การเติบโตที่แข็งแกร่งของสถาบันทางการเงินรายย่อยที่จดทะเบียนใน CSX

Hattha Kaksekar Ltd และ บริษัท LOLC กัมพูชา จำกัด (มหาชน) ทั้งสองบริษัทได้รายงานการเติบโตของผลประกอบการที่แข็งแกร่งในปีที่แล้วตามรายงานประจำปีที่เกี่ยวข้องกับตลาดหลักทรัพย์ท้องถิ่น โดย LOLC กัมพูชารายงานการเติบโตของพอร์ตสินเชื่อ 61% และยอดเงินฝากเพิ่มขึ้น 95% ซึ่งรวมถึงผู้กู้ที่เพิ่มขึ้น 25% และผู้ฝากเงินเพิ่มขึ้น 86% นอกจากนี้บริษัทกล่าวว่าได้รับส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 10.6% โดย LOLC กำลังมองหาวิธีที่จะเติบโตผ่านกลยุทธ์ของการขยายจำนวนผู้กู้และปรับปรุงคุณภาพสินเชื่อโดยมุ่งเน้นไปที่ความสามารถในการชำระหนี้ของลูกค้าเป็นหลัก ส่วนประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Hattha Kaksekar Ltd (HKL) กล่าวว่าบริษัทของเขาวางแผนที่จะเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ในปีนี้พร้อมประกาศแผนการเปลี่ยนบริษัทจากสถาบันรับฝากเงินรายย่อยสู่การเป็นธนาคารพาณิชย์ โดยในเดือนตุลาคมปีที่แล้วธนาคารแห่งชาติกัมพูชาอนุมัติคำขอของบริษัทในการเพิ่มทุนจาก 75 ล้านเหรียญสหรัฐเป็น 115 ล้านเหรียญสหรัฐ จากรายงานประจำปีพอร์ตสินเชื่อของ HKL สูงกว่า 1 พันล้านเหรียญสหรัฐและยอดเงินฝากมีมูลค่า 599 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งปัจจุบันเป็นธนาคารพาณิชย์ที่มีสาขา 177 สาขาและตู้เอทีเอ็ม 137 แห่งทั่วประเทศ

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50710321/csx-listed-microfinance-institutions-record-a-very-strong-yearly-growth/

ผู้อำนวยการ NBC กล่าวถึงสกุลเงินเรียลและดอลลาร์ในช่วง Covid-19

ธนาคารแห่งชาติกัมพูชา (NBC) ได้เรียกร้องให้สาธารณชนเพิ่มการใช้สกุลเงิน riels เพื่อช่วยให้ธนาคารกลางใช้สกุลเงินท้องถิ่นของประเทศเป็นเครื่องมือในการกำหนดมูลค่าและอัตราดอกเบี้ยให้มีเสถียรภาพในตลาดในช่วงวิกฤตการณ์ COVID-19 โดยทั่วไปเมื่อเกิดวิกฤตเศรษฐกิจธนาคารกลางจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงเพื่อกระตุ้นให้สถาบันสินเชื่อดำเนินการปล่อยสินเชื่ออย่างต่อเนื่อง ซึ่งช่วยให้การปล่อยสินเชื่อภาครัฐในอัตราดอกเบี้ยต่ำอย่างต่อเนื่อง นี่คือสาเหตุที่ธนาคารกลางเสนอสินเชื่อในอัตราดอกเบี้ยต่ำเพื่อสนับสนุนให้ชาวกัมพูชานำเงินออกไปใช้ในระบบให้เป็นสกุลเงินท้องถิ่นเพิ่มมากขึ้น แต่อย่างไรก็ตามแม้จะมีนโยบายเหล่านี้สินเชื่อบนสกุลเงิน riels ได้ลดลงจาก 25% ในปี 2559 เหลือ 10% ในปี 2563

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50710320/nbc-director-general-explains-economics-of-riels-and-dollars-during-the-covid-19-crisis/

