ธุรกิจภาคเกษตรร่วมมือภาครัฐหาแนวทางลดอุปสรรคการดำเนินธุรกิจ

วันที่ 6 มีนาคมได้มีการจัดงาน 2020 Business Forum (LBF) โดยภายในตัวแทนธุรกิจภาคเกษตรของสปป.ลาวได้จัดการเจรจากับหอการค้าและอุตสาหกรรมแห่งชาติสปป.ลาว (LNCCI) เพื่อหาทางแก้ไขปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินธุรกิจภาคเกษตร ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาผู้แทนอุตสาหกรรมกล่าวว่ายังมีปัญหาที่ยังไม่ได้แก้ไขอีกมากรวมถึงความยุ่งยากของเอกสารที่ต้องใช้ในการนำเข้าวัตถุดิบและส่งออกสินค้าสำเร็จรูปถือเป็นอุปสรรคที่ทำให้การดำเนินธุรกิจเป็นไปได้อย่างยากลำบาก อย่างไรก็ตามรัฐบาลได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาการเกษตรเพื่อบรรลุยุทธศาสตร์การพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมในปี 2568 ทั้งนี้คาดว่าผลของการประชุมในงานดังกล่าวจะทำให้รัฐบาลทราบถึงปัญหาของการดำเนินธุรกิจภาคเกษตรมากขึ้นและจะสามารถแก้ไขปัญหาได้ตรงจุดมากขึ้นเพื่อสร้างบรรยายกาศที่ดีในการดำเนินธุรกิจ  

ที่มา : http://annx.asianews.network/content/lao-agribusiness-sector-raise-challenges-business-forum-115299

มาเลเซีย-สปป.ลาวจัดแคมเปญหวังกระตุ้นการท่องเที่ยวในช่วงนี้

เมื่อวันที่ 4 มีนาคม ได้มีการจัดงานสัมนาเกี่ยวกับการท่องเที่ยวในชื่อแคมเปญ ” Golden Golden Holiday Holiday ” เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวมาเลเซีย-สปป.ลาว โดยภายในงานได้มีคณะผู้แทนจากภาคส่วนต่างๆของทั้ง 2 ประเทศเข้าประชุมเพื่อหารือถึงแนวทางในการบรรเทาปัญหาการลดลงของนักท่องเที่ยวจากสถานการณ์แพร่ระบาดของ COVID-19 และยังเป็นการกระชับความสัมพันธ์ระหว่างสปป.ลาวและมาเลเซียอีกด้วย ก่อนหน้านี้มาเลเซียและสปป.ลาวได้ร่วมมือกันในการเป็นพันธมิตรที่ดีในการสนับสนุนการท่องเที่ยวของทั้ง 2 ประเทศผ่านแคมเปญต่างๆ ทำให้ในเดือนมกราคม-กันยายน 2562 มาเลเซียมีนักท่องเที่ยว 20,959 คนเพิ่มขึ้น 13.8%เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีที่แล้ว ซึ่งนักท่องเที่ยวดังกล่าวเดินทางมาจากสปป.ลาวสร้างรายได้มากถึง 1 แสนล้านานริงกิต ดังนั้นความร่วมมือกันในการจัดแคมเปญใหม่นี้ก็เพื่อหวังผลในการเพิ่มนักท่องเที่ยวให้สูงขึ้นโดยมีเป้าหมายเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวในอาเซียนเป้นหลัก

 ที่มา  :  http://annx.asianews.network/content/tourism-malaysia-strengthens-ties-laos-boost-arrivals-115300

