เลขาธิการอาเซียนจะเดินทางเยือน สปป.ลาว เพื่อเตรียมพร้อมรับตำแหน่งประธานอาเซียนปีหน้า

ดร.เกา คิม เลขาธิการอาเซียน จะเดินทางเยือน สปป.ลาวเป็นเวลา 3 วัน ระหว่างวันที่ 28-30 พฤศจิกายน เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการดำรงตำแหน่งประธานอาเซียนในปี 2567 ตามคำเชิญของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ สปป.ลาว โดยจะนำคณะผู้แทนสำนักเลขาธิการอาเซียน ซึ่งประกอบด้วยเจ้าหน้าที่จากสามเสาหลักประชาคมเข้าร่วมการประชุมทวิภาคีกับเจ้าหน้าที่อาวุโสของ สปป.ลาว คณะผู้แทนจะพบปะแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับนายกรัฐมนตรี โสเนกชัย สีพันโดน รวมทั้งรัฐมนตรีคนสำคัญอื่นๆ ที่รับผิดชอบประเด็นข้ามเสาหลัก การประชุมนี้มีเป้าหมายเพื่อหารือเกี่ยวกับบทบาทของสำนักเลขาธิการอาเซียนในการสนับสนุนการดำรงตำแหน่งประธานอาเซียนของ สปป.ลาว ที่กำลังจะมีขึ้น ภายใต้หัวข้อ “การเสริมสร้างการเชื่อมต่อและความยืดหยุ่น” เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เวียงจันทน์ได้เปิดเผยโลโก้อย่างเป็นทางการและธีมของตำแหน่งประธานอาเซียนที่จะจัดการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศครั้งแรกในวันที่ 28-29 มกราคม 2567 ที่เมืองหลวงพระบาง โดยจะจัดการประชุมอาเซียนครั้งแรก และจะเป็นการประชุมครั้งแรกจากหลายร้อยการประชุมที่จะตามมาตลอดปี 2567 หลังจากที่ประธานอาเซียนคนใหม่เริ่มแผนปฏิบัติการและผลงาน

ที่มา : https://www.thaipbsworld.com/asean-chief-visits-laos-this-week/

ชายแดนหม่องตออำนวยความสะดวกด้านการเกษตร การประมง และสินค้าอุตสาหกรรมส่งออกไปยังบังกลาเทศ

ตามการระบุของกระทรวงพาณิชย์ เมียนมาร์ขนส่งผลิตผลทางการเกษตร การประมง และสินค้าอุตสาหกรรมสำเร็จรูปไปยังบังกลาเทศผ่านชายแดนหม่องตอ ในปัจจุบัน สินค้าส่วนใหญ่จะถูกส่งไปยังชายแดนโดยใช้เส้นทางซิตตะเวย์-อังวะ-หม่องดอ จากนั้นจึงส่งออกไปยังบังคลาเทศผ่านเขตเศรษฐกิจกันยินชอง ทั้งนี้ ระหว่างวันที่ 1 ถึง 21 พฤศจิกายน เมียนมาร์ส่งออกถั่วหมากจำนวน 38.25 ตัน มูลค่า 0.06 ล้านเหรียญสหรัฐ ลูกเนียง 27 ตัน 0.008 ล้านเหรียญสหรัฐ ขิงสด 110 ตัน 0.022 ล้านเหรียญสหรัฐ มะม่วง 7 ตัน 0.003 ล้านเหรียญสหรัฐ ปลายี่สก 101.3 ตัน 0.128 ล้านเหรียญสหรัฐ และปลาตากแห้งตัวเล็ก 45.5 ตัน 0.029 ล้านเหรียญสหรัฐ ปลาแอนโชวี่แห้ง 46 ตัน 0.017 ล้านเหรียญสหรัฐ ปลากระโห้ 1.54 ตัน 0.002 ล้านเหรียญสหรัฐ พุทราแช่อิ่มแพ็ค 22 ตัน 0.007 ล้านเหรียญสหรัฐ ยาหม่องสมุนไพร Tun Shwe Wah 9 ตัน 0.005 ล้านเหรียญสหรัฐ และทานาคา 13 ตัน บรรจุ 0.007 ล้านเหรียญสหรัฐ ไปยังบังกลาเทศโดยผ่าน ชายแดนเมืองหม่องตอ อย่างไรก็ดี มูลค่าการค้าข้ามพรมแดนผ่านชายแดนเมืองหม่องตอของเมียนมาร์กับบังกลาเทศตั้งเป้าไว้ที่ 1.53 ล้านเหรียญสหรัฐในเดือนพฤศจิกายน ซึ่งประกอบด้วยการส่งออกมูลค่า 1.5 ล้านเหรียญสหรัฐ และการนำเข้ามูลค่า 0.03 ล้านเหรียญสหรัฐ แต่การค้าที่แท้จริงมีมูลค่า 0.286 ล้านเหรียญสหรัฐ เฉพาะการส่งออก คิดเป็นร้อยละ 18.69 ของเป้าหมายการค้า

