เวิลด์แบงก์ชี้เศรษฐกิจปี 63 เมียนมาขยายตัว 6.6%

จากข้อมูลของธนาคารโลกคาดเศรษฐกิจปี 63 ขยายตัว 6.6 สูงกว่าที่ตั้งไว้ 6.5% คาดจะเพิ่มขึ้น 6.7 % ในปี 64 และ 6.8 % ในปี 65 การเติบโตในปี 2020 จะได้รับแรงหนุนจากการลงทุนในภาคการผลิต ประกันภัย และการก่อสร้าง การชะลอตัวจาก 6.8% ในปี 61 เป็น 6.5% ในปี 62 เกิดจากการลดลงของภาคบริการและอัตราเงินเฟ้อที่สูง อย่างไรก็ตามเศรษฐกิจยังคงเผชิญกับความเสี่ยงขาลงอย่างต่อเนื่อง เช่น ภัยธรรมชาติที่มีผลต่อภาคการเกษตร ผลกระทบของอัตราเงินเฟ้อและค่าไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น รวมถึงวิกฤติยะไข่ที่ยังไม่คลี่คลายและความขัดแย้งที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่รัฐบาลเชื่อว่าสามารถทำให้ภาคการเงินของมีเสถียรภาพในระดับหนึ่ง โดยนโยบายการเงินและการคลังจะมีประสิทธิภาพเพราะมีเครื่องมือทางการเงินที่ดี การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศลดลงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 58 จาก 9.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ เป็น 5.6 พันล้านเหรียญสหรัฐ ในปี 61 โดยมีโอกาสที่จะฟื้นตัวในปีนี้ สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีนส่งผลกระทบน้อย ดังนั้นหลายธุรกิจจึงเรียกร้องให้รัฐบาลใช้ประโยชน์จากโอกาสนี้ เช่น มาตรการเพื่อดึงดูดผู้ผลิตต่างประเทศให้ย้ายฐานการผลิตสู่เมียนมา

ที่มา : https://www.mmtimes.com/news/myanmar-economy-grow-66-2020-world-bank.html

สถาบันฝึกอบรมสายอาชีพญี่ปุ่น – เมียนมาเฟ้นหาแรงงานกลุ่มแรก

สถาบันฝึกอบรมสายอาชีพญี่ปุ่น – เมียนมาได้รับทุนสนับสนุนจากรัฐบาลญี่ปุ่นในการรับเข้าฝึกงานเป็นกลุ่มแรก สำนักงานความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น (JICA) ได้ลงนามในข้อตกลงกับรัฐบาลเมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้วโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อจัดตั้งสถาบันฝึกอบรมอาชีพอองซานญี่ปุ่น – เมียนมา สำหรับประกาศนียบัตร AGTI หลักสูตร 3 ปี จะเริ่มในเดือนธันวาคม ด้านการบำรุงรักษายานยนต์ วิศวกรรมไฟฟ้า อุตสาหกรรม โดยจะรับผู้ฝึกอบรม 20 คนที่จะถูกคัดเลือกผลของการทดสอบวิชาภาษาอังกฤษและวิชาคณิตศาสตร์

ที่มา : https://elevenmyanmar.com/news/japan-myanmar-vocational-training-institute-seeks-first-batch-trainees

เมียนมาส่งออกแร่มากกว่า 1.4 พันล้านเหรียญสหรัฐในปี 62

สิ้นปีงบประมาณ 61 – 62 เมื่อกันยายนที่ผ่านมา เมียนมามีมูลค่าส่งออกแร่ 1.4 พันล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 700 ล้านเหรียญสหรัฐเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว สินค้าส่งออกหลักที่ส่งไปยังต่างประเทศ ได้แก่ ผลผลิตจากฟาร์ม ผลิตภัณฑ์จากสัตว์ แร่ธาตุ ผลิตภัณฑ์ทางทะเล ผลิตภัณฑ์จากป่า ผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปทางอุตสาหกรรม และอื่น ๆ แม้มีการจัดนิทรรศการหยกแต่ยอดส่งออกลดลง ด้วยการกำกับของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดย Myanma mid-year gem emporium ได้จัดขึ้นที่เนปิดอร์ ตั้งแต่วันที่ 16-25 กันยายน ที่ผ่านมา

ที่มา: https://elevenmyanmar.com/news/mineral-export-volume-reaches-more-than-us-1-4-billion-till-2019-end

การลงทุนจากต่างประเทศในเขตเศรษฐกิจพิเศษติละวา สูงกว่า 1.86 พันล้านเหรียญสหรัฐตลอดปี 62

