การใช้โซเชียลมีเดียในทางที่ผิดก่อให้เกิดความท้าทายต่อการพัฒนาประเทศ

ศาสตราจารย์ดร.Chaleun Yiapaoher โฆษกรัฐบาลกล่าวสุนทรพจน์ที่สำนักนายกรัฐมนตรีในเวียงจันทน์เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาเนื่องในโอกาสการเฉลิมฉลองครบรอบ 70 ปีแนวร่วมสปป.ลาวเพื่อการพัฒนาแห่งชาติ โดยได้กล่าวว่า “โซเชียลมีเดียได้หลอมรวมเข้ากับชีวิตสมัยใหม่และสามารถให้ความรู้แก่ผู้ใช้เกี่ยวกับวิชาต่างๆเช่นความรู้ทางวิทยาศาสตร์และในสาขาวิชาอื่น ๆที่มีส่วนในการช่วยขับเคลื่อนสังคมสปป.ลาว” นอกจากนี้เขายังได้ให้คำแนะนำแก่ประชาชนในการเสพสื่ออนไลน์ต่างๆ ควรพิจารณาถึงข้อเท็จจริงเป็นสำคัญ เพราะปัจจุบันสื่ออนไลน์บางอย่างมักนำเสนอถึงข้อมูลปลอมหรือยุยงให้เกิดการรับรู้ในทางที่ไม่ดี โดยเขาได้ยกตัวอย่างในเรื่อง YouTube ที่มีคนโพสต์วิดีโอวิพากษ์วิจารณ์สภาพถนนที่ย่ำแย่และตั้งคำถามว่าการพัฒนาในสปป.ลาวอยู่ที่ใด เห็นได้ชัดว่าผู้นำเสนอต้องการโจมตีจุดอ่อนของประเทศและไม่เรียกนำเสนอในเรื่องที่เป็นผลดีหรือซึ่งที่พัฒนาอย่างเช่น รถไฟลาว – ​​จีนและทางด่วนเวียงจันทน์ – วังเวียง ดังนั้นการพิจารณาข่าวสารอย่างถี่ถ้วนและหน่วยงานที่เกี่ยวควรเข้ามาควบคุมและดูแลเพื่อประโยชน์ต่อการพัฒนาประเทศในข้างหน้า

ที่มา : http://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Social_153.php

รัฐบาลสปป.ลาวดำเนินการขั้นตอนใหม่เพื่อป้องกัน Covid -19 ระลอกสอง

การแพร่ระบาด Covid -19 อย่างต่อเนื่องในประเทศเพื่อนบ้านและประเทศอื่น ๆ ทำให้สปป.ลาวต้องเพิ่มมาตรการเพื่อปกป้อง จากไวรัสระลอกสอง สำนักนายกรัฐมนตรีได้ออกประกาศเมื่อวันที่ 7 ส.ค.โดยสรุปถึงความท้าทายที่สปป.ลาวต้องเผชิญและความเสี่ยงสูงที่เกิดจากวิกฤตสุขภาพโลก รัฐบาลจำเป็นต้องเพิ่มความพยายามในการป้องกันและควบคุมไวรัสเป็นสองเท่า ประกาศระบุว่ากระทรวงความมั่นคงสาธารณะควรร่วมมือกับหน่วยงานแห่งชาติเพื่อการป้องกันและควบคุมโควิด -19 เพื่อเสริมสร้างการตรวจสอบที่จุดผ่านแดนและบังคับใช้การควบคุมชายแดนที่เข้มงวดยิ่งขึ้น หากพบผู้อพยพผิดกฎหมายจะได้รับการทดสอบ Covid-19 ก่อนที่จะถูกส่งไปยังศูนย์กักกันที่รัฐกำหนด ประชาชนจะได้รับแจ้งเมื่อมีการเข้ามาอย่างผิดกฎหมายเพื่อให้ทุกคนตระหนักถึงความจำเป็นในการป้องกันไวรัส กระทรวงความมั่นคงสาธารณะได้รับคำสั่งให้ร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ในเวียงจันทน์และแขวงต่างๆเพื่อให้แน่ใจว่าสถานบันเทิง รวมถึงบาร์ คาราโอเกะและไนต์คลับยังคงปิดอยู่ หากละเมิดกฎระเบียบของรัฐบาลจะได้รับคำเตือนปรับหรือถูกเพิกถอนใบอนุญาตประกอบธุรกิจ นอกจากนี้ยังมีการเตรียมออกนโยบาย Fast-Track กับเวียดนามและจีน อีกทั้งกระตุ้นให้เผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของโควิด -19 ต่อไปรวมถึงอันตรายและความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องและศักยภาพของระลอกที่สอง

