สปป.ลาว-เวียดนาม จัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยงเชิงวัฒนธรรมบริเวณชายแดนทั้ง 2 ประเทศ

เทศกาลการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมหัวพันและเซินลา ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 20-23 มีนาคม 2567 จังหวัดเซินลาในเวียดนามที่มีพรมแดนติดกับแขวงหัวพันทางทิศตะวันออกของ สปป.ลาว และทั้งสองเมืองกำลังทำงานเพื่อพัฒนาและได้รับประโยชน์จากการเชื่อมโยงร่วมกัน นักท่องเที่ยวสามารถเพลิดเพลินกับการแสดงทางวัฒนธรรมที่ยกย่อง ขนบธรรมเนียมและวิถีชีวิตแบบดั้งเดิมของท้องถิ่น รวมถึงการเต้นรำแบบดั้งเดิม นิทรรศการภาพถ่าย และรายการอาหารที่แสดงถึงแก่นสารของอาหารหัวพัน โดยผู้ที่มาร่วมงานเทศกาลสามารถเรียนรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรมอันมั่งคั่งของกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ ในแขวงหัวพันผ่านงานแสดงสินค้าริมถนนที่จัดแสดงอาหารและงานฝีมือท้องถิ่นยอดนิยมที่ผลิตโดยกลุ่มชาติพันธุ์ งานนี้ถือเป็นกิจกรรมที่หาได้ยากสำหรับทุกคนที่มาเยือนและนำเสนอสถานที่ท่องเที่ยว รวมถึงประสบการณ์ที่น่าสนใจอีกมากมาย

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freefreenews/freecontent_59_Huaphan_y24.php

นักวิเคราะห์ชี้ปัญหาการเมืองเวียดนาม อาจฉุดความเชื่อมั่นนลท.ต่างชาติ

พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามอนุมัติใบลาออกของประธานาธิบดีหวอ วัน เถือง โดยระบุว่าเขาละเมิดกฎระเบียบของพรรค หลังจากเขาเพิ่งดำรงตำแหน่งได้ไม่ถึงปี รัฐบาลเวียดนามเผยแพร่แถลงการณ์ที่ระบุว่า ประธานาธิบดีหวอ วัน เถือง ละเมิดกฎระเบียบของพรรคคอมมิวนิสต์ และมีความบกพร่องจนส่งผลกระทบต่อความเห็นของสาธารณชน ชื่อเสียงของพรรค ประเทศ และตัวเขาเอง และคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์ ซึ่งมีอำนาจตัดสินใจสูงสุด อนุมัติการลาออกของประธานาธิบดีเถืองแล้ว

อย่างไรก็ตาม ประธานาธิบดีมีบทบาทในทางพิธีการเท่านั้น แม้เป็น 1 ใน 4 ตำแหน่งทางการเมืองสูงสุดของประเทศ

นอกจากนี้ นายฟลอเรียน เฟเยราเบนด์ เจ้าหน้าที่ประจำเวียดนามของมูลนิธิ Konrad Adenauer Foundation ซึ่งเป็นสำนักวิจัยของเยอรมนี กล่าวว่า เหตุการณ์ทางการเมืองที่เกิดขึ้นทำให้เกิดความไม่มั่นใจเกี่ยวกับความสามารถในการคาดการณ์ และความน่าเชื่อถือ ซึ่งมีความสำคัญต่อการตัดสินใจด้านธุรกิจ

ที่มา : https://www.bangkokbiznews.com/world/1118699

‘เวียดนาม’ สูญเสียสินค้าเกษตร 3 พันล้านเหรียญฯ เหตุน้ำเค็มรุกพื้นที่

กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเวียดนาม เปิดเผยผลการวิจัยพบว่าการรุกพื้นที่เพาะปลูกของน้ำเค็มในบริเวณสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขงที่เป็นแหล่งอาหารและแหล่งชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนหลายสิบล้านคน ได้สร้างความเสียหายต่อผลผลิตทางการเกษตร โดยเฉพาะจังหวัดก่าเมาเป็นจังหวัดใต้สุดของเวียดนามที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด ซึ่งอาจสูญเสียเงินประมาณ 665 ล้านเหรียญสหรัฐ ในขณะเดียวกัน สื่อของเวียดนาม ‘วีเอ็นเอ็กซ์เพรส’ อ้างถึงผลการวิจัย แสดงให้เห็นว่าเวียดนามอาจการสูญเสียพืชผลเป็นมูลค่าเกือบ 2.94 พันล้านเหรียญสหรัฐ

