สปป.ลาว เตรียมเปิดแคมเปญการท่องเที่ยว ‘Visit Laos Year 2024’ สัปดาห์หน้า

นางสวนสะหวัน วิกนาเกตุ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสารสนเทศ วัฒนธรรม และการท่องเที่ยว สปป.ลาว แถลงข่าวเตรียมเปิดตัวแคมเปญ “Visit Laos Year 2024” ครั้งที่ 4 ภายใต้สโลแกน “สวรรค์แห่งวัฒนธรรมลาว ธรรมชาติ และประวัติศาสตร์” และกำหนดให้ช้างเป็นสัตว์นำโชคสำหรับแคมเปญนี้ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ ๆ ในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของประเทศ อีกทั้งยังมุ่งเน้นการปรับปรุงคุณภาพการบริการให้สอดคล้องกับความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย การรณรงค์ส่งเสริมการท่องเที่ยวจะประกอบด้วย 79 กิจกรรม โดย 14 กิจกรรมเป็นกิจกรรมระดับชาติ และ 65 กิจกรรมจะดำเนินการในจังหวัดต่างๆ นักท่องเที่ยวสามารถเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์ที่หลากหลายระหว่างการท่องเที่ยวลาวตลอดทั้งปี 2567 ตั้งแต่การสำรวจโบราณสถานและวัดวาอาราม ไปจนถึงการเดินป่าอันเขียวชอุ่มและพายเรือคายัคไปตามแม่น้ำที่ใสราวคริสตัล นอกจากนี้ ยังจะมีโอกาสมากมายในการสัมผัสวัฒนธรรมลาว รวมถึงเทศกาล ดนตรี และการแสดงเต้นรำ ทั้งนี้ รัฐบาล สปป.ลาว หวังว่านักท่องเที่ยวต่างชาติและลาวอย่างน้อย 4.6 ล้านคน จะเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศลาวตลอดทั้งปี 2567 และคาดว่าจะสร้างรายได้ประมาณ 712 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

ที่มา : https://kpl.gov.la/EN/detail.aspx?id=78164

การค้าชายแดนจีน-เมียนมาร์ทะลุ 2.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในช่วง 7 เดือนที่ผ่านมา

กระทรวงการต่างประเทศเมียนมาร์ เผยสถิติมูลค่าการค้าชายแดนระหว่างเมียนมาร์และจีนเพิ่มขึ้น กว่า 2.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในช่วง 7 เดือนที่ผ่านมา (ตั้งแต่เดือนเมษายน-ตุลาคม) ของปีการเงินปัจจุบัน พ.ศ. 2566-2567 จากเดิม 1.56 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในช่วงเวลาเดียวกันของปีงบประมาณ 2565-2566 ซึ่งตัวเลขดังกล่าวบ่งชี้ว่าการค้าชายแดนจีน-เมียนมาร์มีมูลค่าเพิ่มขึ้นกว่า 708.65 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปีงบประมาณนี้  อย่างไรก็ดี เมียนมาร์ทำการค้าข้ามพรมแดนกับประเทศเพื่อนบ้านอย่างจีนผ่านทางด่านชายแดนมูเซ, ลแวแจ, ชินฉ่วยฮ่อ, กัมปติ และ เชียงตุง โดยมูลค่าการค้าชายแดนของแต่ละด่านอยู่ที่ 1.45 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ, 703.123 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ, 63.823 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ, 41.093 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และ 4.992 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ตามลำดับ ซึ่งมีสินค้าส่งออกสำคัญ ได้แก่ ผลิตผลทางการเกษตร ผลิตภัณฑ์ปศุสัตว์ ผลิตภัณฑ์ประมง แร่ธาตุ ผลิตภัณฑ์จากป่า สินค้าอุตสาหกรรมสำเร็จรูป และสินค้าอื่นๆ ในขณะที่สินค้านำเข้าหลักได้แก่ สินค้าทุน สินค้าขั้นกลาง สินค้าอุปโภคบริโภค และวัตถุดิบสำหรับผลิตสินค้า CMP

