อัตราเงินเฟ้อเฉลี่ยเพิ่มขึ้นเป็นเวลา 17 เดือนติดต่อกัน

จากข้อมูลของ Central Central Organization (CSO) อัตราเงินเฟ้อเมียนมาแตะระดับ 8.53% ช่วง ส.ค. เพิ่มขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับช่วงปลายปีที่ 8.35% ตั้งแต่ เม.ย. 61 ถึงเดือน ส.ค. 62 อัตราเงินเฟ้อเฉลี่ยเพิ่มขึ้นต่อเนื่องกัน 17 เดือน เมื่อเทียบปีต่อปีอยู่ที่ 10.37 เปอร์เซ็นต์ ปลายเดือน ส.ค.เขตมาเกว มีอัตราเงินเฟ้อสูงที่สุดที่ 12.57% รองลงมาคือ เขตสะกาย ที่ 10.66% และเชตชิน ที่ 10.07% เขตสะกาย มีอัตราเงินเฟ้อเปลี่ยนแปลงที่เยอะสุดที่ 15.70% ในขณะที่รัฐคะฉิ่นเห็นการเปลี่ยนแปลงน้อยที่สุดที่ 2.59% ในเดือน พ.ย.62 CSO ได้จัดทำแบบสำรวจครัวเรือนและการบริโภคจำนวน 32,669 ครัวเรือนใน 82 เมืองทั่วประเทศเพื่อคำนวณดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) และอัตราเงินเฟ้อ อดีตอัตราเงินเฟ้อคำนวณโดยใช้ปี 49 เป็นปีฐาน ปัจจุบันใช้ปี 55 เป็นปีฐานในการคำนวณอัตราเงินเฟ้อ ภายใต้แผนพัฒนาแห่งชาติห้าปีที่สอง (จาก 59-60 ถึง 63-64 ) รัฐบาลได้วางแผนที่จะลดอัตราเงินเฟ้อผ่านนโยบายการเงินการคลังการค้าและนโยบายสกุลเงินต่างประเทศ

ที่มา: https://elevenmyanmar.com/news/average-inflation-rate-increases-for-17-consecutive-months

ภาครัฐผนึกกำลังเอกชนดันไทยขึ้นแท่นฮับการเดินเรืออาเซียน

พิธีเปิดงาน Thailand Marine & Offshore Expo 2019 เปิดเผยว่า อุตสาหกรรมต่อเรือและซ่อมเรือ เป็นอุตสาหกรรมพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่สำคัญประเทศ โดยปัจจุบัน 90% ของปริมาณการค้า ระหว่างประเทศ อาศัยการขนส่งทางน้ำ เนื่องจากสามารถบรรทุกได้ในปริมาณมาก และมีต้นทุนการขนส่งที่ราคาถูกกว่าการขนส่งด้านอื่นๆ ขณะเดียวกัน อุตสาหกรรมต่อเรือและซ่อมเรือ ยังเป็นอุตสาหกรรมที่มีความสำคัญต่อการพัฒนาศักยภาพด้านความมั่นคงของประเทศ ปัจจุบันอุตสาหกรรม ต่อเรือและซ่อมเรือ ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ มีความเชื่อมโยงกับอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องอีกมาก โดยอุตสาหกรรมต้นน้ำ เกี่ยวข้องกับวัตถุดิบในการผลิตและการซ่อมเรือ อาทิ สี/เคมีภัณฑ์ การหล่อโลหะ เครื่องจักร อุปกรณ์เดินเรือ และเครื่องมือสื่อสาร อุตสาหกรรมกลางน้ำ อาทิ สถาบันการเงิน และสถาบันการศึกษาและอุตสาหกรรมปลายน้ำ อาทิ การขนส่งทางทะเล การประมง การท่องเที่ยว ฯลฯ เป็นการแสดงศักยภาพของประเทศไทย ซึ่งมีความพร้อมในการเป็นศูนย์กลางการเดินเรือในตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเป็นอีกช่องทางในการพัฒนาศักยภาพของผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมต่อเรือและซ่อมเรือ ของประเทศไทย ทั้งด้านเทคโนโลยี นวัตกรรม และองค์ความรู้ พร้อมเป็นเวทีสร้างความร่วมมือทางธุรกิจ ให้กับ ผู้ประกอบการในประชาคมอาเซียน ภูมิภาคเอเชีย และระดับโลก โดยการจัดงาน Oil & Gas Thailand (OGET) 2019 Thailand งานแสดงสินค้าและเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องอุตสาหกรรมด้านน้ำมัน ก๊าซ และปิโตรเคมี พร้อมกับงาน Thailand Marine & Offshore Expo (TMOX) 2019 โดยมีผู้ประกอบการจากไทยและต่างประเทศเข้ามาร่วมงาน เป็นโอกาสในการขยายตลาดและยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันให้ผู้ประกอบการในกลุ่มอุตสาหกรรมด้านการต่อเรือ การเดินเรือ ภาคการขนส่ง อุตสาหกรรมการประมงนอกชายฝั่ง อุตสาหกรรมเรือท่องเที่ยว รวมไปถึงอุตสาหกรรมด้านพลังงานน้ำมัน ก๊าซ และปิโตรเคมี สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล ที่มุ่งสนับสนุนอุตสาหกรรมที่มีกลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจ เพื่ออนาคต (New S-Curve)

