“เวียดนาม” เผยภาคเครื่องนุ่งห่ม จำเป็นต้องได้รับการสนับสนุน FDI เหตุบรรลุเป้าส่งออก

ภาคอุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มในชุมชน มีความต้องการเม็ดเงินทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ที่ไหลเข้าสู่กระบวนการผลิตผ้า เส้นด้ายและวัตถุดิบอื่นๆ เนื่องจากธุรกิจต้องการได้รับสิทธิประโยชน์ทางด้านการส่งออกจากข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) โดยจากข้อมูลของกระทรวงวางแผนและการลงทุน เปิดเผยว่าอุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม มีจำนวนโครงการ FDI ทั้งสิ้น 2,787 โครงการ คิดเป็นมูลค่า 31.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ณ 18 พ.ค.) ทั้งนี้ ผู้เชี่ยวชาญในธุรกิจเครื่องนุ่งห่ม กล่าวว่าโครงการ FDI มีส่วนร่วมในการเพิ่มกำลังการผลิตและขนาดการส่งออกของอุตสาหกรรมนี้ หากพิจารณามูลค่าการส่งออก จะพบว่าเพิ่มขึ้นจาก 36 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2561 มาอยู่ที่ 40.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2564 คิดเป็นสัดส่วนราว 60% ของมูลค่าการส่งออกรวม

ที่มา : https://english.vov.vn/en/economy/garment-sector-requires-greater-fdi-for-export-target-fulfilment-post965641.vov

ราคากาแฟโลก พุ่ง! ท่ามกลางอุปทานของกาแฟเวียดนามลดลง

ผลสำรวจความคิดเห็นของผู้ค้ากาแฟ ซึ่งจัดทำโดย Bloomberg คาดการณ์ไว้ว่าสต็อกของวัตถุดิบจะลดลงครึ่งหนึ่งภายในสิ้นเดือนก.ย. เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ในขณะที่ฝั่งด้านผลผลิต เวียดนามจะก้าวขึ้นมาเป็นผู้ส่งออกกาแฟโรบัสตารายใหญ่ที่สุดของโลกและผู้ผลิตกาแฟรายใหญ่อันดับ 2 ของโลก ทั้งนี้ ปริมาณสำรองที่ลดลงและช่วงเวลาที่ไม่เหมาะกับการเก็บเกี่ยวพืชผล แต่สถานการณ์การบริโภคกาแฟทั่วโลกเริ่มกลับมาฟื้นตัวอีกครั้ง หลังการระบาดปรับตัวลดลง ด้วยเหตุนี้ พันธุ์กาแฟโรบัสต้า (Robusta) ที่ถูกนำมาใช้โดยบริษัทกาแฟรายใหญ่ของโลก ได้แก่ เนสท์เล่ และเอสเพรสโซ่ เบลนด์ จะกลับมาเริ่มดำเนินกิจการ

ที่มา : https://laotiantimes.com/2022/08/25/global-coffee-prices-to-rise-amid-drop-in-vietnam-supply/

หนี้สาธารณะเวียดนาม ลดฮวบ!

กระทรวงการคลังเวียดนาม เปิดเผยว่าหนี้สาธารณะของเวียดนามอยู่ที่ 157 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2564 หรือคิดเป็นสัดส่วน 43.1% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ถือว่าอยู่ในระดับต่ำกว่า 62.2% ในปี 2559 และยังต่ำกว่าที่รัฐบาลตั้งเป้าไว้ โดยในช่วงปี 2560-2564 อัตราภาระหนี้ต่อ GDP ลดลง 12.6% ตามมาด้วยหนี้ที่รัฐบาลค้ำประกัน ลดลง 5.3% และหนี้ของจังหวัด ลดลง 0.5% ในขณะที่อัตราหนี้ต่างประเทศต่อ GDP ลดลงจาก 49% มาอยู่ที่ 38.4% และหนี้ในประเทศเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว อยู่ที่ 67.2% ของหนี้ภาครัฐทั้งหมด ทั้งนี้ ภาระหนี้ที่เพิ่มขึ้น ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการระดมเงินทุน โดยการออกพันธบัตรในประเทศ ตลอดจนการระดมทุนผ่านความช่วยเหลือด้านการพัฒนาอย่างเป็นทางการ (ODA) และเงินให้กู้ยืมจากต่างประเทศ