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/sino-myanmar-border-trade-surpasses-us2-2-bln-in-past-7-months/#article-title

นักลงทุนจีนจ่อลงทุนจัดตั้งโรงงานผลิตยางรถยนต์มูลค่า 500 ล้านดอลลาร์ ในกัมพูชา

นักลงทุนจีนเข้าลงทุนจัดตั้งโรงงานผลิตยางรถยนต์มูลค่า 500 ล้านดอลลาร์ โดยนับเป็นโรงงานผลิตยางรถยนต์แห่งที่ 4 ในกัมพูชา หลังจากสภาเพื่อการพัฒนากัมพูชา (CDC) อนุมัติโครงการลงทุนดังกล่าว ด้านนายกฯ ฮุน มาเน็ต กล่าวเสริมว่าการมีโรงงานผลิตยางรถยนต์ภายในประเทศจะเป็นส่วนช่วยให้ภาคเกษตรกรรม อย่างในฝั่งของเกษตรกรผู้เพาะปลูกยางพาราในกัมพูชา ไม่จำเป็นต้องส่งออกยางไปยังตลาดต่างประเทศเนื่องจากนำมาเป็นวัตถุดิบในการผลิตยางรถยนต์ภายในประเทศ รวมถึงนายกฯ ยังได้ขอให้สถาบันซึ่งเกี่ยวข้องกับภาคเอกชน และสมาคมยางกัมพูชา จัดทำกลไกประสานการแก้ไขปัญหาทางเทคนิคและปัญหาการเพาะปลูก เพื่อให้แน่ใจว่าห่วงโซ่อุปทานการผลิตยางรถยนต์ภายในประเทศกัมพูชาจะสมบูรณ์แบบ สำหรับในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ กัมพูชาส่งออกยางแห้งปริมาณกว่า 242,304 ตัน ส่วนใหญ่ส่งออกไปยังมาเลเซีย เวียดนาม สิงคโปร์ และจีน สร้างรายได้เข้าประเทศราว 320 ล้านดอลลาร์ ตามการรายงานของ General Directorate of Rubber (GDR) ปัจจุบันกัมพูชามีสวนยางพาราครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมด 404,578 เฮกตาร์ ซึ่งร้อยละ 78 ของพื้นที่พร้อมที่จะให้ผลผลิตน้ำยางดิบ

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501392268/cambodia-to-get-500m-chinese-tyre-factory/

สนามบินเสียมราฐ-อังกอร์ ตั้งเป้าต้อนรับนักท่องเที่ยว 12 ล้านคน ภายในปี 2040

ท่าอากาศยานนานาชาติเสียมราฐ-อังกอร์ (SAI) ตั้งเป้าให้การต้อนรับนักท่องเที่ยว 12 ล้านคน ภายในปี 2040 โดยท่าอากาศยานดังกล่าวมีท่าเทียบเครื่องบินในปัจจุบัน 38 ท่าเทียบ สามารถรองรับผู้โดยสารได้ราว 7 ล้านคนต่อปี ซึ่งคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 12 ล้านคนในปี 2040 ขณะที่ปริมาณการขนส่งสินค้าทางอากาศต่อปีอยู่ที่ 10,000 ตันต่อปี และจะเพิ่มขึ้นเป็น 26,000 ตันต่อปี หลังจากทางการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานภายในสนามบินแล้วเสร็จ โดยสนามบิน SAI ตั้งอยู่ห่างจากสนามบินเสียมราฐประมาณ 35 ไมล์ ห่างจากนครวัดเพียง 10 นาที หากเดินทางด้วยรถยนต์ ซึ่งปัจจุบันมีสายการบิน 8 แห่ง ให้บริการเชื่อมการเดินทางมายังสนามบินดังกล่าว

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501392258/new-siem-reap-airport-eyes-12-million-flyers-by-2040/