ที่มา : http://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Govt_takes_153.php

“เวียดนามแอร์ไลน์” วางแผนที่จะขายเครื่องบิน ช่วยลดต้นทุน

จากการระบาดของไวรัสโควิด-19 ในปัจจุบัน เวียดนามแอร์ไลน์ (Vietnam Airlines) เปิดเผยว่าสายการบินอาจขาดทุนที่ 645 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปีนี้ และทางสายการบินสามารถให้บริการเที่ยวบินเพียง 14.5 ล้านไฟล์ทในปีนี้ ลดลงร้อยละ 36.8 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน รวมถึงรองรับจำนวนผู้โดยสารระหว่างประเทศ 2 ล้านคน และ 12.3 ล้านคนสำหรับผู้โดยสารในประเทศ อย่างไรก็ตาม รายได้ของสายการบินดังกล่าวในปีนี้ ประมาณ 1.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (40.5% ของรายได้ในปีก่อน) สำหรับรายรับของบริษัทใหญ่อย่างเดียว พบว่าขาดทุน 14.4 ล้านล้านด่ง ลดลงร้อยละ 56.4 ทั้งนี้ การระบาดของไวรัส ส่งผลให้ธุรกิจไม่มีกระแสเงินสดและขาดทุนอย่างมาก ด้วยเหตุนี้ เวียดนามแอร์ไลน์ดำเนินใช้มาตรการต่างๆ เพื่อลดต้นทุนและเจรจากับหน่วยงาน EU Export Credit Agency (ECA) และธนาคารในประเทศ รวมถึงยังขอการสนับสนุนจากภาครัฐฯ ด้วยเหตุนี้ จึงวางแผนที่จะขายแอร์บัส A321 ปี 2550 จำนวน 6 ลำ และขายแอร์บัส A321 ปี 2551 จำนวน 3 ลำ แผนดังกล่าวจะดำเนินการในปีหน้า

ที่มา : http://dtinews.vn/en/news/018/69302/vietnam-airlines-plans-to-sell-off-aircraft-to-save-losses.html

ภาวะเงินเฟ้อเวียดนาม คาดว่าจะต่ำกว่า 4% ในปี 2563

แม้ว่าดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เฉลี่ยในช่วง 7 เดือนที่ผ่านมา อยู่ในระดับสูงกว่าเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่คาดว่าอัตราเงินเฟ้อในปีนี้จะอยู่ในระดับต่ำกว่าร้อยละ 4 และบรรลุตามเป้าของสภาแห่งชาติเวียดนาม (National Assembly)

ที่มา : https://vietnamtimes.org.vn/vietnams-inflation-rate-forecasted-to-remain-below-4-in-2020-23226.html

