อัตราเงินเฟ้อในสปป.ลาวยังคงเป็นอุปสรรคของสปป.ลาว

ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ในสปป.ลาวลาวยังคงอยู่ในระดับสูงแม้ว่ารัฐบาลจะมีมาตรการเพื่อควบคุมราคาสินค้าอุปโภคบริโภคให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมก็ตาม รายงานของสำนักงานสถิติสปป.ลาว เปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภคแตะระดับ 113.15 จุดในเดือนกรกฎาคม โดยอัตราเงินเฟ้อในหมวดอาหารและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ลดลงในเดือนกรกฎาคมเมื่อเทียบกับเดือนมิถุนายน แต่ก็ยังอยู่ในระดับสูง รวมถึงหมวดหมู่ที่เกี่ยวข้องกับอาหารและเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ยาสูบ เสื้อผ้า รองเท้าและยาก็ยังอยู่ในระดับสูง ทำให้อัตราเงินเฟ้อประจำปีอยู่ที่ร้อยละ 5.12 ปัจจัยหลักที่ผลักดันให้เกิดเงินเฟ้ออยู่ในระดับที่สูงนั้นมาจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนส่งผลให้ผู้ประกอบการต้องนำเข้าสินค้าในราคาที่สูงขึ้นและสปป.ลาวยังคงนำเข้าอาหารจำนวนมากรวมถึงอาหารทะเลจากประเทศเพื่อนบ้านเป็นหลักแทนการผลิตในประเทศ ไม่เพียงแค่ปัญหาด้านเงินเฟ้อที่เป็นอุปสรรคต่อการเติบโตของเศรษฐกิจสปป.ลาว ในสถานการร์ปัจจุบันสปป.ลาวเผชิญกับการแพร่ระบาดของ COVID-19 ส่งผลกระทบต่อภาคเศรษฐกิจสำคัญทั้งด้านการท่องเที่ยว การลงทุน การส่งออก และกระทบต่อห่วงโซ่อุปทานซึ่งสาเหตุที่ทำให้ต้องนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศเข้ามา แม้ว่ารัฐบาลจะผลักดันให้มีการผลิตทางการเกษตรในประเทศมากขึ้น

ที่มา : http://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Inflation167.php

สปป.ลาวเผยยอดส่งออกกาแฟพุ่ง 100% แตะ 40 ล้านดอลลาร์

สปป.ลาวส่งออกเมล็ดกาแฟเกือบ 22,300 ตันมูลค่าเกือบ 40 ล้านดอลลาร์ในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้เพิ่มขึ้นจาก 20 ล้านดอลลาร์จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ประธานสมาคมกาแฟสปป.ลาวกล่าวว่าการเพิ่มขึ้นเป็นผลมาจากในปีนี้ราคากาแฟในตลาดโลกเพิ่มขึ้น รวมทั้งต้นกาแฟที่ให้ผลผลิตมากกว่าปีที่แล้ว ปริมาณเมล็ดกาแฟที่ผลิตได้ทุกปีจะแตกต่างกันไปจากปัจจัยหลายประการเช่น สภาพอากาศ โรคที่ส่งผลกระทบต่อต้นกาแฟ มาตรการที่เข้มงวดขึ้นซึ่งบังคับใช้โดยรัฐบาลทำให้ผู้ค้าต่างชาติซื้อเมล็ดกาแฟจากเกษตรกรอย่างผิดกฎหมายได้ยากขึ้นและนี่คือเหตุผลสำคัญที่ทำให้การส่งออกเพิ่มขึ้น การส่งออกกาแฟผิดกฎหมายก่อให้เกิดปัญหากับผู้ประกอบการในสมาคมเนื่องจากผู้ค้าต่างชาติซื้อเมล็ดกาแฟโดยไม่เสียภาษีใด ๆ แต่ผู้ประกอบการสปป.ลาวต้องจ่ายภาษีส่งออกให้กับรัฐบาลซึ่งทำให้ต้นทุนการผลิตกาแฟสูงขึ้น ในปีนี้ผู้ประกอบการซื้อเมล็ดกาแฟอาราบิก้าจากเกษตรกรในราคา 1,500-3,200 กีบต่อกิโลกรัมขึ้นอยู่กับช่วงเวลาและคุณภาพของกาแฟ ในขณะที่ราคาเมล็ดกาแฟโดยรวมอยู่ระหว่าง 15,000-16,500 กีบต่อกิโลกรัม ราคาของกาแฟโรบัสต้าปอกเปลือกอยู่ระหว่าง 11,000-12,500 กีบต่อกิโลกรัมในปีนี้  โดยส่งออกกาแฟไปยังกว่า 26 ประเทศในยุโรปเอเชียและสหรัฐอเมริกา ปัจจุบันมีบริษัท 8 แห่งที่รับซื้อกาแฟจากเกษตรกรเพื่อส่งออกและขายภายในประเทศ

