ไทยผนึก 26 ชาติจี้มะกันต่ออายุจีเอสพี อุ้มส่งออก8หมื่นล.645สินค้า

นายกีรติ รัชโน อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า ไทยได้ร่วมกับอีก 26 ประเทศที่รับสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร (จีเอสพี) ทำหนังสือถึงสำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐอเมริกา (ยูเอสทีอาร์) เพื่อขอให้มีการพิจารณาต่ออายุโครงการสิทธิพิเศษจีเอสพี 3,500 รายการ ที่จะสิ้นสุดในวันที่ 31 ธ.ค.63 ออกไป เพื่อช่วยเหลือผู้ส่งออกไทยและผู้นำเข้าสหรัฐ ให้สามารถลดภาระภาษี ซึ่งจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจของทั้ง 2 ประเทศ รวมถึงให้ทางการสหรัฐ เร่งรัดกระบวนการพิจารณาต่ออายุโครงการให้เร็วขึ้นกว่าเดิม ปัจจุบัน สหรัฐได้ให้สิทธิจีเอสพีสินค้าทั้งหมด 3,500 รายการ แต่ในจำนวนมีสินค้าที่ไทยได้รับสิทธิและใช้สิทธิจีเอสพีส่งออกไปจริง ประมาณ 645 รายการ คิดเป็นมูลค่า 2,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 83,200 ล้านบาท ซึ่งทั้งหมดจะหมดอายุช่วงสิ้นปีนี้  แต่กรมฯ ก็เชื่อมั่นว่าทางการสหรัฐจะต่ออายุจีเอสพีออกไป  แม้กระบวนการประกาศต่ออายุจะล่าช้าและเสร็จไม่ทัน 1 ม.ค.64 แต่ก็ขอให้ผู้ประกอบการไทยไม่ต้องตกใจ เพราะตามประวัติศาสตร์ ทางการสหรัฐจะประกาศช้าอยู่แล้ว แต่ก็จะให้สิทธิจีเอสพีย้อนหลังเริ่มตั้งแต่ 1 ม.ค. เป็นต้นไป โครงการจีเอสพี ที่สหรัฐ ให้สิทธิฯ แก่  119 ประเทศกำลังพัฒนา และพัฒนาน้อยที่สุด จะถึงรอบสิ้นสุดอายุโครงการในวันที่ 31 ธ.ค.63 พอดี โดยสหรัฐ กำลังพิจารณาต่ออายุโครงการออกไปอยู่  ซึ่งจะต้องออกเป็นกฎหมายจึงอาจมีความล่าช้าไปบ้าง หลายเดือน แต่ก็ถือเป็นเรื่องปกติ เพราะสหรัฐ จะให้สิทธิต่ออายุโครงการย้อนหลัง เพื่อให้การให้สิทธิจีเอสพีเป็นไปอย่างต่อเนื่อง เช่น การต่ออายุครั้งล่าสุดเมื่อปี 61 สหรัฐ ได้ประกาศต่ออายุเดือน มี.ค.61 แต่ให้มีผลใช้บังคับใช้ย้อนหลังไปตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.61 ซึ่งผู้ส่งออกมีความเข้าใจเรื่องนี้ดีอยู่แล้ว

ที่มา : https://www.dailynews.co.th/economic/804636

Starbucks ตั้งเป้าการส่งออกกาแฟในสปป.ลาว

Starbucks มีแผนจะเปิดสาขาในนครหลวงเวียงจันทน์ของสปป.ลาวภายในฤดูร้อนหน้าซึ่งจะดำเนินการโดย Coffee Concepts (Laos) Ltd. ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ Maxim’s Caterers Ltd. Starbuck บริษัทตั้งใจที่จะใช้เครื่องข่ายระดับโลกเพื่อสร้างผลกระทบเชิงบวกและโอกาสในการทำงานในผู้ยากไร้ในสปป.ลาว Mr.Michael Wu ประธานและกรรมการผู้จัดการ Maxim’s Caterers Limited กล่าวว่า“ เรายินดีที่จะแนะนำแบรนด์ Starbucks ในสปป.ลาวซึ่งต่อยอดความสัมพันธ์ 20 ปีกับ Starbucks เพื่อขยายอุตสาหกรรมกาแฟไปทั่วเอเชีย” ปัจจุบันพฤติกรรมของชาวสปป.ลาวจำนวนมากดื่มเครื่องดื่มกาแฟผงที่มีนมและน้ำตาลเช่นเดียวกับในชาวเอเชียส่วนใหญ่และที่สำคัญสปป.ลาวมีแหล่งเพาะปลูกกาแฟคุณภาพซึ่งจะเป็นแหล่งวัตถุดิบที่สคัญให้แก่ Starbucks สาขาในสปป.ลาว  