การคาดการณ์ GDP ใหม่ของกัมพูชาไม่ดีนัก

ธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งเอเชีย (ADB) ได้คาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจที่แท้จริงของกัมพูชาไว้อยู่ที่ 2.3% ในปีนี้และจะอยู่ที่ราว 5.7% ในปี 2564 ตามรายงานฉบับใหม่ของ ADB ซึ่งตีพิมพ์ในรายงาน “Asian Development Outlook 2020” โดย ADB กล่าวว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจของกัมพูชาจะลดลงเหลือ 2.3% ในปี 2020 อันเป็นผลโดยตรงจากการระบาดของ COVID-19 ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจโลกชะลอตัวลงอย่างมีนัยสำคัญ ส่งผลให้การเข้าถึงตลาดส่งออกสำคัญของกัมพูชาลดลงเป็นอย่างมาก แต่อย่างไรก็ตามคาดว่าเศรษฐกิจของกัมพูชาจะฟื้นตัวกลับมาเติบโตอยู่ในระดับ 5.7% ในปี 2564 โดยสันนิษฐานว่าการระบาดใหญ่ในครั้งนี้จะสิ้นสุดลงและกิจกรรมทางเศรษฐกิจจะกลับมาเป็นปกติภายในสิ้นปีนี้ ซึ่งรัฐบาลกัมพูชาได้ดำเนินการตามขั้นตอนที่เหมาะสมในการตอบสนองต่อวิกฤติดังกล่าว รวมถึงการให้การสนับสนุนค่าจ้างสำหรับคนงานภาคผลิตเสื้อผ้า การบรรเทาด้านภาษีและเครดิตสำหรับธุรกิจ โดย ADB กล่าวว่าภาคบริการของกัมพูชาคาดว่าจะหดตัวร้อยละ 1.7 ในปี 2020 เนื่องจากการท่องเที่ยวลดลง รวมถึงการเติบโตของอุตสาหกรรมนั้นคาดว่าจะชะลอตัวลงถึง 6.5% ด้วยการชะลอตัวของการผลิตเสื้อผ้าสำเร็จรูปเพื่อการส่งออกและภาคการก่อสร้างที่เติบโตช้าลง

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50709859/new-gdp-prediction-is-not-optimistic/

มูลค่าทางการค้าระหว่างกัมพูชาและญี่ปุ่นอยู่ที่ 2.3 พันล้านเหรียญสหรัฐในปี 2562

การค้าระหว่างประเทศของกัมพูชาและญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น 13% ในปีที่แล้วมาอยู่ที่ 2,292 ล้านเหรียญสหรัฐจากรายงานล่าสุดขององค์การการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น (JETRO) โดยการเพิ่มขึ้นนี้แสดงให้เห็นว่าญี่ปุ่นเป็นหนึ่งในห้าประเทศผู้นำเข้าหลักจากกัมพูชา ซึ่งรายงานระบุว่าระหว่างเดือนมกราคมถึงธันวาคม 2562 กัมพูชาส่งออกสินค้าไปญี่ปุ่นมูลค่า 1,730 ล้านเหรียญสหรัฐเพิ่มขึ้น 7.7% เมื่อเทียบเป็นรายปี ส่วนการนำเข้าของกัมพูชาจากญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น 33.4% ซึ่งเพิ่มขึ้นเป็น 562 ล้านเหรียญสหรัฐ จากรายงานของธนาคารแห่งชาติกัมพูชาแสดงให้เห็นว่าการส่งออกทั้งหมดของประเทศในปี 2019 มีมูลค่ารวมทั้งสิ้น 14.53 พันล้านเหรียญสหรัฐในปี 2562 เพิ่มขึ้น 12.7% เมื่อเทียบเป็นรายปี โดยการนำเข้ารวมของกัมพูชามีมูลค่าอยู่ที่ 22.19 พันล้านเหรียญสหรัฐในปีที่แล้วคิดเป็นเพิ่มขึ้น 18.6% ในปีที่แล้ว ซึ่งญี่ปุ่นเป็นตลาดส่งออกที่ใหญ่เป็นอันดับสองของประเทศ โดยสหรัฐฯเป็นอันดับแรก

