กระทรวงสปป.ลาวเน้นข้อกังวลเกี่ยวกับข้าราชการที่“ ไม่มีอยู่จริง”

กระทรวงการต่างประเทศกำลังชี้แจงจำนวนที่แท้จริงของข้าราชการท่ามกลางความกังวลของประชาชนเกี่ยวกับการดำรงอยู่ของตำแหน่งที่เรียกว่า ” ghost ” กระบวนการนี้เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการในการยืนยันจำนวนที่แท้จริงของข้าราชการพลเรือนในสปป.ลาว ซึ่งมีการแจกบัตรประชาชนข้าราชการ ก่อนที่จะรับบัตรเจ้าหน้าที่ได้รับคำสั่งให้เข้าแถวและแสดงหลักฐานว่าเป็นบุคคลที่มีชื่อในบัตรประจำตัวประชาชนซึ่งได้รับการออกแบบให้เป็นบัตรเอทีเอ็มเพื่อใช้ในการถอนเงินและไม่สามารถรับบัตรแทนกันได้ การกำหนดให้ข้าราชการแต่ละคนแสดงหลักฐานว่าเป็นเจ้าของที่แท้จริงของบัตรประจำตัวที่ออกใหม่จะช่วยให้รัฐบาลตัดสินว่าข้าราชการที่ได้รับเงินเดือนของรัฐมีอยู่จริงหรือไม่ หากพบเจอการมีอยู่ของ“ghost ” จะขอยกเลิกการจ่ายเงินเดือนเข้าบัญชีธนาคาร และให้ภาคส่วนที่เกี่ยวข้องพิจารณาคดีและลงโทษผู้กระทำความผิดตามกฎหมาย ทั้งนี้ได้แจกจ่ายบัตรประจำตัวประชาชนใหม่ให้แก่หน่วยงานรัฐ 37 แห่ง และวางแผนที่จะแจกจ่ายบัตรให้กับหน่วยงานกลางของรัฐอีก 9 แห่งและแจกจ่ายบัตรประจำตัวให้กับข้าราชการในจังหวัดในปี 63

ที่มา:http://vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Ministry_addresses_236.php

เวียดนามดึงดูด FDI มากกว่า 29 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ในช่วง 10 เดือนปี 2562

จากข้อมูลของกระทรวงการวางแผนและการลงทุนเวียดนาม (MPI) เปิดเผยว่าเวียดนามดึงดูดเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) มากกว่า 29.11 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ในช่วง 10 เดือนของปี 2562 เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.3 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยตัวเลขดังกล่าว มูลค่าราว 12.38 พันล้านเหรียญฯ ใช้สำหรับโครงการใหม่ประมาณ 3,094 โครงการ และอีก 5.47 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ใช้สำหรับโครงการที่มีอยู่ในปัจจุบัน คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 83.6 ของมูลค่าในปีที่แล้ว โดยภาคอุตสาหกรรมการผลิตและแปรรูปยังคงเป็นภาคที่ดึงดูดของนักลงทุนต่างชาติมากที่สุด รองลงมาภาคอสังหาริมทรัพย์ และภาคการค้าปลีกค้าส่ง ตามลำดับ ในขณะที่ ประเทศฮ่องกง (จีน) เป็นนักลงทุนรายใหญ่ที่สุดในเวียดนาม รองลงมาเกาหลีใต้ และสิงคโปร์ ตามลำดับ รวมไปถึงเมืองฮานอยที่ดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศมากที่สุด รองลงมานครโฮจิมินห์ บินห์ดอง ด่งนาย และบัคนินห์ ตามลำดับ

ที่มา :  https://english.vov.vn/economy/vietnam-attracts-over-29-billion-usd-in-fdi-in-ten-months-405251.vov

