เวียดนามลุยลงทุนโครงการไฟฟ้าพลังงานน้ำ 400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

การไฟฟ้าเวียดนาม (EVN) เริ่มก่อสร้างโรงงานไฟฟ้าพลังงานน้ำ ด้วยมูลค่า 9.22 ล้านล้านดอง (400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ตั้งอยู่บริเวณแม่น้ำดาซัง โดยการลงทุนดังกล่าว ประกอบด้วยนักลงทุนราว 30% และอีก 70% มาจากธนาคารพาณิชย์ของรัฐ (Vietcombank) และหน่วยงาน Agence Francaise de Developpement (AFD) อีกทั้ง ผู้รับเหมาในประเทศ ได้แก่ บริษัท Truong Son Construction Corp ภายใต้กระทรวงกลาโหม และบริษัทร่วมทุน Construction Joint Stock Company 47 รายและบริษัทร่วมทุน Lilama 10 จะดำเนินการสร้างโรงงานขยายกำลังการผลิต 480 เมกะวัตต์ ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่าโครงการไฟฟ้าพลังงานน้ำแห่งนี้ ถือเป็นสัญลักษณ์ของความก้าวหน้าทางอุตสาหกรรมและความทันสมัยของเวียดนาม นอกจากนี้ ผู้อำนวยการการไฟฟ้าเวียดนาม นาย Tran Dinh Nhan กล่าวว่าโรงงาน Hoa Binh มีวัตถุประสงค์เพื่อใช้ประโยชน์จากแม่น้ำดาซังอย่างเต็มที่และใช้น้ำที่อุดมสมบูรณ์ในฤดูน้ำหลาก เพื่อที่จะทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและความปลอดภัยต่อระบบไฟฟ้าของประเทศ

ที่มา : http://hanoitimes.vn/vietnam-kicks-off-us400-million-hydropower-project-315865.html

Oxford Economics คาด GDP เวียดนามปี 64 โต 8%

ตามรายงานแนวโน้มเศรษฐกิจของ Oxford Economics คาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจในกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จะกลับมาฟื้นตัว 6.2% ในปี 2564 แต่ว่าเวียดนามยังคงขยายตัวได้ดีถึง 8% ในขณะที่ ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ของภูมิภาคในปีที่แล้ว หดตัว 4.1% โดยประเทศที่ประสบความสำเร็จในการควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสนั้น ได้แก่ เวียดนามและสิงคโปร์ ทั้งนี้ การฟื้นตัวของเศรษฐกิจในปี 2564 ขึ้นอยู่กับการการผ่อนคลายการปิดเมืองหรือล็อกดาวน์ลง และแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก รวมถึงการประสบความสำเร็จในการเปิดตัววัคซีน ซึ่งความคืบหน้าของวัคซีนจะเป็นปัจจัยที่สำคัญต่อเศรษฐกิจ นอกจากนี้ นาย Mark Billington ผู้อำนวยการส่วนภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และประเทศจีน ICAEW กล่าวถึงความกังวลต่อกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ คือการเพิ่มขึ้นของจำนวนผู้ติดเชื้อ ในขณะเดียวกัน ค่อยๆนำภาคสังคมและกิจกรรมทางเศรษฐกิจกลับมาฟื้นตัวให้เร็วขึ้น

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/856708/viet-nam-gdp-to-grow-by-8-per-cent-oxford-economics.html