อุตสาหกรรมยานยนต์เมียนมาเตรียมลดการผลิตชิ้นส่วนรถยนต์

การร้องขอจากอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศสำหรับการลดผลิตชิ้นส่วนยานยนต์กึ่งสำเร็จรูป (Semi Knocked Down :SKD) ได้ถูกเสนอต่อหัวหน้าคณะรัฐมนตรีของย่างกุ้ง โดยได้เสนอว่าควรส่งเสริมการผลิตรถยนต์ในประเทศสามารถยกระดับห่วงโซ่คุณค่าสู่การผลิตรถยนต์ในประเทศได้เอง (Completely Knocked Down :CKD) :7j’การผลิตแบบ SKD อาจขัดขวางภาคการพัฒนา เมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2562 กรุงย่างกุ้งจะอนุญาตให้มีการจดทะเบียนยานพาหนะมูลค่ารวม 10 ล้านจัตในเมียนมา ใบอนุญาตนำเข้ารถยนต์ที่จดทะเบียนในย่างกุ้งได้ถูกระงับตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2559 ในอีกประเด็นหนึ่งที่ต้องเผชิญกับปัญหานี้คือจะอนุญาตให้ต่ออายุใบอนุญาตนำเข้ารถยนต์ที่จะหมดอายุในเดือนนี้ ตั้งแต่ปี 2561 อนุญาตให้นำเข้ารถยนต์พวงมาลัยซ้ายจากประเทศตะวันตกเท่านั้น

ที่มา: https://www.mmtimes.com/news/auto-industry-seeks-easing-duties-car-components.html

อัตราแลกเปลี่ยนกระทบตลาดถั่วในเมียนมา

การแข็งค่าของเงินจัตเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐและเงินหยวนของจีนเริ่มส่งผลกระทบในทางลบต่อถั่วและถั่วพัลส์ของเมียนมา หมายถึงราคาแพงกว่าสำหรับผู้ซื้อจากต่างประเทศในขณะเดียวกันก็ทำให้ผู้ผลิตในท้องถิ่นมีรายได้น้อยลง ราคาถั่วและถั่วพัลส์ในท้องถิ่นได้ลดลงจากที่ใดก็ได้ 2,000 จัต ถึง 10,000 จัตต่อถุงจากหน่วยวัดในท้องถิ่น อัตราแลกเปลี่ยน 1 หยวนลดลงจาก 206.39 จัต ในวันที่ 7 กุมภาพันธ์เหลือเพียง 199.83 จัต ในวันที่ 8 มีนาคมลดลง 3.17% ราคาของถั่วเขียวผิวดำได้ลดลงประมาณ 10,000 จัต จาก 90,000 จัต เป็น 80,000 จัตในขณะที่ถั่วเขียวลดลง 6,000 จัต จาก 119,000 จัต เป็น 113,000 จัต และถั่วลันเตาประมาณ 8,000 จัตจาก 65,000 จัตถึง 57,000 จัต เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาธนาคารกลางแห่งเมียนมาได้ซื้อเงินตราต่างประเทศจำนวน 3 ล้านดอลลาร์สหรัฐในอัตรา 1,398.6 จัตต่อดอลลาร์สหรัฐเพื่อรักษาเสถียรภาพของอัตราแลกเปลี่ยน