ยูนิโคล่จะได้รับกำไอย่างมากในเวียดนาม เทียบกับ HM และ Zara ได้หรือไม่

ยูนิโคล่ (Uniqlo) เล็งเห็นเวียดนามเป็นตลาดสำคัญในการเข้าถึงกลุ่มประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อย่างไรก็ตาม แบรนด์คู่แข่งอย่าง Zera, H&M, Elise และ Hnoss จะท้าทายกับแบรนด์ระดับโลกของสัญชาติญี่ปุ่น โดยยูนิโคล่จะเริ่มตั้งร้านแห่งแรกในเวียดนาม อยู่ที่ Parkson Saigon Tourist Plaze ในย่านกลางเมืองโฮจิมินห์ และการเข้ามาทำตลาดของยูนิโคล่นั้น จะทำให้เกิดการแข่งขันที่รุนแรงในตลาดผู้บริโภคที่มีอยู่กว่า 95 ล้านคน ซึ่งจากข้อมูลของ Virac, Mitra Adiperkasa (MAP) ระบุว่ากลุ่มแบรนด์ ได้แก่ Zara, Pull & Beer, Staradivarius และ Massimo Dutti ล้วนเป็นผู้นำในตลาดค้าปลีกแฟชั่นเวียดนาม นับว่าเวียดนามเป็นตลาดขนาดใหญ่อันดับสองของบริษัท รองลงมาอินโดนีเซีย นอกจากนี้ อุตสาหกรรมแฟชั่นเวียดนามในปี 2561 มีมูลค่ารวมประมาณ 5 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ด้วยอัตราการเติบโตร้อยละ 10 ต่อปี

ที่มา : https://english.vov.vn/economy/will-uniqlo-earn-big-money-in-vietnam-like-hm-and-zara-405276.vov

ฉาน สันติภาพและใบชา

ในบรรดาสินค้าเกษตรมากมายของเมียนมาใบชามีศักยภาพสูงในตลาดส่งออกเพราะเป็นพืชอินทรีย์ที่ปลูกได้เองตามธรรมชาติ อย่างไรก็ตามการเชื่อมโยงกับความขัดแย้งในรัฐฉานซึ่งเป็นหนึ่งในพื้นที่ปลูกหลักสำหรับการเพาะปลูก หากหยุดการสู้รบการส่งออกชาจะเพิ่มขึ้นอย่างมาก เพราะการไม่ต้องใช้สารเคมีดังนั้นจึงมีข้อได้เปรียบมากมาย พื้นที่ส่วนใหญ่ที่ได้รับผลกระทบจากความขัดแย้งและเป็นสาเหตุที่ไม่สามารถขอใบรับรองได้ ตลาดส่งออกสำคัญคือจีน ซึ่งสวนชา 80 แห่งในตั้งอยู่ในพื้นที่ที่ไม่มั่นคงทำให้ต้นทุนการผลิตจึงสูงกว่าในประเทศอื่น ๆ มีพื้นที่เพาะปลูกประมาณ 8900 เฮคเตอร์ทั่วประเทศ  52 ตันถูกส่งออกไปจีน ไม่นานมานี้ผู้ปลูกชาเข้าร่วมในงาน China-ASEAN Expo ครั้งที่ 16 ซึ่งใบชาแห้งและเปียกได้รับความสนใจจากผู้ร่วมงานเป็นอย่างมาก ทั้งจีนไม่ได้ให้ความสำคัญกับการรับรองคุณภาพและถือเป็นข้อได้เปรียบของเมียนมา ปัจจุบันมีการส่งออกไปยังไต้หวัน ไทย เกาหลีใต้ และสิงคโปร์ แต่ตลาดที่ใหญ่ที่สุดยังคงเป็นจีน ดังนั้นสันติภาพในรัฐฉานเป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับภาคการผลิตชา เมียนมาจึงต้องการความสงบสุขอย่างเร็วที่สุด

ที่มา: https://www.mmtimes.com/news/shan-states-peace-and-tea-leaves.html

การทำประมงที่ผิดกฎหมายต้องกำจัดให้หมดไป : รองนายกรัฐมนตรี

รองนายกรัฐมนตรี Trinh Dinh Dung ได้ตรวจสอบการทำประมงผิดกฎหมายขาดการรายงาน และไร้การควบคุม (IUU) และสั่งการหน่วยงาน/กระทรวงท้องถิ่นให้รีบเร่งแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วน ในจังหวัดทางตอนใต้เกียนซางเวียดนาม (Kien Giang) ณ วันที่ 23 ตุลาคมที่ผ่านมา โดยในเดือนตุลาคม 2560 คณะกรรมการธิการยุโรป (EC) ประกาศให้ใบเหลือง หรือเป็นการเตือนว่าประเทศนั้นมีความเสี่ยงที่จะเป็นประเทศที่ไม่ให้ความร่วมมือในการต่อต้านการทำประมง IUU ในขณะที่ เดือนกันยายนของปีนี้ มีเรือประมงที่จดทะเบียน 9,858 ลำ และได้ทำการบันทึกสถิติจับสัตว์น้ำทั้งหมด 450,593 ตัน ในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 76.24 ของยอดเป้าหมายในปีนี้ อย่างไรก็ตาม ยังคงมีการละเมิดการประมงที่ผิดกฎหมายอยู่ 52 ครั้ง ในช่วงไตรมาสแรกปีนี้ เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว และทางหน่วยงานรัฐฯที่เกี่ยวข้องพยายามควบคุม/ตรวจสอบการทำประมง และจัดการทำประมงผิดกฎหมายอย่างเคร่งครัด