ที่มา: https://www.ryt9.com/s/nnd/3054120

ฮานอยยังคงเป็นจุดหมายในการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศสูงสุด ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 62

จากข้อมูลของหน่วยงานคณะกรรมการประชาชนประจำนครเมือง (The Municipal People’s Committee) เปิดเผยว่ากรุงฮานอยมีมูลค่าการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ประมาณ 6.23 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ โดยมูลค่าเงินทุนจากต่างประเทศ 503 ล้านเหรียญสหรัฐฯจากทั้งหมด จะนำไปส่งเสริมโครงการใหม่ 631 โครงการ และนักลงทุนต่างชาติอัดฉีดเงินทุนกว่า 5.22 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ไห้กับผู้ประกอบการในท้องถิ่น ผ่านการซื้อหุ้นและสนับสนุนเงินทุน ในขณะเดียวกัน กรุงฮานอยตั้งเป้ายอดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศมากกว่า 7.5 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปี 2562 ซึ่งจะลงทุนผ่านการเป็นหุ้นส่วนทั้งภาครัฐและภาคเอกชน จากข้อมูลดังกล่าวข้างต้น แสดงให้เห็นว่าประเทศญี่ปุ่นยังคงเป็นแหล่งเงินทุน FDI มากที่สุดของเวียดนาม ด้วยมูลค่า 10.2 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ รองลงมาสิงคโปร์ และเกาหลีใต้ ตามลำดับ นอกจากนี้ ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กำลังดำเนินงานปรับปรุงให้เอื้ออำนวยต่อการทำธุรกิจ และเร่งปฏิรูปการบริหารภาครัฐ

ที่มา : https://english.vov.vn/economy/hanoi-remains-vietnams-biggest-fdi-magnet-in-nine-months-404452.vov

เวียดนามเผยยอดส่งออกเม็ดมะม่วงหิมพานต์ไปยังจีนพุ่งสูงขึ้น ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 62

จากข้อมูลของกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าเวียดนาม (MoIT) เปิดเผยว่าในช่วง 8 เดือนแรกของปี 2562 เวียดนามส่งออกเม็ดมะม่วงหิมพานต์ไปยังประเทศจีน ด้วยมูลค่า 327 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 35.4 ทางด้านปริมาณอยู่ที่ 42,199 ตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 60.8 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยสหรัฐอเมริกา จีน และเนเธอร์แลนด์ ยังคงเป็นผู้นำเข้าเม็ดมะม่วงหิมพานต์รายใหญ่ที่สุดของเวียดนาม ในช่วงเวลาดังกล่าว ในส่วนของสถานการณ์การส่งออกสินค้าไปยังจีนนั้นอย่างเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง เนื่องมาจากความตึงเครียดของสงครามการค้าสหรัฐ-จีน เป็นต้น นอกจากนี้ ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแนะนำผู้ประกอบการให้ความสำคัญในการปรับปรุงคุณภาพของผลิตภัณฑ์ และสร้างมาตรฐานความปลอดภัยอาหาร เพื่อให้สามารถส่งออกไปยังตลาดต่างประเทศได้เพิ่มมากขึ้น