ที่มา : https://finance.yahoo.com/news/starbucks-targets-market-coffee-exporting-021354059.html

สปป.ลาวจับมืออาเซียนหนุนแนวปฏิบัติด้านความปลอดภัยในการทำงาน

สปป.ลาวและประเทศอื่น ๆ ในอาเซียนจะเสริมสร้างการประสานงานในการดำเนินการตามแนวปฏิบัติด้านความปลอดภัยในการทำงานและการจัดการความเสี่ยงด้านสุขภาพทั่วทั้งภูมิภาค สปป.ลาวยังแสดงความมุ่งมั่นที่จะสนับสนุนนโยบายและมาตรการด้านแรงงานเพื่อปรับปรุงความปลอดภัยและอาชีวอนามัยในสถานที่ทำงานและอำนวยความสะดวกในการกลับไปทำงานอย่างปลอดภัยหลังการแพร่ระบาด และส่งเสริมความร่วมมือการเพิ่มความคล่องตัวและความยืดหยุ่นของพนักงานในการเตรียมความพร้อมสำหรับวิกฤตสังคมและเศรษฐกิจในอนาคต และขีดความสามารถที่สูงขึ้นสำหรับอนาคตของการทำงาน ข้อมูลนี้ได้รับการถ่ายทอดโดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคมระหว่างการประชุม ALMM + 3 ครั้งที่ 11 ผู้เข้าร่วมได้ใช้ลำดับความสำคัญ 5 ปีของความร่วมมืออาเซียนบวกสามด้านแรงงานในช่วงปี 64-68 ที่ประชุมยังเห็นพ้องกับแผนงานของอาเซียนสำหรับการขจัดการใช้แรงงานเด็กในรูปแบบที่เลวร้ายที่สุด แนวปฏิบัติของอาเซียนว่าด้วยเพศที่เป็นกระแสหลักในนโยบายแรงงานและการจ้างงาน ด้านความปลอดภัยและการบริหารความเสี่ยงอาชีวอนามัยสำหรับวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม และการส่งกลับและการกลับคืนสู่สภาพเดิมของแรงงานข้ามชาติและโครงการทำงานของรัฐมนตรีแรงงานอาเซียนปี 64-68 การประชุมคณะทำงานเจ้าหน้าที่แรงงานอาวุโส ปรับปรุงแผนปฏิบัติการของฉันทามติอาเซียนด้านการคุ้มครองและส่งเสริมสิทธิแรงงานข้ามชาติ  และยังตกลงที่จะขยายการเข้าถึงของคนงานทุกคนโดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่ตกงานหรือได้รับรายได้น้อยไปยังโครงการประกันสังคมและความช่วยเหลือทางสังคมเพื่อดำรงชีวิตอยู่

ที่มา :  http://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Laos_213.php

กฎหมายด้านการลงทุนฉบับใหม่ของกัมพูชาจ่อสรุปผลในเดือนพฤษจิกายนนี้

ร่างกฎหมายฉบับใหม่เกี่ยวกับการลงทุนของกัมพูชามีกำหนดสรุปภายในสิ้นเดือนพฤศจิกายนปีนี้ ซึ่งจะช่วยขับเคลื่อนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจหลังจากได้รับผลกระทบจาก COVID-19 ตามที่กระทรวงเศรษฐกิจและการคลัง (MEF) ระบุ โดยร่างกฎหมายฉบับใหม่คำนึงถึงความเปิดกว้าง เอื้ออำนวย และดึงดูดการลงทุน ทั้งยังสร้างสภาพแวดล้อมในการแข่งขันโดยเฉพาะการคุ้มครองสิทธิและผลประโยชน์ของผู้ลงทุน รวมถึงความโปร่งใสและประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจ ซึ่งคาดว่ากฎหมายการลงทุนฉบับใหม่จะดึงดูดนักลงทุนได้มากขึ้นเนื่องจากกัมพูชาได้ลงนามในข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) กับจีนร่วมด้วย

