การท่องเที่ยวภายในประเทศถือเป็นกุญแจสำคัญในการฟื้นฟูทางเศรษฐกิจของกัมพูชา

อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวถือเป็นเสาหลักในการขับเคลื่อนการเติบโตของเศรษฐกิจกัมพูชา โดยรายงานขององค์การการท่องเที่ยวโลกแห่งสหประชาชาติ (UNWTO) ระบุว่ามีการเดินทางของนักท่องเที่ยวชาวกัมพูชาภายในประเทศมีมากถึง 11.2 ล้านคน ในกัมพูชา ถือเป็นเกือบสองเท่าของจำนวนนักท่องเที่ยวขาเข้าที่มีการลงทะเบียนที่ 6.2 ล้านคน ในปีที่แล้ว และในขณะที่การท่องเที่ยวระหว่างประเทศลดลงอย่างรวดเร็วทั่วโลกผู้เชี่ยวชาญและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียต่างมองหาโอกาสจากการท่องเที่ยวภายในประเทศมากขึ้นในการมีส่วนช่วยฟื้นตัวของภาคส่วนในระยะถัดไป ทั้งองค์การการท่องเที่ยวเพื่อสังคมระหว่างประเทศ (ISTO) กล่าวว่าการท่องเที่ยวภายในประเทศเป็นทางออกที่แท้จริง สำหรับภาคส่วนนี้เนื่องจากการพึ่งพานักท่องเที่ยวจากต่างประเทศเพียงอย่างเดียวนั้นมีความเสี่ยงมากกว่าและการท่องเที่ยวในประเทศให้ประโยชน์เป็นวงกว้างมากกว่า

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50793199/domestic-tourism-is-key-to-sector-recovery-experts/

PPSP ว่างแผนทำการซื้อหุ้นคืนในตลาดหลักทรัพย์กัมพูชา

ผู้อำนวยการสวนอุตสาหกรรม เขตเศรษฐกิจพิเศษพนมเปญ (CSX: PPSP) เชื่อว่าราคาหุ้นที่ลดลงในขณะนี้ถือเป็นการดีที่ทางคณะกรรมการจะเสนอแผนการซื้อหุ้นคืนต่อหน่วยงานกำกับดูแลหลักทรัพย์ เนื่องจากราคาซื้อขายหลักทรัพย์ในปัจจุบันอยู่ต่ำกว่ามูลค่าที่ควรจะเป็น อย่างไรก็ตามสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ไม่ได้สะท้อนเฉพาะในหุ้น PPSP เท่านั้น โดยยังสะท้อนไปถึงหุ้นส่วนใหญ่ที่จดทะเบียนใน CSX ก็มีการลดลงของมูลค่าหุ้นเช่นกัน ซึ่งสะท้อนให้เห็นในดัชนี CSX ที่ลดลงในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา โดย PPSP ได้ประชุมกับหน่วยงานกำกับดูแลของตลาดหลักทรัพย์ คือสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์กัมพูชา (SECC) เพื่อหารือเกี่ยวกับแผนการซื้อคืนหุ้นที่ได้รับการอนุมัติจากผู้ถือหุ้นในเดือนตุลาคม ซึ่งตั้งใจที่จะรักษาแผนการซื้อคืนหุ้นตามแผนที่วางไว้ แต่จะต้องได้รับการอนุมัติขั้นสุดท้ายจากหน่วยงานกำกับดูแลก่อน ตามรายงานของ PPSP ไตรมาสที่ 3 ของบริษัทในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2020 PPSP ทำเงินได้ 537,246 ดอลลาร์ ลดลงกว่าร้อยละ 93 เมื่อเทียบกับ 8,615,848 ดอลลาร์ ในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50793013/ppsp-says-shares-are-undervalued-in-buyback/