กระทรวงพาณิชย์เมียนมาเผยการส่งออกข้าวโพดมีแนวโน้มดีขึ้น

ในขณะที่ความต้องการของต่างประเทศในนำสินค้าอุปโภคของเมียนมาบางส่วนในปีนี้ลดลงต่ำกว่าที่คาดไว้ในปีนี้เนื่องจากการระบาดของ COVID-19 แต่การส่งออกพืชผลหลายชนิดยังคงเพิ่มขึ้นและบางส่วนก็ดูมีแนวโน้มดี กระทรวงพาณิชย์ระบุว่า การส่งออกข้าวโพดเพิ่มขึ้นเกือบร้อยละ 50 เมื่อเทียบเป็นรายปีในปีงบประมาณปัจจุบันและแนวโน้มการเติบโตดูสดใส การส่งออกในปีนี้อยู่ที่ 2.5 ล้านตันเทียบกับ 1.5 ล้านตันในปีที่แล้ว โดยปกติแล้วข้าวโพดจะส่งออกไปยังจีน แต่ความต้องการจากไทยเพิ่มสูงขึ้นตั้งแต่เริ่มปีงบประมาณ 2562-2563 กว่าร้อยละ 60 ของการส่งออกข้าวโพดในปีนี้ผ่านชายแดนท่าขี้เหล็กและเมียวดี ความต้องการจากประเทศอื่น ๆ เช่น เวียดนามและฟิลิปปินส์ก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน  ในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมากำลังเชื่อมโยงเกษตรกรกับธนาคารเพื่อหาทุนในการปลูก ส่วนพืชอื่น ๆ ของที่มีความต้องการในต่างประเทศมากคืออะโวคาโด ซึ่งกำลังได้รับความสนใจจากสิงคโปร์และจีน โดยอะโวคาโดพันธุ์แฮส (Hass) เป็นอะโวคาโดที่ปลูกกันมากที่สุดในโลก ซึ่งมักจะพบทางตอนใต้ของรัฐฉาน และถือว่าอะโวคาโดพันธุ์แฮส (Hass) มีสัดส่วนร้อยละ 80 ของอะโวคาโดที่บริโภคกันทั่วโลก การปลูกอะโวคาโดในปีนี้ประสบความสำเร็จและล่าสุดจีนเสนอให้นำเข้า 500 ตันต่อปี และสิงคโปร์ 15 ตันต่อสัปดาห์เช่นกัน

ที่มา: https://www.mmtimes.com/news/commerce-ministry-myanmar-says-corn-exports-very-promising.html

เร่งจัดอีเว้นท์ออนไลน์เพิ่มมูลค่าส่งออก

กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศเร่งสนองนโยบายจุรินทร์ สั่งทูตพาณิชย์จัดกิจกรรมออนไลน์ดันส่งออกไทยฝ่าวิกฤติโควิด-19 โดยมอบหมายให้สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ(สคต.) เพิ่มการจัดกิจกรรมทำตลาดส่งออกในต่างประเทศรูปแบบออนไลน์เพิ่มมากขึ้นตามนโยบาย “เกษตรผลิต พาณิชย์ตลาด” ตั้งเป้าให้ไทยเป็นศูนย์กลางสินค้าเกษตรและอาหารคุณภาพของโลก เพื่อช่วยเหลือเอสเอ็มอีไทยและเกษตรกร โดยเฉพาะในกลุ่มสินค้าเกษตร เกษตรแปรรูป อาหารและอื่นๆ ให้มีช่องทางในการขยายตลาดในสถานการณ์ที่ทั่วโลกประสบปัญหาการระบาดของไวรัสโควิด-19  เน้นการจัดงานแสดงสินค้ารูปแบบออนไลน์ และการเจรจาจับคู่ธุรกิจไทยกับผู้นำเข้าจากต่างประเทศ การจัดกิจกรรมโปรโมทสินค้าและภาพลักษณ์สินค้า และการช่วยเหลือผู้ประกอบการไทยในต่างประเทศ เป็นต้น นอกจากนี้ได้เร่งเปลี่ยนบทบาทของทูตพาณิชย์ เป็นเซลล์แมนประเทศมาก เพื่อขยายการค้าและช่วยเพิ่มศักยภาพการแข่งขันของประเทศ  พร้อมทั้งยังเร่งดำเนินการให้ไทยให้เป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมดิจิทัลคอนเทนท์ในภูมิภาค ซึ่งที่ผ่านมาได้พัฒนาผู้ประกอบการไทยในเรื่องธุรกิจดิจิทัลคอนเทนท์ จนสร้างโอกาส และเร่งขยายตลาดไปได้มากในหลายประเทศไม่ว่าจะเป็นเกาหลีใต้ กัมพูชา ญี่ปุ่น เมียนมา สหรัฐอเมริกา เป็นต้น ล่าสุดก็ได้จัดงานแสดงสินค้าออนไลน์ดิจิทัลคอนเทนท์แบบครบวงจรของไทย โดยจัดผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์จนประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี 

