ราคาน้ำมันถั่วลิสงในประเทศคาดทรงตัว

องค์กรอุตสาหกรรมเผยราคาน้ำมันถั่วลิสงในประเทศและถั่วลิสงซึ่งปรับตัวสูงขึ้นในเดือน ส.ค. คาดว่าจะทรงตัวในเดือนนี้ ราคาถั่วลิสงเมื่อเดือนที่แล้วเพิ่มขึ้นเป็น 4,200 จัตต่อ viss (1.6 กิโลกรัม) ทำให้มีผลกระทบกับบริโภคได้ในท้องถิ่น อย่างไรก็ตามผลผลิตจะเข้าสู่ตลาดในเดือนนี้และราคาจะมีเสถียรภาพมากขึ้น แม้แต่จีนที่ซื้อถั่วคุณภาพต่ำในเดือนที่ผ่านมาและราคาถั่วลิสงในท้องถิ่นพุ่งสูงถึง 3,900 จัต และ 4,200 จัต สต๊อกจึงในระดับต่ำในตลาดและไม่สามารถตอบสนองความต้องการในท้องถิ่นได้ แต่ในช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้วราคาอยู่ภายใต้ 3,500 จัต คาดราคาเพิ่มขึ้นเพิ่มขึ้นถึงระหว่าง 8,000 จัตและ 10,000 จัตต่อ viss ราคาน้ำมันถั่วลิสงปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องเพิ่มขึ้นจากประมาณ 22,227 บาทต่อปีในปี 61 เป็น 10,000 เยน แต่ราคาน้ำมันปาล์มยังคงไม่เปลี่ยนแปลงที่ประมาณ 2,000 จัต ทำให้โรงงานประมาณ 300 แห่งในเขตมัณฑะเลย์ มีเพียง 25% ที่หยุดการผลิต ปัจจุบันน้ำมันถั่วลิสงราคาขายที่ 10,000 ต่อ viss

ที่มา : https://www.mmtimes.com/news/local-peanut-oil-prices-expected-stabilise.html

รายได้จากการผลิตไฟฟ้าย่างกุ้งเพิ่ม 65%

ข้อมูลจากย่างกุ้งอีเล็คทริคคอร์ปอเรชั่น (YESC) นครย่างกุ้งมีรายได้ 36 พันล้านจัต จากการจ่ายกระแสไฟฟ้าในเดือน ก.ค. เพิ่มขึ้น 65% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้านี้ รายได้ที่เพิ่มขึ้นเนื่องจากกระทรวงไฟฟ้าและค่าไฟฟ้าขอขึ้นค่าไฟฟ้าไปเมื่อวันที่ 1 ก.ค.เพื่อลดภาระของรัฐบาลในการอุดหนุนภาษี ย่างกุ้งซึ่งใช้ไฟฟ้ามากกว่าครึ่งของประเทศมีปริมาณการใช้กว่า 91 พันล้านจัตในเดือน ก.ค.เทียบกับ 55 พันล้านจัตในเดือนมิ.ย. ตามข้อมูลจากกระทรวงไฟฟ้าและพลังงานรัฐบาลแยกใช้เงินมากกว่า 400 พันล้านจัตในการอุดหนุนภาษีของปีงบประมาณ 59-60 และมากกว่า 600 พันล้านจัตในปีงบประมาณ 60-61 คาดว่าจะเกิน 500 ล้านจัตในปีงบประมาณ 61-62 เพื่อบรรลุเป้าหมายในการจัดหาไฟฟ้าทั้งหมดภายใน ธ.ค. 63 รัฐบาลย่างกุ้งวางแผนที่จะใช้จ่ายมากกว่า 100 ล้านจัตระหว่างปีงบประมาณ 61-62และ 63-64 เพื่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็น

