‘เวียดนาม’ พัฒนาทางการเงินร่วมกับออสเตรเลีย ญี่ปุ่นและสิงคโปร์

นาย โฮ ดึก ฟอก (Ho Duc Phoc) รัฐมนตรีกระทรวงการคลังเวียดนาม ได้หารือกับนายจิม ชาลเมอร์ส เหรัญญิกของออสเตรเลีย รวมถึงรัฐมนตรีกระทรวงการคลังของญี่ปุ่น และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง คนที่ 2 ของสิงคโปร์ เมื่อวันที่ 12 พ.ย. เนื่องการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจ APEC ครั้งที่ 30 ณ นครซานฟรานซิสโก รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา โดยการหารือกับออสเตรเลียเกี่ยวกับแผนยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของออสเตรเลียจนถึงปี 2040 และความร่วมมือในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและการเงินที่ยั่งยืน ตลอดจนบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงการคลังเวียดนามและออสเตรเลีย

ในขณะที่รัฐมนตรีกระทรวงการคลังของญี่ปุ่น ได้รับคำแนะนำให้ดำเนินตามกรอบความช่วยเหลือเพื่อการพัฒนาอย่างเป็นทางการ (ODA) ฉบับใหม่ที่ตกลงกันระหว่างการเยือนญี่ปุ่นของนายกฯ รัฐมนตรีเวียดนาม เมื่อเดือน พ.ค.65 นอกจากนี้ รัฐมนตรีของสิงคโปร์กล่าวชื่นชมถึงความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างสองประเทศที่มุ่งไปทึ่ความร่วมมือทางการเงิน ศุลกากรทางอิเล็กทรอนิกส์ และการจัดการตลาดหลักทรัพย์

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/vietnam-advances-financial-cooperation-with-australia-japan-singapore/271201.vnp

‘Fitch Ratings’ มองเศรษฐกิจเวียดนามเติบโตเชิงบวก

สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือ ‘ฟิทช์ เรทติ้งส์’ (Fitch Ratings) คาดว่าการเติบโตของเศรษฐกิจเวียดนามปี 2567 ขยายตัวที่ 6.3% และ 7.0% ในปี 2568 ในขณะที่ผู้เชี่ยวชาญมองว่าปัจจัยพื้นฐานของเศรษฐกิจเวียดนามในระยะกลางยังคงอยู่ในระดับที่ดีและคงรักษาการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ต่อเนื่อง ทั้งนี้ จากตัวเลขสถิติของสถาบันจัดอันดับ พบว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ของเวียดนามในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา ชะลอตัวลง 4.3% ท่ามกลางอุปสงค์จากต่างประเทศที่อ่อนแอ รวมถึงปัญหาในภาคอสังหาริมทรัพย์ที่ยังยืดเยื้อ นอกจากนี้ ภาวะเงินเฟ้อที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลกระทบต่อการพัฒนาประเทศ และยังส่งผลให้ธนาคารกลางหลายแห่งดำเนินนโยบายการเงินแบบเข้มงวดและการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

ที่มา : https://dtinews.dantri.com.vn/en/news/017/86307/fitch-ratings-remains-optimistic-about-vietnam-s-economic-growth.html

Moc จับมือบริษัทยักษ์ใหญ่ด้าน IT จากจีน หวังกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจกัมพูชา

กระทรวงพาณิชย์กัมพูชา (MoC) ร่วมมือกับบริษัทชั้นนำของจีนอย่าง บริษัท Converge Cloud Co., Ltd. หวังดันการเติบโตทางเศรษฐกิจของกัมพูชาและส่งเสริมทรัพยากรมนุษย์ในด้านเทคโนโลยีดิจิทัล นำโดย Someth Somnea ปลัดกระทรวงกระทรวงการต่างประเทศ ในระหว่างการเป็นประธานในพิธีเปิดตัวบริษัท Converge Cloud ณ กรุงพนมเปญ เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (3 พ.ย.) ซึ่งรัฐบาลพร้อมที่จะส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีคลาวด์ให้เกิดการแพร่หลายและส่งเสริมการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลในประเทศอย่างมีประสิทธิภาพ โดยปัจจุบันบริษัทมีบริษัทคลาวด์รายใหญ่ อย่างเช่น Google, Amazon, Huawei, Alibaba, Tencent, Basihan และ Azure เป็นหลัก ร่วมถึงรัฐบาลให้ความสำคัญด้านอีคอมเมิร์ซ วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม ที่เป็นก้าวสำคัญต่อไปในการเร่งความร่วมมือในระดับทวิภาคี พร้อมทั้งสะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของเศรษฐกิจดิจิทัลต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501387364/moc-join-hands-with-chinese-it-firms-to-boost-economic-growth/

