‘เมตา’ เผยเวียดนามมีศักยภาพขึ้นแท่นผู้นำเทคโนโลยี AI

นายราฟาเอล ฟรังเคล (Rafael Frankel) ผู้อำนวยการฝ่ายนโยบายสาธารณะภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของ Meta Group กล่าวในงานแถลงข่าวของโครงการ “Vietnam Innovation Challenge 2024” เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ว่าเห็นถึงการเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจเวียดนามในช่วง 23 ปีที่ผ่านมา และมองเห็นความมุ่งมั่นของคนเวียดนามที่จะนำไปสู่การเติบโตของประเทศ รวมถึงนโยบายของรัฐบาลเวียดนามที่เปิดกว้างมากขึ้น โดยเฉพาะด้านเทคโนโลยี และความร่วมมือกับประเทศต่างๆ เช่น สหรัฐอเมริกาและธุรกิจจากสหรัฐฯ

ทั้งนี้ รายงานจาก McKinsey 2023 เปิดเผยว่าปัญญาประดิษฐ์ (AI) และอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ นับเป็นรากฐานที่สำคัญของการการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 ซึ่งจากผลกระทบในครั้งนี้ จะปฏิรูปเทคโนโลยี งานแบบพลวัตและการสร้างเนื้อหาดิจิทัล ตลอดจนรายได้ของเศรษฐกิจโลกเพิ่มขึ้นหลายล้านเหรียญสหรัฐ

นอกจากนี้ทางบริษัท Meta มีแผนงานในการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ AI ใน WhatsApp, Messenger และ Instagram ปี 2567 ในเอเชียแปซิฟิกแล้ว และเวียดนามก็อยู่ในแผนงานดังกล่าว โดยเชื่อว่าเครื่องมือเหล่านี้สามารถรองรับกับความต้องการของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ในเวียดนามได้

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/1652586/viet-nam-s-potential-to-become-an-ai-dragon-meta.html

ส่องตลาดดาต้าเซ็นเตอร์เวียดนาม มูลค่า 1.26 พันล้านเหรียญสหรัฐ ปี 2573

รายงานของ Viettel IDC เปิดเผยว่าตลาดศูนย์ข้อมูล (Data Center) ของเวียดนาม คาดว่าจะมีมูลค่าสูงถึง 1.26 พันล้านเหรียญสหรัฐในปี 2573 ด้วยอัตราการขยายตัว 10.8% ต่อปี ในขณะที่ตลาดศูนย์ข้อมูลโลก จะมีมูลค่าอยู่ที่ราว 321 พันล้านเหรียญสหรัฐในปีนี้ และอัตราการขยายตัว 7.3% ต่อปี

ทั้งนี้ นาย Hoang Van Ngoc ผู้อำนวยการของ Viettel IDC กล่าวไว้ในที่ประชุม Data Center & Cloud Infrastructure Summit (DCCI Summit) ปี 2567 ว่าภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกก้าวไปสู่การขับเคลื่อนของศูนย์ข้อมูล ด้วยอัตราการขยายตัว 19% โดยมีการขยายตัวอย่างมีนัยสำคัญทั้งในตลาดหลักและตลาดรอง

อย่างไรก็ดี เมื่อพิจารณาถึงการเติบโตของตลาดศูนย์ข้อมูลเวียดนามเทียบกับประเทศอื่น พบว่าเวียดนามยังเติบโตค่อนข้างช้าเมื่อเทียบกับประเทศในภูมิภาค

ที่มา : https://hanoitimes.vn/vietnams-data-center-market-to-reach-us126-billion-by-2030-326399.html

สปป.ลาว-เวียดนาม จัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยงเชิงวัฒนธรรมบริเวณชายแดนทั้ง 2 ประเทศ

เทศกาลการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมหัวพันและเซินลา ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 20-23 มีนาคม 2567 จังหวัดเซินลาในเวียดนามที่มีพรมแดนติดกับแขวงหัวพันทางทิศตะวันออกของ สปป.ลาว และทั้งสองเมืองกำลังทำงานเพื่อพัฒนาและได้รับประโยชน์จากการเชื่อมโยงร่วมกัน นักท่องเที่ยวสามารถเพลิดเพลินกับการแสดงทางวัฒนธรรมที่ยกย่อง ขนบธรรมเนียมและวิถีชีวิตแบบดั้งเดิมของท้องถิ่น รวมถึงการเต้นรำแบบดั้งเดิม นิทรรศการภาพถ่าย และรายการอาหารที่แสดงถึงแก่นสารของอาหารหัวพัน โดยผู้ที่มาร่วมงานเทศกาลสามารถเรียนรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรมอันมั่งคั่งของกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ ในแขวงหัวพันผ่านงานแสดงสินค้าริมถนนที่จัดแสดงอาหารและงานฝีมือท้องถิ่นยอดนิยมที่ผลิตโดยกลุ่มชาติพันธุ์ งานนี้ถือเป็นกิจกรรมที่หาได้ยากสำหรับทุกคนที่มาเยือนและนำเสนอสถานที่ท่องเที่ยว รวมถึงประสบการณ์ที่น่าสนใจอีกมากมาย

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freefreenews/freecontent_59_Huaphan_y24.php

นักวิเคราะห์ชี้ปัญหาการเมืองเวียดนาม อาจฉุดความเชื่อมั่นนลท.ต่างชาติ

พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามอนุมัติใบลาออกของประธานาธิบดีหวอ วัน เถือง โดยระบุว่าเขาละเมิดกฎระเบียบของพรรค หลังจากเขาเพิ่งดำรงตำแหน่งได้ไม่ถึงปี รัฐบาลเวียดนามเผยแพร่แถลงการณ์ที่ระบุว่า ประธานาธิบดีหวอ วัน เถือง ละเมิดกฎระเบียบของพรรคคอมมิวนิสต์ และมีความบกพร่องจนส่งผลกระทบต่อความเห็นของสาธารณชน ชื่อเสียงของพรรค ประเทศ และตัวเขาเอง และคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์ ซึ่งมีอำนาจตัดสินใจสูงสุด อนุมัติการลาออกของประธานาธิบดีเถืองแล้ว

อย่างไรก็ตาม ประธานาธิบดีมีบทบาทในทางพิธีการเท่านั้น แม้เป็น 1 ใน 4 ตำแหน่งทางการเมืองสูงสุดของประเทศ

นอกจากนี้ นายฟลอเรียน เฟเยราเบนด์ เจ้าหน้าที่ประจำเวียดนามของมูลนิธิ Konrad Adenauer Foundation ซึ่งเป็นสำนักวิจัยของเยอรมนี กล่าวว่า เหตุการณ์ทางการเมืองที่เกิดขึ้นทำให้เกิดความไม่มั่นใจเกี่ยวกับความสามารถในการคาดการณ์ และความน่าเชื่อถือ ซึ่งมีความสำคัญต่อการตัดสินใจด้านธุรกิจ

ที่มา : https://www.bangkokbiznews.com/world/1118699

‘เวียดนาม’ สูญเสียสินค้าเกษตร 3 พันล้านเหรียญฯ เหตุน้ำเค็มรุกพื้นที่

กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเวียดนาม เปิดเผยผลการวิจัยพบว่าการรุกพื้นที่เพาะปลูกของน้ำเค็มในบริเวณสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขงที่เป็นแหล่งอาหารและแหล่งชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนหลายสิบล้านคน ได้สร้างความเสียหายต่อผลผลิตทางการเกษตร โดยเฉพาะจังหวัดก่าเมาเป็นจังหวัดใต้สุดของเวียดนามที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด ซึ่งอาจสูญเสียเงินประมาณ 665 ล้านเหรียญสหรัฐ ในขณะเดียวกัน สื่อของเวียดนาม ‘วีเอ็นเอ็กซ์เพรส’ อ้างถึงผลการวิจัย แสดงให้เห็นว่าเวียดนามอาจการสูญเสียพืชผลเป็นมูลค่าเกือบ 2.94 พันล้านเหรียญสหรัฐ