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50778372/new-investment-law-to-be-finanlised-in-november/

กัมพูชาส่งออกข้าวมากกว่าครึ่งล้านตันในช่วง 10 เดือนแรกของปี

กัมพูชาได้ส่งออกข้าวสารถึง 536,305 ตัน ในช่วง 10 เดือนแรกของปีนี้ รายงานโดยกระทรวงเกษตรคิดเป็นข้าวหอมปริมาณสูงถึง 421,132 ตัน ข้าวผสม 109,012 ตันและข้าวนึ่ง 6,138 ตัน ซึ่งการส่งออกข้าวเพิ่มขึ้นถึง 78,365 ตัน ในปีนี้เทียบเท่ากับการเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 17.11 เมื่อเทียบกับ 457,940 ตัน ในช่วง 10 เดือนแรกของปี ก่อน ในขณะที่การส่งออกข้าวเพิ่มขึ้นแต่กัมพูชายังคงไม่บรรลุเป้าหมายระยะยาวในการส่งออกข้าวที่ตั้งไว้ที่ 1 ล้านตันต่อปี

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50778510/more-than-half-a-million-tonnes-of-milled-rice-exported-in-first-10-months/

แอป WavePay มีผู้ใช้งานมากกว่า 1 ล้านคน

WavePay แอปชำระเงินบนมือถือของ Wave Money มีผู้ใช้งานมากกว่า 1.1 ล้านรายต่อเดือนโดยมีมูลค่าการโอนเงินสูงถึงเกือบ 6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐภายใน 9 เดือนแรกของปี 63 ซึ่งคิดเป็นการเติบโตโดยเฉลี่ย 162% ตั้งแต่เดือนมกราคม 63 ซึ่งรวมถึงเงินกว่า 13 ล้านดอลลาร์สหรัฐที่โอนไปยังผู้ได้รับผลกระทบในชนบทจากกองทุน COVID-19 ของรัฐบาล ตั้งแต่เดือนมีนาคมผู้ที่ได้รับผลกระทบหลายแสนคนรวมถึงคนงานตัดเย็บเสื้อผ้า ข้าราชการ และเกษตรกรได้รับเงินฉุกเฉินในรูปแบบดิจิทัลโดยใช้ WavePay ซีอีโอของ Wave Money กล่าวว่าตัวเลขดังกล่าวเป็นตัวบ่งชี้เชิงบวกของกาใช้เงินผ่านมือถือและรูปแบบการชำระเงินดิจิทัลมาใช้ในเมียนมาอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ Wave Money ยังจ่ายค่าคอมมิชชั่นให้กับตัวแทนจำนวน 46 ล้านดอลลาร์ตั้งแต่เดือนมกราคมถึงกันยายน 63 รายงานปี 2562 สมาคมจีเอสเอ็ม (GSMA) ระบุว่าลูกค้าใช้บัญชีเงินมือถือบ่อยขึ้นและเป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมประจำวัน เมื่อสิ้นปีที่แล้ว 35.8% ของบัญชี 372 ล้านบัญชีมีการใช้งาน 90 วัน บัญชีเงินมือถือที่ใช้งานได้ถูกกำหนดให้เป็นบัญชีที่ใช้ในการทำธุรกรรมอย่างน้อยหนึ่งรายการในช่วงเวลา 30 วันหรือ 90 วัน GSMA คาดการณ์ว่าภายในปี 2568 จำนวนบัญชีลูกค้าเงินมือถือต่อเดือนจะเกิน 370 ล้านบัญชี

ที่มา: https://www.mmtimes.com/news/wavepay-app-reaches-more-1-million-active-users.html

