กระทรวงฯ สอบสวนการทุ่มตลาดสินค้านำเข้าเหล็กแผ่นรีดเย็นของจีน

จากข้อมูลของกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าเวียดนาม เปิดเผยว่าทางกระทรวงฯ ทำการสอบสวนกรณีการทุ่มตลาดของสินค้านำเข้าเหล็กแผ่นรีดเย็นจากประเทศจีน โดยทำการสอบสวนจากข้อเรียกร้องของผู้ผลิตในประเทศ ได้แก่ บริษัท Phu My Flat Steel Company Limited (VNSTEEL), POSCO Vietnam Co., Ltd. และ China Steel Sumikin Vietnam JSC ซึ่งบริษัทดังกล่าวอ้างว่าสินค้านำเข้าเหล็กแผ่นรีดเย็นจากประเทศจีน ทำการกดราคาสินค้าให้ต่ำกว่าตลาดเวียดนาม ทำให้ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมนี้ได้รับความเดือดร้อนอย่างมีนัยสำคัญ นอกจากนี้ ทางกระทรวงฯ ได้ทำการหารือ และตรวจสอบจากทุกฝ่ายให้ได้ผลข้อสรุปก่อน ที่จะตัดสินใจในขั้นสุดท้าย ในขณะที่ หน่วยงานอาจดำเนินการเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดย้อนหลังได้ ภายในระยะเวลา 90 วัน

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/ministry-investigates-dumping-of-chinese-coldrolled-steel/160190.vnp

เซ็นทรัลไฮแลนด์ เปิดตัวศูนย์โรงงานแปรรูปผักผลไม้ใหญ่ที่สุดในเวียดนาม

จากคำแถลงการณ์ของประธานคณะกรรมการบริษัท Dong Giao Foodstuff Export JSC เปิดเผยว่าศูนย์การแปรรูปผักผลไม้จะช่วยด้านการปรับปรุง และควบคุมคุณภาพสินค้าให้มีเสถียรภาพมากขึ้น ซึ่งโรงงานดังกล่าวประกอบไปด้วยสายการผลิตอัตโนมัติ โดยหนึ่งในสายการผลิต จะสามารถผลิตน้ำผลไม้อยู่ที่ 20,000 ตันต่อปี ตามมาด้วยผักผลไม้แช่แข็ง 22,000 ตันต่อปี และผักผลไม้กระป๋อง 10,000 ตันต่อปี เป็นต้น รวมไปขนาดของโรงงานถูกออกแบบให้สามารถผลิตสินค้าได้มากถึง 52,000 ตันต่อปี และครอบคลุมพื้นที่กว่า 6 เฮกตาร์ ในขณะที่ ศูนย์การแปรรูปผักผลไม้จะสามารถสร้างรายได้กว่า 86.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อปี และช่วยให้คนในพื้นที่มีงานทำอีกหลายหมื่นคนในภาคเกษตรกรรม อุตสาหกรรม การค้า และการบริการ เป็นต้น นอกจากนี้ รัฐมนตรีกระทรวงเกษตรกรรมและพัฒนาชนบท ระบุว่า ศูนย์การแปรรูปผักผลไม้จะสามารถส่งเสริมสภาพแวดล้อมในการทำฟาร์มผักผลไม้ให้ดีมากยิ่งขึ้น และสามารถสร้างเครือข่ายเชื่อมโยงกับทั้งภาคธุรกิจและเกษตรกร เพื่อสนับสนุนสินค้าเกษตร

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/535191/central-highlands-launches-the-largest-fruit-vegetable-processing-centre.html#UqzY7GvJQp3zqrJk.97