สปป.ลาวเสี่ยงต่อการเกิดโควิด -19 ระลอกสอง

คณะทำงานด้านการป้องกันและควบคุม COVID -19 แห่งชาติสปป.ลาวระบุว่าสปป.ลาวมีความเสี่ยงที่จะเกิด COVID -19 ระลอกที่สอง เนื่องจากประเทศเพื่อนบ้านต่อสู้เพื่อควบคุมการแพร่ระบาด รองอธิบดีกรมควบคุมโรคติดต่อภายใต้กระทรวงสาธารณสุขกล่าวในแถลงการณ์เมื่อวันศุกร์ว่าสปป.ลาวยังคงเสี่ยงต่อการเกิด COVID -19 ระลอกสองแม้ว่าประเทศจะมีมาตรการป้องกันที่เข้มงวดก็ตาม สถานการณ์เลวร้ายในประเทศเพื่อนบ้านอย่างเมียนมาร์ซึ่งมีผู้ป่วยเพิ่มขึ้นในช่วงสามเดือนที่ผ่านมามากกว่า 100,000 รายโดยมีผู้เสียชีวิตมากกว่า 2,000 ราย ทางการสปป.ลาวได้สั่งปิดเขตต้นผึ้งในแขวงบ่อแก้วเมื่อสัปดาห์ที่แล้วเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของ COVID -19  หลังจากชาวจีน 2 คนที่ติดเชื้อโควิด -19 เข้ามาในเขตนี้อย่างผิดกฎหมายผ่านเมียนมาร์ สถานการณ์การแพร่ระบาด COVID -19 ในปัจจุบันของสปป.ลาวอยู่ในเกณฑ์ที่ดีและประชาชนให้ความร่วมมืออย่างดีแต่ถึงอย่างไรรัฐบาลยังคงเข้มงวดต่อเนื่องในการติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID -19 ของประเทศเพื่อนบ้าน

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Farmers_243.php

ดัชนีตลาดหุ้นเวียดนามมีทิศทางดีขึ้น หลังผลการเลือกตั้งสหรัฐฯ

ตามรายงานของบริษัท KIS Vietnam Securities Corporation (KIS) เปิดเผยว่าดัชนี VN ตลาดหลักทรัพย์โฮจิมินห์ (HOSE) ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในปีแรก เป็นผลมาจากการดำรงตำแหน่งของประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาที่ไม่ได้คำนึงถึงว่าพรรคใดจะชนะการเลือกตั้งในครั้งนี้หรือแนวโน้มตลาด ก่อนจะทราบผลการเลือกตั้งดังกล่าว อย่างไรก็ตาม ผลการวิเคราะห์ตลาดหุ้นเวียดนามในช่วงการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ 5 ครั้งที่ผ่านมา พบว่าการเลือกตั้งในปีนี้ ดัชนีหุ้นเวียดนามมีแนวโน้มลดลงหรือเคลื่อนไหวไปด้านข้างมากขึ้น ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากความกังวลเกี่ยวกับผลการเลือกตั้งและความไม่แน่นอนของนโยบายใหม่ ทั้งนี้ เมื่อนายโจ ไบเดน ก้าวขึ้นเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนต่อไป ส่งผลเกิดการเคลื่อนย้ายห่วงโซ่อุปทานจากจีนไปยังเวียดนาม เนื่องจาก พรรคเดโมแครตสนับสนุนนโยบายการคุ้มกัน รวมถึงตลาดหุ้นเวียดนามจะได้รับการส่งเสริมจากสหรัฐฯ จากการรับมือกับการระบาดของไวรัส ทำให้ไบเดนดำเนินขยายเงินกู้แก่ธุรกิจขนาดเล็ก การเพิ่มขึ้นของค่าแรงขั้นต่ำและการให้เงินกับครอบครัว นอกจากนี้ เวียดนามเป็นประเทศที่ดึงดูดกองทุนจากจากต่างชาติมากที่สุด อันดับที่ 2 ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยดัชนี VN-Index เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.46 แตะระดับ 1,045 จุด เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา สูงที่สุดนับตั้งแต่ต้นปีนี้กิจขนาดเลือกับการระบาดของไวรัส ทำให้ไบเดนดำเนินขยายเงินก

