สหรัฐฯ ยังคงเป็นจุดหมายปลายทางด้านการส่งออกที่ใหญ่ที่สุดของกัมพูชา

กระทรวงพาณิชย์กัมพูชา (MoC) ระบุว่า กัมพูชาส่งออกสินค้าไปยังสหรัฐฯ ในช่วง 11 เดือนแรกของปี 2023 มูลค่ารวม 8,144 ล้านดอลลาร์ ลดลงเล็กน้อยร้อยละ 0.89 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2022 คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 38.25 ของปริมาณการส่งออกรวมทั้งหมดที่มีมูลค่าอยู่ที่ 21,292 ล้านดอลลาร์ ขณะที่การนำเข้าจากสหรัฐฯ ของกัมพูชา ปรับตัวลดลงเช่นกันร้อยละ 23.97 ที่มูลค่า 223 ล้านดอลลาร์ ภายใต้โครงการอย่างสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรเป็นการทั่วไป (GSP) ซึ่งหมดอายุไปในช่วงปี 2020 โดยเฉพาะสินค้ากลุ่ม เสื้อผ้า รองเท้า และผลิตภัณฑ์อื่นๆ ขณะที่สินค้าส่งออกหลักของกัมพูชาที่ส่งออกไปยังสหรัฐฯ ได้แก่ เครื่องแต่งกาย อุปกรณ์เสื้อผ้า เครื่องหนัง สินค้าสำหรับเดินทาง กระเป๋าถือ เครื่องจักรและอุปกรณ์ไฟฟ้า เป็นสำคัญ ในขณะที่กัมพูชานำเข้ายานพาหนะ เครื่องจักรและเครื่องใช้เครื่องจักรกล เครื่องมือทางการแพทย์ และผลิตภัณฑ์ยาจากสหรัฐฯ

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501416446/us-remains-cambodias-biggest-export-destination-2/

นักท่องเที่ยวเดินทางมายังนครวัดกัมพูชาในช่วงปี 2023 แตะ 8 แสนคน

อุทยานโบราณคดีอังกอร์อันเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่โด่งดังของกัมพูชา ได้รายงานการต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติกว่า 798,069 คน สำหรับในปี 2023 เพิ่มขึ้นถึง 177% จากปริมาณนักท่องเที่ยว 287,454 คน ในปีก่อน โดยโบราณสถานดังกล่าวสร้างรายได้จากการขายตั๋วเข้าชมสถานที่กว่า 37.1 ล้านดอลลาร์ หรือคิดเป็นการเพิ่มขึ้นถึง 222% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามการรายงานจากอังกอร์ เอนเทอร์ไพรซ์ ซึ่งเป็นหน่วยงานรัฐวิสาหกิจกัมพูชา ซึ่งอุทยานโบราณคดีอังกอร์ตั้งอยู่ในจังหวัดเสียมราฐ ทางตะวันตกเฉียงเหนือ บนเนื้อที่ 401 ตารางกิโลเมตร ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การเพื่อการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (UNESCO) เมื่อปี 1992 ถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมที่สุดของกัมพูชา โดยทางการกัมพูชาเชื่อว่าภาคการท่องเที่ยวจะยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง อันเป็นผลมาจากการก่อสร้างสนามบินนานาชาติเสียมราฐ-อังกอร์ (SAI) แห่งใหม่ ซึ่งเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์อย่างเป็นทางการเมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว ซึ่งคาดว่าจะดึงดูดนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศมายังนครวัดมากยิ่งขึ้น

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501416584/close-to-800000-foreign-tourists-converged-on-angkor-in-2023/

‘เวียดนาม’ ชี้การจ้างงานโตสวนทางคุณภาพของตลาดแรงงานยังไม่ดีขึ้น

สำนักงานสถิติแห่งชาติเวียดนาม (GSO) เปิดเผยว่าถึงแม้จำนวนผู้มีงานทำมีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้น แต่คุณภาพของตลาดแรงงานยังไม่กลับมาฟื้นตัว เนื่องจากมีแรงงานนอกระบบจำนวนมาก และจากข้อมูลทางสถิติในไตรมาสที่ 4/66 พบว่าผู้มีงานทำ มีจำนวนทั้งสิ้น 51.5 ล้านคน เพิ่มขึ้น 130,400 คน เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า และ 414,600 คน เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว โดยการเติบโตของแรงงานข้างต้นมาจากกิจกรรมการผลิตและการดำเนินธุรกิจที่ขยายตัวดีขึ้นตามความต้องการของผู้คนในช่วงเทศกาลเต็ต (Tet)