ที่มา: https://www.mmtimes.com/news/exchange-rate-hits-local-bean-market.html

กบง.ชงครม.ลดค่าไฟฟ้าช่วยปชช.ฐานราก-ธุรกิจรายย่อย

นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พลังงาน เปิดเผยว่า  ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงาน(กบง.) มีมติเห็นชอบ 4 มาตรการเร่งด่วนเตรียมเสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) 10 มี.ค. นี้ วงเงินรวมประมาณ 4.5 หมื่นล้านบาท ได้แก่ 1.เห็นชอบการคืนเงินประกันมิเตอร์การขอใช้ไฟฟ้าให้กับครัวเรือน 21.5 ล้านราย สำหรับประเภทบ้านเรือนที่ใช้อยู่อาศัยและกิจการขนาดเล็ก วงเงิน 3 หมื่นล้านบาท ซึ่งขึ้นอยู่กับแต่ละรายว่าจ่ายเงินประกันมิเตอร์กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) และการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) เท่าไหร่จะมีสิทธิ์ขอคืนเงินประกันได้ โดยจะเริ่มทยอยคืนตั้งแต่รอบบิลที่จะถึงนี้ 2.กบง.ยังมีมติเห็นชอบให้คณะกรรมการกิจการพลังงาน(กกพ.) ตรึงอัตราค่าไฟฟ้าที่เรียกเก็บกับประชาชนอยู่ที่ประมาณ 3.50 บาทต่อหน่วย เป็นเวลา 3 เดือน ช่วงเดือนเม.ย.-มิ.ย.63 จากปัจจุบันอยู่ที่ 3.64 บาทต่อหน่วย คิดเป็นวงเงินช่วยเหลือประมาณ 5,000 ล้านบาท อีกทั้งจะขอความร่วมมือจาก กฟภ.และกฟน.ช่วยลดค่าไฟฟ้าอีก 11 สตางค์ วงเงินประมาณ 4,800 ล้านบาท รวมประมาณ 1 หมื่นล้านบาท 3.เห็นชอบให้ขยายระยะเวลาชำระค่าไฟฟ้าบิลเดือนเม.ย.และเดือนพ.ค.ให้นานได้ถึง 6 เดือน เพื่อแบ่งเบาภาระประชาชนประเภทบ้านเรือนที่ใช้อยู่อาศัยกิจการขนาดเล็ก และกิจการโรงแรมที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ยกเว้นผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดใหญ่ 4.เห็นชอบให้นำเงินกองทุนพัฒนาไฟฟ้าวงเงิน 4,000 ล้านบาท แบ่งเป็นงบปี 62 วงเงิน 2,500 ล้านบาท และปี 2563 วงเงิน 1,500 ล้านบาท ให้กระทรวงพลังงานร่วมกับกระทรวงการคลัง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และกระทรวงมหาดไทย มาใช้ดำเนินโครงการสร้างงานให้เกิดประโยชน์ในการแก้ปัญหาภัยแล้งในท้องถิ่นต่างๆ เช่น ขุดลอกคูคลอง ผันน้ำ เป็นต้น เป็นการอัดฉีดเม็ดเงินในการจ้างงาน กระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก บรรเทาผลกระทบเศรษฐกิจของประเทศที่ชะลอตัว…

ที่มา : https://www.dailynews.co.th/economic/761932

ธนาคารกรุงศรีจับตามองโอกาสการลงทุนเทคโนโลยีสตาร์ทอัพในกัมพูชา

กรุงศรีฟินโนเวตซึ่งเป็น บริษัทร่วมทุน (CVC) ภายใต้ Bank of Ayudhya (BAY) วางแผนที่จะลงทุน 10 ล้านเหรียญสหรัฐ ในการเริ่มต้นธุรกิจสามแห่งในช่วงครึ่งแรก โดยกรุงศรีฟินโนเวตมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีดิจิทัลของธนาคารในประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้านให้ทันต่อยุคสมัย ซึ่งบริษัทกำลังเจรจากับ บริษัทสตาร์ทอัพไทยหลายแห่ง โดยหัวหน้าฝ่ายธนาคารดิจิทัลและนวัตกรรมของธนาคารกรุงศรีคาดว่าจะบรรลุข้อตกลงภายในเดือนมิถุนายน ซึ่งการทำการ CVC มีเงินทุนเริ่มต้นอยู่ที่ 30 ล้านเหรียญสหรัฐ เมื่อรวมเข้ากับบริษัทในปี 2561 จะเพิ่มขึ้นเป็น 50 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยบางส่วนของเงินทุน 50 ล้านเหรียญสหรัฐจะถูกนำไปลงทุนใน Grab ภายใต้บริษัทแม่ของ Mitsubishi UFJ Financial Group Inc. และตัวอย่างการลงทุนของกรุงศรีฟินน์โนเวตเมื่อเร็วๆนี้ คือ Baania ที่ทำให้บริษัทสามารถเข้าถึงฐานข้อมูลสำหรับการจัดหาเงินทุนล่วงหน้าได้ รวมถึงการลงทุนที่คาดหวังใน บริษัท agritech ในท้องถิ่นจะมีส่วนร่วมสนับสนุนลูกค้าของธนาคารในภาคเกษตรด้วยการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพและประสิทธิผลในด้านการเกษตรเป็นต้น