เวียดนามตั้งเป้าเศรษฐกิจโตเฉลี่ย 7% ในปี 64-73

เวียดนามตั้งเป้าหมายผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) เติบโตราว 7% ในอีก 10 ปีข้างหน้า นับว่าเป็นประเทศที่มีรายได้ปานกลาง-สูง ที่มีอุตสาหกรรมสมัยใหม่ในโลก นาย Tran Hong Quang ผู้อำนวยการสถาบันยุทธศาสตร์เวียดนาม กล่าวถึงการร่างยุทธศาสตร์การพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศสำหรับในปี 2564-2573 จากการประชุมเมื่อวันที่ 11 มกราคม 2564 ที่ผ่านมา โดยในปี 2573 ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศต่อหัว จะเพิ่มขึ้น 4,700-5,000 เหรียญสหรัฐ จากปัจจุบันอยู่ที่ 3,521 เหรียญสหรัฐ และตั้งเป้าว่าจะเป็นประเทศพัฒนาแล้วที่มีระดับรายได้สูงในปี 2588 ทั้งนี้ ภายใต้ร่างยุทธศาสตร์นั้น รัฐบาลได้นิยามถึง 3 สิ่งที่จะผลักดันการเติบโตของเวียดนามในอีก 10 ปีข้างหน้า ได้แก่ กรอบเชิงสถาบัน ทรัพยากรมนุษย์และโครงสร้างพื้นฐาน นอกจากนี้ องค์การพัฒนาอุตสาหกรรมแห่งสหประชาชาติ (UNIDO) กำหนดหลักเกณฑ์แก่ประเทศอุตสาหกรรมใหม่ ต้องมีมูลค่าการผลิตเพิ่มต่อหัวที่ 1,000-2,500 เหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 0.5 ของมูลค่าการผลิตทั้งหมดทั่วโลก

ที่มา : http://hanoitimes.vn/vietnam-aims-for-average-annual-growth-of-7-in-2021-30-315839.html

ภาคอสังหาฯ มีสัดส่วน 7.6% ของเศรษฐกิจเวียดนาม

สมาคมอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติเวียดนาม (VNREA) เปิดเผยว่าอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 7.62% ของ GDP เวียดนามในปี 2562 ในแง่ของสินทรัพย์อสังหาริมทรัพย์นั้น มีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นเป็น 20.8% ของสินทรัพย์รวมของเศรษฐกิจเวียดนามในปี 2563 ด้วยมูลค่าสินทรัพย์ทั้งประเทศ 986.82 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2563 ทั้งนี้ ตามงานวิจัย ซึ่งเป็นการศึกษาค้นคว้าอิสระ ชี้ให้เห็นว่าภาคอสังหาริมทรัพย์มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจอย่างมีนัยสำคัญ โดยส่วนใหญ่จะกระจายไปอยู่ในการก่อสร้าง อุตสาหกรรม การท่องเที่ยว ที่พัก ร้านอาหาร การเงินและการธนาคาร อย่างไรก็ตาม นาย Vo Tri Thanh นักเศรษฐศาสตร์และสมาชิกสภาที่ปรึกษาด้านนโยบายการเงินของธนาคารกลางเวียดนาม กล่าวว่าควรจะจัดลำดับความสำคัญของนโยบายในการพัฒนาภาคอสังหาริมทรัพย์อย่างยั่งยืน นอกจากนี้ สมาคมดังกล่าว มีแผนที่จะส่งงานวิจัยและข้อเสนอแนะไปยังรัฐบาล คณะกรรมการธิการ สมัชชาแห่งชาติ กระทรวงก่อสร้าง กระทรวงการคลัง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อกำหนดนโยบายระยะยาวต่อภาคอสังหาริมทรัพย์

ที่มา : http://hanoitimes.vn/real-estate-accounts-for-76-of-vietnam-economy-315846.html

แบงก์ชาติเวียดนามตั้งเป้าสินเชื่อ 12% ในปี 64

ในปี 2564 ธนาคารกลางเวียดนาม (SBV) ตั้งเป้าการเติบโตของสินเชื่อไว้ที่ 12% ใกล้เคียงกับระดับเดียวกันของปีที่แล้วที่ 11-12% สิ่งนี้เป็นหนึ่งในเป้าหมายสำคัญในปี 2564 ที่กำหนดไว้ในหนังสือเวียนฉบับ No.01/CT-NHNN โดยมีเป้าหมายเพื่อรักษาเสถียรภาพของเศรษฐกิจมหภาคและส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจ ทั้งนี้ แบงก์ชาติเวียดนาม คาดว่าจะยังคงควบคุมอัตราเงินเฟ้อให้ต่ำกว่า 4% เพื่อรักษาเสถียรภาพของตลาดการเงินและอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ ในขณะที่ ภาคธนาคารมุ่งเน้นไปที่การปรับปรุงคุณภาพสินเชื่อ รวมถึงช่วยเหลือธุรกิจและผู้คนที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัส อย่างไรก็ตาม แบงก์ชาติเวียดนาม ได้เน้นถึงความสำคัญในเรื่องการปรับโครงสร้างสถาบันสินเชื่อ โดยเฉพาะระบบธนาคารที่อ่อนแอ และแก้ไขปัญหาหนี้เสีย นอกจากนี้ เมื่อปี 2563 แบงก์ชาติเวียดนามได้หั่นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ครั้งที่ 4 เพื่อกระตุ้นให้ธนาคารพาณิชย์ปล่อยสินเชื่อด้วยอัตราดอกเบี้ยที่ถูกลง