ปริมาณการลงทุนจาก 19 ประเทศในเขตเศรษฐกิจเศรษฐกิจพิเศษติละวามีมูลค่ามากกว่า 1.86 พันล้านเหรียญสหรัฐจนถึงกันยายน ปี 62 มีธุรกิจที่ลงทุนทั้งหมด 113 ธุรกิจจาก 19 ประเทศที่เข้ามาลงทุน เมื่อแบ่งเป็นรายประเทศพบว่าญี่ปุ่นอยู่ประมาณ 674.488 ล้านเหรียญสหรัฐคิดเป็น 36.21% และจำนวนธุรกิจ 37 แห่ง สิงคโปร์อยู่ที่ 650 ล้านเหรียญสหรัฐคิด คิดเป็น 34% จากจำนวนธุรกิจการลงทุน 27 แห่ง ส่วนไทยมีการลงทุน 170 ล้านเหรียญสหรัฐคิดเป็น 9% และเกาหลีใต้ 96 ล้านเหรียญสหรัฐคิดเป็น 5% ส่วนการลงทุนของมาเลเซีย, ไต้หวัน, ออสเตรเลีย, ปานามา, จีน, บรูไน, เวียดนาม, ฝรั่งเศส, สวิตเซอร์แลนด์ และเนเธอร์แลนด์ยังคงต่ำกว่าร้อยละหนึ่ง

ที่มา: https://elevenmyanmar.com/news/foreign-investment-volume-in-thilawa-sez-reaches-more-than-us-186-billion-till-2019-september

เส้นทางบินใหม่เชื่อมชายแดนยูนนาน – เมียนมา

ปลายเดือนตุลาคมนี้เที่ยวบินตรงใหม่เชื่อมโยงเมืองข้อนเมืองชายแดนทางตะวันตกเฉียงใต้ของมณฑลยูนนานของจีนกับย่างกุ้งซึ่งเป็นเมืองหลวงของเมียนมา โดยจะเริ่มวันที่ 27 ตุลาคม กับเที่ยวบิน DR5039 / DR5040 ดำเนินการโดยสายการบิน Ruili Airlines กับเครื่องบินโบอิ้ง 737NG ทุกวันจันทร์ พุธ ศุกร์ และอาทิตย์ เที่ยวบินออกจากเมืองซ้อน เวลา 9:25 น. (เวลาท้องถิ่น) และกลับจากย่างกุ้งเวลา 10:30 น. (เวลาท้องถิ่น) เส้นทางนี้คาดว่าจะอำนวยความสะดวกในการแลกเปลี่ยนด้านเศรษฐกิจ วัฒนธรรม และการท่องเที่ยวระหว่างสองประเทศ Ruili Airlines ให้บริการเส้นทางบินภายในประเทศ 61 เส้นทางและเส้นทางระหว่างประเทศ 10 เส้นทาง โดยให้บริการเที่ยวบิน 108 เที่ยวบินต่อวันครอบคลุม 39 เมืองในจีน เวียดนาม กัมพูชา ไทย และเมียนมา

ที่มา : http://www.xinhuanet.com/english/asiapacific/2019-10/15/c_138473455.htm

ค้าชายแดนเมียนมามูลค่าเกือบ 40 ล้านเหรียญสหรัฐในปีงบประมาณ 61-62

การค้าชายแดนของผู้ค้าชายแดนประเภทบุคคล (ITCs) มีมูลค่ารวมกว่า 59 พันล้านจัต (39.3 ล้านเหรียญสหรัฐ) ในปีงบประมาณ 61-62 ซึ่งสิ้นสุดไปเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา ในช่วงเวลาดังกล่าวผู้ค้าชายแดนประเภทบุคคล (ITCs) 163 แห่งได้รับอนุญาตจากกระทรวงและมีมูลค่ากว่า 9.38 พันล้านจัต (6.25 ล้านเหรียญสหรัฐ) ในขณะที่มูลค่าการนำเข้าอยู่ที่ 49.6 พันล้านจัต (33.1 ล้านเหรียญสหรัฐ) ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 61 ถึงวันที่ 30 กันยายน 62 ประตูชายแดนเมียวดีมีการจดทะเบียนการค้าสูงสุดด้วยเงินทุน 32,000 จัต (21.3 ล้านเหรียญสหรัฐ) ตั้งแต่ปีงบประมาณ 55-56 กระทรวงได้ออกใบอนุญาตผู้ค้าชายแดนประเภทบุคคลไปแล้ว 1,687 มีมูลค่าการค้ารวมกว่า 169.2 พันล้านจัต (112.8 ล้านเหรียญสหรัฐ) โดยทำการค้าชายแดนกับจีน ไทย บังคลาเทศ และอินเดีย ส่วนใหญ่ส่งออกสินค้าเกษตร ผลิตภัณฑ์สัตว์ การประมง แร่ธาตุ และผลิตภัณฑ์จากป่าไปยังต่างประเทศ ในขณะที่สินค้าทุนสินค้าขั้นกลางและสินค้าอุปโภคบริโภคจะเป็นการนำเข้าซะส่วนใหญ่

ที่มา : http://www.xinhuanet.com/english/2019-10/15/c_138473812.htm