รัฐบาลกัมพูชาหารือนักลงทุนเกี่ยวกับการก่อสร้างถนนสายใหม่

กระทรวงโยธาธิการและการขนส่ง (MPWT) จัดให้มีการปรึกษาหารือเพื่อตัดสินใจที่ตั้งของถนนสายที่ 4 รอบกรุงพนมเปญ โดยเมื่อสร้างเสร็จแล้วคาดว่าจะช่วยอำนวยความสะดวกด้านการจราจรและการขนส่งสินค้า แต่ที่ตั้งของโครงการอยู่ระหว่างการควบคุมเพื่อหลีกเลี่ยงการขึ้นราคาที่ดินซึ่งเป็นแนวโน้มที่เกิดขึ้นในโครงการที่ผ่านมา ซึ่งให้คำปรึกษาและนำเสนอโดย China Road and Bridge Corp (CRBC.) ในภาพรวมของโครงการที่กำลังจะเกิดขึ้น โดยการปรึกษาหารือมีตัวแทนจากกระทรวงและหน่วยงานที่มีส่วนเกี่ยวข้องตลอดจนตัวแทนจาก 10 บริษัท ทั้งในและต่างประเทศเข้าร่วมการหารือในครั้งนี้ ซึ่ง MPWT ยืนยันว่าจะสร้างถนนใหม่หลังจากการก่อสร้างถนนวงแหวนแห่งชาติที่ 3 เสร็จสมบูรณ์ ที่มีความยาวอยู่ที่ 53 กิโลเมตร และคาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2022 ซึ่งการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทำให้ราคาที่ดินสูงขึ้น และในช่วงสองปีที่ผ่านมาราคาที่ดินริมถนนทางหลวงสูงขึ้นถึงร้อยละ 10 เมื่อเทียบเป็นรายปี

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50775152/speculation-fears-over-location-of-new-ring-road/

แบงค์ชาติกัมพูชาเข้าแทรกแซงตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราภายในประเทศ

ธนาคารแห่งชาติกัมพูชา (NBC) ได้ประกาศอัดฉีดเงินเข้าระบบเศรษฐกิจมูลค่า 50 ล้านดอลลาร์ ในสัปดาห์นี้เพื่อรักษาเสถียรภาพของอัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินท้องถิ่นในตลาด โดย NBC ได้แจ้งให้ธนาคารสถาบันการเงินรายย่อย (MFI) และผู้ให้บริการแลกเปลี่ยนเงินตราที่ได้รับใบอนุญาตกำหนดอัตราขั้นต่ำในการแลกเปลี่ยนในระบบ ซึ่งรองอธิบดี NBC กล่าวว่าในช่วงที่ COVID-19 ระบาดธนาคารกลางสังเกตว่าสกุลเงินในภูมิภาคส่วนใหญ่ผันผวนเนื่องจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงรวมถึงเรียลของกัมพูชาซึ่งอ่อนค่าลงเล็กน้อย โดยธนาคารกลางกัมพูชาได้ตัดสินใจเข้าแทรกแซงตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศเพื่อทำการควบคุมสกุลเงินในระบบเศรษฐกิจของกัมพูชา เพื่อเป็นการปรับปรุงการใช้เงินเรียลอย่างต่อเนื่อง โดยความต้องการธนบัตรเพิ่มขึ้นในช่วง 20 ปีที่ผ่านมาโดยเฉลี่ยร้อยละ 16 ต่อปีตามข้อมูลของ NBC ทั้งเพิ่มความเชื่อมั่นของประชาชนเกี่ยวกับเสถียรภาพทางเศรษฐกิจมหภาคและทางการเงิน

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50775257/nbc-auctions-50-million/

