ยอดขายซุปเปอร์มาร์เก็ตพุ่งสูงขึ้น ขณะที่ตลาดสดดิ่งลง

จากรายงานของกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า เปิดเผยว่ารายได้ของธุรกิจภาคการค้าในช่วง 2 เดือนแรกของปีนี้ เพิ่มขึ้นมากกว่าร้อยละ 10 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว เนื่องมาจากผลกระทบของการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ทำให้มีความต้องการสินค้าจำเป็นมากยิ่งขึ้น โดยสินค้าส่วนใหญ่ที่คนซื้อ คือกลุ่มอาหารที่จำเป็น ได้แก่ ปศุสัตว์และเนื้อสัตว์ปีก ไข่ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปและผัก เป็นต้น สำหรับทางฝั่งซุปเปอร์มาร์เก็จยังคงต้องส่งเสริมช่องทางอีคอมเมิร์ซ เพื่อที่จะตอบสนองความต้องการของผู้คนเมื่อเผชิญกับสถานการณ์ดังกล่าว เพราะว่าราคาอาหารในซุปเปอร์มาร์เก็ตหลังจากช่วงปีใหม่ ยังมีเสถียรภาพอยู่และต่ำกว่าเมื่อเทียบกับตลาดสด สำหรับปริมาณขายสินค้าของตลาด ลดลงร้อยละ 50-70 ขณะที่รายได้ลดลงร้อยละ 50-80 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาก่อนที่จะมีการแพร่ระบาดไวรัส นอกจากนี้ ลูกค้ายังคงกังวลที่จะไปยังสถานที่แออัด ดังนั้น รายได้จากอีคอมเมิร์ซของบางธุรกิจนั้น ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 20-30

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/sales-at-supermarkets-surge-wet-markets-drop/170116.vnp

วิเคราะห์ศักยภาพการแข่งขันการส่งออกไทยในเวียดนาม

เวียดนามเผยส่งออกมันสำปะหลังลดลง ช่วง 2 เดือนแรกของปีนี้

จากข้อมูลของกระทรวงเกษตรและพัฒนาชนบท (MARD) ระบุว่าการส่งออกมันสำปะหลังของเวียดนามลดลงเล็กน้อย ในช่วง 2 เดือนแรกของปีนี้ เป็นผลมาจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยปริมาณการส่งออกมันสำปะหลังในช่วงเวลาดังกล่าว 380,000 ตัน คิดเป็นมูลค่า 127 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงร้อยละ 0.06 และ 0.16 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งราคาส่งออกเฉลี่ยของมันสำปะหลังอยู่ที่ราว 332 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน ลดลงร้อยละ 10 เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ทั้งนี้ จีนยังคงเป็นตลาดมันสำปะหลังของเวียดนามรายใหญ่ที่สุด คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 93 ของมูลค่าส่งออกมันสำปะหลังรวม อย่างไรก็ตาม การส่งออกมันสำปะหลังไปยังจีนลดลงร้อยละ 21.1 ในด้านปริมาณและร้อยละ 25.1 ในด้านมูลค่า เมื่อเทียบกับชาวงเดียวกันของปีที่แล้ว สาเหตุมาจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งได้ปิดตลาดตามเขตชายแดนและระงับกิจกรรมการค้าตามบริเวณชายแดนอย่างต่อเนื่อง ส่งผลกระทบอย่างมากต่อการส่งออกมันสำปะหลังของเวียดนามไปยังจีน นอกจากนี้ จีนยังคงมีความเข็มงวดสำหรับการติดฉลาก,การบรรจุภัณฑ์ และการค้าตามชายแดน เป็นต้น

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/vietnam-sees-cassava-export-reduction-in-two-months/169980.vnp