ที่มา : https://www.phnompenhpost.com/business/laos-ups-its-coffee-exports-100-hit-40m

การท่องเที่ยวภายในประเทศกัมพูชาในช่วงวันหยุดยาว สร้างเงินอัดฉีดกว่า 100 ล้านดอลลาร์

การเคลื่อนไหวของนักท่องเที่ยวภายในประเทศในช่วงวันหยุด 5 วันที่ผ่านมา ของการชดเชยช่วงวันหยุดปีใหม่ของกัมพูชา โดยมีเงินหมุนเวียนในภาคการท่องเที่ยวโดยประมาณสูงถึง 100 ล้านดอลลาร์ ซึ่งตัวเลขดังกล่าวได้รับการเผยแพร่ในการประชุมเพื่อทบทวนกิจกรรมการท่องเที่ยวในประเทศในช่วงวันหยุด 5 วัน นำโดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวกัมพูชา โดยจังหวัดเสียมราฐซึ่งเป็นที่ตั้งของอุทยานโบราณคดีอังกอร์ดึงดูดผู้เข้าชมมากที่สุดในช่วงวันหยุดชดเชยปีใหม่ที่ผ่านมาตั้งแต่วันที่ 17 ถึง 21 สิงหาคม ซึ่งจากรายงานของกระทรวงการท่องเที่ยวรายงานว่าเป็นนักท่องเที่ยวภายในประเทศกว่า 1.4 ล้านคน และนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศอีกราว 14,148 คน ที่เดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศในช่วงวันหยุด โดยไปเยือนจังหวัดเสียมราฐ 214,047 คน, กัมปอต, แก๊ป, พระตะบอง และพระสีหนุ มีผู้เยี่ยมชม 180,754, 146,383, 133,349 และ 116,346 คน ตามลำดับ

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50757435/domestic-tourism-gets-100-million-cash-injection-and-a-life-line/

การลงทุนในภาคการก่อสร้างของกัมพูชายังคงเห็นการเติบโต

กัมพูชาได้อนุมัติโครงการก่อสร้างกว่า 2,522 โครงการ ในช่วงครึ่งแรกของปี 2020 มูลค่ารวมกว่า 3.84 พันล้านดอลลาร์ ตามข้อมูลของกระทรวงการจัดการที่ดินการวางผังเมืองและการก่อสร้าง โดยตัวเลขดังกล่าวเพิ่มขึ้นประมาณร้อย 13 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีโครงการก่อสร้างราว 2,000 โครงการ มูลค่าประมาณ 3.39 พันล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งจากการลงทุนในช่วงครึ่งแรกของปี 2020 โครงการก่อสร้าง 2,000 โครงการมูลค่า 774 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 143 ได้รับอนุญาตจากหน่วยงานเทศบาลและจังหวัดทั่วประเทศ โดยโครงการก่อสร้างที่เหลืออีก 207 โครงการ มีมูลค่ามากกว่า 3 พันล้านดอลลาร์ที่ได้รับอนุญาตจากระดับกระทรวง