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/iuu-fishing-must-be-eradicated-deputy-pm/162556.vnp

เวียดนามเผยการส่งออกกุ้งไปสหภาพยุโรปลดลงอย่างมาก

จากรายงานทางสถิติของสมาคมผู้ส่งออกอาหารทะเลและผู้ผลิตเวียดนาม (VASEP) เปิดเผยว่าเวียดนามส่งออกกุ้งมูลค่า 2.4 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลงร้อยละ 7 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ ขณะที่ การส่งออกกุ้งไปสหภาพยุโรปลดลงร้อยละ 20.8 นับว่าเป็นลดลงอย่างมาก เป็นผลมาจากราคากุ้งดิบลดลง ประกอบกับปัจจัยต่างๆ ได้แก่ สินค้าคงเหลือสูงในตลาดหลากหลาย และการนำเข้าวัตถุดิบกุ้งจากประเทศอื่นเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ราคานำเข้ากุ้งต่ำกว่าราคาในประเทศเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว โดยในเดือนกันยายนที่ผ่านมา เวียดนามส่งออกกุ้งมากกว่า 61 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ไปสหภาพยุโรป ลดลงร้อยละ 23 เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ในขณะที่ ตลาดจีน สถานการณ์มีแนวโน้มเป็นบวก ด้วยมูลค่า 382.3 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.2 ในช่วงหลายที่ที่ผ่านมา

ที่มา : https://english.vov.vn/economy/shrimp-exports-to-eu-suffer-steep-decline-405144.vov

2 สัปดาห์การค้าทางทะเลเมียนมาพุ่ง 880 ล้านเหรียญสหรัฐ

รายรับจากการส่งออกทางทะเลสูงถึง 880 ล้านเหรียญสหรัฐ ในช่วง 2 สัปดาห์แรกของปีงบประมาณ 62-63 สูงกว่าเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้วอยู่ที่ 17 ล้านเหรียญสหรัฐ ตั้งแต่วันที่ 1 ถึง 11 ต.ค. ปีนี้มีรายรับ 877.283 ล้านเหรียญสหรัฐจากการค้าทางทะเลสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว 859.598 ล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนใหญ่ส่งออกสินค้าเกษตร ผลิตภัณฑ์จากสัตว์ ผลิตภัณฑ์ทางทะเล ผลิตภัณฑ์จากป่า ผลิตภัณฑ์แร่ แร่ สินค้าอุตสาหกรรมสำเร็จรูป (CMP) และอื่น ๆ เพื่อลดการขาดดุลการค้ากระทรวงพาณิชย์ใช้มาตรการต่าง ๆ เช่น การนำแผนยุทธศาสตร์การส่งออกแห่งชาติ มาตรการผ่อนคลาย การสนับสนุนภาคเอกชน รับ GSP และขยายตลาดส่งออก ในปี 61-62 คาดว่ามูลค่าการส่งออกทั้งหมดจะสูงถึง 15.3 ล้านเหรียญสหรัฐ เมื่อสิ้นปีมูลค่าการส่งออกสูงถึง 17 พันล้านเหรียญสหรัฐมากกว่า 473.218 ล้านเหรียญสหรัฐเมื่อเทียบกับปีก่อน

ที่มา : https://elevenmyanmar.com/news/about-880m-earned-from-maritime-trade-in-two-week-this-fy