หัวเว่ยดันไทยดิจิทัลฮับอาเซียนแนะรัฐลงทุน-ลุย 5G เพิ่มจีดีพีประเทศ

รองหัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยีเครือข่ายโทรคมนาคม บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ (ประเทศไทย) จำกัด บรรยายพิเศษ “ดิจิทัลอีโคซิสเต็มยกระดับศักยภาพไทยสู่ศูนย์กลางภูมิภาค” ในงานสัมมนา “เศรษฐกิจดิจิทัล พลิกฟื้นประเทศ” จัดโดย บริษัท มติชน จำกัด (มหาชน) ว่าการผลักดันเศรษฐกิจดิจิทัล เป็นกลไกสำคัญในการผลักดันเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งบริษัทมองเป้าหมายให้ไทยเป็นดิจิทัลฮับของอาเซียนทั้งนี้ จากการศึกษาของนักวิเคราะห์มองว่าการลงทุนด้านไอทีซี 16-20% จะช่วยเพิ่มผลิตภัณฑ์มวลรวมประเทศ (จีดีพี) ประมาณ 1% หลายประเทศนำดิจิทัลอีโคโนมีมาขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ซึ่งไทยยังพึ่งพาค่อนข้างน้อย ไม่ถึง 20% อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันไทยเริ่มเข้าสู่โครงข่ายเทคโนโลยี 5G มากขึ้น ทำให้ไทยสามารถผลักดันจีดีพีประเทศสูงขึ้นเรื่อยๆ โดยสำหรับดิจิทัลอีโคโนมีไม่ใช่เรื่องใหม่ และหลังจากนี้จะมีความสำคัญมาก ซึ่งในต่างประเทศเริ่มมีการพัฒนาเทคโนโลยี และพัฒนาโครงข่าย 4G และ 5G รวมถึงไทยซึ่งเป็นกลุ่มประเทศแรกๆ ที่เริ่มขับเคลื่อน 5G เป็นการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ ถือว่าไทยเลยขั้นแรกมาแล้ว อยู่ในช่วงของการเตรียมความพร้อมเรื่อระบบคลาวด์ รวมถึงนำดาต้าเซ็นเตอร์เข้ามาใช้งาน และสุดท้ายจะนำเอไอเข้ามาใช้

ที่มา : https://www.matichon.co.th/economy/news_2405565

แชมป์ส่งออกอันดับ 1 ของโลก ทูน่ากระป๋อง

นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า ขณะนี้อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูปของไทยเติบโตได้ดี แม้อยู่ในภาวะเศรษฐกิจโลกผันผวน เพราะผู้ประกอบการมีศักยภาพในการผลิตสินค้าที่มีคุณภาพ ได้มาตรฐานเป็นที่ยอมรับในตลาดโลก ประกอบกับ การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้ความต้องการอาหารที่เก็บไว้ได้นานเพิ่มมากขึ้น และไทยยังมีแต้มต่อจากการใช้สิทธิประโยชน์จากความตกลงการค้าเสรี (เอฟทีเอ) ช่วยปลดล็อกกำแพงภาษีศุลกากรที่ประเทศคู่เอฟทีเอเก็บจากสินค้าของไทย ส่งผลให้ปัจจุบันไทยเป็นผู้ส่งออกอาหารทะเล กระป๋องและแปรรูปอันดับ 2 ของโลก รองจากจีน และส่งออกทูน่ากระป๋องอันดับ 1 ของโลก

ที่มา : https://www.thairath.co.th/news/business/market-business/1957054

เวียดนามเผยต้นปีนี้จนถึงต.ค. เกินดุลการค้า 17.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

ตามรายงานทางสถิติของกรมศุลกากรเวียดนาม ระบุว่าในช่วงกลางเดือนต.ค. ของปีนี้ เวียดนามเกินดุลการค้าถึง 17.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ด้วยมูลค่าการนำเข้า-ส่งออกในช่วงครึ่งแรกของเดือนต.ค. อยู่ที่ประมาณ 25 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งจากตัวเลขข้างต้น เวียดนามมีมูลค่าการส่งออกที่ 12.72 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในขณะที่ มูลค่าการนำเข้า 11.92 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในช่วงเวลาเดียวกัน ทั้งนี้ ในภาพรวม มูลค่าการนำเข้า-ส่งออกรวมในช่วงต้นปีนี้จนถึงกลางเดือนต.ค. อยู่ที่ 413 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ แบ่งออกเป็นมูลค่าการส่งออก 215.25 พันล้านดอลลาร์สหรัฐและมูลค่าการนำเข้า 197.93 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ นอกจากนี้ สินค้าส่งออกสำคัญของเวียดนาม ได้แก่ โทรศัพท์และชิ้นส่วน 2.63 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ รองลงมาคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และเสื้อผ้า ตามลำดับ ในขณะเดียวกัน สินค้านำเข้าสำคัญของเวียดนาม ได้แก่ คอมพิวเตอร์และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ 3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ รองลงมาเครื่องจักร อะไหล่ เป็นต้น

