อาเซียนโดน Reciprocal Tariffs สูงระดับต้น ๆ เวียดนาม กัมพูชา กระทบ GDP มากที่สุด ส่วนอินโดนีเซียกระทบจำกัด

โดย ศูนย์วิจัยกสิกรไทย (KResearch)

อาเซียนเป็นกลุ่มประเทศที่ถูกสหรัฐฯ เรียกเก็บภาษีตอบโต้ (Reciprocal Tariffs) สูงระดับต้น ๆ โดยเฉพาะกลุ่มประเทศ CLMV ถูกเรียกเก็บภาษีตอบโต้สูงถึง 45%-49% ในขณะที่ ไทยและอินโดนีเซียถูกเรียกเก็บภาษีตอบโต้ในอัตรา 36% และ 32% ตามลำดับ ส่วนประเทศสิงคโปร์ถูกเรียกเก็บภาษีตอบโต้ต่ำสุดในอาเซียนที่อัตรา 10% อย่างไรก็ตาม Reciprocal tariffs ยกเว้นการบังคับใช้กับสินค้าบางประเภท ได้แก่ เซมิคอนดักเตอร์ ยารักษาโรค ไม้แปรรูป ทองแดง ทองคำแท่ง และยกเว้นให้กับสินค้าที่อยู่ภายใต้มาตรา 232 อย่างเหล็ก อะลูมิเนียม รถยนต์และชิ้นส่วน ปัจจุบันมีอัตราภาษีนำเข้าที่ 25%

Reciprocal Tariffs ส่งผลกระทบเชิงลบต่อเศรษฐกิจอาเซียน ตามการพึ่งพาการส่งออกไปยังสหรัฐฯ และการพึ่งพาการส่งออกของเศรษฐกิจแต่ละประเทศ โดยเวียดนามและกัมพูชาเสี่ยงได้รับผลกระทบสูง

  • เวียดนาม: หากการเจรจาการค้ากับสหรัฐฯ ไม่สำเร็จ เวียดนามอาจไม่ดึงดูดเม็ดเงินลงทุนจากต่างชาติได้มากเหมือนที่ผ่านมา และการส่งออกคาดหดตัว กระทบอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ เฟอร์นิเจอร์ สิ่งทอ รองเท้า
  • อินโดนีเซีย: อัตราภาษีกระทบอินโดนีเซียจำกัด ขณะที่ทางการเตรียมแผนเจรจาเพื่อลดทอนผลกระทบต่ออุตสาหกรรมแปรรูปแร่ น้ำมันปาล์ม
  • กัมพูชา: Reciprocal tariffs เสี่ยงกระทบการลงทุนกัมพูชาอย่างมากจากการพึ่งพาทุนจีนในระดับสูง และการส่งออกคาดหดตัว กระทบอุตสาหกรรมสิ่งทอ เสื้อผ้า รองเท้า สินค้าสำหรับการเดินทาง
  • สปป.ลาว: ได้รับผลกระทบทางอ้อมผ่านการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนเป็นหลัก ขณะที่การส่งออกไปสหรัฐฯ ที่ต้องกังวลอยู่ในกลุ่มเสื้อผ้า รองเท้า กาแฟ

อ่านต่อ : https://www.kasikornresearch.com/th/analysis/k-econ/economy/Pages/Asean-Reciprocal-Tariffs-GDP-CIS3575-KR-2025-04-04.aspx