ธนาคารเพื่อการพัฒนาการเกษตรแห่งเมียนมาขยายเวลาการชำระเงินกู้ของเกษตรกร

ธนาคารเพื่อการพัฒนาการเกษตรแห่งประเทศเมียนมา (MADB) ประกาศจะขยายระยะเวลาการชำระคืนสำหรับฤดูเก็บเกี่ยวในฤดูหนาวไปอีกสามเดือน จาก มิ.ย. ถึง 15 ก.ย. ของปีนี้ เพื่อรอราคาที่ดีขึ้น เงินกู้ยืมได้ครอบคลุมสำหรับพืชอื่น ๆ ได้แก่ เนยถั่ว ถั่วสีเหลือง งา ทานตะวัน หัวหอม และพริก เพราะพืชเหล่านี้มีการส่งออกและบริโภคภายในประเทศสูง ทั้งนี้พื้นที่เพาะปลูกสามารถใช้เป็นหลักประกันให้มีเครดิตที่ดี ปัจจุบัน MADB ให้สินเชื่อสูงถึง 150,000 จัตต่อเอเคอร์กรณีของข้าวและ 100,000 จัตต่อเอเคอร์สำหรับพืชอื่น ๆ สินเชื่อสำหรับข้าวเพิ่มขึ้นจาก 100,000 จัตเป็น 150,000 จัตในปี 59 และพืชอื่น ๆ จาก 50,000 จัตเป็น 100,000 จัตในปี 61 MADB ให้สินเชื่อแก่เกษตรกรตาม 3 ฤดูกาลเพาะปลูกหลัก ได้แก่ ช่วงมรสุม ก่อนช่วงมรสุมและฤดูหนาว อนึ่งการชำระคืนของเกษตรกรลดลงตั้งแต่ปี 55 เนื่องจากภัยธรรมชาติ เช่น ฝนตกหนัก น้ำท่วม ภัยแล้ง และการระบาดของศัตรูพืช หากไม่สามารถชำระคืนเงินได้สามารถชะลอการชำระโดยต้องได้รับอนุมัติจากผู้บริหารหมู่บ้าน กรมวิชาการเกษตร และกรมการจัดการที่ดินและสถิติการเกษตร

ที่มา : https://www.mmtimes.com/news/bank-loosens-repayment-period-farmers.html

ผู้ใช้น้ำจำเป็นต้องเตรียมความพร้อมสำหรับภัยแล้ง สปป.ลาว

ตามรายงานของเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบการติดตามตรวจสอบการไหลของแม่น้ำ ระดับน้ำในแม่น้ำโขงและแม่น้ำสาขาบางส่วนอยู่ในระดับต่ำ คาดว่าจะลดลงเนื่องจากเดือนตุลาคมเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของฤดูแล้ง สถานการณ์ที่ผิดปกตินี้กำลังส่งผลกระทบต่อการจัดหาน้ำใช้ในครัวเรือนรวมถึงกิจกรรมทางธุรกิจและการเกษตร เป็นข้อบ่งชี้ว่าผู้บริโภคควรเตรียมพร้อมรับมือกับปัญหาการขาดแคลนน้ำรายงานที่ออกโดยกรมอุตุนิยมวิทยาและอุทกวิทยาในเดือนกรกฎาคมระบุว่าปริมาณน้ำฝนในเดือนนั้นต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 70% รายงานที่อัปเดตไม่สามารถใช้ได้กับสื่อทันที แต่ผู้สังเกตการณ์กล่าวว่าสปป.ลาวส่วนใหญ่ยกเว้นพื้นที่ภาคกลางและภาคใต้มีปริมาณน้ำฝนต่ำเป็นประวัติการณ์ตลอดฤดูฝนที่ผ่านมา รัฐบาลจึงได้จัดตั้งกองทุนการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโดยหวังที่จะระดมเงินเพื่อเสริมสร้างศักยภาพของสปป.ลาวเพื่อรองรับรูปแบบการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ

ที่มา : http://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Water_235.php

หอการค้า สปป.ลาว – ยุโรป เปิดตัวบริการให้การรับรองแรงงานเด็ก

หอการค้าและอุตสาหกรรมแห่งชาติลาว (LNCCI) และหอการค้าและอุตสาหกรรมแห่งยุโรปในสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (ECCIL) ได้เปิดตัวบริการรับรองการใช้แรงงานเด็กอย่างเป็นทางการ รองประธาน LNCCI และนายกสมาคมอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่ม ประธาน ECCIL และ กรรมการผู้จัดการบริษัท Hi-Tech Lao Apparel จำกัด ได้ลงนามข้อตกลงเพื่อเปิดบริการการรับรอง ทั้ง LNCCI และ ECCIL มีประวัติศาสตร์อันยาวนานของความร่วมมือที่มีประโยชน์ในการสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจในสปป.ลาวโดยให้บริการแก่ภาคเอกชน การเปิดตัวบริการรับรองการใช้แรงงานเด็กร่วมกันเป็นการสร้างสายการบริการใหม่สำหรับทั้งสององค์กรและคาดว่าจะเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขันระหว่างประเทศและเพิ่มโอกาสทางการค้า บริการนี้มีเป้าหมายอยู่ที่วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมและองค์กรขนาดใหญ่และไม่จำกัดเฉพาะภาคธุรกิจหรือผลิตภัณฑ์ใด ๆ การดำเนินการตามบริการการรับรองสำหรับแรงงานเด็กและ LNCCI ECCIL ได้รับการสนับสนุนโดยโปรแกรมผู้เชี่ยวชาญของ German Gesellschaft fuer Internationale Zusammenarbeit (GIZ)

ที่มา : http://annx.asianews.network/content/lao-european-business-chambers-launch-child-labour-free-certification-service-106884