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50757441/cambodias-investment-in-construction-sector-registers-remarkable-rise-in-first-semester/

สิงคโปร์รุกตลาดพลังงานไฟฟ้าความร้อนจากถ่านหินที่แขวงเซกอง สปป.ลาว

บริษัท Evolution Power Investment Corporation (EPIC) และ บริษัท Kuounmixay Bridge and Road Construction and Repair Company (KMX) ซึ่งเป็นบริษัทกิจการร่วมค้า (Joint Venture) ระหว่างสิงคโปร์กับ สปป.ลาว ลงนามบันทึกความเข้าใจกับรัฐบาล สปป.ลาว เพื่อศึกษาความเป็นไปได้ในการพัฒนาโรงผลิตไฟฟ้าพลังงาน ความร้อนจากถ่านหินสะอาดที่เมืองดากจึง สปป.ลาว โครงการดังกล่าว มีมูลค่า 1.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยสามารถผลิตกระแสไฟฟ้าได้ 1,000 เมกะวัตต์ เพื่อส่งไปขายยังประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะ ไทย เวียดนามและกัมพูชา โดยคาดว่าการก่อสร้างโครงการจะแล้วเสร็จในปี 2570และการเกิดขึ้นของโครงการดังกล่าวจะเป็นส่วนช่วยในขยายตัวเศรษฐกิจสปป.ลาวได้อย่างมั่นคง

ที่มา : https://globthailand.com/laos-11082020/

อัตราเงินเฟ้อของ สปป. ลาว เดือน มิถุนายน 2563 ลดลงเล็กน้อย

ศูนย์สถิติแห่งชาติ กระทรวงแผนการและการลงทุน สปป. ลาว เปิดเผยว่า อัตราเงินเฟ้อลาวเดือน มิถุนายน 2563 ลดลงมาอยู่ที่ร้อยละ 5.28 จากร้อยละ 5.46 เมื่อเดือน พฤษภาคม 2563  ปัจจัยที่ทำให้ราคาสินค้าบางประเภทปรับตัวสูงขึ้น ได้แก่
(1) ความผันผวนของราคาสินค้าบางรายการที่ได้รับผลกระทบจากโควิด 19
(2) การส่งเสริมการผลิตสินค้าภายในประเทศที่ยังทำได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ และสินค้าที่ผลิตได้ยังต้องพึ่งพาการนำเข้าวัตถุดิบและปัจจัยการผลิต
(3) ราคาสินค้าสำคัญในตลาดโลกมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น
(4) อัตราแลกเปลี่ยนเงินกีบกับบาทและดอลลาร์สหรัฐยังมีความผันผวนอย่างต่อเนื่อง

ที่มา : https://globthailand.com/laos-20082020/

‘Intel’ สนใจที่จะขยายการลงทุนในเวียดนาม

จากการประชุม US Business Forum ที่นครโฮจิมินห์ เมื่อวันที่ 25 สิ.ค. เป็นการจัดกิจกรรมฉลอง 25 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตสหรัฐฯ นาย Kim Huat Ooi รองประธานและผู้อำนวยการทั่วไปของบริษัท อินเทล โปรดักส์เวียดนาม (Intel Products Vietnam) กล่าวว่าเม็ดเงินทุน 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐไปยังโรงงานท้องถิ่น และทางบริษัทยังคงจะลงทุนในเวียดนามอีกหลายปีข้างหน้า ซึ่งบริษัทอยู่ในช่วงเตรียมตัวในการลงทุนครั้งสำคัญ โดยปัจจุบัน บริษัทมีมูลค่าส่งออกอยู่ที่ 3.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และมีแผนที่จะลงทุนเพิ่มเติมในนครโฮจิมินห์ ทั้งนี้ นาย Kim Huat Ooi ยังกล่าวชื่นชมถึงสภาพแวดล้อมการทำธุรกิจในท้องถิ่น และ Intel ถือเป็นบริษัทไฮเทคแห่งแรกที่อัดฉีดเงินลงทุนกว่า 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐไปยังเมืองทางตอนใต้ของเวียดนาม นับว่าเป็นก้าวสำคัญของบริษัท Intel อย่างมาก นอกจากนี้ Intel ยังลงทุนราว 25 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ให้กับมหาวิยาลัย 8 แห่ง ซึ่งตั้งอยู่ในนครโฮจิมินห์ ขณะที่ ทำงานร่วมกับนักศึกษาหญิงกว่า 700 คน ด้วยการวางรางฐานให้กับธุรกิจในการพัฒนาโรงงานประกอบและทดสอบที่ใหญ่ที่สุดในโลก พร้อมกับสร้างแรงงานทักษะสูงอีก 5,000 ตำแหน่ง