นอกจากนี้ ตามรายงานของสำนักงานสถิติ ยังระบุว่ารายได้เฉลี่ยต่อหัวในปี 2566 อยู่ที่ราว 204 ดอลลาร์สหรัฐต่อคนต่อเดือน เพิ่มขึ้น 5.9% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ในขณะที่ผู้ว่างงานหรือผู้ตกงาน มีจำนวนประมาณ 85,000 คนในไตรมาสที่ 4/66 ลดลงราว 32,100 คน เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว

ที่มา : https://vietnamnet.vn/en/employment-numbers-rise-but-labour-market-quality-yet-to-improve-gso-2234063.html

‘เวียดนาม’ เผยสัดส่วนหนี้สาธารณะ ปี 66 แตะ 37% ต่อ GDP

กระทรวงการคลัง เปิดเผยว่าหนี้สาธารณะของเวียดนามในปี 2566 มีมูลค่า 3.8 พันล้านล้านด่อง หรือคิดเป็น 37% ต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ซึ่งตัวเลขหนี้สาธารณะดังกล่าวอยู่ในระดับไม่เกินเพดาน 60% ตามที่รัฐสภากำหนดไว้ และยังต่ำกว่าประมาณการณ์ของกระทรวงฯ

ทั้งนี้ นายโฮ ดึก ฟอก  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่าถึงแม้เวียดนามจะเผชิญกับความท้าทายของเศรษฐกิจโลก แต่นโยบายการคลังของเวียดนามในปีที่แล้ว สามารถบรรลุความสำเร็จมาได้ อย่างไรก็ดี เมื่อประเมินปี 2567 กระทรวงการคลังประมาณการณ์ถึงปัจจัยและความท้าทายต่างๆ และมองว่าการจัดเก็บงบประมาณของรัฐ คาดว่าจะอยู่ที่ 1.7 พันล้านล้านด่อง ในขณะที่การใช้จ่ายงบประมาณที่ 2.1 พันล้านล้านด่อง

ที่มา : https://english.vov.vn/en/economy/vietnams-2023-public-debt-at-37-of-gdp-post1069195.vov

ราคาอ้างอิงขายส่งน้ำมันปาล์มของย่างกุ้ง ทรงตัวในสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 7 มกราคม

ตามการระบุของคณะกรรมการกำกับดูแลด้านการนำเข้าและการจัดจำหน่ายน้ำมันบริโภค อัตราอ้างอิงการขายส่งน้ำมันปาล์มสำหรับตลาดย่างกุ้งในสัปดาห์นี้สิ้นสุดวันที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2566 ยังคงเดิมที่ 4,955 จ๊าดต่อ viss จากอัตราของสัปดาห์ก่อน ทั้งนี้ คณะกรรมการกำกับดูแลการนำเข้าและจำหน่ายน้ำมันบริโภคภายใต้กระทรวงพาณิชย์ได้ติดตามราคา FOB ในประเทศมาเลเซียและอินโดนีเซียอย่างใกล้ชิด โดยเพิ่มค่าขนส่ง ภาษี และบริการทางธนาคาร เพื่อตัดสินใจอัตราอ้างอิงตลาดขายส่งน้ำมันบริโภครายสัปดาห์ อย่างไรก็ตาม ราคาซื้อขายจริงในตลาดนั้นสูงกว่าราคาอ้างอิงค่อนข้างมากเนื่องจากมีการขึ้นราคาขายเกินจริงในตลาด กรมกิจการผู้บริโภค กระทรวงพาณิชย์ ร่วมกับคณะกรรมการกำกับดูแลฯ กำลังพยายามร่วมกันควบคุมความผันผวนสูงของราคาน้ำมันปาล์มในตลาดค้าปลีก และเสนอราคาที่ยุติธรรมมากขึ้นแก่ผู้บริโภค โดยร่วมมือกับสมาคมผู้ค้าน้ำมันบริโภคแห่งเมียนมาร์และบริษัทนำเข้าน้ำมัน

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/ygn-palm-oil-wholesale-reference-price-stays-steady-for-week-ending-7-jan/