  ที่มา : http://hanoitimes.vn/vietnam-cbank-targets-credit-growth-at-12-in-2021-315835.html

เวียดนามก้าวสู่สังคมไร้เงินสด

เวียดนามกำลังจะเข้าสู่การเป็นสังคมไร้เงินสด เนื่องจากผู้คนหันมาใช้จ่ายเงินผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Payment) แทนการชำระเงินแบบดั้งเดิม ตามผลการสำรวจจากผู้ให้บริการชำระเงิน “VISA” ในปี 2563 เผยว่าลูกค้าชาวเวียดนาม 47% หันมาใช้การชำระเงินที่ไร้การสัมผัส และ 45% ใช้การชำระเงินออนไลน์ และ 51% มีบัญชีกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ (e-Wallet) ซึ่งแนวโน้มพฤติกรรมการชำระเงินดังกล่าว คล้ายกับอีกหลายๆประเทศในเอเชียแปซิฟิก นับว่านี้เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ VISA ประกาศเร่งโครงการสตาร์ทอัพในภูมิภาคนี้ รวมถึงเวียดนาม ทั้งนี้ นาย Chris Clark ประธานภาคพื้นเอเชียแปซิฟิกของ Visa กล่าวว่าจากประสบการณ์ของบริษัทและกลุ่มสตาร์ทอัพหลายแห่ง พบว่าเมื่อถึงจุดหนึ่งธุรกิจจะเผชิญกับอุปสรรคบางอย่าง เมื่อทำการขยายการดำเนินงานไปยังต่างประเทศ อย่างไรก็ตาม เวียดนามยังเป็นจุดหมายปลายทางส่วนใหญ่ของการลงทุนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ด้วยสัดส่วน 36% ที่ลงทุนไปยังระบบการชำระเงินแบบใหม่ในปี 2562

ที่มา : http://hanoitimes.vn/vietnam-moves-towards-cashless-society-315819.html

เวียดนามเดินหน้าสู่ศูนย์กลางทางการเงินระหว่างประเทศ

นาย Nguyen Chi Dung รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการวางแผนและการลงทุน กล่าวว่าหลังจากล่าช้ามาหลายปี เวียดนามก็เริ่มดำเนินก่อตั้งศูนย์กลางทางการเงินระหว่างประเทศ ตามแผนในปีนี้  ซึ่งในปัจจุบัน เวียดนามได้รับโอกาสอีกครั้ง ในการจัดตั้งศูนย์กลางทางการเงินระหว่างประเทศ (IFC) และเมืองสำคัญ อาทิ เมืองโฮจิมินห์ และดานัง เป็นต้น ศูนย์กลาง IFC จะดึงดูดเงินทุนระหว่างประเทศและเพิ่มรายได้ของรัฐบาล ทั้งนี้ ศูนย์กลางทางการเงิน จะกระจายไปทั้งทั่วภูมิภาคหรือเมืองที่พร้อมด้านการบริการทางการเงินอย่างเต็มรูปแบบ และสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนขนาดใหญ่ได้โดยตรงจากกลุ่มธนาคาร บริษัทประกัน กองทุนเพื่อการลงทุนและตลาดทุนที่จดทะเบียน ด้วยเหตุนี้ จะช่วยให้บริษัท องค์กรและผู้คนจากทั่วโลก เข้ามาใช้ประโยชน์จากการจัดหาเงินทุนในห่วงโซ่อุปทานและการจัดการความเสี่ยง

  ที่มา : https://e.vnexpress.net/news/business/economy/vietnam-to-begin-work-on-international-financial-center-in-earnest-4218770.html