“ไทยเบฟ” วางแผนจัดตั้งโรงงานมูลค่ากว่า 7 พันล้าน ในกัมพูชา

นายฐาปน สิริวัฒนภักดี กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่าการลงทุนจะเน้นวางรากฐานการเติบโต เพิ่มขีดความสามารถด้านการแข่งขันเป็นหลัก โดยใช้เงินลงทุนกว่า 7,000 ล้านบาท ซึ่งในจำนวนนี้จะลงทุนตั้งโรงงานผลิตเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ในกัมพูชาประมาณ 4,000 ล้านบาท เพื่อเป็นฐานขยายตลาดกัมพูชาและฐานการผลิตวิสกี้ซิงเกิ้ลมอลลต์ ขายในภูมิภาคอาเซียน ร่วมกับพันธมิตรท้องถิ่น สำหรับการฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไปของการบริโภคในประเทศ จากทั้งชาวไทยและต่างชาติ ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดีต่อบริษัท แต่ถึงอย่างไรจำเป็นต้องประเมินถึงแรงกดดันจากภาะเงินเฟ้อ ต้นทุนด้านพลังงานและสินค้าโภคภัณฑ์ที่สูงขึ้น ไปจนถึงหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง อาจยังคงส่งผลกระทบต่อการใช้จ่ายของผู้บริโภค แต่เชื่อมั่นว่ารากฐานอันมั่นคงจะเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนการเติบโตที่แข็งแกร่งของเราได้อย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทยังดำเนินมาตรการบริหารอัตรากำไรอย่างรอบคอบ เพื่อบรรเทาผลกระทบต่างๆ รักษาผลกำไรสุทธิ ส่วนแบ่งตลาดและคำนึงถึงความรับผิดชอบ ความยั่งยืนเป็นสำคัญ สำหรับในช่วง 9 เดือนแรกของปี มีรายได้อยู่ที่ 216,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.8 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501371751/thaibev-plans-7-billion-baht-expansion-including-new-factory-in-cambodia/

กรมอาเซียนและผู้แทนไทยใน AICHR หารือร่วมกับภาคประชาสังคม เพื่อผลักดันการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชนในภูมิภาค

นางสาวอุศณา พีรานนท์ อธิบดีกรมอาเซียน และศาสตราจารย์กิตติคุณ ดร. อมรา พงศาพิชญ์ ผู้แทนไทยในคณะกรรมาธิการระหว่างรัฐบาลอาเซียนว่าด้วยสิทธิมนุษยชน (ASEAN Intergovernmental Commission on Human Rights: AICHR) ได้เป็นประธานร่วมในการประชุมหารือระหว่างผู้แทนไทยใน AICHR กับภาคประชาสังคม ประจำปี 2566 ณ โรงแรม วี กรุงเทพฯ โดยมีผู้เข้าร่วมกว่า 80 คน ทั้งจากภาครัฐ ภาคประชาสังคม และภาควิชาการ ที่ประชุมได้ระดมสมองและให้ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับแนวทางในการยกระดับบทบาทของผู้แทนไทยใน AICHR ผ่านการแลกเปลี่ยนมุมมองเกี่ยวกับพัฒนาการและแนวโน้มสำคัญด้านสิทธิมนุษยชนทั้งในไทยและอาเซียน เช่น ความเชื่อมโยงระหว่างสิทธิมนุษยชนกับมิติอื่น ๆ อาทิ สิ่งแวดล้อม และสุขภาพจิตและจิตสังคม (psychosocial) และการพิทักษ์สิทธิและเสรีภาพของเด็ก สตรี คนพิการ ผู้สูงอายุ แรงงานข้ามชาติ และกลุ่มเปราะบางอื่น ๆ ที่ประชุมเห็นพ้องกันว่า การบรรลุเป้าหมายด้านสิทธิมนุษยชนเป็นพื้นฐานไปสู่การการพัฒนาทางเศรษฐกิจและการพัฒนาที่ยั่งยืน และสนับสนุนให้ประเด็นสิทธิมนุษยชนได้รับการบรรจุไว้ในวิสัยทัศน์ประชาคมอาเซียนภายหลังปี ค.ศ. 2025 (ASEAN Community’s Post-2025 Vision) ที่ประเทศสมาชิกอาเซียนอยู่ระหว่างการจัดทำการประชุมหารือฯ เป็นกิจกรรมที่กรมอาเซียนจัดขึ้นเป็นประจำ สอดคล้องกับนโยบายไทยในการส่งเสริมการคุ้มครองและส่งเสริมสิทธิมนุษยชนและการสร้างสังคมที่ครอบคลุมสำหรับทุกคน และสะท้อนความมุ่งมั่นจะเชิญชวนทุกภาคส่วนของสังคมเข้ามาเป็นหุ้นส่วนในการผลักดันวาระสำคัญนี้

ที่มา : https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG231006130657302

