เวียดนามนำเข้ารถยนต์ 202 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในเดือนสิงหาคม

จากรายงานของกรมศุลกากร เผยว่าในเดือนสิงหาคม ปริมาณนำเข้ารถยนต์ทุกประเภทของเวียดนามอยู่ที่ 8,800 คัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 85.6 เมื่อเทียบกับเดือนที่แล้ว ซึ่งเวียดนามนำเข้ารถยนต์จากไทยมากที่สุด 4,700 คัน รองลงมาอินโดนีเซีย 2,500 คัน และจีน 570 คัน คิดเป็นสัดส่วนรวมกันทั้งสามประเทศ ร้อยละราว 90 ของยอดนำเข้ารวม ทั้งนี้ จำนวนการนำเข้ารถยนต์ 9 ที่นั่งหรือน้อยกว่า อยู่ที่ 6,136 คัน (69.4% ของยอดนำเข้ารวม) เพิ่มขึ้นร้อยละ 91.6 เมื่อเทียบกับเดือนที่แล้ว นอกจากนี้ ถึงแม้ว่าปริมาณนำเข้ารถยนต์ในเดือนสิงหาคมจะเพิ่มขึ้นอย่างมาก แต่ก็ไม่สามารถพยุงจำนวนรถยนต์ในเดือนมกราคม-สิงหาคมได้ทั้งหมด ที่ลดลงร้อยละ 44.3 เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ด้วยจำนวน 53,800 คัน จากการได้รับผลกระทบของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในขณะที่ แบ่งออกเป็นประเภทรถยนต์ได้ ดังนี้ รถยนต์ 9 ที่นั่งหรือน้อยกว่า 39,000 (-46.9%), รถบรรทุก 10,759 คัน (-47.8%)

ที่มา : https://vov.vn/en/economy/vietnam-spends-us202-million-importing-automobiles-in-august-780374.vov

ข้อกำหนดกฎหมายการลงทุนแฟรนไชส์ในเวียดนาม

โดย SME Go Inter

ตลาดแฟรนไชส์ในเวียดนามยังคงเป็นที่น่าศึกษา ติดตามเพื่อขยายฐานการลงทุน โดยเฉพาะธุรกิจสินค้าบริการอาหารและเครื่องดื่มแบบแฟรนไชส์ที่ไปได้ดีและโตแรง ขณะที่รูปแบบการนำแฟรนไชส์จากต่างประเทศมาเปิดดำเนินการในเวียดนามมีรูปแบบ ที่หลากหลายทั้งแบบสัญญา แฟรนไชส์โดยตรง (Direct franchising) ที่มีการพัฒนาให้สิทธิ์ในการเปิดกิจการได้มากกว่าหนึ่งแห่ง ตัวอย่างเช่น รูปแบบแฟรนไชส์ที่มีการให้สิทธิ์ในการเปิดดำเนินธุรกิจได้หลายสาขา (multi-unit) หรือการให้สิทธิ์แบบ Development agreements รวมทั้งแบบสัญญาแฟรนไชส์หลัก (Master franchise agreements) เป็นต้น

ดังนั้นการเข้าไปเล่นตลาดแฟรนไชส์ในเวียดนาม จะต้องดำเนินกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับพฤติกรรมของผู้บริโภค และกฎระเบียบข้อบังคับของกฎหมายการลงทุนแฟรนไชส์ในเวียดนาม เพื่อให้สามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างต่อเนื่อง ตามคำแนะนำดังต่อไปนี้

  1. ควรทำการสำรวจตลาดก่อนที่จะมีการตั้งราคาของผลิตภัณฑ์และค่าธรรมเนียมแฟรนไชส์
  2. เลือกผลิตภัณฑ์/บริการที่มีศักยภาพหรือเป็นที่นิยม แม้ว่าธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มจะยังคงเป็นธุรกิจที่ได้รับความนิยมในอีก 3-5 ปีข้างหน้า
  3. เน้นกลุ่มเป้าหมายที่มีรายได้ปานกลาง ซึ่งเป็นกลุ่มประชากรที่มีการเติบโตสูง
  4. เข้าร่วมงานแสดงสินค้าหรือเยี่ยมชมงานแสดงสินค้าที่เกี่ยวข้องในเวียดนามอย่างต่อเนื่อง เพื่อแนะนำผลิตภัณฑ์ สร้างความรับรู้และจดจำสินค้าแก่ผู้บริโภค อย่างน้อย 3 ปีติดต่อกัน จะทำให้คู่ค้าเกิดความคุ้นเคยต่อแบรนด์สินค้า
  5. เลือกทำเลที่เหมาะสมและราคาไม่แพง ในเมืองที่มีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว เช่น นครโฮจิมินห์ และกรุงฮานอย ที่ยังมีทำเลให้เลือกมาก
  6. ปรับกลยุทธ์ให้เข้าถึงตลาดที่มีวัฒนธรรมแตกต่าง ด้วยการศึกษาวัฒนธรรม นิสัยและรสนิยมของคนในท้องถิ่นนั้นๆ เพื่อเพิ่มโอกาสในการประสบความสำเร็จของธุรกิจ

