กระทรวงพาณิชย์เมียนมา ประกาศรหัส HS 1,100 รหัส สำหรับคลังสินค้าศุลกากร

กระทรวงพาณิชย์เมียนมา ตอบรับการนำเข้า 4 ประเภทในคลังสินค้าศุลกากรด้วยรหัส HS 1,100 รหัส ได้แก่ ยา (117 รหัส) ยานพาหนะไฟฟ้าและชิ้นส่วนที่เกี่ยวข้อง (56 รหัส) วัตถุดิบและเคมีภัณฑ์อุตสาหกรรม (866 รหัส) และวัตถุดิบอาหาร (61 รหัส) นอกเหนือจากสินค้าที่ได้รับอนุญาตในคลังสินค้าของศุลกากรแล้ว การขอใบอนุญาตนำเข้าสินค้าก่อนถึงท่าเรือถือเป็นข้อบังคับ และการไม่ปฏิบัติตามมีโทษปรับและโทษตามกฎหมายที่มีอยู่ ตามประกาศการค้าฉบับที่ 50/2020 กรมภายใต้กระทรวงพาณิชย์ ลงวันที่ 8 กรกฎาคม 2563 อย่างไรก็ดี หากไม่ได้รับใบอนุญาตจะห้ามมิให้ผู้ใดส่งออกและนำเข้าสินค้าที่ระบุซึ่งต้องขอใบอนุญาต กรมการค้าเตือนผู้ส่งออกและผู้นำเข้าถึงบทลงโทษสำหรับการไม่ปฏิบัติตามกฎหมายการส่งออกและนำเข้าคำสั่งและแนวปฏิบัติเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2567 โดยแจ้งให้พวกเขาขอใบอนุญาตก่อนเป็นเอกสารก่อนมาถึงสำหรับการขนส่งทางอากาศ ทะเล และถนนทุกประเภท ตามประกาศข่าวการส่งออกและนำเข้า 3/2567 ของกรมการค้า

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/moc-announces-1100-hs-codes-for-customs-warehousing/#article-title

เมียนมาเข้าร่วมการประชุมเศรษฐกิจระหว่างประเทศเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ครั้งที่ 27 (SPIEF-2024)

คณะผู้แทนเมียนมานำโดยสมาชิกสภาบริหารแห่งรัฐ รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีสหภาพแรงงาน พลเอกเมีย ตุน อู เข้าร่วมการประชุมเศรษฐกิจระหว่างประเทศเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ครั้งที่ 27 (SPIEF-2024) ที่สหพันธรัฐรัสเซีย ระหว่างวันที่ 5 ถึง 8 มิถุนายน โดยมีเมื่อวันที่ 5 มิถุนายน คณะผู้แทนเมียนมาเข้าพบกับรัฐมนตรีผู้รับผิดชอบด้านบูรณาการและเศรษฐศาสตร์มหภาค คณะกรรมาธิการเศรษฐกิจเอเชีย (Eurasian Economic Commission : EEC) และหารือเกี่ยวกับการยกระดับการค้าและการลงทุนระหว่างเมียนมาและสมาชิก EAEU ศึกษาเรื่องการบูรณาการทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาคของ EAEU และความร่วมมือทำงานผ่านบันทึกความร่วมมือระหว่างเมียนมาและ EEC อย่างไรก็ดี ในการประชุมวันที่ 6 และ 7 ประธานาธิบดีรัสเซีย นายวลาดิมีร์ ปูติน ได้เข้าร่วมกล่าวสุนทรพจน์และเป็นผู้นำการประชุม โดยในวันที่ 6 มิถุนายน ได้มีการเข้าพบนายมักซิม เรเช็ตนิคอฟ รัฐมนตรีกระทรวงการพัฒนาเศรษฐกิจรัสเซีย และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับแผนงานที่จะต้องดำเนินการตามรายงานการประชุมการประชุมครั้งที่ 4 ของคณะกรรมาธิการระหว่างรัฐบาลรัสเซีย-เมียนมาว่าด้วยความร่วมมือทางการค้าและเศรษฐกิจ ซึ่งจัดในเดือน มกราคม 2567 ที่รัสเซีย ความคืบหน้าในความร่วมมือทางเศรษฐกิจเมียนมา-รัสเซีย และการดำเนินการตามแผนงานความร่วมมือระหว่างทั้งสองประเทศ วันที่ 7 มิถุนายน คณะผู้แทนเมียนมาได้พบกับนาย Roman Vladimirovich Starovoyt รัฐมนตรีกระทรวงคมนาคมของรัสเซีย และการอภิปรายมุ่งเน้นไปที่ความร่วมมือในภาคการขนส่งระหว่างเมียนมาและรัสเซีย การให้บริการเที่ยวบินระหว่างทั้งสองประเทศ และความร่วมมือในการขนส่งทางรถไฟ นอกจากนี้ รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขแห่งสหภาพเมียนมายังได้เข้าพบกับ ดร. มิคาอิล มูราชโก รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขของรัสเซีย และหารือเกี่ยวกับความร่วมมือทวิภาคีในภาคด้านสุขภาพ การร่างกรอบความร่วมมือ การบริการดูแลสุขภาพร่วมกันสำหรับโรคมะเร็ง ณ โรงพยาบาลตองยี เซา ซาน ตุน การจำหน่ายและการผลิตยารักษาโรคมะเร็งที่ผลิตโดยรัสเซีย ในประเทศเมียนมา และ คณะผู้แทนเมียนมายังได้พบปะกับเจ้าหน้าที่ของบริษัท Russian PJSC Gazprom, FESCO Transport & Logistics Company, Business Russia และ Aquarius Technology Company เพื่อหารือเกี่ยวกับการลงทุนในภาคพลังงานของเมียนมา การทำงานความร่วมมือในภาคการขนส่งและโลจิสติกส์ การเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล เศรษฐกิจดิจิทัล ความปลอดภัยทางไซเบอร์ และข้อมูล