นอจากนี้ ดินดอนสามเหลี่ยมปากแม่น้ำประสบกับคลื่นความร้อนที่ยาวนานผิดปกติในเดือน ก.พ. ทำให้เกิดภัยแล้งในหลายพื้นที่และระดับน้ำในลำคลองของภูมิภาคลดต่ำลง

ที่มา : https://globalrubbermarkets.com/2024/03/21/vietnam-faces-3bn-annual-crop-losses-from-rising-saltwater-levels/

‘สื่อ’ เผยการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศในเวียดนาม ส่งสัญญาเขิงบวก ปี 2567

ตามรายงานของเว็บไซต์ข่าว ‘Vietnam Briefing’ เปิดเผยว่าภาพรวมการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ในเวียดนาม ปี 2567 มีแนวโน้มที่จะขยายตัวอย่างต่อเนื่อง และจากรายงานดังกล่าวได้อ้างข้อมูลของสำนักงานการค้าต่างประเทศที่ระบุว่าเวียดนามได้รับเม็ดเงินลงทุน FDI ของเดือน ม.ค. และ ก.พ. มูลค่ามากกว่า 4.29 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 38.6% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ในขณะที่มูลค่าการเบิกจ่ายเงินลงทุนในช่วง 2 เดือนแรกของปีนี้ อยู่ที่ 2.8 พันล้านเหรียญสหรัฐ

ทั้งนี้ มีอุตสาหกรรมที่ได้รับเงินลงทุนจากต่างประเทศหลายภาคส่วน ได้แก่ เทคโนโลยี พลังงานทดแทน สุขภาพ การธนาคารและอสังหาริมทรัพย์ ในขณะเดียวกัน เวียดนามยังมีนโยบายที่เป็นมิตรกับนักลงทุน รวมถึงการลดหย่อนภาษีและมีศูนย์กลางอุตสาหกรรมที่จะจัดตั้งในเมืองฮานอยและโฮจิมินห์ ทำให้เวียดนามเป็นจุดหมายปลายทางที่น่าดึงดูดสำหรับนักลงทุนต่างชาติที่กำลังมองหาโอกาสการเติบโตในระยะยาวที่ยั่งยืน

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/fdi-flows-in-vietnam-forecast-to-boom-this-year/283248.vnp

การลาออกของประธานาธิบดีเวียดนาม คาดไม่ส่งผลต่อปัจจัยพื้นฐาน และการเติบโตทางเศรษฐกิจของเวียดนามในระยะยาว

โดย ศูนย์วิจัยกสิกรไทย

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย วิเคราะห์การลาออกของประธานาธิบดีเวียดนาม ว่า กระแสการปราบปรามการคอร์รัปชั่นในเวียดนามส่งผลให้ประธานาธิบดีหวอ วัน เถือง ยื่นใบลาออก หลังดำรงตำแหน่งเพียง 1 ปี และนับเป็นประธานาธิบดีคนที่ 2 ที่ถูกกดดันให้ลาออกในช่วงปีที่ผ่านมา

การลาออกของประธานาธิบดีเวียดนาม คาดไม่ส่งผลต่อปัจจัยพื้นฐาน และการเติบโตทางเศรษฐกิจของเวียดนามในระยะยาว

  • กระแสการปราบปรามการคอร์รัปชันในเวียดนามส่งผลให้ประธานาธิบดีหวอ วัน เถือง ยื่นใบลาออก หลังดำรงตำแหน่งเพียง 1 ปี และนับเป็นประธานาธิบดีคนที่ 2 ที่ถูกกดดันให้ลาออกในช่วงปีที่ผ่านมา
  • การลาออกของประธานาธิบดีหวอ วัน เถือง อาจส่งผลให้เกิดความไม่แน่นอนทางการเมืองและบรรยากาศในการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติในระยะสั้น แต่คาดว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อปัจจัยพื้นฐานและการเติบโตของเศรษฐกิจเวียดนามในระยะยาว

ที่มา : https://www.kasikornresearch.com/th/analysis/k-social-media/Pages/Vietnam-Econ-21-03-2024.aspx