ADB คาดเศรษฐกิจเวียดนามจะขยายตัวร้อยละ 6.8 ในปี 2562

จากข้อมูลของธนาคารพัฒนาเอเชีย (Asian Development Bank : ADB) ณ วันที่ 25 กันยายน เปิดเผยว่าเศรษฐกิจเวียดนามยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่องร้อยละ 6.8 และ 6.7 ในปี 2562 และ 2563 ตามลำดับ และในช่วงครึ่งปีแรก 62 การเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศเวียดนาม (GDP) ชะลอตัวลง แต่ภาวะเศรษฐกิจยังคงมีความยืดหยุ่นอยู่ ถึงแม้ว่าในปีหน้า เวียดนามจะเผชิญกับสภาพแวดล้อมภายนอกที่อ่อนแอลง ซึ่งทางด้านอุปสงค์จากต่างประเทศนั้นลดลง ทำให้ปริมาณการส่งออกสินค้า/บริการชะลอตัวลง เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของครึ่งปีแรกที่ผ่านมา แต่ว่าอำนาจในการซื้อภายในประเทศยังคงแข็งแกร่งอยู่ ในขณะที่ ภาคเกษตร อุตสาหกรรม และบริการ มีแนวโน้มการเติบโตที่ชะลอตัวในทุกภาคส่วน แต่มีผลกระทบในแต่ละภาคแตกต่างกัน อย่างเช่น ภาคเกษตรกรรมที่เผชิญกับการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดหมูสายพันธุ์แอฟริกา เป็นต้น นอกจากนี้ แม้ว่าการส่งออกเวียดนามจะชะลอตัวก็ตาม แต่อำนาจซื้อของคนเวียดนามยังคงอยู่ในระดับสูง และเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศไหลเข้าอย่างต่อเนื่อง

ที่มา :  https://english.vov.vn/economy/adb-forecasts-vietnams-economy-to-grow-at-68-per-cent-in-2019-403674.vov

เมียนมาจับมือสิงคโปร์ลงนามการส่งเสริมและคุ้มครองการลงทุน

การประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศเมียนมา – สิงคโปร์ ครั้งที่ 7 ณ กรุงย่างกุ้งเมื่อวันที่ 24 ก.ย.62 ที่ผ่านมาทั้งสองประเทศได้ลงนามในข้อตกลงว่าด้วยการส่งเสริมและคุ้มครองการลงทุนระหว่างเมียนมาและสิงคโปร์ ปริมาณการลงทุนของสิงคโปร์ไปยัเมียนมามีมากกว่า 22,000 ล้านเหรียญสหรัฐ เมียนมาอนุมัติการลงทุน 321 แห่งของสิงคโปร์ ตั้งแต่ปี 31-32 และการลงทุนสูงถึง 22 พันล้านเหรียญสหรัฐหรือคิดเป็น 27% ปีงบประมาณ ปัจจุบันสิงคโปร์มีการลงทุนมากที่สุด กระทรวงพาณิชย์ระบุว่าค้าระหว่างสองประเทศมีมูลค่า 3.838 พันล้านเหรียญสหรัฐ ในการประชุมเน้นส่งเสริมการลงทุนและเขตอุตสาหกรรมความร่วมมือทางเทคนิคและความช่วยเหลือสำหรับ SMEs การพัฒนาชุมชนเมือง การบริการด้านการเงินและการธนาคาร ด้านกฎหมายและทรัพย์สินทางปัญญา คณะกรรมการร่วมของการประชุมระดับรัฐมนตรีเมียนมา – สิงคโปร์ก่อตั้งขึ้นในปี 38 มีวัตถุประสงค์เพื่อเร่งความร่วมมือทางวิชาการระหว่างสองประเทศ

ที่มา: https://elevenmyanmar.com/news/myanmar-and-singapore-sign-agreement-on-promotion-and-protection-of-investment

ปี 62 รายรับการส่งออกเมียนมาเพิ่ม 595 ล้านเหรียญสหรัฐ

กระทรวงพาณิชย์ระบุตั้งแต่ปี 61 ถึงวันที่ 13 ก.ย. 62การส่งออกมีมูลค่า 15.976 พันล้านเหรียญสหรัฐเพิ่มขึ้น 595 ล้านเหรียญสหรัฐเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว เมียนมาส่งออกฟาร์มสัตว์ ผลิตภัณฑ์ทางทะเล เหมืองแร่ อุตสาหกรรมสำเร็จรูปและผลิตภัณฑ์อื่น ๆ จากตัวเลขพบมีการขาดดุลการค้ามากกว่า 1,200 ล้านเหรียญสหรัฐก่อนสิ้นปีงบประมาณนี้ ปัจจุบันมูลค่าการส่งออกอยู่ที่ 15.976 ล้านเหรียญสหรัฐและการนำเข้า 17.218 ล้านเหรียญสหรัฐ ปีนี้การค้าระหว่างประเทศคาดว่ามีมูลค่ามากกว่า 31 พันล้านเหรียญสหรัฐและการขาดดุลการค้าจะลดลงเหลือ 500 ล้านเหรียญสหรัฐ การขาดดุลการค้าในปัจจุบันลดลงกว่า 1.930 พันล้านเหรียญสหรัฐเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกัน

ที่มา: https://elevenmyanmar.com/news/export-earnings-increases-over-595-m-usd-this-fy

คาดการณ์เศรษฐกิจสปป.ลาวในปีนี้อยู่ในระดับปานกลาง

การเติบโตทางเศรษฐกิจของสปป. ลาวคาดว่าจะอยู่ในระดับปานกลางในปี 62 และ 63 เนื่องจากการขยายตัวของภาคอุตสาหกรรมและภาคบริการชะลอตัวลงในช่วงครึ่งปีแรกของปี 62 เนื่องจากนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาน้อยลง การส่งออกไฟฟ้าซบเซา แม้ในภาคเกษตรจะฟื้นตัวเล็กน้อย ซึ่ง ADB คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจสปป.ลาวจะเติบโต 6.2% ในปี 62 และ 63 ซึ่งต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้เล็กน้อยที่ 6.5% ในเดือนเม.ย. 62 และ 63 ในช่วงสี่เดือนแรกของปี 62 การส่งออกสินค้าเพิ่มขึ้นเล็กน้อยในรูปดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันในปี 61 เนื่องจากการส่งออกไฟฟ้าขยายตัวเพียง 2.3% ซึ่งช้ากว่า 7.0% ในปีก่อนมาก สิ่งนี้บ่งชี้ว่าการเติบโตของอุตสาหกรรมชะลอตัวในช่วงครึ่งแรกของปีและการหดตัวของผลผลิตเหมือง ในขณะเดียวกันการเติบโตของภาคการท่องเที่ยวชะลอตัวจาก 6.1% ในช่วงครึ่งแรกของปี 61 เป็น 5.0% ในช่วงเดียวกันของปีนี้ เงินกีบดูเหมือน overvalued อัตราเงินเฟ้อคาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 2.3% ในปี 62 และ 63 สูงกว่าการคาดการณ์ 2.0% ในเดือนเม.ย.ปีนี้ ภาวะการเงินและสินเชื่อยังคงตึงตัวในประเทศทั้งคู่ขยายตัว 3.9% และ 3.1% ตามลำดับในไตรมาสแรกของปี 62 การขาดดุลบัญชีเดินสะพัดในอัตราร้อยละของจีดีพีคาดว่าจะอยู่ที่ 8.9% ในปี 62 และ 8.4% ในปี 63 จากการส่งออกที่ปรับตัวดีขึ้น ขณะที่การนำเข้ามีแนวโน้มหดตัวที่ 9.5% ในปี 62 และ 10% ในปี 63 แม้ว่าสปป.ลาวจะคาดว่าการปรับปรุงดุลบัญชีเดินสะพัดจะลดลง แต่ทุนสำรองระหว่างประเทศขั้นต้นคาดว่าจะอยู่ที่ระดับต่ำกว่า 1 พันล้านดอลลาร์ในเดือนธ.ค. 62 ซึ่งจะครอบคลุมการนำเข้าเพียงเดือนเดียว

ที่มา : http://kpl.gov.la/En/Detail.aspx?id=48415

บริษัทของอินโดนีเซียเร่งลงทุนในรถไฟของกัมพูชา

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมกัมพูชาขอให้บริษัท PT Industri Kereta Api Indonesia (Inka) ซึ่งเป็น บริษัท ผลิตรถไฟของรัฐบาลอินโดนีเซีย เร่งลงทุนในระบบรถไฟของกัมพูชา โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงขอให้ตัวแทนของ Inka เข้าหารือเกี่ยวกับการลงทุนในระบบรถไฟของกัมพูชากับหน่วยงานในท้องถิ่นและการรถไฟของกัมพูชา ซึ่ง Inka ตกลงที่จะส่งทีมเจ้าหน้าที่เพื่อหารือเกี่ยวกับการพัฒนาทางรถไฟกับเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น โดยกัมพูชากำลังทำการเพื่อขยายเครือข่ายทางรถไฟและทำให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เพราะกัมพูชามีเส้นทางรถไฟเพียงสองเส้นทาง ได้แก่ พนมเปญถึงสีหนุวิลล์และพนมเปญไปปอยเปตของบันเตียเมียนเจย ซึ่งเครือข่ายทางรถไฟเดิมของประเทศได้รับการจัดการโดย Royal Group ผ่าน Royal Railways ที่เป็นบริษัทในเครือ