ที่มา : https://www.mmtimes.com/news/yangon-electricity-revenues-65pc.html

เมียนมาเรียกร้องให้พัฒนาประกันภัยสำหรับคนยากจน

หน่วยงาน DaNa Facility ที่ได้รับทุนจากสหราชอาณาจักรและกิจกรรมการพัฒนาภาคเอกชนของ USAID ได้ร่วมกันจัดสัมมนาเรื่องการส่งเสริมการประกันภัยในเมียนมา ณ กรุงย่างกุ้งเมื่อวันที่ 9 ก.ย. ที่ผ่านมา โดยชี้ว่าจะต้องพัฒนาไมโครอินชัวรันซ์เพราะผลิตภัณฑ์เหล่านี้จะเป็นประโยชน์ต่อคนส่วนใหญ่ของประเทศที่มีรายได้น้อย การเปิดตัวและขยายตลาด Microinsurance ในเมียนมาจะช่วยสร้างความยืดหยุ่นและป้องกันให้กับครัวเรือนและธุรกิจขนาดเล็กผ่านผลิตภัณฑ์ เช่น ประกันสุขภาพ ประกันชีวิตชีวิตและประกันทรัพย์สิน ซึ่งความไม่แน่นอนนี้เองทำให้ผู้คนไม่สามารถลองทำสิ่งใหม่ ๆ เช่น Mobile money (การใช้จ่ายเงินผ่านระบบอิเล็กทรอนิคส์) การปรับปรุงเครื่องมือทำงาน หรือการลงทุนในครัวเรือนที่มีความเสี่ยงมากขึ้นผลกระทบนี้จะยิ่งรุนแรงขึ้นขึ้น บริษัทผู้ให้บริการด้านประกันภัยขนาดเล็กจากสวิสฯ เผย ปีที่แล้วว่ามีการลงทุน 1.1 ล้านเหรียญสหรัฐเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ microinsurance ใหม่ ๆ ในเมียนมา

ที่มา : https://www.mmtimes.com/news/myanmar-urged-develop-microinsurance-poor.html

ธนาคารกลางเมียนมาเล็งเปิดอัตราดอกเบี้ยเสรีเพิ่ม

ธนาคารกลางแห่งเมียนมา (CBM) จะพิจารณาการเปิดเสรีอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติมและอนุญาตให้ธนาคารเอกชนมีอิสระมากขึ้นในการกำหนดอัตราการดอกเบี้ยเพื่อการแข่งขัน โดย CBM จะขอความช่วยเหลือจาก IMF และสังเกตว่าประเทศอื่นเริ่มไปก่อนแล้ว ปัจจุบันธนาคารเอกชนกำหนดอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก 8% และอัตราดอกเบี้ยกู้ยืม 13% ที่กำหนดโดย CBM ขณะที่อัตราของธนาคารกลางคือ 10% ซึ่งการเปิดเสรีอัตราดอกเบี้ยบางประเทศใช้เวลานานถึง 20 ปี และไม่สามารถลดหรือเพิ่มได้ทันที ซึ่งประเทศนั้นต้องมีความเข้าใจในตลาดทุนพอสมควรและยังต้องใช้เวลาในการพัฒนาอีกนาน ในขณะเดียวกันยังกำหนดและปรับปรุงกฎระเบียบสำหรับสถาบันการเงินเพื่อสร้างเสถียรภาพทางการเงินและส่งเสริมให้ตลาดทุนมีความสำคัญยิ่งขึ้น ณ สิ้นปีงบประมาณ 60-61 มีทุนชำระแล้วในภาคธนาคาร เกือบ 3 ล้านล้านจัต เพิ่มขึ้น 5.3% เมื่อเทียบกับปีก่อน ปัจจุบัน CBM กำลังเตรียมการเพื่อกำหนดกรอบการควบคุมสกุลเงินต่างประเทศเพื่อลดความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน

ที่มา : https://www.mmtimes.com/news/central-bank-will-consider-further-rate-liberalisation.html