  ที่มา : https://e.vnexpress.net/news/business/economy/vn-index-tends-to-rise-after-us-elections-report-4205772.html

กระทรวงสาธารณสุขกัมพูชายังคงไม่กำหนดแผนการสั่งซื้อวัคซีน

กระทรวงสาธารณสุขยังไม่ได้กำหนดแผนปฏิบัติการสั่งซื้อวัคซีน COVID-19 ล่วงหน้าแม้ว่าประเทศต่างๆทั่วโลกจะดำเนินการไปแล้วก็ตาม ทั้งยังนายกรัฐมนตรีฮุนเซนได้สั่งให้เจ้าหน้าที่จากกระทรวงสาธารณสุขและการคลังประชุมเพื่อหารือเกี่ยวกับการจัดหาวัคซีนเป็นการเร่งด่วนแล้วก็ตาม โดยโฆษกกระทรวงสาธารณสุขกล่าวว่าเจ้าหน้าที่ยังคงทำงานเพื่อติดตามประสิทธิภาพของวัคซีนก่อนที่จะทำการสั่งซื้อวัคซีนเพื่อความปลอดภัยและได้มาซึ่งการรับรองจากองค์การอนามัยโลกก่อน ซึ่งสถานการณ์การแพร่ระบาดภายในประเทศกัมพูชากล่าวโดยกระทรวงสาธารณสุขแถลงว่าพบผู้ป่วยรายใหม่ 2 ราย (เดินทางมาจากต่างประเทศ) ในกัมพูชาเพิ่มขึ้นเป็น 359 ราย (หญิง 84 รายและชาย 275 ราย) โดย 307 คน หายแล้ว และอีกจำนวน 52 คน กำลังรักษาตัวในโรงพยาบาล ในกรณีนี้ประกอบด้วยชาวกัมพูชา 239 คน ฝรั่งเศส 45 คน จีน 18 คน มาเลเซีย 13 คน ชาวอเมริกัน 12 คน อินโดนีเซีย 9 คน อังกฤษ 6 คน เวียดนาม 3 คน แคนาดา 3 คน อินเดีย 3 คน ฮังกาเรียน 2 คน ปากีสถาน 2 คน เบลเยียม 1 คน คาซัคสถาน 1 คน โปแลนด์ 1 คน และจอร์แดน 1 คน

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50792639/no-vaccine-plan-ministry-of-health-unsure-on-when-or-from-where-the-kingdom-will-get-doses/

การขยายตัวของธนาคารต่างประเทศที่เข้ามายังกัมพูชายังคงอยู่ภายใต้การควบคุม

เมื่อมีธนาคารต่างชาติเข้ามาในตลาดในกัมพูชามากขึ้นจึงเกิดคำถามว่าตลาดภาคธนาคารภายในประเทศจะอิ่มตัวหรือไม่ อย่างไรก็ตามผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่ากัมพูชายังคงมีพื้นที่เพียงพอสำหรับภาคการลงทุนจากต่างประเทศในสถานการณ์เศรษฐกิจที่กำลังเติบโต รวมถึงการเพิ่มขึ้นของธนาคารต่างประเทศจะเป็นผลเชิงบวกได้ก็ต่อเมื่อมีการลงทุนภายในประเทศและการนำเทคโนโลยีทางการเงินเข้ามาปรับใช้ภายในประเทศ โดยกรอบกฎหมายของกัมพูชามีบทบัญญัติที่เอื้อต่อนักลงทุนต่างชาติที่ต้องการลงทุนในภาคธนาคารของประเทศคือไม่มีข้อ จำกัดในการเป็นเจ้าของของนักลงทุนต่างชาติ ซึ่งธนาคารในต่างประเทศและสถาบันการเงินอื่นๆ สามารถเป็นเจ้าของได้ 100 เปอร์เซ็นต์ ในการถือครองบริษัท โดยประโยชน์ของการที่ธนาคารต่างประเทศเข้ามายังกัมพูชา คือการพัฒนาระบบการเงินของประเทศผ่านเทคโนโลยีและความเชี่ยวชาญด้านการธนาคารที่ใช้กันอยู่ทั่วโลก ซึ่งในปัจจุบันกัมพูชามีธนาคารพาณิชย์ 52 แห่ง ธนาคารเฉพาะกิจ 14 แห่ง สถาบันรับฝากเงินรายย่อย 6 แห่ง บริษัท ไมโครไฟแนนซ์ 75 แห่ง บริษัท ลีสซิ่ง 15 แห่ง สถาบันบริการชำระเงิน 24 แห่ง และ สถาบันแลกเปลี่ยนเงินตรา 2,889 แห่ง ทั่วกัมพูชา