นอจากนี้ ดินดอนสามเหลี่ยมปากแม่น้ำประสบกับคลื่นความร้อนที่ยาวนานผิดปกติในเดือน ก.พ. ทำให้เกิดภัยแล้งในหลายพื้นที่และระดับน้ำในลำคลองของภูมิภาคลดต่ำลง

ที่มา : https://globalrubbermarkets.com/2024/03/21/vietnam-faces-3bn-annual-crop-losses-from-rising-saltwater-levels/

‘สื่อ’ เผยการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศในเวียดนาม ส่งสัญญาเขิงบวก ปี 2567

ตามรายงานของเว็บไซต์ข่าว ‘Vietnam Briefing’ เปิดเผยว่าภาพรวมการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ในเวียดนาม ปี 2567 มีแนวโน้มที่จะขยายตัวอย่างต่อเนื่อง และจากรายงานดังกล่าวได้อ้างข้อมูลของสำนักงานการค้าต่างประเทศที่ระบุว่าเวียดนามได้รับเม็ดเงินลงทุน FDI ของเดือน ม.ค. และ ก.พ. มูลค่ามากกว่า 4.29 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 38.6% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ในขณะที่มูลค่าการเบิกจ่ายเงินลงทุนในช่วง 2 เดือนแรกของปีนี้ อยู่ที่ 2.8 พันล้านเหรียญสหรัฐ

ทั้งนี้ มีอุตสาหกรรมที่ได้รับเงินลงทุนจากต่างประเทศหลายภาคส่วน ได้แก่ เทคโนโลยี พลังงานทดแทน สุขภาพ การธนาคารและอสังหาริมทรัพย์ ในขณะเดียวกัน เวียดนามยังมีนโยบายที่เป็นมิตรกับนักลงทุน รวมถึงการลดหย่อนภาษีและมีศูนย์กลางอุตสาหกรรมที่จะจัดตั้งในเมืองฮานอยและโฮจิมินห์ ทำให้เวียดนามเป็นจุดหมายปลายทางที่น่าดึงดูดสำหรับนักลงทุนต่างชาติที่กำลังมองหาโอกาสการเติบโตในระยะยาวที่ยั่งยืน

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/fdi-flows-in-vietnam-forecast-to-boom-this-year/283248.vnp

การลาออกของประธานาธิบดีเวียดนาม คาดไม่ส่งผลต่อปัจจัยพื้นฐาน และการเติบโตทางเศรษฐกิจของเวียดนามในระยะยาว

โดย ศูนย์วิจัยกสิกรไทย

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย วิเคราะห์การลาออกของประธานาธิบดีเวียดนาม ว่า กระแสการปราบปรามการคอร์รัปชั่นในเวียดนามส่งผลให้ประธานาธิบดีหวอ วัน เถือง ยื่นใบลาออก หลังดำรงตำแหน่งเพียง 1 ปี และนับเป็นประธานาธิบดีคนที่ 2 ที่ถูกกดดันให้ลาออกในช่วงปีที่ผ่านมา

การลาออกของประธานาธิบดีเวียดนาม คาดไม่ส่งผลต่อปัจจัยพื้นฐาน และการเติบโตทางเศรษฐกิจของเวียดนามในระยะยาว

  • กระแสการปราบปรามการคอร์รัปชันในเวียดนามส่งผลให้ประธานาธิบดีหวอ วัน เถือง ยื่นใบลาออก หลังดำรงตำแหน่งเพียง 1 ปี และนับเป็นประธานาธิบดีคนที่ 2 ที่ถูกกดดันให้ลาออกในช่วงปีที่ผ่านมา
  • การลาออกของประธานาธิบดีหวอ วัน เถือง อาจส่งผลให้เกิดความไม่แน่นอนทางการเมืองและบรรยากาศในการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติในระยะสั้น แต่คาดว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อปัจจัยพื้นฐานและการเติบโตของเศรษฐกิจเวียดนามในระยะยาว

ที่มา : https://www.kasikornresearch.com/th/analysis/k-social-media/Pages/Vietnam-Econ-21-03-2024.aspx

‘เวียดนาม’ อนุมัติแผนโครงการพัฒนาข้าวคุณภาพสูงและปล่อยคาร์บอนต่ำ มูลค่า 375 ล้านเหรียญฯ