‘เวียดนาม’ แม่เหล็กดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ

‘Global Finance’ นิตยสารการเงินการธนาคาร ได้เผยแพร่บทความผ่านเว็บไซต์ ระบุว่าเวียดนามเป็น 1 ในประเทศชั้นนำในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่เป็นประเทศที่ดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ (FDI) มากที่สุด เนื่องจากเวียดนามมีข้อได้เปรียบหลายประการ รวมถึงประชากรเวียดนาม จำนวน 100 ล้านคนที่มีอายุต่ำกว่า 25 ปี ทั้งนี้ หอการค้ายุโรป (EuroCham) เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจว่าผู้ประกอบการเลือกเวียดนามเป็น 1 ใน 3 ตัวเลือกอันดับต้นๆ ของการลงทุน ในขณะเดียวกัน เอสแอนด์พี โกลบอล (S&P Global) ระบุว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของเวียดนามเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ ถึงแม้ว่าเศรษฐกิจในครึ่งแรกของปีนี้มีทิศทางชะลอตัวลง แต่ธนาคารโลกคาดว่าจะกลับมาฟื้นตัวในช่วงครึ่งหลังของปีนี้

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/vietnam-poweful-magnet-for-foreign-direct-investment/268452.vnp

‘เวียดนาม’ คาดปีนี้ ต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ทะลุ 13 ล้านคน

กระทรวงวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยวของเวียดนาม เปิดเผยว่ารัฐบาลปรับคาดการณ์นักท่องเที่ยวต่างชาติในปีนี้ อยู่ที่ 12.5-13 ล้านคน จากเดิมประมาณ 8 ล้านคน เพิ่มขึ้น 56% จากแผนที่ตั้งเป้าไว้ตั้งแต่ต้นปี ซึ่งการปรับแผนประมาณการดังกล่าวมาจากได้รับสัญญาณเชิงบวกในเดือนกันยายนที่มีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเกินกว่า 1.05 ล้านคน และนับเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกันที่มีนักท่องเที่ยวเกิน 1 ล้านคน อีกทั้ง สำนักงานการท่องเที่ยวแห่งชาติเวียดนาม ระบุว่าในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ 8.9 ล้านคน และนักท่องเที่ยวในประเทศ 93.5 ล้านคน โดยวชาวเกาหลีใต้เป็นนักท่องเที่ยวต่างขาติเดินทางเข้าเวียดนามมากที่สุด 2.6 ล้านคน รองลงมาจีน และไต้หวัน (จีน)

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/vietnam-expects-to-welcome-13-million-foreign-visitors-this-year/268987.vnp

‘เมียนมา’ เผยราคาน้ำตาลพุ่ง หลังจำหน่ายน้ำตาลสด

จากข้อมูลของตลาดน้ำตาล ระบุว่าราคาน้ำตาลในประเทศพุ่งสูงอีกครั้ง เพียงสองเดือนก่อนที่จะจำหน่ายน้ำตาลชนิดใหม่ออกสู่ตลาด สำนักข่าวท้องถิ่นเมียนมา GNLM เปิดเผยข้อมูลตลาดน้ำตาลในย่างกุ้ง (28 ก.ย.66) พบว่าราคาน้ำตาลขายส่ง อยู่ที่ 3,750 จ๊าตต่อวิสส์ อย่างไรก็ดี ราคาขายส่งปรับตัวเพิ่มขึ้น 3,800 จ๊าตต่อวิสส์ในวันที่ 29 ก.ย. ทั้งนี้ ผู้ค้าน้ำตาลรายหนึ่งบอกกับสำนักข่าวเมียนมาว่าราคาประมูลน้ำตาลที่ขายให้กับโรงงาน ก่อนที่โรงงานจะเริ่มดำเนินการ ทำให้ราคาน้ำตาลในตลาดเพิ่มสูงขึ้น

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/sugar-price-peaks-again-two-months-before-release-of-fresh-sugar/#article-title

ก.ย. อัตราเงินเฟ้อ สปป.ลาว ลดลงเล็กน้อย ด้านรัฐบาลเล็งใช้แผนลดค่าครองชีพ

สปป.ลาว รายงานอัตราเงินเฟ้อประจำเดือนกันยายนอยู่ที่ร้อยละ 25.69 ลดลงเล็กน้อยจากเดือนสิงหาคมที่ร้อยละ 25.88 ตามข้อมูลของธนาคารแห่ง สปป.ลาว ด้านนายกรัฐมนตรี Sonexay Siphandone ย้ำถึงความสำคัญของภาคธุรกิจในการรับมือกับสถานการณ์อัตราแลกเปลี่ยน และรักษาเสถียรภาพราคาสินค้า โดยเฉพาะในกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ อาทิเช่น ข้าว เนื้อสัตว์ ปลา และไข่ เพื่อลดผลกระทบจากภาวะเงินเฟ้อ อีกทั้งนายกฯ ยังได้เสนอการสนับสนุนและติดตามความคืบหน้าของโครงการลงทุนจากต่างชาติที่ได้รับอนุมัติอย่างใกล้ชิด โดยกลยุทธ์ดังกล่าวมีจุดมุ่งหมายเพื่อดึงดูดเงินตราต่างประเทศเข้ามายัง สปป.ลาว เพิ่มขึ้น รวมถึงเร่งรัดการชำระบัญชีโครงการผ่านระบบธนาคาร ด้านปัญหาเงินเฟ้อในประเทศที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง เกิดจากปัจจัยหลายประการ หนึ่งในนั้นคือการอ่อนค่าของสกุลเงินกีบ รวมถึงสภาวะขาดแคลนแรงงาน เนื่องจากแรงงานในประเทศไหลออกไปยังประเทศที่มีค่าตอบแทนสูงกว่า ซึ่งส่งผลทำให้รายได้ภาคครัวเรือนไม่สามารถเติบโตได้ทันอัตราเงินเฟ้อ ทำให้ต้นทุนในการดำเนินชีวิตของภาคประชาชนได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าว