ที่มา : https://vov.vn/en/economy/nation-racks-up-trade-surplus-of-us173-billion-by-mid-october-787464.vov

เวียดนามเผยตลาดอีคอมเมิรซ์อาจขาดทุน 2.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เหตุโควิด-19

ตามรายงานของกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า (MoIT) เปิดเผยว่าท่ามกลางการระบาดของโรคโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบในเชิงลบต่อเศรษฐกิจในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปีนี้ ตลาดอีคอมเมิร์ซของเวียดนามอาจได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง คาดว่าจะสูญเสียรายได้ถึง 2.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ  โดยตัวเลขดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงอัตราการเติบโตของรายได้ร้อยละ 13 เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ทั้งนี้ ในปี 2562 รายได้จากยอดขายอีคอมเมิร์ซ B2C อยู่ที่ 10.08 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 4.9 ของยอดค้าปลีกและบริการรวม ในขณะที่อัตราการซื้อของออนไลน์ถึงร้อยละ 42 ปัจจัยดังกล่าวทำให้รายได้ของอีคอมเมิร์ซสูงถึง 13.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2563 อย่างไรก็ตาม การระบาดของโรคโควิด-19 จะส่งผลต่อการประมาณการครั้งใหญ่ นอกจากนี้ จากผลการสำรวจ ระบุว่าในช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้ ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ร้อยละ 57 สร้างรายได้จากตลาดอีคอมเมิร์ซต่ำกว่าร้อยละ 30 เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ในขณะที่ร้อยละ 24 สร้างรายได้เพิ่มขึ้นอย่างน้อยร้อยละ 51

ที่มา : http://hanoitimes.vn/vietnam-e-commerce-market-may-lose-us26-billion-on-covid-19-314570.html

ส่งออกข้าวของเมียนมาแตะ 2.5 ล้านตันในปีนี้

จากรายงานของสมาพันธ์ค้าข้าวแห่งประเทศสหภาพเมียนมา (Myanmar Rice Federation :MRF) เมียนมาส่งออกข้าวและปลายข้าวมากกว่า 2.5 ล้านตันในปีงบประมาณ 62-63 คิดเป็นรายได้มากกว่า 794.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 570 ล้านดอลลาร์สหรัฐจากปีงบประมาณก่อน แต่ผู้ค้าจำเป็นต้องจับตาดูปัจจัยต่างๆ เช่น อุปสงค์ของต่างประเทศ อัตราแลกเปลี่ยน และการเกษตรในประเทศหลัง COVID-19 ในปีงบประมาณ 62-63 ส่งออกข้าวและปลายข้าวไปกว่า 60 ประเทศทั่วโลก จีนถือเป็นรายใหญ่แต่การนำเข้าจากฟิลิปปินส์ มาเลเซีย มาดากัสการ์ โปแลนด์ กินี เบลเยียม เซเนกัล อินโดนีเซีย เนเธอร์แลนด์ และสหราชอาณาจักรเพิ่มสูงขึ้นตลอดหลายปีที่ผ่านมา โดยประมาณ 16% เป็นการส่งออกผ่านชายแดนส่วนที่เหลือเป็นการส่งออกทางทะเล

ที่มา : https://www.mmtimes.com/news/myanmar-rice-export-levels-hit-25-million-tonnes-year.html

LAOVIET Bank ปล่อยเงินกู้ 30 ล้านเหรียญสหรัฐให้กับ Oceano Co. , Ltd สำหรับโครงการลงทุนพัฒนาสปป.ลาว