กระทรวงเกษตรและการพัฒนาชนบท (MARD) รายงานว่ามีแผนที่จะดำเนินการโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานการเพาะปลูกข้าวแบบคาร์บอนต่ำในพื้นที่สามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขง โดยโครงการนี้ริเริ่มมาจากรัฐบาลที่ตั้งเป้าหมายการพัฒนานาข้าวคาร์บอนต่ำและมีคุณภาพสูง และจะเริ่มดำเนินการใน 12 จังหวัดภายในระยะเวลา 5 ปี ตั้งแต่ปี 2569-2574

ทั้งนี้ Nguyen Thế Hinh รองหัวหน้าคณะกรรมการบริหารโครงการ กล่าวว่าค่าใช้จ่ายของโครงการดังกล่าวอยู่ที่ประมาณ 375 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งเงินทุนส่วนใหญ่มาจากการกู้เงินกับธนาคารเพื่อการบูรณะและพัฒนาระหว่างประเทศ (IBRD) และจากรัฐบาลและหน่วยงานท้องถิ่น

นอกจากนี้ ยังสนับสนุนผู้ผลิตรายย่อยผ่านการพัฒนาและการเสริมสร้างความเข้มแข็งขององค์กรเกษตรกรและสหกรณ์ ในขณะเดียวกันก็ระดมทรัพยากรสินเชื่อสำหรับพื้นที่ที่ใช้แนวปฏิบัติคาร์บอนต่ำ

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/1652331/375-mln-fund-to-boost-high-quality-low-carbon-rice-production.html

‘เวียดนาม’ ติดอันดับ 3 ทำกำไรจากคริปโตมากที่สุดในโลก ปี 66

เชนอนาไลซิส (Chainalysis) บริษัทข้อมูลวิเคราะห์บล็อกเชน เปิดเผยว่าเวียดนามทำกำไรจากสกุลเงินดิจิทัลมากที่สุดอันดับ 3 ของโลกในปี 2566 มีมูลค่าราว 1.2 พันล้านเหรียญสหรัฐ รองจากสหรัฐอเมริกาและสหราชอาณาจักร โดยจากข้อมูลของบริษัทแสดงให้เห็นถึงประชากรที่อยู่ในประเทศที่มีฐานะรายได้ปานกลางและประเทศรายได้สูง จะมีรายได้เพิ่มสูงขึ้นอย่างมากจากการทำกำไรหรือรายได้จากเงินดิจิทัล ยกตัวอย่างเช่น เวียดนาม จีน อินโดนีเซียและอินเดีย คิดเป็นมูลค่ากว่า 1 พันล้านเหรียญสหรัฐ และจากการวิเคราะห์ชี้ให้เห็นว่านักลงทุนคริปโตทั่วโลกทำกำไรรวมทั้งสิ้นในปีที่แล้ว อยู่ที่ 37.6 พันล้านเหรียญสหรัฐ นอกจากนี้ ทิศทางของนักลงทุนในปีนี้ คาดหวังราคาจะปรับตัวสูงขึ้นไปกว่านี้ หลังจากราคายังไม่ทะลุระดับจุดสูงสุด (ATH) ในปี 2564

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/vietnam-ranks-third-in-crypto-gains-in-2023-us-analysis-firm/283183.vnp

‘ผู้เชี่ยวชาญ’ ชี้เศรษฐกิจเวียดนามโตตามคาด

ผู้เชี่ยวชาญ เปิดเผยว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของเวียดนามในไตรมาสแรกของปี 2567 จะขยายตัว 5.5% เติบโตตามที่คาดการณ์ไว้ ในขณะที่ธนาคารยูโอบี (ประเทศสิงคโปร์) ประเมินตัวชี้วัดเศรษฐกิจมหภาคในช่วง 2 เดือนแรกของปีนี้ แสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจเวียดนามฟื้นตัวไปในทิศทางที่เป็นบวก โดยการส่งออกของเวียดนามขยายตัวและภาคอุตสาหกรรม 17.6% และ 5.7% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว

ทั้งนี้ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ของเวียดนาม อยู่ในทิศทางที่เป็นบวก เนื่องจากดัชนีอยู่เหนือระดับ 50 ในช่วงเดือน ม.ค. และ ก.พ. บ่งชี้ให้เห็นว่าภาคอุตสากรรมแข็งแกร่ง แม้ว่าจะฟื้นตัวเล็กน้อย

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/vietnamese-economy-proceeding-as-predicted-experts/283125.vnp