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50699368/krungsri-finnovate-of-thailand-eyes-investment-opportunities-in-tech-startups-in-cambodia

การลงนามบันทึกความเข้าใจระหว่าง SECC กัมพูชา และ BEST

สมาคมเทคโนโลยีเชิงกลยุทธ์และบล็อคเชน (BEST) ได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MoU) กับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์กัมพูชา (SECC) เพื่อร่วมมือกันพัฒนา fintech, blockchain และการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ต่างๆในประเทศกัมพูชา โดยบันทึกความเข้าใจดังกล่าวได้รับการลงนามโดยอธิบดี SECC, Mr. Sou Socheat และ Mr. Charles Ong ประธานของ BEST ซึ่ง BEST เป็นองค์กรพัฒนาเอกชนที่จดทะเบียนโดยมีตัวแทนอยู่ในประเทศกัมพูชาและมาเลเซียจัดตั้งขึ้นเพื่อสนับสนุนการพัฒนา blockchain และให้คำปรึกษาด้าน fintech ทั่วเอเชียก่อตั้งขึ้นเพื่อรองรับอุตสาหกรรมสินทรัพย์ดิจิทัลที่เติบโตอย่างรวดเร็ว โดยมีมูลค่าตลาดรวมประมาณ 292 พันล้านเหรียญสหรัฐ ณ เดือนกุมภาพันธ์ 2563 ภายใต้ MoU นี้ SECC และ BEST จะร่วมกันสร้างสิ่งขับเคลื่อนเพื่อให้คำแนะนำที่จำเป็นเกี่ยวกับ fintech, blockchain และเทคโนโลยีใหม่ๆแก่ SECC The Fintech Times

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50699361/mou-between-securities-and-exchange-commission-of-cambodia-and-best-blockchain-advisory-inked

Lao Airlines ให้พนักงานหยุดชั่วคร่าว เพื่อลดค่าใช้จ่ายในช่วงนี้

Lao Airlines สายการบินรัฐวิสาหกิจสปป.ลาวได้ขอให้พนักงานหยุดงานโดยไม่ได้รับค่าจ้างเพื่อให้บริษัทสามารถลดค่าใช้จ่ายได้ในช่วงนี้ เนื่องจากการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ทำให้มีการยกเลิกเที่ยวบินไปยังประเทศปลายทางจำนวนมากทั้ง จีน เกาหลี ญี่ปุ่น ฯลฯ ซึ่งเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ผู้โดยสารลดลง 37% จากข้อมูลของกรมการบินพลเรือนกระทรวงโยธาธิการและการขนส่งจะต้องจองที่นั่ง 60% ในเที่ยวบินเพื่อให้เที่ยวบินนั้นปฏิบัติได้ แต่ในปัจจุบันบางเส้นทางมีเพียง 10 ถึง 20 คนที่ทำการจองดังนั้นสายการบินจึงระงับเที่ยวบินเหล่านั้น นอกจากนี้จำนวนเที่ยวบินจากประเทศอื่น ๆ มายังสปป.ลาวก็ยังลดลงประมาณ 348 เที่ยวบินต่อเดือนเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ทำให้สายการบิน Lao Airlines ต้องมีมาตราการดังกล่าวออกมาเพื่อปรับลดค่าใช้จ่ายในช่วงนี้

ที่มา : http://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Lao_airlines_48.php