การขึ้นทะเบียนประกอบธุรกิจแฟรนไชส์กับกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าเวียดนาม

  1. เอกสารประกอบการขึ้นทะเบียนประกอบธุรกิจแฟรนไชส์ ประกอบไปด้วย สำเนาเอกสารแนะนำธุรกิจแฟรนไชส์ (The Franchise Introduction Statement) และข้อตกลงของแฟรนไชส์ รวมไปถึงใบสมัครและเอกสารอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
  2. ข้อตกลงแฟรนไชส์ในเวียดนาม กฎหมายของประเทศเวียดนามไม่ได้บังคับให้มีข้อกำหนดเพิ่มเติมใดๆ ในข้อตกลงธุรกิจแฟรนไชส์ ผู้เป็นเจ้าของสิทธิ์แฟรนไชส์และผู้รับสิทธิ์ดำเนินธุรกิจแฟรนไชส์ มีอิสระที่จะเจรจาข้อกำหนดและเงื่อนไขของข้อตกลงแฟรนไชส์
  3. ภาษีธุรกิจแฟรนไชส์ในเวียดนาม ถึงแม้ว่าเจ้าของสิทธิ์แฟรนไชส์ต่างชาติจะไม่ได้จดทะเบียนธุรกิจในเวียดนาม แต่มีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจากผู้รับสิทธิดำเนินธุรกิจแฟรนไชส์ในเวียดนาม และถือเป็นการทำสัญญาระหว่างบริษัทเวียดนามกับบริษัทต่างชาติ จึงจะต้องถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย สำหรับค่าธรรมเนียมใดๆ ที่เรียกเก็บจากผู้รับสิทธิดำเนินกิจการ
  4. การจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าในเวียดนาม การเข้ามาลงทุนธุรกิจในเวียดนาม เจ้าของสิทธิแฟรนไชส์ควรจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า รวมถึงการจด URL และเว็บไซต์กับสำนักงานทรัพย์สินทางปัญญาแห่งชาติเวียดนาม
  5. การเป็นผู้รับสิทธิดำเนินธุรกิจแฟรนไชส์ต่างประเทศในเวียดนาม นักลงทุนต่างชาติสามารถเป็นผู้รับสิทธิ์ดำเนินธุรกิจแฟรนไชส์ได้ เมื่อมีการจัดตั้งนิติบุคคลในเวียดนาม อย่างไรก็ตาม สามารถเปิดธุรกิจเฉพาะที่ได้รับอนุญาตให้ดำเนินกิจการโดยชาวต่างชาติตามที่เวียดนามได้ผูกพันไว้กับองค์การการค้าโลก (World Trade Organization : WTO)
  6. การจัดตั้งธุรกิจค้าปลีกในเวียดนาม โดยส่วนใหญ่ไม่มีการกำหนดเงินทุนขั้นต่ำสำหรับการดำเนินการธุรกิจในเวียดนาม

สำหรับคำแนะนำในการเข้าไปดำเนินธุรกิจในเวียดนามของผู้ประกอบการไทยนั้น มีรูปแบบดังนี้

  1. ลงทุนร่วมกับผู้ซื้อแฟรนไชส์ชาวเวียดนามโดยเป็นการลงทุนลักษณะ Offshore
  2. การจัดตั้งกิจการในแบบบริษัทต่างชาติ (Foreign-own company)
  3. การควบรวมและการซื้อกิจการ (Mergers and Acquisitions (M&A)
  4. เลือกพันธมิตรหรือคู่ค้าที่เหมาะสม โดยบริษัทท้องถิ่นหลายแห่งอาจไม่มีความเข้าใจอย่างแท้จริงในแบรนด์สินค้า รวมทั้งกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับแฟรนไชส์