ยอดขายรถยนต์เดือนกุมภาพันธ์ เพิ่มขึ้น 11%

จากรายงานของสมาคมผู้ผลิตยานยนต์เวียดนาม (VAMA) เมื่อวันที่ 11 มีนาคม เปิดเผยว่าสมาชิกของสมาคมฯ มียอดขายรถยนต์ 17,616 คัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 11 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของเดือนที่แล้ว โดยยอดขายรถยนต์เชิงพาณิชย์และรถยนต์ที่มีวัตถุประสงค์พิเศษปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 74 และ 49 ตามลำดับ และมีปริมาณจำหน่าย 4,812 และ 333 คัน ในขณะที่ ยอดขายรถยนต์ส่วนบุคคลในเดือนนี้ 12,471 คัน ลดลงร้อยละ 3 ทั้งนี้ ยอดขายรถยนต์ที่ประกอบในประเทศจำนวน 11,697 คัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 22 ขณะที่ ยอดขายรถยนต์ที่นำเข้าจากต่างชาติจำนวน 5,919 คัน ลดลงร้อยละ 4 โดยเฉพาะอย่างยิ่ง แบรนด์รถยนต์ TC Motor ที่ไม่ได้เป็นสมาชิกของสมาคมดังกล่าว มียอดขายรถยนต์ในเดือนก.พ. 4,332 คัน อย่างไรก็ตาม โตโยต้ายังคงเป็นผู้นำในตลาดรถยนต์เวียดนาม ด้วยยอดขายรถยนต์ 4,682 คัน รองลงมา TC Motor, Kia, Mazda และ Ford นอกจากนี้ ผู้อำนวยการทั่วไปของฟอร์ดเวียดนาม คาดว่าในปี 2563 ตลาดรถยนต์เวียดนามจะมีการเติบโตร้อยละ 10-20 เนื่องมาจากอุปทานการผลิตรถยนต์และการส่งเสริมการขายที่มีความหลากหลาย

ที่มา : https://english.vov.vn/economy/automobile-sales-up-11-in-february-411220.vov

ตลาด ‘อีคอมเมิร์ซเวียดนาม’ แตะระดับมากกว่า 17 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2566

จากข้อมูลของ GlobalData คาดการณ์ว่ามูลค่าของตลาดอีคอมเมิร์ซเวียดนามอยู่ที่ 17.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2566 และปรับตัวเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปี 2562 ราว 9.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดย GlobalData เป็นบริษัทวิเคราะห์และจัดหาข้อมูล ระบุว่าอัตราการเติบโตของตลาดอีคอมเมิร์ซเวียดนามจะเติบโตอยู่ที่ร้อยละ 16.3 และมองว่าตลาดอีคอมเมิร์ซเวียดนามเพิ่มขึ้นมาเป็น 2 เท่าในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาจากการใช้จ่ายออนไลน์ ด้วยมูลค่าของตลาดดังกล่าวเพิ่มขึ้นจาก 3.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2558 จนมาถึงในปี 2562 อยู่ที่ 9.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ ผลสำรวจของบริษัท GlobalData แสดงให้เห็นว่าการชำระผ่านเงินสดยังคงเป็นช่องทางการชำระเงินที่ได้รับความนิยมมากที่สุด คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 35.6 ของการทำธุรกรรมบนอีคอมเมิรซ์ และ MoMo เป็นช่องทางการชำระเงินที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในเวียดนาม รองลงมา Paypal นอกจากนี้ บริษัทระดับโลกได้ส่งเสริมการลงทุนไปยังกลุ่มบริษัทอีคอมเมิร์ซเวียดนาม ได้แก่ TiKi ได้รับเงินทุน 5.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐจากบริษัท VNG Corporation และอีก 44 ล้านดอลลาร์สหรัฐจากนักลงทุนชาวจีน (JD.com)

ที่มา : https://en.nhandan.com.vn/business/item/8479702-vietnam%E2%80%99s-e-commerce-market-to-surpass-us$17-billion-in-2023.html

เวียดนามนำเข้าเนื้อสุกรพุ่งสูงขึ้น ช่วงเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์

