JICA ปล่อยเงินกู้ให้เมียนมา 280 ล้านดอลลาร์เพื่อสู้กับวิกฤติ COVID-19
รัฐบาลเมียนมาและองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น (JICA) ได้ลงนามในสัญญาเงินกู้มูลค่า 30 พันล้านเยน (280 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ในเนปยีดอเมื่อวันอังคารที่ 1 กันยายน 2563 เพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจตามแผนบรรเทาเศรษฐกิจ COVID-19 (CERP) และนโยบายที่เกี่ยวข้องสำหรับการลงทุนและการส่งเสริมการค้ารวมทั้งการเสริมสร้างความเข้มแข็งทางการเงิน ซึ่งตามแผน CERP คาดว่าจะมีการกู้เงินมาเพื่อใช้ตามแผนมูลค่ารวม 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ครั้งนี้ถือเป็นมาตรการที่สองของ JICA ซึ่งในเดือนมิถุนายน 63 ที่ผ่านมาได้เปิดตัวโครงการจัดหาเงินทุนสำหรับ SME มูลค่า 5,000 ล้านเยน เมื่อสัปดาห์ที่แล้วสหภาพยุโรปและเมียนมาได้ลงนามข้อตกลงด้านการเงินเพื่อสนับสนุนภาคการเกษตรและโภชนาการ โดยจะลงทุน 180 พันล้านจัตในอีก 5 ปีข้างหน้าเพื่อส่งเสริมการดำเนินงานของกระทรวงเกษตรปศุสัตว์และการชลประทาน
ที่มา: https://www.mmtimes.com/news/jica-gives-myanmar-280m-loan-budget-support.html
รัฐบาลเมียนมาตั้งเป้า GDP โต 6% ในปีงบประมาณ 63-64
รัฐสภาได้อนุมัติกฎหมายการวางแผนแห่งชาติสำหรับปีงบประมาณ 63-64 ซึ่งคาดว่าเศรษฐกิจจะเติบโตในอัตราร้อยละ 6 จากการคาดการณ์ของปีงบประมาณ 62-63 จะขยายตัวร้อยละ 7แต่เนื่องจากการระบาดของ COVID-19 คาดว่าจะเติบโตเพียงร้อยละ 4.3 ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการระบาดของ COVID-19 ธนาคารโลกคาดการณ์ว่า GDP ของเมียนมาจะเติบโตร้อยละ 7.2 ในปี 63-64 ขณะที่ธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชียการคาดการณ์ไว้ที่ร้อยละ 6 ภาคการผลิตไฟฟ้าคาดว่าจะเติบโตมากที่สุดร้อยละ 12.7 ในปีงบประมาณหน้า ส่วนที่สามารถเห็นการเติบโตได้คือการสื่อสาร การธนาคารและการเงินการ ขนส่ง และการก่อสร้าง ด้านการค้าคาดว่าจะเติบโตขึ้นด้วยการส่งออกรวม 16.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐและการนำเข้าจะสูงถึง 18.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐทำให้ขาดดุลการค้า 34,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ที่มา: https://www.mmtimes.com/news/govt-targets-6-gdp-growth-2020-21.html
การพัฒนาโครงการอุตสาหกรรมของเกาหลีเริ่มธันวาคม 63
จากข้อมูลของ Korea Land and Housing Corporation จากเกาหลีใต้โครงการ Construction of the Korea-Myanmar Industrial Complex (KMIC) คาดว่าจะสร้างด้วยการลงทุนมูลค่า 4.7 พันล้านเหรียญสหรัฐ สามารถสร้างงานให้ชาวเมียนมามากกว่าครึ่งล้านคนเพื่อสนับสนุนการพัฒนาของเมียนมา KMIC เป็นโครงการระดับรัฐบาลซึ่งเป็นโครงการแรกระหว่างสองประเทศ ภายใต้การร่วมทุนระหว่าง Korea Land and Housing Corp, Global SAE-A Co