ที่มา :

/1 สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครโฮจิมินห์ ศูนย์สนับสนุนธุรกิจใน AEC.ธุรกิจแฟรนไชส์ในเวียดนาม.2562

/2 https://www.bangkokbanksme.com/en/franchise-investment-law-requirements-in-vietnam

นิงห์บิงห์เล็งก่อสร้างโรงงานยานยนต์ 137 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

การก่อสร้างโรงงานประกอบยานยนต์และอุตสาหกรรมการผลิต คาดว่าจะใช้เงินทุนราว 137.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เริ่มต้นก่อสร้างเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาในจังหวัดนิงห์บิงห์ (Ninh Bình) ซึ่งได้รับเงินทุนจากบริษัท Thanh Cong Group รวมถึงโรงงานผลิตของ Hyundai Thanh Cong แห่งที่ 2 มีกำลังการผลิต 100,000 คันต่อปี ขนาดพื้นที่ครอบคลุม 50 เฮกตาร์อยู่ในนิคมอุตสาหกรรม Gian Khau ทั้งนี้ นาย Dinh Van Dien ประธานคณะกรรมการประชาชนจังหวัดนิงห์บิงห์ กล่าวว่าการขยายธุรกิจของบริษัทดังกล่าว เป็นไปตามยุทธศาสตร์ของจัวหวัดในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม รวมถึงการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ของประเทศ

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/772558/ninh-binh-eyes-137m-automobile-factory.html

สนง.สถิติแห่งชาติ คาด GDP เวียดนาม ปี 63 โต 2-3%

นาย Nguyen Bich Lam ผู้อำนวยการสำนักงานสถิติแห่งชาติเวียดนาม (GSO) กล่าวว่าในปีนี้ ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ของเวียดนามเติบโตร้อยละ 2-3 ซึ่งตรงกับที่กระทรวงวางแผนและการลงทุนคาดการณ์ไว้และใกล้เคียงกับทางธนาคารพัฒนาเอเชีย (ADB) ที่คาดการณ์ไว้ที่ร้อยละ 1.8 เมื่อต้นเดือนนี้ ท่ามกลางการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 และจะกลับมาฟื้นตัวที่ร้อยละ 6.3 ในปีหน้า ชณะที่ การคาดการณ์ตัวเลขเศรษฐกิจดังกล่าว ยึดจากผลการดำเนินงานธุรกิจและการผลิตในเดือนสิ.ค.และในช่วง 8 เดือนแรกของปีนี้ รวมถึงความสำเร็จของรัฐบาลในการรับมือโควิด-19 และการเร่งเบิกจ่ายการลงทุนของภาครัฐและสภาพแวดล้อมในการทำธุรกิจที่ดีขึ้น เป็นต้น นอกจากนี้ เวียดนามคาดว่าจะได้รับประโยชน์จากข้อตกลงการค้าเสรี EVFTA ที่จะช่วยให้ภาคเกษตร ประมงและอุตสาหกรรมเติบโตได้ดียิ่งขึ้น

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/vietnams-gdp-to-grow-23-percent-this-year-former-gso-director/186314.vnp

INFOGRAPHIC : เวียดนามกลับมาเปิดเที่ยวบินพาณิชย์ระหว่างประเทศ 6 เส้นทาง

เที่ยวบินระหว่างประเทศจะกลับมาเปิดภายในเดือนกันยายน 2563 หลังจากช่วง 5 เดือนที่ผ่านมา ยกเลิกการบิน เนื่อจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธ์ใหม่ (COVID-19) โดยการเปิดเที่ยวบินดังกล่าว จะช่วยสร้างแรงหนุนใหม่ให้กับตลาดการบินที่ซบเซา จากการระบาดระลอก 2

เที่ยวบินต่างประเทศที่เวียดนามเปิดรับมีดังต่อไปนี้

  1. โซล  (เกาหลีใต้)
  2. โตเกียว (ญี่ปุ่น)
  3. ไทเป (ไต้หวัน, จีน)
  4. กว่างโจว (จีน)
  5. เวียงจันทน์ (สปป.ลาว)
  6. พนมเปญ (กัมพูชา)

ความถี่ : ไม่เกิน 2 เที่ยวบิน/สัปดาห์/เที่ยวบินละกลุ่ม

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/six-intl-commercial-flights-resumed/185223.vnp