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/maungtaw-border-facilitates-agri-fisheries-and-industrial-export-products-to-bangladesh/

อุตสาหกรรมประมงของตะนาวศรี: ต้นทุนที่สูงขึ้นและราคาที่ตกต่ำส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานและการจ้างงาน

ตามข้อมูลจากแหล่งข่าววงในของอุตสาหกรรมประมงของตะนาวศรี กล่าวว่า สถานการณ์ปัจจุบัน ราคาอาหารทะเลที่ตกต่ำ ราคาเชื้อเพลิงที่สูงขึ้น และอัตราแลกเปลี่ยนที่ผันผวน ส่งผลร้ายแรงต่อการส่งออกประมงของภูมิภาคตะนาวศรีไปยังประเทศไทย ซึ่งอาจส่งผลให้อุตสาหกรรมต้องหยุดชะงัก ปัจจุบันเขตตะนาวศรีมีเรือประมงนอกชายฝั่งจำนวน 1,500 ลำ และคนในพื้นที่กังวลว่าความสูญเสียในอุตสาหกรรมประมงอาจแพร่กระจายไปยังภาคส่วนอื่นๆ โดยเฉพาะเรือขนาดใหญ่ที่ต้องใช้แรงงานคนจำนวนมากขึ้นเพื่อปฏิบัติการ เพราะใช้วิธีตกปลาผิวน้ำและกลางน้ำ อีกทั้งการถูกกดราคาจากผู้ซื้อชาวไทยและอุปสงค์จากผู้ซื้อชาวไทยที่ลดลง ทำให้สถานการณ์เลวร้ายลง ซึ่งในการออกเรือเพื่อลากอวนนอกชายฝั่งมักจะมีราคาค่าใช้จ่ายถึง 13 ล้านบาท (ประมาณ 120 ล้านจ๊าด) ต่อเที่ยว แม้จะมีศักยภาพในการจับสัตว์น้ำคิดเป็นมูลค่า 18 ล้านบาท (170 ล้านจ๊าด) แต่ผู้ค้ามักจะเผชิญกับค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานอื่นๆ เพิ่มเติม นอกจากนี้ ด้านราคาน้ำมันเชื้อเพลิงที่สูงขึ้น ซึ่งน้ำมันเชื้อเพลิงหนึ่งบาร์เรลมีราคามากกว่า 660,000 จ๊าด ในขณะที่ปลาในตู้คอนเทนเนอร์แทบจะหาได้เพียง 65,000 จ๊าด

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/taninthayis-fishery-industry-soaring-costs-and-plummeting-prices-threaten-operations-and-jobs/