Ltd และกระทรวงการก่อสร้างจะได้รับการพัฒนาบนพื้นที่ 556 เอเคอร์ในหมู่บ้านญองเนาบีน ในเมืองแลกูของย่างกุ้ง Korea Land & Housing Corporation จะถือหุ้นร้อยละ 40 ในโครงการในขณะที่ Global SAE-A Co จะถือหุ้นร้อยละ 20 เฟสแรกจะดำเนินการบนพื้นที่ 315 เอเคอร์ โดยเกี่ยวข้องกับสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับอาหารและเครื่องดื่ม การผลิตแบบสั่งตัด (CMP) โลจิสติกส์และคลังสินค้า เฟสที่สองจะมีพื้นที่ 240 เอเคอร์ เน้นใช้ผลิตวัสดุก่อสร้างอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์ โดยเขตอุตสาหกรรมทั้งหมดจะเสร็จสมบูรณ์ในปี 2565 ในขณะเดียวกันกระทรวงการก่อสร้างจะพัฒนาถนนวงแหวนรอบนอกและจัดหาไฟฟ้าและน้ำเข้าเพื่อให้ถึงเขตอุตสาหกรรมด้วยเงินกู้ 70 ล้านดอลลาร์สหรัฐจากกองทุนความร่วมมือเพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจเกาหลีใต้ ซึ่งได้รับเงินทุนแล้ว 62 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ทั้งนี้ KMIC จะร่วมมือกับสถาบันของรัฐบาลเกาหลีเพื่อสนับสนุนธุรกิจต่างๆ ด้วยบริการให้คำปรึกษาและการเข้าถึงแหล่งเงินทุน และจะร่วมมือกับรัฐบาลเมียนมาเพื่อดำเนินการศูนย์บริการแบบครบวงจรสำหรับนักลงทุนอีกด้วย ขณะเดียวกันกำลังเร่งดำเนินการก่อสร้างสะพานดาหลาในย่างกุ้งเพื่อให้แล้วเสร็จภายในกรอบเวลาที่กำหนดไว้แม้จะจะมีการระบาดของ COVID-19 ก็ตาม สะพานแห่งนี้หรือที่เรียกว่าสะพานมิตรภาพเมียนมา – เกาหลีคาดว่าจะมีมูลค่า 168 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (257 พันล้านจัต) จะเชื่อมระหว่างเมืองดาลาข้ามแม่น้ำย่างกุ้งไปยังตัวเมืองย่างกุ้งเริ่มก่อสร้างในเดือนพฤษภาคม 62 และมีกำหนดแล้วเสร็จในเดือนตุลาคม 65
ที่มา: https://www.mmtimes.com/news/development-korean-industrial-project-begin-december.html
ตลาดอัญมณีโม่โกะกลับมาเปิดอีกครั้งหลังปิดนาน 2 เดือน
Mogok Htar Pwe ตลาดขนาดเล็กแบบดั้งเดิมที่ค้าขายอัญมณีของชาวโม่โกะ (Mogok) ได้กลับมาเปิดตามปกติตั้งแต่เดือนมิถุนายน 63 หลังจากถูกปิดเป็นเวลาสองเดือนเนื่องจากการระบาดของ Covid-19 ซึ่งได้รับการอนุญาตของเทศบาล โดยจะมีการวางสบู่ล้างมือ อ่างสำหรับล้างมือและตรวจสอบว่าผู้สวมหน้ากากอนามัยหรือไม่ ตลาดอัญมณีถูกระงับตั้งแต่วันที่ 24 มีนาคม 63 และเปิดทำการอีกครั้งในวันที่ 1 มิถุนายน 63 จะเปิดทำการตั้งแต่เวลา 12.30-16.00 น. ชาวบ้านได้รับผลกระทบในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมาเนื่องจากทั้งเมืองต้องพึ่งพาธุรกิจนี้ ซึ่งกฎหมายการขุดอัญมณีขนาดเล็กและการยังชีพซึ่งได้รับการอนุมัติที่รัฐบาลมัณฑะเลย์ในช่วงต้นเดือนนี้ยังมีความสำคัญสำหรับผู้ค้าอัญมณีจากโม่โกะและโอกาสในการทำงานสำหรับคนในท้องถิ่นซึ่งรัฐบาลภูมิภาคจะได้มีสิทธิ์ในการจัดการเอง
ที่มา: https://www.mmtimes.com/news/mogok-traditional-gem-markets-resume-normal-operation.html