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50792642/foreign-bank-expansion-into-kingdom-welcome-and-well-regulated/

เวียดนามอาจก้าวเป็นประเทศที่มีรายได้ปานกลางระดับสูงในปี 2566

ศูนย์เพื่อการวิจัยเศรษฐกิจของญี่ปุ่น (Japan Center for Economic Research – JCER) คาดการณ์เศรษฐกิจในระยะกลางในภูมิภาคเอเชีย หัวข้อ “พิษโควิด-19 ในเอเชีย” ผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 และส่องเศรษฐกิจในเอเชียเมื่อเทียบกับประเทศทั่วโลก ในสถานการณ์ปกตินั้น ทางศูนย์ฯ มองว่าการระบาดของไวรัสเป็นแค่เหตุการณ์ชั่วคราว ไม่ส่งผลกระทบต่อโครงสร้างเศรษฐกิจในระยะกลาง ภายใต้การตั้งสมมติฐานว่ามีเพียงประเทศจีน เวียดนามและไต้หวัน ที่สามารถรักษาอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจในทิศทางเป็นบวกในปี 2563 ทั้งนี้ เวียดนามมีอัตราการเติบโตร้อยละ 6 ในปี 2578 เนื่องมาจากการส่งออกที่แข็งแกร่ง สิ่งนี้จะช่วยในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจเวียดนาม ทั้งในแง่ของขนาดเศรษฐกิจและผลักดันให้ก้าวเป็นเศรษฐกิจใหญ่อันดับที่ 2 ของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รองจากอินโดนีเซีย อีกทั้ง เวียดนามมีความพร้อมในเป็นประเทศที่มีรายได้ปานกลางระดับบนในปี 2566 โดยมีรายได้ต่อหัวอยู่ที่ 11,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อคนในปี 2578

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/vietnam-may-become-uppermiddleincome-country-in-2023-japanese-centre/193135.vnp

เมียนมาเตรียมจัดตั้ง MSME เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจในประเทศ

นาย U Zaw Min Win ประธานสภาหอการค้าและอุตสาหกรรมแห่งสหภาพเมียนมา (UMFCCI) กล่าวว่าเมียนมาเตรียมจัดตั้งสมาคม MSME เพื่อสนับสนุนวิสาหกิจขนาดเล็ก ขนาดกลาง และขนาดย่อม (MSME) และเมื่อเร็วๆ นี้ ได้เขียนกฎระเบียบขององค์กรแล้วและจะส่งไปยังสำนักงานคณะกรรมการการลงทุนและการบริหารบริษัท (DICA) MSME มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศและมีส่วนช่วยในการสร้างโอกาสในการทำงานมากขึ้น จนถึงขณะนี้มีธุรกิจทั้งหมด 70,866 แห่งที่จดทะเบียนในหน่วยงานพัฒนาของ MSME โดยมีอุตสาหกรรมอาหารและอุตสาหกรรมที่ลงทะเบียนเป็นจำนวนมาก ปัจจุบันในเมียนมาธุรกิจ MSME มีถึงร้อยละ 90

ที่มา: https://www.mmtimes.com/news/myanmar-establish-msme-association-support-economy.html