งาน Smart Farm Korea 2024 ต้อนรับนักธุรกิจชาวเมียนมาร์

องค์การส่งเสริมการค้าเมียนมาร์ ระบุว่า Smart Farm Korea 2024 (SFKOREA) จะจัดขึ้นที่ Changwon Convention Center (CECO) ระหว่างวันที่ 12 ถึง 14 มิถุนายน 2567 และนักธุรกิจชาวเมียนมาร์จะได้รับเชิญให้เข้าร่วม เพื่อยกระดับภาคการเกษตรและปศุสัตว์ เพื่อแนะนำการทำฟาร์มอัจฉริยะ เทคโนโลยี และช่วยให้เกษตรกรชั้นนำหันมาใช้เทคโนโลยีขั้นสูงเพื่อการเกษตรและปศุสัตว์แห่งอนาคต อย่างไรก็ดี งานแสดงสินค้าจะประกอบด้วยบูธ 400 บูธจาก 120 บริษัท และคาดว่าจะดึงดูดผู้เข้าชมได้ประมาณ 20,000 คน สิ่งของที่จัดแสดงประกอบด้วย เกษตรกรรมแห่งอนาคต (ระบบอัตโนมัติ) สิ่งอำนวยความสะดวกและอุปกรณ์โรงงานอัจฉริยะ การเกษตรในเมือง การกลับสู่เกษตรกรรมหมู่บ้านในชนบท วัสดุและอุปกรณ์ปศุสัตว์เกษตร ผลิตผลทางการเกษตรและผลิตภัณฑ์อาหาร บรรจุภัณฑ์ การจัดจำหน่าย ระบบโลจิสติกส์ และการศึกษาในด้าน ICT, การฝึกปฏิบัติภาคสนามอัจฉริยะ, การจัดการโรคพืชและสัตว์, การศึกษาข้อมูลการเกษตรและชนบท เป็นต้น นอกจากนี้ นักธุรกิจชาวเมียนมาร์ที่สนใจเทคโนโลยีฟาร์มอัจฉริยะและผลิตภัณฑ์ของเกาหลียังสามารถเข้าร่วม Business Matching ของผู้เชี่ยวชาญระดับนานาชาติเพื่อยกระดับความเป็นอัจฉริยะ ภาคเกษตรกรรมในอนาคต

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/smart-farm-korea-2024-welcomes-myanmar-businesspersons/

ธนาคาร SME Bank กัมพูชา พร้อมสนับสนุนภาคการท่องเที่ยวเสียมราฐ

ธนาคารวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมของรัฐกัมพูชา (SME Bank) พร้อมสนับสนุนด้านเงินทุนแก่ผู้ประกอบการ โดยได้เริ่มให้เงินทุนแก่ผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยว เพื่อส่งเสริมภาคการท่องเที่ยวในจังหวัดเสียมราฐ ร่วมกับการให้ความร่วมมือระหว่าง SME Bank, สมาคมการท่องเที่ยวกัมพูชาในเสียมราฐ, สมาคมชมรมการท่องเที่ยวเสียมราฐ, สมาคมผู้ประกอบการ รุ่นเยาว์แห่งกัมพูชา และสมาคมผู้ประกอบการสตรีเสียมราฐ ซึ่งได้ร่วมกันจัดสัมมนา โดยมีผู้ประกอบการธุรกิจด้านการท่องเที่ยวกว่า 160 ราย ทั่วจังหวัดเสียมราฐเข้าร่วมงาน สำหรับวิสาหกิจในภาคการท่องเที่ยวเสียมราฐ ซึ่งให้บริการโดยตรงแก่นักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศ สามารถสมัครขอสินเชื่อได้วงเงินสูงสุดถึง 600,000 ดอลลาร์ พร้อมอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 6.50 ต่อปี ภายใต้งบประมาณจัดสรรของรัฐบาล ที่ได้จัดสรรเงินเบื้องต้นจำนวน 50 ล้านดอลลาร์ สำหรับโครงการดังกล่าว

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501415862/sme-bank-boosts-siem-reap-tourism/

กัมพูชาส่งออกไปยังอินโดนีเซียเพิ่มขึ้นกว่า 112%

การส่งออกของกัมพูชาไปยังอินโดนีเซียและอินเดียเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก สำหรับในช่วงเดือน ม.ค.-พ.ย. 2023 คิดเป็นการเพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 111.7 และ 55.1 ตามลำดับ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2022 โดยสหรัฐฯ ยังคงเป็นประเทศผู้นำเข้ารายใหญ่ของกัมพูชาคิดเป็นกว่าร้อยละ 39.7 ของการส่งออกทั้งหมด ซึ่งคิดเป็นการปรับตัวลดลงร้อยละ 0.9 เทียบกับสัดส่วนการนำเข้าของสหรัฐฯ ในช่วงเดียวกันของปี 2022 ที่สัดส่วนร้อยละ 40.6 ของการส่งออกกัมพูชาในช่วงปี 2022 รายงานกรมศุลกากรและสรรพสามิต (GDCE) ขณะเดียวกันการเติบโตด้านการส่งออกไปยังอินโดนีเซียและอินเดียกลับขยายตัวอย่างมาก สะท้อนจากการส่งออกของกัมพูชาไปยังอินโดนีเซียมีมูลค่าสูงถึง 70.56 ล้านดอลลาร์ และส่งออกไปยังอินเดียมีมูลค่าสูงถึง 264.5 ล้านดอลลาร์ โดยทางฟากฝั่งรัฐบาลกัมพูชาพร้อมดันภาคอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ เพื่อเพิ่มการเชื่อมต่อทางอากาศโดยตรงระหว่างอินเดียและกัมพูชา ภายในปี 2024 และการขยายทางหลวงไตรภาคี อินเดีย-เมียนมา-ไทย (IMT) ไปทางตะวันออก ด้วยความช่วยเหลือด้านเงินกู้จากอินเดีย ซึ่งคาดว่าจะช่วยกระตุ้นการค้าระหว่างทั้งสองประเทศได้เป็นอย่างมากในอนาคต