ธปท.คุยเศรษฐกิจไทยดี เปิดเมือง-มีวันหยุดยาว-รัฐกระตุ้นใช้จ่าย

นางสาวชญาวดี ชัยอนันต์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายเศรษฐกิจมหภาค ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยในเดือน ก.ย. ปรับดีขึ้นจากเดือนก่อนหน้า จากกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่กลับมาเกือบปกติในหลายภาคส่วน และจากปัจจัยชั่วคราวคือวันหยุดยาวพิเศษประกอบกับการใช้จ่ายภาครัฐยังคงเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญ ขณะที่ไตรมาส 3/63 เศรษฐกิจปรับตัวดีขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้า ตามการผ่อนคลายมาตรการปิดเมืองทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจกลับมาดำเนินการได้มากขึ้น โดยเครื่องชี้การบริโภคภาคเอกชนกลับมาอยู่ในระดับใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันของปีก่อน หลังจากหดตัวสูงในไตรมาสก่อนหน้า ส่วนหนึ่งจากการประกาศวันหยุดยาวพิเศษเพื่อชดเชยช่วงสงกรานต์ที่เลื่อนมา ด้านปัจจัยด้านรายได้และความเชื่อมั่นผู้บริโภคทยอยปรับดีขึ้น สำหรับปัจจัยที่ยังต้องติดตามในระยะต่อไป คือ การเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ การระบาดของไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่ในต่างประเทศ การฟื้นตัวของตลาดแรงงาน แม้จะปรับตัวดีขึ้น แต่ยังคงมีความเปราะบาง ความยั่งยืนของการฟื้นตัวภาคยานยนต์ โดยมองว่า การฟื้นตัวอย่างช้าๆของเศรษฐกิจประเทศคู่ค้า จะเป็นปัจจัยกดดันภาคยานยนต์ในระยะต่อไป และความไม่แน่นอนทางการเมือง อาจส่งผลต่อความเชื่อมั่นภาคเอกชนและอาจกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในระยะข้างหน้า “แนวโน้มในไตรมาส 3 มองว่าจะปรับดีขึ้นและติดลบน้อยลงกว่าไตรมาส 2 อย่างแน่นอน แต่ทั้งนี้จะต้องรอติดตามในรายละเอียดอีกครั้ง และในไตรมาส 4 มองว่าจะทยอยฟื้นตัวได้” นางสาวชญาวดีกล่าว.

ที่มา: https://www.thairath.co.th/news/business/1965659

เวียดนามนำเข้าข้าวเปลือกจากกัมพูชา 1.4 ล้านตัน

กระทรวงเกษตรของกัมพูชา เปิดเผยว่าในช่วง 10 เดือนแรกของปีนี้ กัมพูชาส่งออกข้าวเปลือกมากกว่า 1.4 ล้านตันไปยังเวียดนาม การส่งออกดังกล่าวส่วนใหญ่มาจากจังหวัดกันดาล, ไพรแวง, สวายเรียง, ตาแก้ว, พระตะบองและกำปอต ในขณะที่ การเก็บเกี่ยวข้าวในปี 2562-2563 กัมพูชาผลิตข้าวเปลือก 10.88 ล้านตัน ซึ่งตัวเลขข้างต้นแสดงให้เห็นว่ากัมพูชาไม่ต้องการที่จะหยุดการส่งออกข้าวไปเวียดนาม เนื่องจากเกษตรกรส่วนใหญ่ไม่มีตลาด ทั้งนี้ ทางเลาขาธิการสหพันธ์ข้าวกัมพูชา (CRF) กล่าวว่าข้าวเปลือกที่ส่งออกไปยังเวียดนาม ส่วนใหญ่เป็นพันธุ์ข้าวอายุสั้นที่ใช้ระยะเวลาในการเติบโต 3 เดือน นอกจากนี้ กัมพูชามีพื้นที่เพาะปลูกข้าวมากกว่า 2.7 ล้านเฮกตาร์ แต่เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา เกิดอุทกภัยทำให้พื้นที่เพาะปลูกได้รับความเสียหายมากกว่า 213,000 เฮกตาร์ ด้วยสถานการณ์ดังกล่าว ส่งผลให้ปริมาณการส่งออกข้าวเปลือกของกัมพูชาไปยังเวียดนามลดลง

  ที่มา : https://vov.vn/en/economy/vietnam-imports-14-mln-tonnes-of-cambodian-rice-paddy-814397.vov

เวียดนามเผยยอดส่งออกคอมพิวเตอร์และเครื่องจักร พุ่ง 13 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