ที่มา : https://english.vov.vn/economy/vietnams-cashew-nut-exports-to-china-surge-in-nine-months-404405.vov

จำนวนนักท่องเที่ยวในปีงบประมาณที่ผ่านมา

ปีงบประมาณ 61-62 มีจำนวนนักท่องเที่ยวและชาวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศเพื่อทำธุรกิจจำนวน 1,218,891 คนเพิ่มขึ้น 442,843 คน จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ที่มีนักท่องเที่ยวจำนวน 526,248 คน ซึ่งในปี 62 มีจำนวนนักท่องเที่ยวถึง 954,929 คน และที่เข้ามาทำธุรกิจ 263,962 คน จากเดือน ม.ค. – ส.ค ในปีนี้มีนักท่องเที่ยวชาวจีนมาเยือนสูงสุด รองลงมาคือเกาหลี โดยนักท่องเที่ยวจีนเพิ่มขึ้น 161% และเกาหลีเพิ่มขึ้น 77% จากปัญหาชาวยะไข่ในปี 60 ทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวจากประเทศตะวันตกลดลงถึง 40% ภายในปี 61 นโยบาย Look East ในปี 61-12 ที่ใช้ดึงดูดนักท่องเที่ยวด้วยการยกเว้นวีซ่าสำหรับนักท่องเที่ยวจากญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ฮ่องกง และมาเก๊าและวีซ่าสำหรับพลเมืองจีนที่เดินทางเข้าประเทศโดยเครื่องบิน ซึ่งมีระยะทดลอง 1 ปี หลังจากนั้นจำนวนนักท่องเที่ยวจะเพิ่มขึ้น จำนวนนักท่องเที่ยวขาเข้าเพิ่มขึ้นจาก 3,443,133 คน ในปี 60 เป็น 3,551,428 ในปี 61 จำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางผ่านชายแดนเป็นอันดับแรกและนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าประเทศด้วยการยื่นขอวีซ่าเป็นครั้งที่สอง

ที่มา : https://elevenmyanmar.com/news/tourist-arrivals-up-last-fy

เนปิดอร์ตั้งเป้าหารายได้จากธุรกิจการจัดประชุม

เนปิดอร์มุ่งเน้นที่จะพัฒนาการจัดประชุม การจัดนิทรรศการและการแข่งขันกีฬาในปี 63 เพื่อสร้างรายได้มากขึ้นให้กับเมืองหลวง สมาคมการท่องเที่ยวแห่งเมียนมาอ้างจากสื่อของรัฐว่า เนปิดอร์มีศักยภาพในการเป็นสถานที่สำหรับการจัดประชุมขนาดใหญ่ การประชุมทางวิชาการหรือวิชาชีพ และการจัดกิจกรรมกีฬา เนปิดอร์มีโรงแรมหลายแห่งและสิ่งอำนวยความสะดวกด้านกีฬาที่ได้มาตรฐานระดับสากล ซึ่งรวมถึงสระว่ายน้ำ สนามกีฬา และสนามกอล์ฟ นอกจากนี้ยังมีหลักสูตรการแข่งรถจักรยานยนต์และรถยนต์ แผนการสำหรับการท่องเที่ยวการกีฬาได้ถูกร่างขึ้นและมีแนวโน้มที่จะเริ่มในปี 63

ที่มา : https://www.mmtimes.com/news/nay-pyi-taw-targets-convention-business.html