‘เวียดนาม’ ตั้งเป้า GDP ปี 67 โต 6-6.5%

สมัชชาแห่งชาติเวียดนาม (NA) ได้ตั้งเป้าหมายการเติบโตผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของเวียดนาม อยู่ที่กรอบ 6-6.5% และรายได้ต่อหัวอยู่ที่ 4,700-4,7300 ดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2567 แต่ว่ารัฐบาลเวียดนามจำเป็นที่จะต้องดำเนินมาตรการต่างๆ เพื่อผลักดันให้บรรลุเป้าหมายดังกล่าว ทั้งนี้ นาย หวู ฮ่ง ทานห์ ประธานคณะกรรมการเศรษฐกิจของสมัชชาแห่งชาติ กล่าวระหว่างการประชุมว่าสมาชิกสภาผู้แทนมีความกังวลถึงเป้าหมายการเติบโตของเศรษฐกิจประเทศที่ตั้งเป้า 6.0-6.5% ซึ่งอยู่ในระดับสูง และยังได้แนะนำให้ลดเป้าหมายที่ตั้งไว้ 5-6%

นอกจากนี้ Shanaka Peiris หัวหน้าศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจประจำภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกของ IMF กล่าวว่าเวียดนามเผชิญกับความยากลำบากจากภาวะการส่งออก อสังหาริมทรัพย์ และการเงิน อย่างไรก็ดีเศรษฐกิจเวียดนามอยู่ในช่วงฟื้นตัวดีขึ้น

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/1636547/2024-gdp-target-of-6-6-5-per-cent-feasible-experts.html

การค้าสปป.ลาว-รัสเซีย มองเห็นความหวังในการเติบโต แม้ปัจจุบันจะซบเซาลง

การค้าระหว่าง สปป.ลาว-รัสเซีย หดตัวลงอย่างเห็นได้ชัด นับตั้งแต่รัสเซียเริ่มทำสงครามกับยูเครนเมื่อต้นปี 2565 การชะลอตัวนี้ทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับความมั่นคงของความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างสองประเทศ ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองทั่วโลก ตามรายงานของ Russia Briefing การค้าระหว่างทั้งสองประเทศในเดือนมกราคม 2566 มีมูลค่า 312,000 ดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 83.2% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว การนำเข้าจากรัสเซียไปยังลาวมีมูลค่าเพียง 118,000 ดอลลาร์สหรัฐ ในขณะที่การส่งออกไปยังรัสเซียมีมูลค่า 194,000 ดอลลาร์สหรัฐ ลดลง 88% จากเดือนมกราคม 2565 อย่างไรก็ตาม รายงานการเปลี่ยนแปลงทางการค้าและการลงทุนประจำปี 2023/24 ได้ให้ข้อมูลเชิงบวกบางประการสำหรับการเพิ่มขึ้นของการค้าระหว่างลาวกับรัสเซีย เนื่องจากรถไฟลาว-จีน กลายเป็นความจริงในระดับภูมิภาคและการค้าขายระหว่างรัสเซียและจีนก็เติบโต จึงมีความเชื่อร่วมกันว่าการเข้าถึงตลาดรัสเซียและลาวจะราบรื่นยิ่งขึ้น คาดว่าจะประกาศแนวโน้มการค้าทวิภาคีระหว่างสองประเทศที่สูงขึ้น ทั้งนี้ ลาวนำเข้าสินค้าจากรัสเซียส่วนใหญ่ ได้แก่ ไม้ ผลิตภัณฑ์เยื่อกระดาษและกระดาษ อุปกรณ์เครื่องจักร ยานพาหนะ และผลิตภัณฑ์เคมี ในขณะที่สินค้าส่งออกส่วนใหญ่ ได้แก่ สิ่งทอ อาหาร และวัตถุดิบทางการเกษตร

ที่มา : https://laotiantimes.com/2023/11/15/laos-russia-bilateral-trade-sees-hope-for-growth-despite-current-dip/

สปป.ลาว วางแผนปราบปราม ‘บริษัท Crypto ที่ไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนด’