เมียนมาเรียกร้องให้พัฒนาประกันภัยสำหรับคนยากจน

หน่วยงาน DaNa Facility ที่ได้รับทุนจากสหราชอาณาจักรและกิจกรรมการพัฒนาภาคเอกชนของ USAID ได้ร่วมกันจัดสัมมนาเรื่องการส่งเสริมการประกันภัยในเมียนมา ณ กรุงย่างกุ้งเมื่อวันที่ 9 ก.ย. ที่ผ่านมา โดยชี้ว่าจะต้องพัฒนาไมโครอินชัวรันซ์เพราะผลิตภัณฑ์เหล่านี้จะเป็นประโยชน์ต่อคนส่วนใหญ่ของประเทศที่มีรายได้น้อย การเปิดตัวและขยายตลาด Microinsurance ในเมียนมาจะช่วยสร้างความยืดหยุ่นและป้องกันให้กับครัวเรือนและธุรกิจขนาดเล็กผ่านผลิตภัณฑ์ เช่น ประกันสุขภาพ ประกันชีวิตชีวิตและประกันทรัพย์สิน ซึ่งความไม่แน่นอนนี้เองทำให้ผู้คนไม่สามารถลองทำสิ่งใหม่ ๆ เช่น Mobile money (การใช้จ่ายเงินผ่านระบบอิเล็กทรอนิคส์) การปรับปรุงเครื่องมือทำงาน หรือการลงทุนในครัวเรือนที่มีความเสี่ยงมากขึ้นผลกระทบนี้จะยิ่งรุนแรงขึ้นขึ้น บริษัทผู้ให้บริการด้านประกันภัยขนาดเล็กจากสวิสฯ เผย ปีที่แล้วว่ามีการลงทุน 1.1 ล้านเหรียญสหรัฐเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ microinsurance ใหม่ ๆ ในเมียนมา

ที่มา : https://www.mmtimes.com/news/myanmar-urged-develop-microinsurance-poor.html

ธนาคารกลางเมียนมาเล็งเปิดอัตราดอกเบี้ยเสรีเพิ่ม

ธนาคารกลางแห่งเมียนมา (CBM) จะพิจารณาการเปิดเสรีอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติมและอนุญาตให้ธนาคารเอกชนมีอิสระมากขึ้นในการกำหนดอัตราการดอกเบี้ยเพื่อการแข่งขัน โดย CBM จะขอความช่วยเหลือจาก IMF และสังเกตว่าประเทศอื่นเริ่มไปก่อนแล้ว ปัจจุบันธนาคารเอกชนกำหนดอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก 8% และอัตราดอกเบี้ยกู้ยืม 13% ที่กำหนดโดย CBM ขณะที่อัตราของธนาคารกลางคือ 10% ซึ่งการเปิดเสรีอัตราดอกเบี้ยบางประเทศใช้เวลานานถึง 20 ปี และไม่สามารถลดหรือเพิ่มได้ทันที ซึ่งประเทศนั้นต้องมีความเข้าใจในตลาดทุนพอสมควรและยังต้องใช้เวลาในการพัฒนาอีกนาน ในขณะเดียวกันยังกำหนดและปรับปรุงกฎระเบียบสำหรับสถาบันการเงินเพื่อสร้างเสถียรภาพทางการเงินและส่งเสริมให้ตลาดทุนมีความสำคัญยิ่งขึ้น ณ สิ้นปีงบประมาณ 60-61 มีทุนชำระแล้วในภาคธนาคาร เกือบ 3 ล้านล้านจัต เพิ่มขึ้น 5.3% เมื่อเทียบกับปีก่อน ปัจจุบัน CBM กำลังเตรียมการเพื่อกำหนดกรอบการควบคุมสกุลเงินต่างประเทศเพื่อลดความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน

ที่มา : https://www.mmtimes.com/news/central-bank-will-consider-further-rate-liberalisation.html

รัฐบาลสปป.ลาว มุ่งเน้นไปที่การปฏิรูปการศึกษาเพื่อกำจัดการไม่รู้หนังสือ

รัฐบาลกำลังให้ความสำคัญกับการยกระดับการลงทะเบียนเรียนในโรงเรียนประถมศึกษาและมัธยมศึกษาตอนต้นที่สูงขึ้นเนื่องจากมีจุดประสงค์เพื่อกำจัดการไม่รู้หนังสือ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการและกีฬากล่าวว่ารัฐบาลให้ความสนใจกับการสนับสนุนนักเรียนที่สำเร็จการศึกษาระดับประถมศึกษาเพื่อดำเนินการต่อไปยังโรงเรียนมัธยมโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ทุกคนที่มีอายุระหว่าง 15-35 ปีได้รับการศึกษาเทียบเท่าในระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ภายใต้โครงการเป้าหมายของกระทรวงในปีการศึกษา 61-62 มีนักเรียน 5,924 คน จบการศึกษาระดับประถมศึกษาซึ่งรวมถึงผู้หญิง 3,029 คน มีนักเรียน 30,065 คน ที่จบการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนต้นซึ่งมีผู้หญิงและเด็กผู้หญิง 14,362 คนขณะที่ 2,336 คนจบการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลายรวมถึงผู้หญิง 685 คน