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50646169/indonesian-firm-urged-to-invest-in-cambodian-railroads/

ผู้ประกอบการจีนลงทุนสร้างโรงงานปุ๋ยอินทรีย์ขนาดใหญ่ในกัมพูชา

บริษัท Hameinivin ของจีนประกาศแผนการลงทุนในโรงงานปุ๋ยอินทรีย์ขนาดใหญ่ในจังหวัดตโบงฆมุม ด้วยมูลค่าการลงทุนกว่า 10 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยจะเปิดดำเนินการผลิตภายในสิ้นปี 2563 ซึ่งจะมีกำลังการผลิตอยู่ที่ 50,000 ตันต่อปีเมื่อเฟสที่ 1 แล้วเสร็จ และเมื่อเฟสที่ 2 แล้วเสร็จจะสามารถเพิ่มกำลังการผลิตได้อีก 10,000 ตัน โดยก่อนหน้าบริษัทได้ทำการเข้าซื้อพื้นที่เพื่อการเพราะปลูกไว้แล้วกว่า 1,300 เฮกเตอร์ในปี 2559 ซึ่งเชื่อว่าเกษตรกรจะได้รับประโยชน์จากการลงทุนของบริษัท ที่สามารถสร้างรายได้ให้กับเกษตรกร 2,000-4,000 เหรียญสหรัฐต่อปีจากการขายยาสูบ เพราะบริษัทเองประกอบธุรกิจโรงงานผลิตใบยาสูบแห้งอีกด้วย โดยมีกำลังการผลิตอยู่ที่ 2,000-3,000 ตันต่อปี ซึ่งตามรายงานของกระทรวงเกษตรกัมพูชามีการผลิตยาสูบอยู่ที่ 7,454 ตันในปี 2561 ลดลง 18% จากปี 2560

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50646140/chinese-firm-to-invest-10-million-in-organic-fertilizer-plant/

เวียดนามส่งออกสำปะหลังเพิ่มขึ้น ในช่วงเดือนสิงหาคม

จากรายงานสถิติของกรมศุลกากรเวียดนาม เปิดเผยว่าในช่วงเดือนสิงหาคมของปี 2562 ปริมาณการส่งออกมันสำปะหลัง และผลิตภัณฑ์ที่ทำมาจากสำปะหลังของเวียดนาม พุ่งสูงขึ้น 180,720 ตัน คิดเป็นมูลค่ารวม 71.82 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งตัวเลขดังกล่าว แสดงให้เห็นว่าปริมาณการส่งออกเพิ่มขึ้นร้อยละ 88.2 และมูลค่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 70.1 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ในขณะที่ ในปัจจุบันโรงงานหลายแห่งได้เข้าสู่ช่วงการผลิตใหม่ ในช่วงปี 2562-2563 อย่างไรก็ตาม แหล่งวัตถุดิบมันสำปะหลังสดยังคงผลิตไม่แน่นอน โดยตลาดส่งออกสำปะหลังของเวียดนามไปยังประเทศจีน เพิ่มขึ้นกว่า 162,460 ตัน และมูลค่า 64.78 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เป็นผลมาจากสินค้าคงเหลืออยู่ในระดับต่ำ ทำให้มีความต้องการผลิตภัณฑ์สำปะหลังเพิ่มขึ้นอย่างมาก นอกจากนี้ ราคาสินค้าแป้งมันสำปะหลังของเวียดนามอยู่ในระดับต่ำกว่าเมื่อเทียบกับราคาสินค้าไทย ส่งผลให้ลูกค้าชาวจีนสั่งซื้อสินค้าจากเวียดนามพุ่งสูงขึ้น

ที่มา : https://english.vov.vn/economy/cassava-exports-enjoy-august-boost-403605.vov

มูลค่าตลาดอีคอมเมิรซ์เวียดนามแตะระดับ 8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2561

จากรายงานของกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า ของสำนักงานอีคอมเมิรซ์และเศรษฐกิจดิจิทัล เปิดเผยว่าในปี 2561 ขนาดตลาดอีคอมเมิรซ์เวียดนาม มีมูลค่าประมาณ 8.06 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 30 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว นับว่าตลาดดังกล่าว มีสัดส่วนการขยายตัวสูงที่สุดในรอบ 3 ปีที่ผ่านมา โดยจำนวนผู้บริโภคที่นิยมซื้อสินค้าออนไลน์อยู่ที่ 39.9 ล้านคน เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.3 เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ด้วยค่าใช้จ่ายในการซื้อสินค้าเฉลี่ย 202 ดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งสินค้าส่วนใหญ่ที่คนเวียดนามนิยมซื้อผ่านช่องทางออนไลน์ ได้แก่ เสื้อผ้า รองเท้า เครื่องสำอาง หนังสือ เครื่องใช้ในครัวเรือน เป็นต้น นอกจากนี้ ปัญหาหลักที่ทำให้ผู้บริโภคลังเลในการเลือกซื้อสินค้าออนไลน์ คือ สินค้าที่ได้รับมีคุณภาพต่ำกว่าโฆษณาไว้ การบริการลูกค้าที่แย่ และการเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวของลูกค้า เป็นต้น

ที่มา : https://en.nhandan.com.vn/business/item/7948902-vietnam%E2%80%99s-e-commerce-market-hits-us$8-billion-in-2018.html

สปป.ลาวเพื่อส่งเสริมการค้าการลงทุนผ่านเทศกาลท่องเที่ยวหูหนาน

คณะผู้แทนประเทศสปป.ลาวเข้าร่วมเทศกาลการท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมนานาชาติหูหนานปี 62 รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงแถลงข่าว วัฒนธรรม และท่องเที่ยวกล่าวว่าเทศกาลดังกล่าวจะเพิ่มความสัมพันธ์ฉันท์มิตรและความร่วมมือระหว่างสปป.ลาวและจีนโดยเฉพาะในด้านการท่องเที่ยวการค้าและการลงทุน มณฑลหูหนานและสปป.ลาวได้เพิ่มพูนความร่วมมือด้านวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวตั้งแต่เดือนกรกฎาคม  61 โดยมีโครงการแรกที่เชิญผู้เยี่ยมชมมณฑลหูหนานจำนวน 10,000 คน แสดงให้เห็นว่านักท่องเที่ยวหูหนานมีความสนใจในแหล่งท่องเที่ยวสปป.ลาว ทั้งสองประเทศได้จัดให้มีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการในเวียงจันทน์เมื่อต้นปีนี้สำหรับการเยี่ยมชมสปป.ลาว – ​​จีนในปี 62 และมีการวางแผนกิจกรรมทวิภาคีหลายครั้งจนถึงสิ้นปีนี้  นักท่องเที่ยวมากกว่า 2 ล้านคนมาเที่ยวสปป.ลาวในช่วงหกเดือนแรกของการเยี่ยมชมสปป.ลาว – ​​จีนในปี 62 เพิ่มขึ้น 5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 61 ผู้มาเยือนจีนมีจำนวนรวม 500,000 คน ยังกล่าวอีกว่าคณะผู้แทนของเขาจะเดินทางไปกับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติคนอื่น ๆ เพื่อสำรวจมุมมองวัฒนธรรมและลิ้มรสความเป็นเลิศของอาหารหูหนานรวมถึงเรียนรู้บทเรียนที่เป็นประโยชน์

ที่มา : http://annx.asianews.network/content/laos-boost-trade-investment-through-huanan-tourism-festival-104809

ทางด่วนเวียงจันทน์ ถึง วังเวียงเสร็จสมบูรณ์ 40%

งานก่อสร้างร้อยละ 40 แล้วเสร็จบนทางพิเศษที่เชื่อมระหว่างเมืองหลวงเวียงจันทน์กับวังเวียงซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียง การก่อสร้างถนน 113.5 กม. เริ่มเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมาคาดว่าจะใช้เวลาสามปีกว่าจะเสร็จสมบูรณ์ ซึ่งกำลังตรวจสอบการดำเนินงานของโครงการ จะคำนึงถึงปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในระหว่างการดำเนินการเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบโครงการดังกล่าว ถนนสายใหม่ซึ่งมีอุโมงค์ยาว 679 เมตรที่เขาภูผาจะทำให้ระยะทางสั้นลง 43 กม. เมื่อเปรียบเทียบกับถนนหมายเลข 13 เหนือที่มีอยู่เดิม เมื่อเปิดให้ใช้งานทั่วไปผู้ใช้บริการจะต้องชำระค่าบริการ ผู้ใช้ถนนคาดว่าจะจ่าย 550 กีบ ต่อกิโลเมตรหรือประมาณ 62,000 กีบสำหรับการเดินทางเที่ยวเดียวระหว่างเวียงจันทน์และวังเวียง นักลงทุนจีนจะดำเนินโครงการสัมปทาน 50 ปีซึ่งมีมูลค่า 1.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ อย่างไรก็ตามรัฐบาล สปป.ลาวถือหุ้นร้อยละ 5 ของโครงการ

ที่มา : http://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Vientiane.php