สนง.สถิติแห่งชาติเผยผลผลิตอุตสาหกรรมไตรมาสแรกโต แม้เผชิญกับโควิด-19

สำนักงานสถิติแห่งชาติเวียดนาม (GSO) คาดว่าการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ ผลผลิตอุตสาหกรรมของเวียดนามไตรมาสแรกเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.68 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ซึ่งอัตราการขยายตัวของอุตสาหกรรมร้อยละ 9 และ 10.45 ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2562 และ 2561 ตามลำดับ โดยอุตสาหกรรมการผลิตและแปรรูป เป็นภาคที่มีสัดส่วนมากที่สุดของอุตสาหกรรมในประเทศ ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.38 ทั้งนี้ หากไม่เกิดสถานการณ์ของการแพร่ระบาดไวรัส จะส่งผลให้อุตสาหกรรมการผลิตและแปรรูปจะขยายตัวร้อยละ 10.47 สำหรับสินค้าอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดไวรัส ได้แก่ เครื่องนุ่งห่ม รองเท้า เป็นต้น นอกจากนี้ ทางสำนักงาน GSO ระบุว่าปัจจัยที่ทำให้การผลิตในประเทศมีเสถียรภาพนั้น ภาครัฐฯควรจัดการกับกิจกรรมการค้า โดยเฉพาะการส่งออกสินค้าและตลาดสำคัญ รวมถึงการแก้ไขปัญหาของผู้ผลิตและผู้ค้าและส่งเสริมธุรกิจที่ประสบปัญหาขาดเงินทุนจากการแพร่ระบาดของไวรัส โดยเฉพาะอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่ม เครื่องหนัง เครื่องใช้ไฟฟ้า ยานยนต์ เหล็กและอาหารแปรรูป

ที่มา : https://english.vov.vn/economy/industrial-production-grows-in-first-quarter-if-covid19-ends-gso-411042.vov

ผลสำรวจชี้ 74% ธุรกิจล้มละลายจากการแพร่ระบาดของไวรัส

ผลการสำรวจของคณะกรรมการพัฒนาระบบเศรษฐกิจเอกชน ภายใต้สภาที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี ระบุว่าสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 กินเวลานานกว่า 6 เดือน ส่งผลให้ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ร้อยละ 73.8 ล้มละลาย โดยจากการสำรวจบริษัทมากกว่า 1,200 ราย ในช่วงวันที่ 2-3 มีนาคมที่ผ่านมา ซึ่งธุรกิจส่วนใหญ่เป็นขนาดเล็ก ด้วยจำนวนพนักงานน้อยกว่า 100 คน และร้อยละ 98.2 ได้รับผลกระทบเชิงด้านลบจากการแพร่ระบาดของไวรัส ขณะที่ มีเพียงร้อยละ 9.2 ที่ได้รับผลกระทบเชิงบวก จากการสำรวจดังกล่าว แสดงให้เห็นว่าธุรกิจร้อยละ 19 ได้เตรียมมาตรการมารองรับผลกระทบในเชิงลบ ในขณะที่ร้อยละ 7.2 มองหาตลาดใหม่, ร้อยละ 2.4 ยกระดับคุณภาพบริการสูงขึ้น และร้อยละ 1.7 ใช้เวลานี้ในการฝึกอบรมพนักงาน ตามลำดับ ทั้งนี้ บริษัทได้เสนอ 3 ข้อแก่รัฐบาล ได้แก่ ช่วยเหลือปัญหาและอุปสรรคที่บริษัทเผชิญกับการแพร่ระบาดของไวรัส ตามมาด้วยการดำเนินนโยบายเฉพาะอย่างที่ให้สิทธิพิเศษแก่ผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบมากในแง่ของภาษี และการส่งเสริมสินเชื่อและลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้

ที่มา : https://english.vov.vn/economy/nearly-74-percent-of-firms-to-go-bankrupt-if-epidemic-lingers-survey-411041.vov