบันที่มีการจำหน่ายสุกรอยู่ที่ 100,000 ตัว/เดือน รวมถึงลงทุนโรงชำแหละสุกร และโรงงานอาหารสัตว์ เพื่อรองรับกับความต้องการที่เพิ่มขึ้น โดยวางงบลงทุนไว้ราว 2,500 ล้านบาท 

ที่มา : https://www.ryt9.com/s/iq05/3193473

เวียดนามเผยช่วงครึ่งแรกของ ม.ค. ขาดดุลการค้า 250 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

ตามรายงานสถิติของกรมศุลกากรเวียดนาม เปิดเผยว่าเวียดนามขาดดุลการค้า 250 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในช่วงครึ่งแรกของเดือนมกราคม มูลค่าการนำเข้าและส่งออกรวมอยู่ที่ 26.05 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งจากตัวเลขดังกล่าว มูลค่าการส่งออกของเวียดนามรวม 12.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และมูลค่าการนำเข้า 13.15 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ทั้งนี้ ในช่วงครึ่งแรกของเดือนมกราคม เวียดนามมีสินค้าส่งออก 4 กลุ่มที่มีมูลค่ามากกว่า 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ได้แก่ เครื่องจักรและชิ้นส่วน 1.45 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ พุ่ง 72% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว รองลงมาโทรศัพท์และชิ้นส่วน, คอมพิวเตอร์, อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และส่วนประกอบ และเครื่องนุ่งห่มและสิ่งทอ ในขณะที่ มูลค่าการนำเข้าเพิ่มขึ้น 2.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

ที่มา : https://english.vov.vn/en/economy/nation-records-trade-deficit-of-us250-million-in-first-half-of-january-832166.vov

เวียดนามก้าวขึ้นเป็นฐานการผลิตโทรศัพท์และแล็ปท็อปของโลก

ผลิตภัณฑ์ซัมซุง (Samsung) และแอปเปิล (Apple) หลายประเภทไปผลิตในเวียดนาม และคาดว่าจะมีบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำอื่นๆ ย้ายสายการผลิตมายังเวียดนามมากขึ้น กรณีไอแพด (iPad) และแม็คบุ๊ก (MacBook) ที่ผลิตในเวียดนามนั้น พบว่าเมื่อวันที่ 18 ม.ค. จังหวัดบั๊กซาง รับรองการลงทุนของ Fukang Technology ที่ดำเนินการโดย Foxconn ซัพพลายเออร์รายใหญ่ของ Apple ที่ตั้งอยู่ในเขตอุตสาหกรรมกว่างนินห์ ด้วยเงินทุนจดทะเบียน 270 ล้านดอลลาร์สหรัฐ มีเป้าหมายเพื่อผลิตแท็บเล็ตและแล็ปท็อป ในอีกด้านหนึ่งนั้น กระแสการลงทุนใหม่ในเทคโนโลยี เวียดนามได้รับการลงทุนจากสายเทคโนโลยีของธุรกิจชั้นนำ อาทิ แคนนอน ไมโครซอฟท์ โนเกียและแอลจี เป็นต้น โดยเฉพาะซัมซุงและแอปเปิล ที่เข้าร่วมการลงทุนแล้ว โดยการลงทุนในระลอกใหม่จะเข้ามายังเทคโนโลยีขั้นสูง โดยเฉพาะบริษัทที่กำลังออกจากจีน ทั้งนี้ องค์กรระหว่างประเทศ ชี้ให้เห็นว่าเวียดนามเป็นจุดหมายปลางทางของบริษัทสหรัฐฯ และยุโรป ที่ต้องการกระจายห่วงโซ่อุปทานในเอเชีย

ที่มา : https://vietnamtimes.org.vn/vietnam-to-become-global-base-for-phone-and-laptop-production-27509.html

3 เดือนแรกของปีงบฯ 63-64 เมียนมานำเข้าสินค้าทุนกว่า 1.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

จากข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์ เมียนมานำเข้าสินค้าทุนมูลค่ากว่า 1.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมาของปีงบประมาณ 63-64 ลดลงกว่า 510 ล้านเหรียญสหรัฐเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ณ ปัจจุบันมีการนำเข้าสินค้าทุนมูลค่า 1.475 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เมื่อเทียบกับปีบัญชีก่อนหน้าคือ 1.993 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ จากรายงานของคณะกรรมการการลงทุนและกำกับดูแลบริษัท (DICA) เมียนมามีการลงทุนจากต่างประเทศมากกว่า 25.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐตั้งแต่ปีงบประมาณ 59-60 ถึงปี 63 ส่วนใหญ่จะลงทุนใน 11 ภาคธุรกิจ เช่น การผลิต การขนส่งและการสื่อสาร การพัฒนาที่อยู่อาศัย พลังงาน การโรงแรมและการท่องเที่ยว ปศุสัตว์และประมง น้ำมันและก๊าซ การเกษตร เหมืองแร่และการบริการ โดยภาคการผลิตมีการลงทุนมากที่สุดมีการลงทุนกว่า 6.289 พันล้านดอลลาร์สหรัฐจากธุรกิจจำนวน 719 แห่งคิดเป็นสัดส่วนกว่า 26% ของการลงทุนทั้งหมด ทั้งนี้ธุรกิจ 29 แห่งลงทุน 6.135 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในการขนส่งและการสื่อสารซึ่งคิดเป็น 25% -ของการลงทุน

ที่มา: https://elevenmyanmar.com/news/over-14bn-worths-of-capital-goods-imported-in-over-three-months