ที่มา: https://www.dailynews.co.th/economic/789001

ผลการประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสอาเซียน-สหรัฐอเมริกา ครั้งที่ 33

ไทยเข้าร่วมการประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสอาเซียน-สหรัฐฯ ครั้งที่ 33 เสนอความร่วมมือกับภาคเอกชน ในการพัฒนาวัคซีนและยาต้านไวรัสโควิด-19 การจัดตั้งเครือข่ายผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุข การส่งเสริมความเชื่อมโยงด้านดิจิทัล ความเชื่อมโยงด้านพลังงานในอนุภูมิภาค และการพัฒนาทักษะแรงงาน โดยเฉพาะในกลุ่ม MSMEs และสตรี ที่ประชุมยังร่วมหารือการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ การฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังการผ่อนคลายมาตรการ และการคุ้มครองแรงงาน ที่ประชุมได้ย้ำความเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ระหว่างอาเซียนกับสหรัฐฯ ในการรับมือกับความท้าทายจากการเปลี่ยนแปลงทางภูมิรัฐศาสตร์ ภัยคุกคามในทุกรูปแบบ และการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยเน้นความสำคัญของการเสริมสร้างความร่วมมือภายใต้กรอบอาเซียน-สหรัฐฯ ในทุกมิติบนพื้นฐานของมุมมองอาเซียนต่ออินโด-แปซิฟิกและวิสัยทัศน์ Free and Open Indo-Pacific ของสหรัฐฯ นอกจากนี้ประเทศสมาชิกอาเซียนยินดีที่สหรัฐฯ ให้การสนับสนุนอาเซียนในการรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉินด้านสาธารณสุขรวม 87 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งประกอบด้วยข้อริเริ่ม ASEAN-US Health Futures และการยกระดับศูนย์ควบคุมโรคของสหรัฐฯ ในภูมิภาค ที่ประชุมยังได้เน้นย้ำบทบาทของสหรัฐฯ ในความร่วมมือด้านการส่งเสริมความเชื่อมโยง เศรษฐกิจดิจิทัล การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานผ่านบรรษัทการเงิน การประชุมครั้งนี้เป็นโอกาสในการเสริมสร้างความร่วมมือที่เป็นรูปธรรมกับสหรัฐฯ เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการฟื้นตัวและการเติบโตอย่างยั่งยืนในภูมิภาค รวมทั้งเตรียมการสำหรับการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน-สหรัฐฯ และการประชุมสุดยอดอาเซียน-สหรัฐฯ ในเดือนก.ย. และเดือนพ.ย. 63 ตามลำดับ

ที่มา : https://www.ryt9.com/s/mfa/3147974

Vietnam Motor Show ประกาศยกเลิกเนื่องจากพิษไวรัส COVID-19

งาน Vietnam Motor Show (VMS) ปี 2563 เป็นงานแสดงรถยนต์ที่ใหญ่ที่สุดของเวียดนาม ระหว่างวันที่ 29 ต.ค. – 1 พ.ค. ประกาศยกเลิกอย่างเป็นทางการ เนื่องจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 โดยจำนวนผู้ผลิตรถยนต์อย่างน้อย 15 ราย ได้แก่ Audi, Ford, Jaguar, Honda, Land Rover, Lexus และ Mercedes-Benz ได้เข้าร่วมลงทะเบียนงานนี้ อย่างไรก็ตาม งานดังกล่าวจะเริ่มกลับมาในปี 2564 ที่ศูนย์การประชุมและนิทรรศการไซ่ง่อน (Saigon Exhibition & Convention Center) ทั้งนี้ ในปีที่แล้ว ตัวเลขทางสถิติชี้ให้เห็นว่ามูลค่าเงินทุนกว่า 2.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อนำเข้ารถยนต์จากต่างประเทศและส่วนประกอบในช่วง 7 เดือนแรกของปีนี้ ลดลงร้อยละ 32.6 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