ที่มา : https://english.vov.vn/economy/intel-keen-to-expand-investment-in-vietnam-417806.vov

ดัชนี CPI เวียดนาม อาจอยู่ภายใต้การควบคุม ปี 2563

สำนักงานสถิติแห่งชาติเวียดนาม (GSO) เชื่อว่าสามารถควบคุมดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ในปี 2563 ให้ต่ำอยู่ที่ระดับร้อยละ 4 โดยการชยายตัวของ CPI นั้นอยู่ในทิศทางที่ชะลอตัว ถึงแม้ว่าในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย จากการเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมัน ส่งผลให้ CPI ในช่วง 7 เดือนแรกของปีนี้ เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.07 เมื่อเทียบกับปีก่อน ในขณะที่ ราคาสินค้าสำคัญ อาทิ อาหาร ผลไม้และผัก โดยเฉพาะเนื้อหมู ล้วนแต่ส่งผลให้ดัชนี CPI เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันยังคงไม่สามารถคาดการณ์ได้ เนื่องจากส่วนใหญ่ขึ้นอยู่กับตลาดโลก ทั้งนี้ รองผู้อำนวยการสถาบันเศรษฐกิจและการเงิน ระบุว่าความต้องการเชื้อเพลิงจะไม่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในอนาคตข้างหน้า ราคาน้ำมันดิบคาดว่าอยู่ในระดับ 40 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลและไม่น่าผลักดันดันชี CPI สูงขึ้นในทันที นอกจากนี้ รัฐบาลขอให้กระทรวงการคลังและธนาคารกลางเวียดนาม ดำเนินใช้นโยบายการเงินและการคลัง เพื่อรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจมหภาค โดยให้ความสำคัญกับการควบคุมอัตราเงินเฟ้อและขจัดอุปสรรคในการดำเนินธุรกิจ รวมถึงเร่งการเบิกจ่ายสำหรับการลงทุนสาธารณะ

ที่มา : https://vietnamtimes.org.vn/vietnam-cpi-may-be-kept-under-control-in-2020-23851.html