สปป.ลาว ลุยโครงการนำร่องทำเหมืองแร่หายาก เพื่อหาเงินต่างประเทศ

รัฐบาล สปป.ลาว กำลังพิจารณาจัดตั้งคณะกรรมการ เพื่อร่างกฎหมายที่จำเป็นสำหรับควบคุมโครงการนำร่องทำเหมืองแร่หายากที่วางแผนไว้ เนื่องจากแร่ธาตุหายากเป็นที่ทั่วโลกต้องการ รัฐบาล สปป.ลาว ได้เน้นย้ำถึงความจำเป็นที่ต้องวางแผนเพื่อให้แน่ใจว่าประเทศจะได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่จากการขุดแร่ดังกล่าว โดยในการประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ภาคส่วนที่เกี่ยวข้องได้รับคำสั่งให้จัดการปัญหาเร่งด่วนและบังคับใช้มาตรการเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและการเงินของประเทศ มาตรการที่สำคัญที่สุดประการหนึ่งคือการรักษาเสถียรภาพของอัตราแลกเปลี่ยน ปรับปรุงระบบการจัดเก็บรายได้ให้ทันสมัยเพื่อเพิ่มรายได้ประชาชาติ และเพิ่มการส่งออก นอกจากนี้ รัฐบาลกำลังพยายามให้แน่ใจว่าเม็ดเงินการส่งออกจะได้รับการชำระผ่านระบบธนาคารในประเทศลาวเพื่อให้เงินตราต่างประเทศเข้ามาในประเทศมากขึ้น ทั้งนี้ รัฐบาลย้ำถึงความจำเป็นในการจำกัดการนำเข้าสินค้าฟุ่มเฟือยและสินค้าที่สามารถผลิตหรือผลิตในประเทศ ภาครัฐได้รับคำสั่งให้ยกเลิกกฎเกณฑ์เดิมๆ และปรับปรุงสภาพแวดล้อมทางธุรกิจเพื่อดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศให้เข้ามาในประเทศลาวมากขึ้น อีกทั้งหน่วยงานที่รับผิดชอบจำเป็นต้องตรวจสอบโครงการลงทุนเหมืองแร่ที่ไม่มีประสิทธิภาพ เนื่องจากนักลงทุนบางรายได้รับสัมปทานสำหรับดำเนินกิจการเหมืองแร่แต่ไม่ได้ดำเนินการลงทุนใดๆ และตอนนี้กำลังวางแผนที่จะขายสัมปปทานให้กับนักลงทุนรายอื่น

ที่มา : https://www.nationthailand.com/world/asean/40033252

 

‘เวียดนาม’ เตรียมขึ้นอัตราภาษีที่แท้จริงจากบริษัทข้ามชาติ ภายใต้ข้อตกลงระหว่างประเทศ

รัฐสภาเวียดนามมีแผนที่จะอนุมัติจัดเก็บภาษีเพิ่มเติม (Top Up Tax) จากบริษัทข้ามชาติ ซึ่งจะเพิ่มอัตราภาษีที่แท้จริง 15% จากเดือน ม.ค. ที่เป็นไปตามข้อตกลงระหว่างประเทศ โดยในช่วงแรก เวียดนามวางแผนที่จะอนุมัติมาตรการภาษี เพื่อชดเชยบางส่วนให้กับนักลงทุนชาวต่างชาติรายใหญ่ที่ได้รับผลกระทบจากการเก็บภาษีในอัตราที่สูงขึ้น รวมทั้งบริษัทสมาร์ตโฟนยักษ์ใหญ่จากเกาหลีใต้ ‘ซัมซุง อิเล็กทรอนิกส์’ และบริษัทผลิตชิปรายใหญ่ของสหรัฐฯ ‘อินเทล’ แต่มติแยกไม่อยู่ในวาระของรัฐสภา

อย่างไรก็ดี ภาษีใหม่ฉบับนี้เป็นที่ถกเถียง เนื่องจากภาษีดังกล่าวอาจลดการอุทธรณ์ของเวียดนามในกลุ่มบริษัทต่างชาติได้ หากไม่สอดคล้องกับการอุดหนุนเงินภาษี รัฐสภาจึงได้ตัดการลงคะแนนเสียงในสมัยประชุมปัจจุบัน แต่ในที่สุดก็ได้กลับเข้าไปในกำหนดการแล้ว

ที่มา : https://www.reuters.com/world/asia-pacific/vietnam-set-raise-effective-tax-rate-multinationals-part-global-deal-2023-11-27/

‘เวียดนาม’ เปิดแผนลงทุนด้านพลังงานสะอาด 15.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ที่ประชุม COP28