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501415859/cambodias-exports-to-indonesia-jump-112-percent/

เรือคอนเทนเนอร์กว่า 600 ลำมามาถึงและมีการค้าขายที่ท่าเรือย่างกุ้งในปี 2566

การท่าเรือเมียนมาร์ (MPA) ระบุว่า ในปี 2566 ตลอดทั้งปีมีเรือมากกว่า 600 ลำเดินทางมาถึงท่าเทียบเรือระหว่างประเทศย่างกุ้งเพื่อทำการค้า โดย MPA ได้ขยายการเดินทางตู้คอนเทนเนอร์มากขึ้นเพื่อตอบสนองข้อกำหนดในการส่งออกและนำเข้า ทั้งนี้ เรือขาเข้าตลอดทั้งปี 2566 ตั้งแต่เดือน มกราคม-ธันวาคม มีเรือเข้าเทียบท่าทั้งสิ้น รวม 629 ลำ ซึ่งประกอบด้วย สายการเดินเรือระหว่างประเทศ ได้แก่ Sealand Maersk Asia, SITC, MSC, Samudera, Ever Green, PIL, BLPL, RCL, Land and Sea, CMA-CGM, COSCO, IAL, ONE, Ti2 Container และ BAY เป็นต้น อย่างไรก็ดี การท่าเรือเมียนมาร์ ได้แจ้งให้ผู้ส่งออกและผู้นำเข้าของเมียนมาร์ทราบว่ามีเรือ 49 ลำจะเข้าเทียบท่าที่ท่าเรือย่างกุ้งในเดือนมกราคม 2567 นอกจากนี้ ท่าเรือย่างกุ้งให้บริการด้วยท่าเทียบเรือ 27 ท่าซึ่ง สามารถรองรับเรือที่ มีความยาวได้ถึง 200 เมตรและมีน้ำหนัก 3,000 ตัน ท่าเรือติลาวามีท่าเทียบเรือ 19 ท่าซึ่งสามารถ รองรับเรือที่ มีความยาวสูงสุด 250 เมตรและน้ำหนัก 3,500 ตัน

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/over-600-container-ships-arrive-and-trade-at-yangon-port-in-2023/#article-title

เขตการค้าเมียวดีมีมูลค่าการค้ากว่า 8.985 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในช่วง 18 วันของเดือนธันวาคม

ตามรายงานสถิติของกระทรวงพาณิชย์เมียนมาร์ ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคมถึง 18 ธันวาคม เขตการค้าเมียวดีสามารถส่งออกมูลค่า 1.976 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และการนำเข้ามูลค่า 7.009 ล้านเหรียญสหรัฐฯ รวมมูลค่าการค้า 8.985 ล้านเหรียญสหรัฐ อย่างไรก็ดี ตามการรายงานของกระทรวงฯ พื้นที่การค้าข้ามพรมแดนระหว่างทั้งสองประเทศ (เมียนมาร์-ไทย) ได้ให้ความสำคัญกับกระบวนการตรวจสอบสินค้าเพื่อความสะดวกในการส่งออกโดยเฉพาะสินค้าประมงผัก หัวหอม และพริก ที่เน่าเสียง่าย และปัจจุบันผลิตภัณฑ์อาหารของไทยมีการใช้กันอย่างแพร่หลาย ส่งผลให้ความต้องการเพิ่มขึ้น ตลอดจนการส่งออกวัตถุดิบอาหาร ทั้งนี้ ในบรรดาสินค้าส่งออกทั้งหมดของเมียนมาร์ พริก หัวหอม และผลิตภัณฑ์ CMP เป็นสินค้าที่มีมูลค่าส่งออกมากที่สุด ด้านสินค้านำเข้ามากที่สุด ได้แก่อะไหล่รถจักรยานยนต์ กระดาษพิมพ์ สบู่ วัสดุเหล็กและเหล็กกล้า แบตเตอรี่แห้ง ชุดผ้าฝ้าย ยางและท่อยาง เครื่องจักรและอุปกรณ์

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/myawaddy-trade-zone-made-us8-985million-trade-over-18-days-of-december/