เมียนมาได้รับการสนับสนุนเงินทุนจากต่างประเทศมากขึ้นเพื่อต่อสู้กับ COVID-19

ญี่ปุ่นให้เงินช่วยเหลือฉุกเฉิน 45,000 ล้านเยนเพื่อช่วยเหลือเศรษฐกิจของเมียนมาร์จากวิกฤติ COVID-19 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของญี่ปุ่นได้ขยายการช่วยเหลือทางการเงินระหว่างการพบปะกับที่ปรึกษาแห่งรัฐนางอองซานซูจีที่เมืองเนปยีดอในวันที่ 24 สิงหาคม 63 ซึ่งจะประกอบด้วยงบประมาณช่วยเหลือฉุกเฉิน 30 พันล้านเยน และความช่วยเหลือด้านการพัฒนาอย่างเป็นทางการ (ODA) อีก 1.5 หมื่นล้านเยนเพื่อช่วยเหลือวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) ทั้งสองฝ่ายยังหารือถึงแผนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็วในเมียนมาและรักษาช่องทางที่ชัดเจนสำหรับการลงทุนของญี่ปุ่น จนถึงขณะนี้ญี่ปุ่นได้ให้ความช่วยเหลือด้านเทคนิค ด้านการแพทย์และอุปกรณ์ทางการแพทย์ มูลค่า 30 ล้านดอลลาร์สหรัฐแก่เมียนมา การช่วงเหลือเพิ่มเติมเกิดขึ้นไม่นานหลังได้รับเงินกู้ 80 พันล้านจัตภายใต้โครงการริเริ่มระงับการให้บริการหนี้ (DSSI) ที่รับรองโดยธนาคารโลกและประเทศภายใต้ G20 DSSI ได้รับการรับรองในเดือนเมษายน 63 เพื่อตอบสนองต่อการเรียกร้องของธนาคารโลกและกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ให้ระงับการชำระหนี้แก่ประเทศที่ยากจนที่สุดเพื่อช่วยจัดการผลกระทบจากการระบาดของ COVID-19 จนถึงขณะนี้เมียนมายังได้รับเงินครึ่งหนึ่งของกองทุนมูลค่า 700 ล้านดอลลาร์สหรัฐที่ IMF จัดหาให้ในเดือนกรกฎาคม 63 เพื่อสนับสนุนเด้านศรษฐกิจส่วนที่เหลือจะได้รับในปีงบประมาณที่จะถึงนี้ นอกจากนี้รัฐบาลยังสามารถระดมทุนจากธนาคารโลก ธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย และองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่นเพื่อสนับสนุนให้เศรษฐกิจก้าวไปข้างหน้า คาดการณ์ว่างบประมาณที่ใช้ไปจะขาดดุลงบประมาณที่ร้อยละ 5.41 ของ GDP ในปีนี้

ที่มา : https://www.mmtimes.com/news/myanmar-receives-more-overseas-financial-support-combat-covid-19.html

จีนเตรียมจัดจ่ายวัคซีน COVID -19 ให้ประเทศในลุ่มน้ำโขงเมื่อพัฒนาสมบูรณ์

นายหลี่เค่อเฉียงนายกรัฐมนตรีจีนเข้าร่วมการประชุมความร่วมมือล้านช้าง – แม่โขง (LMC) ครั้งที่สามผ่านลิงก์วิดีโอซึ่งตามรายงานในซินหัว นายกรัฐมนตรีจีนกล่าวว่า “จีนจะให้ความสำคัญกับการเข้าถึงประเทศในลุ่มน้ำโขงเพื่อจัดหาวัคซีน COVID-19 เมื่อพัฒนาจนสมบูรณ์แบบ” จีนตั้งใจที่จะจัดตั้งกองทุนพิเศษเพื่อส่งเสริมสุขภาพของประชาชนในสปป.ลาว ภายใต้กรอบของกองทุนพิเศษ LMC และจะจัดหาวัสดุป้องกันการแพร่ระบาด COVID-19 รวมถึงการสนับสนุนมาตราฐานทางการแพทย์ที่ดีขึ้น ในที่ประชุมยังได้มีการเสนอแนวทางการร่วมมือด้านอื่นๆ ที่จะเป็นผลดีต่อประเทศในกลุ่มแม่น้ำโขลง ไม่ว่าจะเป็นการแบ่งปันข้อมูลอุทกวิทยาของแม่น้ำโขลงรวมถึงการค้าและการท่องเที่ยว ในส่วนของสปป.ลาวเองยังคงได้รับสนับสนุนในการขยายเส้นทางรถไฟสปป.ลาว-จีนที่จะเชื่อมต่อมายังจีนและไทยได้ เป็นส่วนช่วยในการส่งเสริมความเชื่อมโยงในภูมิภาคและจะเป็นเส้นทางที่สำคัญด้านการค้าและการท่องเที่ยวต่อไปในอนาคต

ที่มา : https://laotiantimes.com/2020/08/26/china-to-provide-mekong-countries-with-covid-19-vaccine/