ที่มา : https://vietnamtimes.org.vn/vietnams-biggest-auto-show-canceled-due-to-covid-19-23141.html

เวียดนามเผยเดือน มิ.ย. ส่งออกน้ำมันดิบไปยังจีนเพิ่มขึ้น แม้ว่าภาพรวมจะลดลงก็ตาม

จากข้อมูลของกรมศุลกากรเวียดนาม เปิดเผยว่าปริมาณส่งออกน้ำมันดิบของเวียดนามประมาณ 395,074 ตัน (99,000 บาร์เรล) เพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 2 ในเดือน พ.ค. จีนยังคงเป็นผู้ซื้อน้ำมันดิบรายใหญ่ของเวียดนาม คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 75 ของยอดส่งออกน้ำมันดิบทั้งหมดของเวียดนาม โดยปริมาณการส่งออกน้ำมันดิบของเวียดนามไปยังจีนอยู่ที่ 74,000 บาร์เรลในเดือน มิ.ย. ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 32 จากเดือน พ.ค. เป็นผลมาจากความต้องการใช้น้ำมันของจีนเพิ่มสูงขึ้นมากในช่วงเดือน มิ.ย. ในขณะที่ ในช่วงเวลาดังกล่าว ปริมาณน้ำมันดิบที่เหลือ เวียดนามส่งออกไปยังมาเลเซีย (5,000 บาร์เรล, ลดลง 50% จากเดือน พ.ค.), ญี่ปุ่นกับไทย ประมาณ 10,000 บาร์เรล (เพิ่มขึ้นร้อยละ 4 และ 7 จากเดือน พ.ค. ตามลำดับ) ทั้งนี้ ปริมาณนำเข้าน้ำมันดิบของเวียดนามอยู่ที่ 717,691 ตัน (174,000 บาร์เรล) ในเดือน มิ.ย. ลดลงร้อยละ 28 จากเดือน พ.ค.

ที่มา : https://vietnamtimes.org.vn/vietnams-crude-oil-exports-to-china-higher-in-june-despite-a-decrease-in-total-23148.html

แหล่งท่องเที่ยวเมียนมาพร้อมเปิดอีกครั้งขึ้นอยู่กับสถานการณ์ COVID-19

การเปิดแหล่งท่องเที่ยวในประเทศอีกครั้งอาจเปลี่ยนแปลงได้ขึ้นอยู่กับการจัดการปัญหา COVID-19 ในประเทศและต่างประเทศ กระทรวงโรงแรมและการท่องเที่ยวชี้ว่าแผนฟื้นฟูการท่องเที่ยวของกระทรวงซึ่งรวมถึงข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการเปิดสถานที่ท่องเที่ยวบางแห่งอาจเปลี่ยนแปลงได้ง่ายขึ้นอยู่กับการประเมินเกี่ยวกับภัยคุกคาม COVID-19 ซึ่งไม่รู้ว่าจะสิ้นสุดเมื่อใดและสิ่งต่างๆ เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว หลังจากการกลับมาของการติดเชื้อในเมืองดานังของเวียดนามเมื่อเร็ว ๆ นี้ เมียนมาตัดสินใจที่ปิดชายหาดในอิระวดีอีกครั้ง เมื่อสัปดาห์ที่แล้วเมืองโบราณพุกามซึ่งเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงที่สุดในประเทศได้ปิดเจดีย์ 17 แห่งไม่ให้เข้าชมจนกว่าจะมีประกาศให้ทราบอีกครั้ง

ที่มา: https://www.mmtimes.com/news/myanmar-tourist-spots-reopening-changes-depend-covid-19-situations.html