ตามข้อมูลของกรมศุลกากรเวียดนาม ณ วันที่ 15 ต.ค. เผยว่ามูลค่าการส่งออกโดยรวมของเวียดนามสูงถึง 215.25 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.6 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สินค้าส่งออกสำคัญ 5 รายการที่มีมูลค่าราว 10 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ได้แก่ โทรศัพท์และชิ้นส่วน, คอมพิวเตอร์ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และส่วนประกอบ, เครื่องนุ่งห่ม, เครื่องจักร ชิ้นส่วนและรองเท้า ทั้งนี้ มูลค่าการค้าระหว่างประเทศของคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และส่วนประกอบ อยู่ที่ 34.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นประมาณ 7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับปี 2562 อย่างไรก็ตาม สำหรับตลาดส่งออกของเวียดนาม ชี้ให้เห็นว่าคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และส่วนประกอบที่ส่งออกไปยังจีน มีมูลค่า 8.35 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 26.9 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว รองลงมาสหรัฐฯ สหภาพยุโรปและฮ่องกง ตามลำดับ ในขณะเดียวกัน เครื่องจักรและชิ้นส่วน มีมูลค่า 19.568 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นประมาณ 5.76 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งตลาดส่งออกสำคัญ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา มีมูลค่า 7.59 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 121 รองลงมาสหภาพยุโรป เกาหลีใต้ ญี่ปุ่นและจีน ตามลำดับ

ที่มา : https://customsnews.vn/exports-of-computers-and-machines-increase-nearly-13-billion-16326.html

“จุรินทร์” เดินหน้าช่วย SMEs ทำตลาด ผลักดันขายออนไลน์-ส่งออกต่างประเทศ

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยในการเป็นประธานเปิดงาน Smart SME Expo 2020 ว่า กระทรวงพาณิชย์มีแผนที่จะส่งเสริมและผลักดันผู้ประกอบการขนาดกลางและเล็ก ที่มีอยู่ประมาณ 3 ล้านราย คิดเป็น 95% ของผู้ประกอบการทั้งประเทศ ให้มีโอกาสทางการตลาดเพิ่มขึ้นตามยุทธศาสตร์ “ตลาดนำการผลิต” โดยจะเข้าไปช่วยเหลือทางด้านการตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ หลักสูตรของกระทรวงพาณิชย์มีทั้งหลักสูตรพื้นฐาน หลักสูตรธรรมดา ปานกลาง และหลักสูตรเข้มข้น ที่จะอบรมให้เข้าใจจนลึกซึ้ง สุดท้ายจะค้าขายได้และส่งออกได้ และโอกาสการเข้าร่วมการจัดงานแสดงสินค้าในต่างประเทศจะเปิดพื้นที่ 10-15% เป็นโอกาสให้ SMEsจัดแสดงสินค้าในตลาด CLMV และมาเลเซีย เปิดพื้นที่ให้ SMEs ในภาคต่างๆ ได้มีโอกาสมาแสดงสินค้าในงานของกระทรวงพาณิชย์  ทั้งนี้ ยังได้มอบหมายให้ทูตพาณิชย์ทำหน้าที่เซลส์แมนประเทศไปเจรจากับผู้นำเข้าในประเทศต่างๆ แล้วจับคู่ธุรกิจในประเทศไทยและลงนามสัญญาซื้อขาย ทำให้ส่งออกได้ นอกจากนี้กระทรวงพาณิชย์ โดยสถาบันพัฒนาผู้ประกอบการการค้ายุคใหม่ ได้ลงนาม MOU ร่วมกับหัวเว่ย ตั้งเป้าหมายร่วมกันที่จะช่วยนำเทคโนโลยีดิจิทัลทั้งเทคโนโลยี 5G , IoT และระบบคลาวด์ มาพัฒนาภาคการผลิตและภาคการตลาดให้กับ SMEs ของไทย นอกจากนี้ ยังมีนโยบายผลักดันให้เด็ก GenZ เป็น CEO โดยจะช่วยให้มีความรู้ในการทำธุรกิจและการค้าขายออนไลน์ ตั้งเป้าหมายว่าปีนี้จะทำให้ได้ 12,000 คน โดยได้เริ่มต้นไปแล้วมหาวิทยาลัยในภาคเหนือ 7 มหาวิทยาลัย จัดอบรมชุดแรกไปแล้ว 1,500 คน จะทำต่อไปในภาคอื่น เพื่อให้เป็นทัพหน้าในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศยุคโควิด-19 และหลังโควิด-19 ในอนาคต และกลุ่มนี้ถ้าไม่ไปทำสตาร์ทอัพ ก็ต้องมาทำ SMEs สุดท้ายก็จะมาเป็นกำลังสำคัญให้แก่ประเทศต่อไปในอนาคต

ที่มา : https://mgronline.com/business/detail/9630000112238