เจ้าหน้าที่สปป.ลาวทบทวนความพยายามในการปรับปรุงความปลอดภัยทางถนน

คณะกรรมการเลขาธิการแห่งชาติว่าด้วยความปลอดภัยทางถนนและกลุ่มที่เกี่ยวข้องได้พบปะกันเพื่อทบทวนงานเพื่อปรับปรุงความปลอดภัยทางถนนในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ซึ่งจำนวนยานพาหนะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง นำไปสู่การเกิดอุบัติเหตุและความแออัดของการจราจรมากขึ้น โดยเฉลี่ยในแต่ละปีตั้งแต่ปี 57-61 มีผู้เสียชีวิต 15 คนต่อประชากร 100,000 คนในประเทศ และผู้เข้าร่วมประชุมยังได้หารือถึงกิจกรรมร่วมในอนาคตที่เป็นไปได้โดยมีจุดประสงค์ในการร่วมมือกันเพื่อลดจำนวนอุบัติเหตุทางถนนและการเสียชีวิต กระทรวงโยธาธิการและขนส่งโดยร่วมมือกับกระทรวงความมั่นคงสาธารณะและกระทรวงสาธารณสุข องค์กรระหว่างประเทศและกลุ่มอื่น ๆ กำลังดำเนินการเพื่อหาวิธีในการป้องกันอุบัติเหตุบนท้องถนนรวมถึงช่วยเหลือผู้ประสบอุบัติเหตุ เจ้าหน้าที่ได้เสริมกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการบังคับใช้กฎจราจร  การเพิ่มทางแยกสร้างวงเวียนปรับปรุงและติดตั้งสัญลักษณ์และป้ายจราจรเพิ่มเติมและทาสีเครื่องหมายเลนเพิ่มเติมและตัวบ่งชี้อื่น ๆ บนถนน และการสนับสนุนความปลอดภัยทางถนนและให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอุบัติเหตุมากขึ้น

ที่มา : http://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Govt_officials_225.php

ญี่ปุ่นทุ่มเงิน 17.8 ล้านเหรียญสหรัฐเข้าสู่การยกระดับการประปาของหลวงพระบาง

รัฐบาลญี่ปุ่นให้เงินทุนสนับสนุนโครงการช่วยเหลือมูลค่า 17.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐเพื่อปรับปรุงระบบน้ำประปาในเมืองหลวงพระบางภายใต้ข้อตกลงความร่วมมือ รัฐบาลญี่ปุ่นให้ความร่วมมือในการให้เงินช่วยเหลือน้ำประปาสำหรับผู้อยู่อาศัยและธุรกิจการท่องเที่ยวในขณะเดียวกันก็เพิ่มความตระหนักและความพร้อมเพื่อป้องกันไฟไหม้ในพื้นที่อนุรักษ์มรดก ซึ่งวัตถุประสงค์หลักของโครงการนี้คือการยกระดับระบบน้ำประปาและฟื้นฟูขยายเครือข่ายการกระจายน้ำในพื้นที่บริการและระบบระบายน้ำ นอกจากนี้ยังรวมถึงการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำใหม่ที่มีความจุ 1,500 m3 และการติดตั้งท่อจ่ายน้ำกระจาย 60.2 กม. โครงการนี้จะช่วยสนับสนุนความพยายามของรัฐบาลสปป.ลาวในการบรรลุเป้าหมาย NSEDP ที่ 8 โดยการเพิ่มการจัดหาน้ำในเขตเมืองทั่วประเทศเป็น 80% ในปี 63 และ 85 % ในปี 68 ประชากรเป้าหมายของโครงการกว่า 70,000 คนในพื้นที่ 68,695m2 ในขณะที่นักท่องเที่ยวต่างชาติจะได้รับประโยชน์ โครงการนี้จะช่วยแก้ปัญหาความต้องการน้ำที่เพิ่มขึ้นและช่วยรักษาเสถียรภาพของแรงดันน้ำโดยเฉพาะในพื้นที่อนุรักษ์ของเมือง

ที่มา : http://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Japan_225.php