ที่มา : https://laotiantimes.com/2023/10/03/inflation-rate-sees-slight-drop-in-september-government-takes-aim-at-rising-cost-of-living/

นายกฯ ประกาศ รัฐบาลกัมพูชาจะยังไม่มีการขึ้นภาษีและไม่มีการกำหนดอัตราภาษีใหม่

นายกรัฐมนตรีฮุน มาเน็ต ชี้แจงอย่างชัดเจนว่ารัฐบาลใหม่ของกัมพูชา (RGC) จะไม่กำหนดภาษีใหม่ใดๆ หรือเพิ่มอัตราภาษีที่มีอยู่ แต่คงไว้ซึ่งการยกเว้นภาษีในปัจจุบัน สำหรับกิจกรรมทางเศรษฐกิจบางประเภท โดยกล่าวไว้ในระหว่างการปราศรัยกับคนงาน-ลูกจ้าง จากโรงงานต่างๆ ที่ตั้งอยู่ในเขตเมียนเจยและดังกอร์ ของกรุงพนมเปญ ซึ่งนายกรัฐมนตรี ฮุน มาเน็ต กล่าวว่า ปัจจุบันรัฐบาลได้บังคับใช้กฎหมายทางด้านภาษีที่มีอยู่เพียง 13 ฉบับ ซึ่งเรียกเก็บมานานหลายทศวรรษนับตั้งแต่ปี 1982 ถึงแม้รัฐบาลกัมพูชาจะมีแนวทางในการปรับขึ้นภาษีในอนาคตให้ทัดเทียมนานาประเทศ แต่ด้วยสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่ยังไม่แน่นอนและเพื่อเป็นการช่วยเหลือภาคธุรกิจและภาคประชาชน ที่กำลังประสบกับความยากลำบาก รัฐบาลจึงพิจารณาไม่ปรับขึ้นภาษีในระยะนี้ จนกว่าสถานการณ์ทางเศรษฐกิจจะกลับมาสู่ภาวะปกติ เพื่อที่จะนำภาษีที่จัดเก็บได้มาพัฒนาและปรับปรุงประเทศ

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501370884/no-new-tax-nor-tax-rise-says-pm/

ญี่ปุ่นทุ่มงบ 700 ล้านดอลลาร์ พัฒนาถนนสาย “National Road 5”

องค์การความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น (JICA) สำนักงานกัมพูชาร่วมมือกับกระทรวงโยธาธิการและการขนส่ง (MPWT) มุ่งเป้าปรับปรุงถนนแห่งชาติหมายเลข 5 จากเปรกดำถึงเมืองปอยเปต ระยะทางรวม 366 กิโลเมตร โดยคาดว่าค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างประมาณ 709.35 ล้านดอลลาร์ ซึ่งปัจจุบันญี่ปุ่นได้ทุ่มเงินกว่า 600 ล้านดอลลาร์ เพื่อปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานในเส้นทางดังกล่าว จาก 2 เลน เป็น 4 เลน ตลอดชายแดนกัมพูชา-ไทย ไปจนถึงชายแดนเวียดนาม ตามรายงานคาดว่าค่าใช้จ่ายในโซนภาคเหนือจะมีค่าใช้จ่ายอยู่ที่ประมาณ 156.43 ล้านดอลลาร์ ทอดยาวจากพระตะบองถึงศรีโสภณ ในขณะที่ภาคใต้คาดว่าจะใช้เม็ดเงินลงทุนมูลค่า 246.36 ล้านดอลลาร์ ครอบคลุมตั้งแต่เปรกดำถึง Thlea Ma’am และภาคกลางเน้นที่การปรับปรุงสภาพของถนนที่มีอยู่ตั้งแต่ Thlea Ma’am ถึงพระตะบอง และศรีโสภณถึงเมืองปอยเปต ที่มูลค่าประมาณ 306.57 ล้านดอลลาร์ โดยโครงการนี้คาดว่าจะเพิ่มความสะดวกในการสัญจรและปรับปรุงประสิทธิภาพการขนส่งให้กับกัมพูชาไปยังชายแดน ซึ่งในช่วงที่ผ่านมามีรถยนต์สันจรบนเส้นทางสายดังกล่าวมากกว่า 7 ล้านคัน เพิ่มขึ้นถึง 400% เมื่อเทียบกับปี 2010

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501370866/japan-provided-over-700m-to-upgrade-national-road-5/