‘เศรษฐกิจเวียดนาม’ อาจโตไม่ถึง 6.5% ตามที่ตั้งเป้าไว้

นายฝ่าม มิงห์ จิ๋งห์ นายกรัฐมนตรีเวียดนาม ได้กล่าวปราศรัยในการประชุมของรัฐสภา เมื่อวันที่ 23 ต.ค.66 ว่าเวียดนามตั้งเป้าหมายการเติบโตทางเศรษฐกิจมากกว่า 5% ในปีนี้ ในขณะที่หน่วยงานภาครัฐให้คำมั่นว่าเศรษฐกิจจะขยายตัวที่ 6.5%

ทั้งนี้ ในเดือน ก.ย. กระทรวงการวางแผนและการลงทุน (MPI) ได้เสนอสมมุติฐานของสถานการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจไว้ 3 กรณี และพบว่าในกรณีที่ดีที่สุด เพื่อให้เศรษฐกิจขยายตัวที่ 6% ในปี 2566 เวียดนามจำเป็นที่จะต้องให้เศรษฐกิจในไตรมาสที่ 4 ของปีนี้ ขยายตัว 10.6% ซึ่งนับเป็นอัตราการเติบโตสูงในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา ดังนั้น หากเศรษฐกิจเวียดนามไม่สามารถบรรลุตามที่ตั้งเป้าไว้ที่ 6.5% ก็ไม่น่าแปลกใจ

ที่มา : https://vietnamnet.vn/en/vietnam-s-economy-6-5-growth-rate-target-maybe-unattainable-2210345.html

‘สื่อนอก’ ชี้เวียดนามเป็นหนึ่งในประเทศที่เศรษฐกิจโตเร็วที่สุด

สำนักข่าวต่างประเทศเอเชีย ไทมส์ (Asia Times) ได้ตีพิมพ์บทความเกี่ยวกับการประเมินทางด้านเศรษฐกิจในหัวข้อ ‘เสือเศรษฐกิจเวียดนาม’ ท่ามกลางการแพร่ระบาดของโควิด-19 และความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน ที่ทวีความรุนแรงสูงขึ้น

ทั้งนี้ จากบทความชี้ให้เห็นว่าอันดับการค้าของเวียดนามในตลาดสหรัฐฯ ได้ก้าวกระโดดจนแซงเกาหลีใต้ ขึ้นมาอยู่อันดับที่ 6 ในปีที่แล้ว ซึ่งการเพิ่มขึ้นในครั้งนี้ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของกลยุทธ์ทางเศรษฐกิจเวียดนาม เนื่องจากสัดส่วนการส่งออกที่มีมูลค่ามากที่สุดไปยังตลาดสหรัฐฯ ไม่ใช่สิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มอีกต่อไป แต่กลับกลายมาเป็นสินค้าที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง รวมไปถึงเวียดนามส่งเสริมการสร้างแบรนด์เป็นของตัวเอง และบริษัทยักษ์ใหญ่ของโลก อาทิเช่น ‘Apple’ ได้ย้ายฐานการผลิตออกจากจีนไปเวียดนาม และบริษัทอัมกอร์ เทคโนโลยี ของสหรัฐฯ ลงทุนก่อสร้างโรงงานเซมิคอนดักเตอร์ มูลค่า 1.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

ที่มา : https://vietnamnet.vn/en/vietnam-among-fastest-growing-economies-asia-times-2210814.html