เมื่อวานนี้ได้มีการลงนามสัญญาเงินกู้ในเวียงจันทน์ระหว่าง Mr.Nguyen Duc Vu รองผู้อำนวยการธนาคาร LAOVIET และ Mr Khonekham Inthavong รายละเอียดในการลงนาม LAOVIET Bank (ธนาคารร่วมทุนลาว – ​​เวียดนาม) ได้ตกลงที่จะให้เงินกู้ 30 ล้านดอลลาร์สหรัฐแก่บริษัท Oceano Co.Ltd สำหรับโครงการลงทุนต่างๆเช่นประกันภัยอสังหาริมทรัพย์สถาบันการเงินรายย่อยที่ไม่ต้องฝากเงินโครงการพัฒนาการเกษตรและปศุสัตว์และท่าเรือและยังรวมถึงลงทุนในการพัฒนาเชิงกลยุทธ์ของรัฐบาลเช่นโรงพยาบาลขนาด 300 เตียงและโครงการพัฒนาสวนวัฒนธรรมเลนช้างที่กม. 16 ในเวียงจันทน์เพื่อเป็นส่วนช่วยในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศและเป็นรากฐานที่สำคัญในการเติบโต

ที่มา : http://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Laoviet_205.php

กัมพูชาคาดการเดินทางของนักท่องเที่ยวต่างชาติจะฟื้นตัวในปีหน้าหลังมีวัคซีน

กัมพูชาคาดการณ์ว่านักท่องเที่ยวจากต่างประเทศที่มาเยี่ยมชมอุทยานโบราณคดีอังกอร์จะเริ่มฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไปตั้งแต่ปีหน้าหากมีวัคซีนในการควบคุมโรคโควิด-19 โดยอุทยานโบราณคดีอังกอร์ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวอันดับต้น ๆ ของกัมพูชามีนักท่องเที่ยวต่างชาติลดลงอย่างมากในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ เนื่องจากโรคระบาดที่ทำให้ประเทศต้องกำหนดข้อจำกัดในการเข้าประเทศสำหรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติทั้งหมดตั้งแต่เดือนมีนาคมเป็นต้นมา ซึ่งแหล่งมรดกโลกแห่งนี้ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของจังหวัดเสียมราฐมีนักท่องเที่ยวจากต่างชาติมาเยือนราว 396,241 คน ในช่วงเดือนมกราคมจนถึงกันยายนของปีนี้ลดลงกว่าร้อยละ 76 จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ตามรายงานของ Angkor Enterprise โดยทางกระทรวงการท่องเที่ยวคาดว่าอุทยานโบราณคดีอังกอร์จะเริ่มฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไปในไตรมาสแรกของปี 2021 หากมีวัคซีนป้องกันโควิด-19 ให้ใช้ ทั้งคาดการณ์ว่านักท่องเที่ยวจากจีนจะยังคงเป็นแหล่งนักท่องเที่ยวที่ใหญ่ที่สุดของประเทศในช่วงหลังโควิด-19

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50774791/international-tourists-to-cambodias-angkor-expected-to-rebound-from-2021-if-covid-19-vaccines-become-available/

โครงการด้านการเกษตรสร้างการจ้างงานที่มั่นคงในกัมพูชา

บริษัท THADI ภายใต้ความร่วมมือระหว่าง Thaco Group และ Hoang Anh Gia Lai Group โดยบริษัท THADI ได้เปิดตัวโครงการมากมายในภาคการเกษตร ซึ่งได้ดำเนินโครงการปลูกไม้ผลในพื้นที่ 2 จังหวัดคือกระแจะบนพื้นที่ประมาณ 10,000 เฮกตาร์ และบนพื้นที่ในจังหวัดรัตนคีรีอีกประมาร 26,000 เฮกตาร์ โดยสร้างการจ้างงานมากกว่า 500 คน สำหรับคนเวียดนามกับกัมพูชา และชาวกัมพูชาอีกหลายพันคนในพื้นที่โดยรอบในโครงการเกษตรกรรมข้างต้น ซึ่งเงินเดือนของแรงงานจะอยู่ที่ประมาณ 250-350 ดอลลาร์ต่อเดือน โดยปัจจุบัน THADI มีพนักงานมากกว่า 13,000 คน ซึ่งรวมถึงผู้เชี่ยวชาญและที่ปรึกษาอีกกว่า 1,000 คน ทั้งจากฟิลิปปินส์ จีน และไทยโดยมีแผนจะรับสมัครคนงานกว่าอีกกว่า 8,000 คน ในปีนี้เพื่อสอดรับกับกลยุทธ์ทางด้านเกษตรกรรมที่ยั่งยืนในกัมพูชา

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50774797/agricultural-projects-creating-stable-employment-in-cambodia/