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/myanmar-participates-in-27th-st-petersburg-international-economic-forum-spief-2024/

เมียนมาตั้งเป้าส่งออกพัลส์ 1.89 ล้านตันในปีงบประมาณนี้

ตามการระบุของกระทรวงพาณิชย์ ระบุว่า เมียนมาพยายามที่จะบรรลุเป้าหมายการส่งออก 1.89 ล้านตันในปีงบประมาณ 2567-2568 ผลิตผลทางการเกษตรของเมียนมาถือเป็นกระดูกสันหลังของการส่งออก รวมถึงข้าว ข้าวโพด และเมล็ดงา ซึ่งมีส่วนช่วยต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ในระดับดี โดยที่มูลค่าการส่งออกถั่วพัลส์ของเมียนมาในปีงบประมาณ 2566-2567 ที่ผ่านมา ซึ่งมีมูลค่ามากกว่า 1.76 ล้านตัน (เมษายน 2566 – มีนาคม 2567) ประกอบด้วยการค้าทางทะเล 1.6 ล้านตัน มูลค่า 1.34 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และการค้าผ่านด่านชายแดน 157,400 ตัน มูลค่า 141.38 ดอลลาร์สหรัฐ ทั้งนี้ ปีงบประมาณปัจจุบัน 2567-2568 ซึ่งเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน ในช่วงสองเดือนที่ผ่านมาเมียนมามีรายได้ 412 ล้านดอลลาร์สหรัฐจากการส่งออกถั่วพัลส์มากกว่า 470,000 ตัน โดยการส่งออกพัลส์ของเมียนมาทางทะเลมีมูลค่ารวมกว่า 460,800 ตัน มูลค่า 397.8 ล้านดอลลาร์ ในขณะที่พัลส์มากกว่า 17,000 ตัน มูลค่า 14.6 ล้านดอลลาร์ ถูกส่งไปยังประเทศเพื่อนบ้านผ่านทางชายแดน อย่างไรก็ตาม กระทรวงพาณิชย์ได้มีความร่วมมือกับสมาคมผู้ค้าถั่ว ถั่ว ข้าวโพด และเมล็ดงา เพื่อมุ่งเป้าไปที่การส่งออก ทั้งนี้การบริโภคภายในประเทศคิดเป็นสัดส่วนเพียงร้อยละ 20 ของผลผลิตพัถั่วลส์ของเมียนมา ในขณะที่ร้อยละ 80 ของการผลิตถูกส่งออกไปยังตลาดต่างประเทศ

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/myanmar-aims-to-export-1-89m-tonnes-of-pulses-this-fy/

การส่งออกประมงของเมียนมามีมูลค่า 100 ล้านเหรียญสหรัฐใน 2 เดือน

สถิติของกระทรวงพาณิชย์เมียนมา เผยว่า การส่งออกประมงของเมียนมาเพิ่มขึ้นเป็นกว่า 102.97 ล้านดอลลาร์สหรัฐในช่วงสองเดือนที่ผ่านมาของปีงบประมาณปัจจุบันปี 2567-2568 ซึ่งเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน โดยตัวเลขดังกล่าวสะท้อนถึงการเพิ่มขึ้น 33.545 ล้านดอลลาร์ เมื่อเทียบกับสถิติที่บันทึกไว้ในช่วงเวลาเดียวกันของปีงบประมาณ 2023-2024 ซึ่งมีมูลค่าอยู่ที่ 69.425 ล้านดอลลาร์ อย่างไรก็ดี เมียนมาส่งสินค้าประมง เช่น ปลา ปู และกุ้ง ไปยังประเทศเพื่อนบ้าน (จีนและไทย) ผ่านด่านชายแดน Muse, Myawady, Kawthoung, Myeik, Sittway และ Maungtaw นอกจากนี้ยังจัดส่งไปยังประเทศญี่ปุ่น ประเทศในยุโรป จีน ไทย และประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคผ่านช่องทางเดินเรือ ซึ่งสหพันธ์ประมงเมียนมาระบุว่า ปลามากกว่า 20 สายพันธุ์ รวมถึงฮิลซา โรฮู ปลาดุก และปลากะพงขาว ถูกส่งไปยังตลาดต่างประเทศ โดยส่งออกไปยังกว่า 40 ประเทศ และผู้นำเข้าประมงชั้นนำของเมียนมาคือไทย รองลงมาคือจีน