ที่มา : https://english.thesaigontimes.vn/vietnams-public-debt-drops-sharply/

ภาคการท่องเที่ยวเวียดนามฟื้นตัว ดันเศรษฐกิจฟื้นฟูหลังโควิด-19

สำนักข่าวสิงคโปร์ The Business Times of Singapore เปิดเผยว่าภาคการท่องเที่ยวของเวียดนามคาดว่าจะขยายตัวอย่างแข็งแกร่งในอีก 5 ปีข้างหน้า โดยจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางมายังเวียดนามจะอยู่ในระดับก่อนเกิดการแพร่ระบาด ภายในปี 2567 ทั้งนี้ ศูนย์วิจัย Fitch Solutions ชี้ว่าภาคการท่องเที่ยวของเวียดนามจะทำรายได้ราว 11.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2567 ซึ่งมีมูลค่าเกินกว่า 10.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2562 ก่อนที่จะมีการแพร่ระบาดของโควิด-19 นอกจากนี้แล้ว คุณ Noemi Perez ผู้จัดการโรงแรมมีเลีย บา วี เมาน์เทน รีทรีท ประเทศเวียดนาม กล่าวว่าการตอบสนองนโยบายของรัฐที่มีความยืดหยุ่น ช่วยให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาประเทศมากขึ้นและยังสร้างการอำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยว รวมถึงสภาพแวดล้อมที่มีความปลอดภัยและมีสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/tourism-rebound-drives-vietnams-postpandemic-economic-recovery-singaporean-daily/236149.vnp

“เซ็นทรัล” ตั้งเป้าขยายการลงทุนในเวียดนาม

ตามรายงานของ Nikkei Asia ระบุว่ากลุ่มบริษัทค้าปลีกของไทยอย่างเซ็นทรัล กรุ๊ป (Central Group) วางแผนที่จะขยายการดำเนินธุรกิจทั้งในประเทศและประเทศเพื่อนบ้าน “เวียดนาม” รวมถึงคาดหวังว่าจะได้รับอุปสงค์เพิ่มขึ้นหลังสิ้นสุดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทั้งนี้ เซ็นทรัล รีเทล (Central Retail) เป็นธุรกิจค้าปลีกหลักของกลุ่มบริษัท ได้จัดสรรเงินจำนวนกว่า 30 พันล้านบาท เพื่อลงทุนในเวียดนาม โดยตั้งเป้าว่าจะเพิ่มยอดขาย 100 พันล้านบาทในอีก 5 ปีข้างหน้า จากเดิมยอดขายในปัจจุบันอยู่ที่ 38.6 พันล้านบาท ในขณะที่มุมมองของนักวิเคราะห์ คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจเวียดนามจะฟื้นตัวหลังสิ้นสุดการแพร่ระบาด ทำให้ภาคการค้าปลีกของประเทศขยายตัว 9% ต่อปี คิดเป็นมูลค่าราว 150 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

ที่มา : https://vietnamnet.vn/en/thailand-s-central-group-plans-to-expand-investment-in-vietnam-2052347.html

“เวียดนาม” มาแรง! ขึ้นแท่นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวโตเร็วที่สุดในโลก

จากข้อมูลของสำนักงานการท่องเที่ยวแห่งชาติเวียดนาม (VNAT) ระบุว่าเวียดนามยังคงเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวชั้นนำที่มีการเติบโตเร็วที่สุดในโลก หากพิจารณาในช่วง 7 เดือนแรกของปีนี้ จะเห็นได้ว่าเวียดนามดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติ จำนวน 954,000 คน เพิ่มขึ้น 9 เท่าจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว และมีอัตราการขยายตัวของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเฉลี่ย 62% ต่อเดือนในช่วงเดือน ม.ค.-ก.ค. ซึ่งนักท่องเที่ยวต่างชาติส่วนใหญ่มาจากเอเชียแปซิฟิก รวมถึงกลุ่มประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวเกาหลีใต้เป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติรายใหญ่ที่สุดของเวียดนาม ทั้งนี้ ดัชนีการพัฒนาการเดินทางและการท่องเที่ยว แสดงให้เห็นอันดับของเวียดนามในปี 2564 ขยับเลื่อนดีขึ้น 8 อันดับ ด้วยดัชนีชี้วัดหลัก 6 จาก 17 ตัวที่ได้รับการจัดอันดับให้อยู่ในอันดับต้นๆ ของโลก

ที่มา : https://vietnamnet.vn/en/vietnam-among-destinations-with-fastest-tourism-growth-in-the-world-2052341.html