สปป.ลาวรับทุนจากสหรัฐฯ สนับสนุนการวิจัยด้านโภชนาการในสปป.ลาว
บริการบรรเทาทุกข์คาทอลิก (CRS) และกระทรวงสาธารณสุขได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจสำหรับโครงการสร้างขีดความสามารถในการวิจัยโภชนาการประยุกต์ (ANRCB) โครงการนี้ได้รับทุนจากหน่วยงานเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศแห่งสหรัฐอเมริกา (USAID) ผ่านโครงการ LASER PULSE ที่นำโดยมหาวิทยาลัย Purdue ซึ่งจะทำการวิจัยเพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหาภาวะทุพโภชนาการใน สปป. ลาว สปป.ลาวยังคงมุ่งมั่นที่จะปรับปรุงโภชนาการและความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชน และโครงการใหม่นี้จะระบุแนวทางใหม่ในการปรับปรุงชีวิตของผู้คนให้ความมั่นคงด้านอาหารมากขึ้นซึ่งเป็นปัญหาสำคัญและความท้าทายของรัฐบาลสปป.ลาวในปัจจุบันและอนาคต
ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Laos_109.php
มูลนิธิจีเอ็กซ์ มอบเวชภัณฑ์แก่สปป.ลาวเพื่อรับมือโควิด
มูลนิธิจีเอ็กซ์ ได้มอบเวชภัณฑ์มูลค่ากว่า 1 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อสนับสนุนการตอบสนองต่อการระบาดของโควิด-19 ของสปป.ลาว ดร.กิเคโอะ ประธานหน่วยเฉพาะกิจด้านการป้องกันและควบคุมโรคโควิด-19 แห่งชาติ กล่าวว่า “สิ่งของที่ได้รับบริจาคจำเป็นต่อการช่วยป้องกันการแพร่กระจายของโควิด-19 และจะปกป้องบุคลากรทางการแพทย์ในระหว่างการทำงาน” การบริจาคสะท้อนให้เห็นถึงความร่วมมือระหว่างสปป.ลาวและจีนภายใต้โครงการ Belt and Road Initiative
ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_GX_108.php
รัฐบาลสปป.ลาวห้ามนำเข้าวัคซีนโควิดในเชิงพาณิชย์
อธิบดีกรมอนามัยและส่งเสริมสุขภาพ สังกัดกระทรวง ชี้แจงเหตุผลในการห้ามเอกชนซื้อขายวัคซีนในเชิงพาณิชย์ “รัฐบาลเข้าใจความกังวลของสาธารณชนเกี่ยวกับการขาดแคลนวัคซีนแต่ถึงแม้จะมีความต้องการเพิ่มขึ้น รัฐบาลมีความเชื่อมันว่าสต็อกของรัฐบาลเพียงพอแล้วและคาดว่าจะมีการส่งมอบวัคซีนเพิ่มเติมในอนาคตอันใกล้นี้” อย่างไรก็ตาม รัฐบาลอนุญาตให้หน่วยงานเอกชนซื้อวัคซีนเพื่อใช้เองได้ โดยเอกชนสามารถนำเข้ามาเพื่อฉีดให้กับพนักงงานตนเองโดยห้ามมีการค้าในเชิงพาณิชย์ การดำเนินนโยบายดังกล่าวจะทำให้เป้าหมายในการฉีดวัคซีนให้ครอบคุลมร้อยละ 50 ของประชากรสปป.ลาว ในปี 64 ประสบความสำเร็จ ทั้งนี้การเข้มงวดในการกำกับดูแลวัคซีนเป็นสิ่งสำคัญที่รัฐบาลต้องโปร่งใสและจริงจังเพื่อลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงวัคซีนของประชากรในปรเทศ
ที่มา :https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Govt107.php
ท่าเรือแห้งธนาเล้ง เวียงจันทน์ โลจิสติกส์ พาร์ค สนับสนุนการเชื่อมโยงด้านโลจิสติกส์