‘สมาชิกสภาแห่งชาติลาว’ ขอรัฐบาลเพิ่มความเข้มงวดในการจัดการเงินตราต่างประเทศ

สมาชิกสภาแห่งชาติลาว กล่าวในการประชุมสามัญครั้งที่ 6 ขอให้รัฐบาล สปป.ลาว เพิ่มความเข้มงวดในการจัดการสกุลเงินต่างประเทศ เพื่อลดอัตราเงินเฟ้อ ควบคุมอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศที่ไม่เอื้ออำนวย โดยขอให้รัฐบาลดำเนินการควบคุมการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศอย่างใกล้ชิดยิ่งขึ้น ควรทำผ่านการบังคับใช้กฎหมายที่เข้มงวดและการตรวจสอบการใช้สกุลเงินต่างประเทศโดยผู้นำเข้าและผู้ส่งออก การชำระค่าสินค้านำเข้าควรดำเนินการผ่านระบบธนาคาร และควรเก็บบันทึกรายรับที่เป็นสกุลเงินต่างประเทศและการโอนไปยังประเทศอื่น อีกทั้งยังเสนอแนะว่าควรมีการควบคุมการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศนอกระบบธนาคารให้เข้มงวดมากขึ้น เนื่องจากร้านแลกเงินเอกชนบางแห่งยังคงเปิดดำเนินการผ่านระบบออนไลน์อยู่ รวมถึงยังขอให้รัฐบาลให้ความสำคัญกับการจัดเก็บรายได้ ควบคุมการใช้จ่ายในโครงการพัฒนาและการชำระหนี้ ตลอดจนเพิ่มผลผลิตในประเทศเพื่อทดแทนสินค้านำเข้า

ที่มา : https://english.news.cn/20231102/03a14c21757f49faac6caa12a1d0f976/c.html

‘ภาคบริการ’ เป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนการเติบโตของเศรษฐกิจ สปป.ลาว

คำเจน วงโพสี รัฐมนตรีกระทรวงการวางแผนและการลงทุน สปป.ลาว เผยอัตราการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของ สปป.ลาว ในช่วงเก้าเดือนแรกของปี 2566 ขยายตัว 4.4% โดยการค้าส่งและค้าปลีก การขนส่ง และการบริการที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว ถือเป็นธุรกิจที่มีผลประกอบการดีที่สุด ทำให้ภาพรวมเศรษฐกิจภาคบริการขยายตัว 5.6% ซึ่งมีส่วนทำให้ GDP สปป.ลาว ขยายตัวได้ ทั้งนี้ การจัดเก็บภาษี ขยายตัว 3.9%, ภาคการผลิตอุตสาหกรรม ขยายตัว 3.5% ภาคเกษตรกรรมและการป่าไม้ ขยายตัว 3.4% นอกจากนี้ รัฐมนตรีฯ ได้กล่าวเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการรักษาเสถียรภาพทางการเมืองที่แข็งแกร่งและความสงบเรียบร้อยทางสังคม ทั้งนี้ ในปี 2567 คาดว่าภาคอุตสาหกรรมจะมีอัตราการเติบโตสูงสุดที่ 5% ตามมาด้วยภาคบริการ ขยายตัว 4.8% ภาษีและศุลกากร ขยายตัว 3.9% และภาคเกษตรกรรม ขยายตัว 2.6% หากบรรลุเป้าหมายเหล่านี้ GDP สปป.ลาว ปี 2567 จะมีมูลค่า 293,786 พันล้านกีบลาว รายได้เฉลี่ยต่อหัวต่อปี 1,787 ดอลลาร์สหรัฐ

ที่มา : https://english.news.cn/20231102/f12f1f851a9440fc92b266c671b19d89/c.html

คาด GDP ต่อหัวของกัมพูชาพุ่งแตะ 2,071 ดอลลาร์ ภายในปีหน้า

คาด GDP ต่อหัวของกัมพูชาจะอยู่ที่ 2,071 ดอลลาร์ ภายในปี 2024 เพิ่มขึ้นจากประมาณ 1,917 ดอลลาร์ ในปี 2023 ตามรายงานจากกระทรวงเศรษฐกิจและการคลัง โดยเฉพาะในภาคการผลิตเสื้อผ้าสำเร็จรูป การท่องเที่ยว การก่อสร้าง และการเกษตร สำหรับการเติบโตทางเศรษฐกิจของกัมพูชาคาดว่าจะเติบโตร้อยละ 6.6 ในปีหน้า เพิ่มขึ้นจากประมาณร้อยละ 5.6 ในปีนี้ ขณะที่ประเทศกลุ่มที่มีรายได้ในระดับปานกลางมี GDP ต่อหัวอยู่ระหว่าง 4,466 ดอลลาร์ถึง 13,845 ดอลลาร์ ในขณะที่ประเทศที่มีรายได้สูงมี GDP ต่อหัวที่ 13,846 ดอลลาร์หรือมากกว่านั้น ตามการจัดประเภทของธนาคารโลก (World Bank) ขณะเดียวกันนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ฮุน มาเนต กล่าวเสริมว่า อัตราความยากจนของกัมพูชาลดลงอย่างน่าทึ่งจากร้อยละ 33.8 เหลือร้อยละ 17.8 ของประชากร ภายในช่วงระยะเวลา 10 ปี นับตั้งแต่ปี 2009 เป็นต้นมา โดยปัจจุบันกัมพูชามีประชากรประมาณ 17 ล้านคน