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50709857/cambodia-and-japan-2-3-billion-record-trade-in-2019/

การส่งออกข้าวของกัมพูชาเพิ่มขึ้น 35% ในไตรมาสแรก ท่ามกลางการระงับการส่งออก

กัมพูชาส่งออกข้าวสารจำนวน 230,948 ตัน ไปยังตลาดต่างประเทศในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ตามรายงานของสหพันธ์ข้าวกัมพูชา ตัวเลขดังกล่าวแสดงถึงการเพิ่มขึ้นกว่า 35% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว ชี้ให้เห็นว่าจีนเป็นตลาดหลักของข้าวกัมพูชา โดยตั้งแต่เดือนมกราคมถึงมีนาคม 2563 มีการส่งออกข้าวกว่า44% ส่งออกไปยังประเทศจีนตามด้วยสหภาพยุโรป 30% ประเทศในกลุ่มอาเซียน 12% และจุดหมายปลายทางอื่น ๆ 14% ที่ได้ระบุไว้ในรายงาน ซึ่งในเดือนมีนาคมเดือนเดียวการส่งออกข้าวสารอยู่ที่จำนวน 94,449 ตัน เพิ่มขึ้น 62% เมื่อเทียบกับเดือนมีนาคม 2562 โดยเมื่อปีที่แล้วกัมพูชาส่งออกข้าวสารจำนวน 620,000 ตัน ไปยังตลาดต่างประเทศ ดังตัวเลขการส่งออกข้าวของกัมพูชาที่ดูเพิ่มขึ้นนี้มาจากรัฐบาลประกาศห้ามส่งออกข้าวสารและข้าวเปลือกตั้งแต่เดือนเมษายน ซึ่งเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมานายกรัฐมนตรีฮุนเซนได้สั่งให้หยุดการส่งออกข้าวขาวและข้าวเปลือกทั้งหมดตั้งแต่วันที่ 5 เมษายนจนกว่าจะมีประกาศ เพื่อปกป้องอุปทานภายในประเทศเพื่อตอบสนองต่อความกังวลของการขาดแคลนอาหารในช่วงการระบาดของ COVID-19

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50708588/cambodias-rice-export-up-35-percent-in-q1-amid-looming-ban/

การค้าระหว่างกัมพูชาและสหรัฐฯเพิ่มขึ้น 33% สู่ 585 ล้านเหรียญสหรัฐในเดือนมกราคม

การค้าทวิภาคีระหว่างกัมพูชาและสหรัฐอเมริกามีมูลค่าอยู่ที่ 585 ล้านเหรียญสหรัฐในเดือนมกราคม 2563 เพิ่มขึ้น 33% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยตัวเลขรายงานจากสำนักงานการค้าของสหรัฐฯแสดงให้เห็นว่าการส่งออกของกัมพูชาไปยังตลาดสหรัฐอเมริกาเพิ่มขึ้น 38% เป็น 560 ล้านเหรียญสหรัฐในขณะที่การนำเข้าจากสหรัฐฯอยู่ที่ 26 ล้านดอลลาร์สหรัฐลดลงจาก 34.5 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งตามรายงานของกระทรวงพาณิชย์กัมพูชาพบว่าสินค้าส่งออกของกัมพูชาส่วนใหญ่ที่ส่งไปยังสหรัฐอเมริกา ได้แก่ สิ่งทอ รองเท้า สินค้าการท่องเที่ยวและสินค้าเกษตร ขณะที่สหรัฐฯส่งออกยานพาหนะ อาหารสัตว์และเครื่องจักรเป็นส่วนใหญ่ ในปี 2562 การค้าระหว่างประเทศมีมูลค่าอยู่ที่ 5.8 พันล้านเหรียญสหรัฐในปี 2562 เพิ่มขึ้น 37% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50708596/cambodia-u-s-trade-volume-up-by-33-percent-to-us585-million-in-january/