มูลค่าลงทุนจากต่างประเทศในเมียนมาสูงถึง 4,100 ล้านเหรียญสหรัฐใน 12 ธุรกิจ

จากข้อมูลของคณะกรรมาธิการการลงทุนของเมียนมา (MIC) ปริมาณการลงทุนจากต่างประเทศสูงกว่า 4,100 ล้านเหรียญสหรัฐใน 12 สาขาธุรกิจ แต่ยังต้องการประมาณ 1700 ล้านเหรียญสหรัฐเพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 61 ถึงวันที่ 5 ก.ย. 62 MIC อนุมัติการลงทุนจากต่างประเทศ 252 ธุรกิจด้วยมูลค่าการลงทุน 2,550.773 ล้านเหรียญสหรัฐ การเพิ่มขึ้นปริมาณการลงทุนจากต่างประเทศอยู่ที่ 3,876.352 ล้านดอลลาร์ ในปี 61-62 คาดว่าการลงทุนจะไหลเข้าประเทศ 5,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่ปริมาณการลงทุนจากต่างประเทศอยู่ที่ 4,100 ล้านดอลลาร์สหรัฐอีกประมาณ 25 วันเท่านั้นจึงจะสิ้นสุดรอบปีบัญชี ยังจำเป็นต้องใช้เงิน 1,700 ล้านดอลลาร์ถึงจะบรรลุเป้าหมาย MIC ได้ร่วมมือกับ JICA ได้จัดทำแผนการส่งเสริมการลงทุนต่างประเทศในปี 56 และได้เริ่มดำเนินการในปี 57 ที่มา : https://elevenmyanmar.com/news/foreign-investment-volume-reaches-more-than-us-4100-million-in-12-business-fields-in-myanmar

ผู้ส่งออกข้าวโพดเมียนมาร้องให้เพิ่มปริมาณการส่งออกกับไทย

ข้อตกลงพิเศษสำหรับเมียนมาในการส่งออกข้าวโพดไปยังไทยได้สิ้นสุดลงเมื่อสิงหาคมที่ผ่านมา ข้อตกลงดังกล่าวได้รับการลงนามครั้งแรกเมื่อปีที่แล้วหลังจากที่จีนได้กำหนดข้อจำกัดการนำเข้าข้าวโพด และเพื่อเป็นการหาตลาดใหม่สำหรับข้าวโพดเลี้ยงสัตว์จึงเจรจาข้อตกลงกับไทย สำหรับปีงบประมาณปัจจุบันประเทศสร้างรายได้ 1.5 ล้านเหรียญสหรัฐจากการส่งออกข้าวโพดโดยมีผู้ซื้ออันดับ 1 คือไทย ซึ่งปริมาณส่งออกเมื่อปีที่แล้วอยู่ที่ 130,000 ตัน และต้องเร่งผลักดันการค้าชายแดนหลังจากหยุดชะงักลงเพราะการปะทะกันระหว่างกลุ่มติดอาวุธและกองทัพเมียนมา ในอนาคตเมียนมาจะพิจารณาการส่งออกสินค้าเกษตรมากขึ้น เช่น ข้าวและถั่วผ่านชายแดนไทยรวมถึงภูมิภาคอื่น ๆ เช่น มาเลเซียผ่านไทย ปัจจุบันเมียนมาส่งออกสินค้าไปยังสปป.ลาวและเวียดนามผ่านไทย ในขณะนี้การส่งออกไปยังไทยที่ชายแดนเมียวดี นั้นต่ำกว่าการนำเข้าจากไทยอย่างมาก ระหว่างวันที่ 1 ต.ค. 61 ถึงวันที่ 16 ส.ค. 62 การส่งออกยังไทยมีมูลค่ารวมทั้งสิ้น 181 ล้านเหรียญสหรัฐ ในขณะที่การนำเข้าจากไทยมีมูลค่ารวม 648 ล้านเหรียญสหรัฐ ดังนั้นจึงควรมีการระดับการส่งออกไปยังไทย

ที่มา: https://www.mmtimes.com/news/traders-call-higher-trade-volumes-thailand-deal-ends.html