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501383721/cambodias-gdp-per-capita-to-reach-2071-next-year-report/

สปป.ลาว พิจารณาปรับอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มเป็น 10% ภายในปี 2567

กระทรวงการคลัง สปป.ลาว กำลังพิจารณาเพิ่มอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) จาก 7% เป็น 10% เพื่อเพิ่มรายได้ของรัฐบาลและสนับสนุนเศรษฐกิจ ซึ่งอัตราดังกล่าวจะเท่ากับอัตราเดิมที่เคยบังคับใช้ในช่วงปี 2553-2564 โดยกระทรวงการคลังได้ชี้ให้เห็นปัจจัยหลายประการที่เอื้อต่อการปรับขึ้นอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม รวมถึงข้อเท็จจริงที่ว่ามูลค่าปัจจุบันยังไม่มีประสิทธิผลในการกระตุ้นเศรษฐกิจตามที่คาดการณ์ไว้ ขณะนี้จำนวนธุรกิจที่จดทะเบียนภายใต้กฎหมายภาษีมูลค่าเพิ่มมีจำนวนต่ำกว่าคาดการณ์และรัฐบาลจำเป็นต้องเพิ่มรายได้เพื่อลดการขาดดุลงบประมาณ และทำให้สกุลเงินกีบมีเสถียรภาพ ตามการระบุของฝ่ายการเงินของรัฐบาล ทั้งนี้ ร่างกฎหมายใหม่เพื่อเพิ่มอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม คาดว่าจะแล้วเสร็จในปีนี้ และมีผลบังคับใช้ในต้นปี 2567 นอกจากการปรับขึ้นอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว ยังพิจารณามาตรการอื่นๆ เพื่อปรับปรุงระบบภาษีของประเทศ รวมถึงการเร่งพัฒนากลไกในการคืนภาษีให้กับธุรกิจที่จ่ายไปแทนการยกเว้นภาษี ซึ่งจะช่วยลดปริมาณการสูญเสียทางการเงินของรัฐบาลผ่านการยกเว้นภาษีพร้อมทั้งให้การสนับสนุนธุรกิจในท้องถิ่น
ที่มา : https://laotiantimes.com/2023/10/27/laos-considers-raising-vat-rate-to-boost-revenue/

‘Seeking Alpha’ เผยเศรษฐกิจเวียดนาม โตแรงสุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รอบ 10 ปี

จากข้อมูลบนเว็บไซต์ Seeking Alpha ของสหรัฐฯ เปิดเผยว่าเวียดนามมีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจสูงที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ในขณะที่เศรษฐกิจในไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ ขยายตัว 5.3% โดยได้แรงหนุนจากภาคครัวเรือนที่นำเงินออมที่เก็บสะสมในช่วงการระบาดโควิด-19 ออกมาใช้ อย่างไรก็ตามเวียดนามยังคงเผชิญความผันผวนจากสถานการณ์โลกในปัจจุบัน

ทั้งนี้ สถานการณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์ที่เอื้ออำนวยและการปรับลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางเวียดนาม ช่วยส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจและผลักดันให้เวียดนามเป็นตลาดที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดในภูมิภาค ถึงแม้ว่าภาวะการค้าของเวียดนามจะปรับตัวลดลงและความกดดันของเงินเฟ้อที่สูงขึ้น แต่ว่าการเติบโตของเศรษฐกิจเวียดนามก็กลับไม่ได้ลดลง มีแต่จะเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ที่มา : https://english.vov.vn/en/economy/vietnam-posts-highest-gdp-growth-in-southeast-asia-in-past-decade-us-website-post1055494.vov