Cambodia Travel Mart ดึงดูดผู้เข้าร่วมงานกว่า 6,000 คน

ผู้มีส่วนได้เสียด้านการท่องเที่ยวทั้งในประเทศและระหว่างประเทศหลายพันคนจะเดินทางมายังกรุงพนมเปญในอีกไม่กี่วันข้างหน้าเพื่อเข้าร่วมงานที่ใหญ่ที่สุดและสำคัญที่สุดในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของกัมพูชาที่จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 3 ณ โรงแรม Sokha Phnom Penh ในวันที่ 11-13 ตุลาคม โดยผู้จัดงานได้กำหนดกรอบของงานให้เป็นโอกาสที่ดีที่สุดในการสร้างเครือข่ายและส่งเสริมอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของกัมพูชาสู่โลกภายนอก ซึ่งงานนี้จัดขึ้นโดยกระทรวงการท่องเที่ยว และคาดว่า CTM 2019 จะเป็นแพลตฟอร์มธุรกิจการท่องเที่ยวที่ดีที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้สำหรับผู้แสดงสินค้าจากประเทศต่างๆเพื่อส่งเสริมผลิตภัณฑ์และบริการรวมถึงการพัฒนาเครือข่ายธุรกิจการท่องเที่ยวเชิงธุรกิจ ซึ่งจากข้อมูลคาดว่าจะมีผู้จัดแสดงมากกว่า 200 รายและผู้เข้าร่วม 6,000 คนจากกว่า 60 ประเทศทั่วโลก โดยกัมพูชามีอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวที่เติบโตเร็วเป็นอันดับสามในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งได้รับประโยชน์จากการไหลเข้ามาของนักท่องเที่ยวจีนที่เพิ่มขึ้น 11% เมื่อปีที่แล้ว

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50649436/cambodia-travel-mart-to-attract-6000-participants/

SSCA สนามบินปอยเปตของกัมพูชายังอยู่ระหว่างการศึกษา

งานเกี่ยวกับโครงการสนามบินปอยเปตยังไม่เริ่มแม้รัฐบาลจะอนุญาตให้มีการพัฒนามาแล้วปีกว่าก็ตาม โดยการตรวจสอบกับสำนักเลขาธิการการบินพลเรือน (SSCA) เปิดเผยว่านักลงทุนที่ได้รับอนุญาตให้พัฒนาสนามบินแห่งแรกของจังหวัดยังไม่เริ่มดำเนินการ ซึ่งการลงทุนสนามบินปอยเปต (PAI) ได้รับการอนุมัติจากรัฐบาลให้กลับมาดำเนินการในสนามบินเมื่อเดือนพฤษภาคมปีที่แล้ว โดยผู้ว่าการปอยเปตกล่าวกับสื่อท้องถิ่นก่อนหน้านี้ว่าสนามบินปอยเปตแห่งใหม่จะถูกสร้างบนพื้นที่ 300 เฮกตาร์ในชุมชนนิมิธของปอยเปตห่างจากตัวเมือง 13 กิโลเมตร ซึ่งคาดว่าโครงการจะมีค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 40-50 ล้านเหรียญสหรัฐในการก่อสร้าง โดย PAI ได้รับอนุญาตให้สร้างสนามบินในปี 2550 เป็นครั้งแรก แต่อย่างไรก็ตามโครงการดังกล่าวได้รับการแก้ไขเนื่องจากเกิดวิกฤตการเงินโลกปี 2551 ซึ่งบริษัทตัดสินใจที่จะรื้อฟื้นโครงการพลังจากเห็นศักยภาพในการพัฒนาของเมืองปอยเปตซึ่งเป็นเมืองชายแดนที่สำคัญ โดยทางสนามบินถูกออกแบบมาสำหรับเที่ยวบินภายในประเทศ และคาดว่าเมื่อสร้างเสร็จแล้วจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของปอยเปตและพื้นที่ใกล้เคียง ซึ่งติดอยู่กับประเทศไทย

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50649492/ssca-poipet-airport-still-under-study/