เวียดนามนำเข้าเนื้อสุกรมากกว่า 13,800 ตัน ในช่วง 2 เดือนแรกของปี 2563 เพิ่มขึ้นร้อยละ 150 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งแคนาดาเป็นผู้นำเข้าเนื้อสุกรรายใหญ่ที่สุดจากเวียดนาม คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 33.06 ของการนำเข้าจากต่างประเทศรวม ตามมาด้วยเยอรมัน (25.4%), บราซิล (16.10%), โปรแลนด์ (15.81%) และสหรัฐฯ (7.78%) ขณะเดียวกัน เวียดนามนำเข้าเนื้อวัวมากกว่า 12,450 ตัน และเนื้อกระบืออยู่ที่ 12,930 ตัน หากจำแนกรายสินค้า พบว่าเนื้อกระบือส่วนใหญ่มาจากอินเดีย และเนื้อวัวส่วนใหญ่มาจากสหรัฐฯ ออสเตรเลียและแคนาดา ทั้งนี้ จากข้อมูลของกระทรวงเกษตรและพัฒนาชนบท (MARD) ระบุว่าตั้งแต่ต้นปีนี้จนถึงเดือนมีนาคม 2562 ปริมาณเนื้อสุกร 24 ล้านตัน คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 77 ของเนื้อสุกรรวม ก่อนที่จะเผชิญกับไข้หวัดหมูแอฟริกา (AFS) ในขณะเดียวกัน จำนวนสุกรในประเทศคาดว่าจะเพิ่มขึ้นจนถึงเดือนเมษายน เพื่อที่มั่นใจว่าอุปทานเนื้อสุกรจะเพียงพอในการรองรับอุปสงค์ในประเทศ

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/pork-imports-surge-in-january-february/169917.vnp

VN-Index ดิ่งสุดในรอบ 18 ปีที่ผ่านมา

ดัชนี VN-Index ในตลาดหลักทรัพย์โฮจิมินห์ (HOSE) ปิดที่ 835.49 จุด ณ วันที่ 9 มีนาคม ทำสถิติแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2545 โดยผู้เชี่ยวชาญระบุว่ามาจากผลกระทบเชิงลบของไวรัสโควิด-19 ในทั่วโลกและเวียดนาม ซึ่งในตลาดหุ้น HOSE นั้นมีเพียง 34 หุ้นที่สามารถเติบโต 386 หุ้นที่ลดลง และอีก 14 หุ้นยังคงทรงตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หุ้นทั้งหมดในดัชนี VN30 ประกอบไปด้วยหุ้นที่มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดสูงสุดและมีสภาพคล่องในตลาดหลักทรัพย์โฮจิมินห์ ซึ่งขาดทุนในวันนี้ ขณะที่ ดัชนี HNX Index ปิดที่ 106.34 จุด สำหรับนักลงทุนต่างชาติได้ขายหุ้นด้วยมูลค่า 229.61 พันล้านด่ง (9.91 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ในตลาดหลักทรัพย์โฮจิมินห์และมูลค่า 2 พันล้านด่งในตลาดหลักทรัพย์ฮานอย

ที่มา : https://english.vov.vn/economy/vnindex-hits-rock-bottom-in-past-18-years-411121.vov

ADB เผยเศรษฐกิจเวียดนามลดลง 0.41% จากไวรัสโควิด-19

จากรายงานของธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย (ADB) คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจเวียดนามลดลงร้อยละ 0.41 เนื่องมาจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งจากตัวรายงานฉบับนี้เผยแพร่ในหัวข้อ “ผลกระทบทางเศรษฐกิจของการระบาดของโควิด-19” ที่เผยแพร่เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา แสดงให้เห็นว่าความเสียหายของเวียดนามนั้นอยู่ในทิศทางที่ดีเมื่อเทียบกับกลุ่มประเทศเอเชีย ด้วยอยู่ในอันดับที่ 9 ตามมาด้วยไทเป (0.44%), สิงคโปร์ (0.57%), มองโกเลีย (0.74%), จีน (0.76%), ฮ่องกง (0.85%), ไทย (1.11), กัมพูชา (1.59%) และมัลดีฟส์ (2.05%) ขณะเดียวกัน การแพร่ระบาดของไวรัสนั้น จะส่งผลกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจในเอเชียและโลก ไม่ว่าจะเป็นด้านการบริโภคในประเทศลดลง การชะลอตัวของการลงทุน การท่องเที่ยวทรุดและการหยุดชะงักด้านการผลิตสินค้า รวมถึงผลกระทบด้านสุขภาพ สำหรับกลุ่มประเทศที่ได้รับผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญ จะเป็นกลุ่มที่ทำการค้าและการผลิตกับจีน รวมถึงนักท่องเที่ยวจากจีนอีกด้วย นอกจากนี้ เศรษฐกิจโลกลดลงร้อยละ 0.2 ในช่วงปลายเดือนมกราคม คิดเป็นมูลค่าที่สูญเสียอยู่ที่ 156 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/adb-vietnam-to-lose-0-41-percent-of-gdp-due-to-covid-19/169850.vnp