เกษตรฯเร่งขยายตลาดสินค้าฮาลาลไปตะวันออกกลาง-แอฟริกาเหนือ

กระทรวงเกษตรฯ.รุกขยายตลาดสินค้าฮาลาลในตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือ สั่งเร่งลงทุนอุตสาหกรรมเกษตรใน 3 จังหวัดภาคใต้อีกทั้งเห็นชอบวิสัยทัศน์ฮาลาล เมื่อวันที่ 14 ธ.ค.นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารมว.เกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการส่งเสริมสินค้าและผลิตผลการเกษตรมาตรฐาน “ฮาลาล” ครั้งที่ 7/2563 ประชุมผ่านระบบ Zoom Cloud Meeting ร่วมกับ ตัวแทนส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง สถาบันการศึกษา และผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้อง เพื่อติดตามการพัฒนาและส่งเสริมมาตรฐาน “ฮาลาล” ในภาคการเกษตรไทยให้ก้าวไกลสู่ระดับนานาชาติทั้งระบบ ทั้งนี้ ดร.ไพจิตร วิบูลย์ธนสาร ประธานคณะอนุกรรมการส่งเสริมการค้าสินค้าและผลิตผลการเกษตรมาตรฐาน “ฮาลาล” รายงานความก้าวหน้าของโครงการเปิดเส้นทางโลจิสติกส์ เพื่อเพิ่มโอกาสการส่งออกสินค้าเกษตรและอาหารฮาลาลของไทยผ่านดูไบ เพื่อประโยชน์ต่อการส่งออกสินค้าเกษตรไปยังกลุ่มตลาดที่สำคัญในตะวันออกกลาง และแอฟริกาเหนือ นอกจากนี้ ที่ประชุมฯเห็นชอบ”วิสัยทัศน์ฮาลาล” รวมถึงความคืบหน้าโครงการส่งเสริมการลงทุนอุตสาหกรรมเกษตรใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ และประเด็นสำคัญเรื่อง การแก้ไขปัญหาเนื้อวัวปลอมปนเนื้อสุกร ซึ่งที่ประชุมได้สรุปแนวทางแก้ไขปัญหา โดยศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยจะให้บริการตรวจวิเคราะห์ตัวอย่างโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย ขณะที่ ผู้แทนกรมปศุสัตว์ได้รายงานความก้าวหน้าในการดำเนินการและการแก้ไขปัญหาดังกล่าว พร้อมสร้างความเชื่อมั่นแก่ผู้บริโภคทั้งผู้บริโภคภายในและต่างประเทศ ต่อมาตรฐานสินค้าเกษตรอาหารฮาลาลไทย

ที่มา: https://www.posttoday.com/economy/news/640268

ประเมินสถานะ SMEs จากผลกระทบทางเศรษฐกิจและสถานการณ์ COVID-19 ปี 2563

สถาบันยุทธศาสตร์การค้า มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยถึงผลสำรวจประเมินสถานะ SMEs จากผลกระทบทางเศรษฐกิจและสถานการณ์ COVID-19 ระหว่างวันที่ 11-18 กันยายน 2563 ว่ากลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคโควิด-19 ในระดับมาก อีกทั้งหากไม่มีมาตรการช่วยเหลือจะส่งผลให้กิจการต้องปิดตัวลงภายในระยะเวลา 5 เดือน

ทั้งนี้ ประเด็นแนวทางการปรับตัวของธุรกิจ พบว่ากลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่มองว่าไม่ปรับปรุงองค์กรหรือแนวทางการบริหารงานใหม่ เนื่องจากไม่รู้จะปรับปรุงอะไร ไม่มีเงินทุนในการปรับปรุง เป็นต้น

ข้อเสนอต่อภาครัฐฯ ในการเร่งดำเนินแก้ไขปัญหานั้น ต้องการให้ฟื้นฟูเศรษฐกิจ มาตรการสนับสนุนการจ้างงานที่ได้รับผลกระทบจาก COVID-19 และมาตรการช่วยเหลือด้านการลดหย่อนภาษี

ที่มา: https://bit.ly/3oIKaJQ