ที่มา : http://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Govt203.php

โครงการ EU รองรับการส่งออกสปป.ลาว

เมื่อวันที่ 9 กันยายนเป็นก้าวสำคัญในการสนับสนุนการค้าและการลงทุนด้วยโครงการ ARISE Plus-Laos ด้วยงบประมาณรวม 5 ล้านยูโร (5.52 ล้านเหรียญสหรัฐ) โครงการการสนับสนุนด้านการรวมตัวทางเศรษฐกิจของภูมิภาคอาเซียนจากสหภาพยุโรปเพิ่มเติม- โครงการความช่วยเหลือที่เกี่ยวข้องกับการค้าสปป.ลาว (ARISE Plus-Laos) ได้รับการออกแบบเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันด้านการส่งออก บูรณาการด้านการส่งออกในระดับภูมิภาคและห่วงโซ่มูลค่าโลก และส่งเสริมการค้าและเจาะลึกศักยภาพของภาคการแปรรูปไม้และการเกษตรแบบพิเศษที่ได้รับการคัดเลือกซึ่งจะช่วยให้วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมสามารถเพิ่มพูนความรู้ด้านการส่งออกรวมถึงวิธีการค้าที่ดีขึ้น ซึ่งสหภาพยุโรปต้องการเพิ่มความช่วยเหลือ เพื่อเสริมสร้างการรวมตัวทางเศรษฐกิจในอาเซียน โครงการดังกล่าวเปิดตัวในระหว่างการเยือนสปป.ลาวอย่างเป็นทางการของกรรมาธิการยุโรปเพื่อความร่วมมือและการพัฒนาระหว่างประเทศและผู้อำนวยการบริหารของ International Trade Center ซึ่งเป็นหน่วยงานร่วมของสหประชาชาติและองค์การการค้าโลก

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/eu-programme-supports-laos-export/160221.vnp

โควตาการนำเข้าข้าวของจีนจากกัมพูชา

สหพันธ์ข้าวกัมพูชามั่นใจว่ากัมพูชาจะส่งออกข้าวสารในตลาดจีนได้ถึงโควตา โดยสมาคมดังกล่าวได้รับการยืนยันจากการเยี่ยมชมของ COFCO ผู้แปรรูปอาหารรายใหญ่ที่สุดของจีน ซึ่งกัมพูชาไม่สามารถส่งได้ตามโควตาในปีที่แล้วโดยมีการส่งออกจากกัมพูชาเพียง 170,000 ตัน จากโควตา 300,000 ตัน โดยประธาน CRF กล่าวว่าสมาคมกำลังมุ่งเน้นการขยายการส่งออกไปยังประเทศจีนและประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคเพื่อลดการพึ่งพาสหภาพยุโรป ซึ่งในช่วงครึ่งแรกของปี 2562 การส่งออกข้าวสารของกัมพูชาเพิ่มขึ้น 3.7% เป็น 281,538 ตัน การจัดส่งไปยังประเทศจีนคิดเป็น 42% ของการส่งออกทั้งหมดประมาณ 118,400 ตัน แต่อย่างไรก็ตามในช่วงหกเดือนที่ผ่านมาการส่งออกข้าวสารจากกัมพูชาไปยังสหภาพยุโรปลดลงเกือบ 50% ตามข้อมูลของ CRF การลดลงนี้เป็นผลมาจากการเก็บภาษีศุลกากรจากกลุ่มที่กำหนดไว้สำหรับข้าวในกัมพูชาเมื่อต้นปีนี้

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50641689/chinas-rice-import-quota-to-be-met-crf/