เวียดนามมีแผนที่จะลงทุนเปลี่ยนไปสู่การใช้พลังงานสะอาด 15.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และจะมีการประกาศเรื่องดังกล่าวในที่ประชุมสุดยอดสภาพภูมิอากาศ ‘COP28’ ที่จะเริ่มในสัปดาห์นี้ที่ดูไบ ในขณะที่นายมาร์ก จอร์จ ที่ปรึกษาด้านสภาพอากาศของสถานทูตอังกฤษในกรุงฮานอย กล่าวว่าหลังจากประสานงานกับหน่วยงาน กระทรวงต่างๆ ของเวียดนาม เพื่อชี้แจงรายละเอียดเกี่ยวกับการใช้เม็ดเงินลงทุนดังกล่าว และแผนการขั้นสุดท้ายที่จะสรุปในวันพฤหัสบดีนี้ ทั้งนี้ สหราขอาณาจักร (UK) เป็นประธานร่วมของกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมที่ร่ำรวย 9 ประเทศ ซึ่งได้ตกลงที่จะจัดสรรเงินทุน 15.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อช่วยให้เวียดนามยุติการพึ่งพาพลังงานถ่านหินและเปลี่ยนมาใช้พลังงานหมุนเวียนได้รวดเร็วขึ้น โดยกิจกรรมดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของความร่วมมือในการเปลี่ยนผ่านพลังงานที่เป็นธรรม (Just Energy Transition) หรือ JTEP

ที่มา : https://macaudailytimes.com.mo/vietnams-plan-for-spending-15-5-billion-for-its-clean-energy-transition-to-be-announced-at-cop28.html

บริษัท Cellcard ออกพันธบัตรเพื่อความยั่งยืนมูลค่า 20 ล้านดอลลาร์ ในตลาด CSX

บริษัท CAGSM Plc (Cellcard) และตลาดหลักทรัพย์กัมพูชา (CSX) ร่วมจัดพิธีจดทะเบียนพันธบัตรอย่างเป็นทางการของ CAGSM Plc โดยมี Hean Sahib รัฐมนตรีกระทรวงเศรษฐกิจและการเงิน และประธาน CSX เป็นประธานในพิธี โดยบริษัทได้ออกพันธบัตรในนาม “CAMGSM Sustainability Bond” ด้วยมูลค่าเสนอขายรวม 19.9 ล้านดอลลาร์ สำหรับอายุ 10 ปี และอัตราคูปอง SOFR บวกร้อยละ 3 หรือร้อยละ 5.5 ต่อปี (แล้วแต่จำนวนใดจะสูงกว่า) ซึ่งรายได้จากการออกพันธบัตรเพื่อความยั่งยืนในครั้งนี้จะนำไปใช้เป็นค่าใช้จ่ายด้านทุนและการรีไฟแนนซ์โครงการที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม โดยพันธบัตรดังกล่าวมุ่งเป้าไปที่การใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน นอกเหนือจากการส่งเสริมพลังงานหมุนเวียน

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501398160/cellcard-lists-20-million-sustainability-bond-on-csx/

มีการออกบัตรประจำตัวคนงานในต่างประเทศ ให้กับคนงานบนเรือประมาณ 1,700,000 คน

ตามข้อมูลของกรมแรงงานเมียนมาร์ มีการออกบัตรประจำตัวคนงานในต่างประเทศ (OWIC) ให้กับคนงานประมาณ 1,684,934 คนที่ทำงานในต่างประเทศในช่วงระยะเวลา 33 ปี ตั้งแต่ปี 1990 ถึง 2023 โดยแบ่งเป็น 1,110,595 คน ในประเทศไทย, 52,035 คน ในสิงคโปร์, 64,364 คน ในเกาหลี, 60,013 คน ในญี่ปุ่น และ 385,566 คน ในมาเลเซีย อย่างไรก็ดี บัตร OWIC จะออกที่หน่วยแรงงานข้ามชาติ กรมแรงงาน ที่เมืองดะเก่าเมี้ยวเต็ด (เหนือ) สำหรับผู้ที่เดินทางกลับบ้านโดยลางาน บัตรจะออกที่กรมแรงงานในเมือง Mayangone

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/owic-cards-issued-to-about-1700000-workers-aboard/