รัฐบาล สปป.ลาว ประกาศแผนการที่จะดำเนินการอย่างเข้มงวดกับบริษัทคริปโตที่ไม่ปฏิบัติตามข้อตกลงที่เกี่ยวข้องกับการค้าสกุลเงินดิจิทัล การดำเนินการนี้จะถูกบังคับใช้กับบริษัท 15 แห่ง ที่ได้รับอนุญาตเริ่มต้นธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลที่ครอบคลุมการขุดและการค้าสกุลเงินดิจิทัล ซึ่งสองแห่งในนั้นไม่มีความคืบหน้าในการดำเนินธุรกิจและอีกหลายแห่งล่าช้าในการชำระค่าธรรมเนียมให้กับรัฐบาล โดยค่าธรรมเนียมคงค้างในปัจจุบันมีมูลค่ารวม 20 ล้านดอลลาร์สหรัฐ รัฐบาลถือว่าการชำระเงินล่าช้าเกิดจากการเสื่อมราคาของมูลค่าสกุลเงินดิจิทัล เพื่อเป็นการตอบสนอง นายกรัฐมนตรี โสเนชัย สีพันโดน ได้ประกาศในระหว่างการประชุมสามัญสมัยสามัญครั้งที่ 6 ว่ารัฐบาลได้เลือกที่จะลดค่าธรรมเนียมคงค้างลง 50% ทั้งนี้ รัฐบาลได้กล่าวเตือนว่าจะระงับและปรับ รวมถึงเพิกถอนใบอนุญาตของบริษัทคริปโตที่ไม่ได้จ่ายค่าธรรมเนียม ตัวอย่างการลงโทษที่เกิดขึ้นเมื่อเดือนสิงหาคม Electricite du Laos (EDL) รัฐวิสาหกิจด้านพลังงานไฟฟ้าของรัฐบาลได้ประกาว่าจะไม่จ่ายกระแสไฟฟ้าให้กับการขุดคริปโตในประเทศลาวอีกต่อไป สาเหตุหลักมาจากหนี้ที่เพิ่มขึ้นจากธุรกิจการขุดคริปโต

ที่มา : https://laotiantimes.com/2023/11/15/laos-plans-crackdown-on-non-compliant-crypto-firms/

ราคาหัวหอมลดลงตามการเปลี่ยนแปลงของตลาดโดยอาศัยอุปสงค์ในประเทศเพียงอย่างเดียว

ตลาดหัวหอมของเมียนมาร์ต้องพึ่งพาตลาดภายในประเทศเป็นอย่างมาก เนื่องจากไม่มีตลาดต่างประเทศในช่วงกลางเดือนพฤศจิกายน นอกจากนี้ ยังมีหัวหอมจากฤดูมรสุมที่กำลังจะเข้าสู่ตลาดย่างกุ้งเพิ่มเติมอีกในเร็วๆ นี้ อย่างไรก็ดี สต็อกหัวหอมขนาดใหญ่ในบางภูมิภาคอาจทำให้ราคาหัวหอมปรับลดลงอีก ด้านผู้ค้าจากพื้นที่สามเหลี่ยมปากแม่น้ำกล่าวว่า ระหว่างวันที่ 6 ถึง 11 พฤศจิกายน ตลาดในย่างกุ้งมีอุปทานหัวหอมวันละกว่า 150,000 viss และเมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน หัวหอมประมาณ 90,000 หัว ไหลเข้าสู่ตลาดย่างกุ้ง ทำให้ราคาหัวหอมฤดูร้อนจึงลดลงเหลือ 2,300-3,700 จ๊าดต่อหัว ขึ้นอยู่กับขนาดและพื้นที่การผลิต ราคาแสดงให้เห็นการลดลง 200-400 จ๊าดต่อviss เมื่อเทียบกับราคาของสัปดาห์ก่อน หากเทียบกับในช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว ราคาหัวหอมแตะระดับสูงสุดที่ 3,400-4,300 จ๊าดต่อviss

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/onion-prices-decrease-as-market-shifts-to-solely-rely-on-domestic-demand/