เวียดนามตั้งเป้า GDP ปี 64 โต 6.5%

กระทรวงวางแผนและการลงทุน (MPI) ได้ตั้งเป้าการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ปี 2564 ร้อยละ 6-6.5 ซึ่งเป้าหมายจากการประชุมรัฐบาลในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา เกี่ยวกับสถานการณ์เศรษฐกิจและสังคมในปีนี้และแผนการณ์ในปีหน้า ทั้งนี้ ทางกระทรวง MPI ร่วมมือกับกระทรวงการคลังในเรื่องแผนการใช้งบประมาณในปีนี้และส่งให้นายกรัฐมนตรีลงนามอนุมัติต่อไป ทั้งสองกระทรวงข้างต้นจะรายงานเกี่ยวกับการใช้งบประมาณในวันที่ 25 กันยายนและเร่งเบิกจ่ายโครงการในปีนี้ นอกจากนี้ หน่วยงานรัฐต่างๆ จะส่งแผนรายละเอียดการลงทุนที่ใช้งบประมาณในปี 2563 ภายในวันที่ 30 กันยายน หลังจากนั้น กระทรวง MPI จะร่วมมือกับกระทรวงการคลัง เพื่อประเมินโครงการและรายงานไปยังนายกรัฐมนตรี

 ที่มา : https://vietreader.com/business/16757-vietnam-targets-65-gdp-2021-growth.html

เวียดนามเผยธุรกิจเครื่องหนังและรองเท้า ไม่น่าบรรลุเป้าส่งออก 24 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

กระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า (MoIT) เปิดเผยว่าอุตสาหกรรมเครื่องหนังและรองเท้าของเวียดนาม ตั้งเป้าการส่งออกยากที่จะถึง 24 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปีนี้ เนื่องจากตลาดทั่วโลกหดตัวลง ทั้งนี้ ในภาพรวม มูลค่าการส่งออกของอุตสาหกรรมดังกล่าวอยู่ที่ 10.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในช่วง 8 เดือนแรกของปีนี้ ลดลงร้อยละ 8.6 เมื่อเทียบกับปีก่อน แต่เมื่อเผชิญกับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้ผู้บริโภคชาวต่างชาติรัดเข็มขัดการบริโภค ซึ่งตลาดรองเท้าเวียดนามหลานรายได้รับผลกระทบ ได้แก่ สหรัฐฯ จีน ญี่ปุ่น เบลเยียมและเยอรมนี นอกจากนี้ กระทรวง MoIT ระบุว่าอุตสาหกรรมเครื่องหนังและรองเท้ายังคงเผชิญกับอุปสรรคในช่วงที่เหลือของปีนี้ จากการฟื้นตัวของสหรัฐฯ และตลาดอียูที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากโควิด-19 โดยปัจจุบัน จำนวนธุรกิจมีมากกว่า 1,700 แห่ง และธุรกิจส่วนใหญ่ร้อยละ 85 มีเงินทุนและเทคโนโลยี รวมถึงต้องพึ่งพาการนำเข้าวัสดุจากต่างชาติอย่างมาก

ที่มา : https://vov.vn/en/economy/leather-footwear-sector-unlikely-to-meet-us24bln-export-target-780044.vov

INFOGRAPHIC : “ดัชนีนวัตกรรม” เวียดนามอยู่อันดับที่ 42 ของโลก

ตามรายงานขององค์การทรัพย์สินทางปัญญาแห่งโลก (WIPO) เผยผลการจัดอันดับดัชนีชี้วัดความสามารถทางนวัตกรรม (Global Innovation Index : GII) ประจำปี 2563 ประเทศเวียดนามได้จัดอันดับความสามารถด้านนวัตกรรมอยู่อันดับที่ 42 จาก 131 ประเทศ ติดต่อกันเป็นปีที่ 2 ในปี 2563

ตัวชี้วัดดัชนี GII มีอยู่ 7 ปัจจัยหลัก ได้แก่

  1. ปัจจัยด้านสถาบัน
  2. ปัจจัยด้านทุนมนุษย์
  3. ปัจจัยด้านโครงสร้างพื้นฐาย
  4. ปัจจัยด้านระบบตลาด
  5. ปัจจัยด้านระบบธุรกิจ
  6. ผลผลิตจากองค์ความรู้และเทคโนโลยี
  7. ผลผลิตจากความคิดสร้างสรรค์

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/vietnam-ranks-42nd-in-global-innovation-index/182448.vnp