กัมพูชาและสปป.ลาวลงนามข้อตกลงโครงการพลังงาน 2,400 เมกะวัตต์

กัมพูชาและสปป.ลาวลงนามในข้อตกลงด้านพลังงานในระหว่างการพบปะกับนายกรัฐมนตรีสปป.ลาว ตามข้อตกลงกัมพูชาจะซื้อไฟฟ้าจากสปป.ลาวจำนวน 2,400 เมกะวัตต์ โดยกัมพูชากำลังวางแผนที่จะสร้างระบบส่งกำลังไฟฟ้าแรงสูงเพื่อส่งพลังงานจากชายแดนสปป.ลาวไปยังกรุงพนมเปญ ซึ่งวางแผนสร้างถึง 500 กิโลโวลต์จากสตึงแตรงถึงกรุงพนมเปญ ตามข้อตกลงกัมพูชาจะนำเข้าไฟฟ้า 100 เมกะวัตต์ในปีหน้า ซึ่งรัฐบาลกัมพูชาสนับสนุนการลงทุนในภาคพลังงานหลังจากที่ประเทศประสบปัญหาการขาดแคลนพลังงานเมื่อต้นปี โดยจากรายงานของธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งเอเชียระบุว่า Prime Road Alternative จะสามารถขายไฟฟ้าให้แก่กริดแห่งชาติในราคาเพียง 0.3877 เหรียญต่อกิโลวัตต์ชั่วโมง ซึ่ง ADB กล่าวว่านี่จะเป็นอัตราค่าไฟฟ้าที่ต่ำที่สุดในภูมิภาค

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50641688/cambodia-laos-to-sign-2400-mw-power-deal/

กระทรวงฯส่งเสริมตลาดการท่องเที่ยวของกัมพูชาในเวียดนาม

กระทรวงการท่องเที่ยวส่งเสริมให้ประเทศกัมพูชาเป็นจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยว โดยระหว่างงาน International Travel Expo ครั้งที่ 15 ณ นครโฮจิมินห์ของเวียดนามได้หารือร่วมกันเพื่อส่งเสริมตลาดการท่องเที่ยวภายใต้สโลแกน “สองมณฑลหนึ่งปลายทาง” ซึ่งกัมพูชาและเวียดนามได้ตกลงร่วมมือกันในการท่องเที่ยวทางทะเลเมื่อท่าเรือใหม่ในจังหวัดกัมปอตเสร็จสิ้น โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปี 2564 ซึ่งความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวทางทะเลเป็นกลไกที่มีประสิทธิภาพในการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศในกลุ่มอาเซียน โดยกัมพูชาตั้งเป้าที่จะดึงดูดนักท่องเที่ยวชาวเวียดนามปีละ 1 ล้านคนขณะที่เวียดนามคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวชาวกัมพูชาอยู่ที่ 5 แสนคน ซึ่งต้องการสร้างผลิตภัณฑ์การท่องเที่ยวใหม่และพัฒนาจุดหมายปลายทางที่มีอยู่เพื่อเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยว โดยเมื่อปีที่แล้วกัมพูชาต้อนรับนักท่องเที่ยวที่ 6.2 ล้านคน เพิ่มขึ้น 10.7% เมื่อเทียบเป็นรายปี ในจำนวนนี้มีประมาณ 8 แสนคนเป็นนักท่องเที่ยวชาวเวียดนาม

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50641198/ministry-promotes-kingdoms-tourism-market-in-vietnam/

การส่งเสริมการค้าระหว่างกัมพูชาและซาอุดิอาระเบีย

กัมพูชาและซาอุดิอาระเบียตกลงที่จะลงนามข้อตกลงที่สำคัญเพื่อส่งเสริมการค้าและการลงทุน โดยลงนามในข้อตกลงว่าด้วยการคุ้มครองการค้าและการลงทุน ซึ่งเอกอัครราชทูตกัมพูชากระตุ้นให้ บริษัทของซาอุดิอาระเบีย ให้พิจารณาการลงทุนในประเทศกัมพูชา โดยอธิบายว่ากัมพูชามีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติและแหล่งท่องเที่ยวในรูปแบบอื่นๆอีกมาก ซึ่งในการประชุมซาอุดิอาระเบียแสดงความสนใจในการนำเข้าสินค้าเกษตรจากกัมพูชาโดยเฉพาะข้าวสาร, มันสำปะหลัง, ยางพาราและพริกไทย โดยกระทรวงการค้ากล่าวว่าระหว่างกัมพูชาและซาอุดิอาระเบียมีมูลค่าการค้าถึง 12.7 ล้านเหรียญสหรัฐ ในปี 2561 คาดว่าเมื่อข้อตกลงทางการค้าและการลงทุนมีผลบังคับใช้แล้ว จะทำให้การค้าระหว่างประเทศเพิ่มสูงขึ้น

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/641197/cambodia-saudi-arabia-to-boost-trade/