ท่าเรือแห้งทนาเล็ง (TDP) และเวียงจันทน์โลจิสติกส์พาร์ค (VLP) โครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่สองโครงการได้รับการจัดตั้งขึ้นเพื่อสนับสนุนความพยายามของรัฐบาลสปป.ลาวในการเปลี่ยนสปป.ลาวให้กลายเป็นจุดเชื่อมโยงด้านโลจิสติกส์และประเทศที่เชื่อมโยงทางบกภายในภูมิภาคเอเชี่ยตะวันออกเฉี่ยงใต้ ท่าเรือแห้งทนาเล็งเป็นเป้าหมายที่สำคัญในการขับเคลื่อนตามยุทธศาสตร์ลอจิสติกส์แห่งชาติของสปป.ลาวตั้งแต่ปี 2559 ถึง 2568 โครงการนี้มีแผนที่จะเชื่อมโยงกับเส้นทางการค้าทางทะเล สนามบิน และทางรถไฟ ดังนั้นโครงการนี้จะช่วยสนับสนุนและเพิ่มศักยภาพทางการค้าและการลงทุนสูงสุดของสปป.ลาว ในอนาคตอันใกล้ โครงการนี้มีแผนที่จะเชื่อมโยงกับท่าเรือหวุงอังในจังหวัดห่าติ๋งตอนกลางของเวียดนาม ซึ่งรัฐบาลสปป.ลาวและเวียดนามได้ตกลงที่จะร่วมกันพัฒนาเพื่อผลประโยชน์สูงสุดของทั้งสองประเทศ
ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Thanaleng_105.php
นายกฯ สปป.ลาว เรียกร้องให้ทุกภาคส่วนสร้างโอกาสในการพัฒนาเยาวชน
วันเด็กโลกในวันที่ 1 มิถุนายนนายกรัฐมนตรีได้เน้นย้ำถึงความจำเป็นในการเรียกร้องให้ทุกภาคส่วนของสังคมร่วมมือกันสร้างเงื่อนไขและโอกาสที่เอื้อต่อการพัฒนาเด็ก สร้างเงื่อนไขดังกล่าวเพื่อให้เด็กลาวสามารถเติมเต็มศักยภาพในการพัฒนาและการเติบโตเป็นทรัพยากรบุคคลที่มีคุณภาพสำหรับประเทศ นายกรัฐมนตรียังได้กล่าวว่าทรัพยากรที่มีอยู่ทั้งหมดจะถูกนำไปใช้เพื่อพัฒนาเด็กหลากหลายเชื้อชาติของสปป.ลาวจนถึงปี 2573 ตามแผนงาน ในขณะเดียวกันก็มุ่งมั่นที่จะบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน
ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_PM104.php
บริษัท สปป.ลาวและจีนลงนามร่วมมือส่งเสริมการค้าขายสินค้าเกษตร
ข้อตกลงความร่วมมือระหว่าง AIDC Trading Sole Co Ltd และ Zhengzhou City Grain and Oil Industry Co Ltd ได้ลงนามในเวียงจันทน์เมื่อวันศุกร์ระหว่างการประชุมทางวิดีโอ ภายใต้เงื่อนไขของข้อตกลง AIDC Trading จะส่งออกสินค้าเกษตร 9 ประเภทไปยังประเทศจีน ได้แก่ ถั่วลิสง ตันมันสำปะหลัง ตันเนื้อแช่แข็งและแห้ง ตันเม็ดมะม่วงหิมพานต์ ตันทุเรียน ตันกล้วย ตันมะม่วง ตันถั่วเหลือง ตันและ ตัน น้ำตาล จากผลของการลงนามจะทำให้การส่งออกโดยรวมกันของทั้ง 9 สินค้าในช่วง 5 ปีตั้งแต่ปี 2564 ถึง 2569 จะมีมูลค่าถึง 1.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ ความร่วมมือนี้จะช่วยปรับปรุงสภาพความเป็นอยู่ของหลายร้อยครอบครัวมีส่วนช่วยให้รัฐบาลมีรายได้และพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานสำหรับชุมชนท้องถิ่น
ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Laoand_103.php