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/myanmars-fisheries-exports-bag-us100m-in-2-months/#article-title

การระบาดของโรคอหิวาต์สุกรส่งผลให้การเลี้ยงสุกรของเมียนมาลดลงในปีนี้

เจ้าของฟาร์มสุกรในเมืองยาเมธิน กล่าวว่า เนื่องจากเกิดไข้หวัดหมูระบาดตั้งแต่ในช่วงฤดูแล้งของปีที่แล้ว ส่งผลให้จำนวนผู้เลี้ยงสุกรลดลงในปีนี้ แต่การบริโภคเนื้อหมูยังคงเท่าเดิม ส่งผลให้ราคาเนื้อหมูในตลาดจึงสูง อย่างไรก็ดีในการเลี้ยงหมูอ่อนของเมียนมามีทั้งการเลี้ยงหมูพื้นเมืองและหมูซีพี ซึ่งขณะนี้แม้ว่าเกษตรกรบางรายหยุดทำฟาร์มสุกรไปเนื่องจากผลกระทบของโรคระบาดเมื่อปีก่อน แต่ก็มีความต้องการที่จะทำฟาร์มต่อ นอกจากนี้ ราคาสุกรมีชีวิตอยู่ในเกณฑ์ที่ดีระหว่างปลายเดือนกุมภาพันธ์ถึงสัปดาห์แรกของเดือนมีนาคม รวมทั้งเกษตรกรส่วนใหญ่ในตลาดปัจจุบันยังมีความต้องการให้อุตสาหกรรมการเลี้ยงสุกรของเมียนมาพัฒนามากขึ้น

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/last-years-swine-fever-leads-to-decline-in-pig-farming-this-year/#article-title

ยอดส่งออกพัลส์เมียนมาทะลุ 470,000 ตัน มูลค่า 412 ล้านดอลลาร์สหรัฐสหรัฐฯ

สถิติของกระทรวงพาณิชย์เมียนมาเผยว่า เมียนมาสร้างรายได้จากการส่งออก 412 ล้านดอลลาร์สหรัฐสหรัฐจากผลผลิตพัลส์มากกว่า 470,000 ตันในช่วงสองเดือนที่ผ่านมา เดือนเมษายน-พฤษภาคม ของปีการเงินปัจจุบันปี 2567-2568 ซึ่งเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน แบ่งเป็นการส่งออกพัลส์ทางทะเลกว่า 460,800 ตัน คิดเป็นมูลค่า 397.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และส่งไปยังประเทศเพื่อนบ้านผ่านพรมแดนทางบก กว่า 17,000 ตัน มูลค่า 14.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ทั้งนี้ ในปีงบประมาณ 2566-2567 ที่ผ่านมา มูลค่าการส่งออกพัลส์ของเมียนมามีมูลค่ามากกว่า 1.484 พันล้านดอลลาร์สหรัฐสหรัฐ จากมากกว่า 1.76 ล้านตัน (เมษายน-มีนาคม) ซึ่งประกอบด้วยการค้าทางทะเล 1.6 ล้านตัน มูลค่า 1.34 พันล้านดอลลาร์สหรัฐสหรัฐ และผ่านด่านชายแดน 157,400 ตัน มูลค่า 141.38 ดอลลาร์สหรัฐ อย่างไรก็ดี เมียนมาส่งออกถั่วดำ ถั่วเขียว และถั่วแระไปยังตลาดต่างประเทศเป็นหลัก ในจำนวนนี้ ถั่วดำและถั่วแระจะถูกส่งไปยังอินเดียเป็นหลัก ในขณะที่ถั่วเขียวจะถูกส่งออกไปยังจีนและยุโรป นอกจากนี้ ตามบันทึกความเข้าใจระหว่างเมียนมาและอินเดียที่ลงนามเมื่อวันที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2564 อินเดียจะนำเข้าถั่วดำจำนวน 250,000 ตัน และถั่วลันเตา (tur) จำนวน 100,000 ตันจากเมียนมาเป็นเวลาห้าปีติดต่อกัน ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. 2564-2565 ถึงปีงบประมาณ พ.ศ. 2568-2569 ซึ่งสนธิสัญญา G-to-G นี้จะไม่ส่งผลกระทบต่อโควตาประจำปีของพัลส์ที่อินเดียกำหนด และผู้ส่งออกของเมียนมายังมีสิทธิ์ส่งพัลส์ไปยังอินเดียภายใต้โควต้าประจำปีนั้น

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/pulse-exports-cross-470000-tonnes-worth-us412m-in-apr-may/