รัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน – ญี่ปุ่นแถลงการณ์สู้โควิด-19

อาเซียนจับมือญี่ปุ่นออกถ้อยแถลงร่วมด้านเศรษฐกิจ รับมือวิกฤตโควิด-19  เน้นบรรเทาผลกระทบและเสริมสร้างความยืดหยุ่นทางเศรษฐกิจ พร้อมจัดหาวัตถุดิบและสินค้าส่งออกตลาดโลก  นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า รัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนและญี่ปุ่นได้ออกถ้อยแถลงร่วม “ข้อริเริ่มด้านความยืดหยุ่นทางเศรษฐกิจเพื่อรับมือกับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19” โดยมีเป้าหมายหลัก 3 ประการ คือ  1.รักษาความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจอันใกล้ชิดระหว่างอาเซียนและญี่ปุ่น และรับมือกับความท้าทายทางเศรษฐกิจที่เกิดจากโควิด-19  2. ร่วมมือกันบรรเทาผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดจากโควิด-19 และ 3. เสริมสร้างความยืดหยุ่นทางเศรษฐกิจ โดยได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ของทั้งสองฝ่ายร่วมกันจัดทำแผนปฏิบัติการ เพื่อให้ข้อริเริ่มดังกล่าวเป็นรูปธรรมโดยเร็ว อีกทั้งยังให้ความสำคัญกับการรักษาตลาดที่เปิดกว้าง และส่งเสริมให้เกิดห่วงโซ่อุปทานที่ยืดหยุ่น ทั้งในระดับภูมิภาคและระดับโลก โดยอาเซียนและญี่ปุ่นในฐานะผู้ผลิตหลักของห่วงโซ่อุปทานโลกจะพยายามอย่างเต็มที่ในการจัดหาวัตถุดิบและสินค้าต่างๆ ส่งออกสู่ตลาดโลก เพื่อรักษาเสถียรภาพของตลาด รวมถึงไม่สร้างอุปสรรคต่อการเคลื่อนย้ายสินค้าที่จำเป็น เช่น อาหาร สินค้าโภคภัณฑ์ ยา อุปกรณ์และเครื่องมือทางการแพทย์และสุขภาพ เป็นต้น ตลอดจนร่วมมือกันแก้ไขปัญหาอย่างสร้างสรรค์ให้กับภาคธุรกิจ โดยเฉพาะวิสาหกิจขนาดกลาง ขนาดย่อม และรายย่อย และส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีดิจิทัลในการดำเนินธุรกิจ เพื่อเอื้อให้ภูมิภาคนี้เป็นศูนย์กลางทางการค้าและการลงทุนของโลก รวมทั้งช่วยเสริมสร้างความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชน

ที่มา : https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/877536?utm_source=category&utm_medium=internal_referral&utm_campaign=economic

ดอน เตรียมร่วมประชุม รมว.ต่างประเทศอาเซียน-สหรัฐ รับมือโควิด

นายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศมีกำหนดเข้าร่วมประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน-สหรัฐ สมัยพิเศษ ว่าด้วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ผ่านระบบการประชุมทางไกล ในวันพฤหัสบดีที่ 23 เม.ย. 2563  เวลา 08.00 – 10.00 น. ตามเวลาในประเทศไทย โดยรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของลาว ในฐานะประเทศผู้ประสานงานความสัมพันธ์อาเซียน-สหรัฐ จะเป็นประธานการประชุมร่วมกับนายไมค์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ ทั้งสองฝ่ายจะเน้นการแลกเปลี่ยนข้อมูลและแนวปฏิบัติที่เป็นเลิศอย่างโปร่งใสและทันท่วงที การเสริมสร้างขีดความสามารถในการตอบสนองต่อภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุขโดยใช้กลไกด้านสาธารณสุขที่อาเซียนมีบทบาทนำ อย่างไรก็ตาม ภายหลังการประชุมนั้น รมว.ต่างประเทศลาว และสหรัฐ ในฐานะประธานร่วมของการประชุมจะออกแถลงการณ์ร่วม เพื่อสะท้อนเจตนารมณ์ที่อาเซียนและสหรัฐ จะร่วมมือกันรับมือกับสถานการณ์โควิด-19 เพื่อเสริมสร้างศักยภาพด้านสาธารณสุขและเตรียมความพร้อมรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉินด้านสาธารณสุขในอนาคตด้วย

ที่มา : https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/877160?utm_source=category&utm_medium=internal_referral&utm_campaign=foreign

“ผู้นำอาเซียน” เปิดประชุมทางไกล เน้นย้ำ “ร่วมมือ-คุมโรค-รักษาการค้า” ทางรอดโควิด-19

การประชุมสุดยอดอาเซียนสมัยพิเศษว่าด้วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ “โควิด-19” ในวันนี้ (14 เม.ย.) โดยมีนายกรัฐมนตรี เหวียน ชวน ฟุก แห่งเวียดนาม ในฐานะประธานอาเซียน เป็นผู้นำการประชุม โดยผู้นำของประเทศสมาชิกอาเซียนทั้ง 10 ประเทศได้ร่วมประชุมแลกเปลี่ยนข้อมูล เกี่ยวกับสถานการณ์การแพร่ระบาดภายในประเทศ และมาตรการที่รัฐบาลของประเทศต่าง ๆ ใช้เพื่อควบคุมโรคระบาดและบรรเทาผลกระทบ ในการประชุมสุดยอดอาเซียนสมัยพิเศษครั้งนี้ ยังมีการประชุมอาเซียน+3 ซึ่งร่วมการประชุมกับจีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ เพื่อแลกเปลี่ยนสถานการณ์ปัจจุบันและประสบการณ์การในการรับมือกับโรคระบาดของแต่ละประเทศอีกด้วย

ที่มา : https://www.prachachat.net/world-news/news-449394

ผู้นำอาเซียนเตรียมประชุมทางไกลหารือสู้โควิด-19 สัปดาห์หน้า

ผู้นำประเทศสมาชิกสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรือ อาเซียน กำลังเตรียมจัดการประชุมทางไกลร่วมกันในสัปดาห์หน้า เพื่อหารือเกี่ยวกับวิธีการรับมือกับการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 แหล่งข่าวทางการทูตเปิดเผยว่า การประชุมสุดยอดทางโทรศัพท์คาดว่าจะมีขึ้นในวันที่ 14 เม.ย. พร้อมเสริมว่า อาเซียนซึ่งประกอบด้วยสมาชิก 10 ชาติ กำลังพิจารณาที่จะจัดการประชุมทางไกลร่วมกับผู้นำญี่ปุ่น, จีน และเกาหลีใต้ด้วย โดยคาดว่านายหลี่ เค่อ เฉียง นายกรัฐมนตรีจีน, นายชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น และประธานาธิบดีมูน แจ อิน ของเกาหลีใต้ จะเข้าร่วมการประชุมสุดยอดทางไกลอาเซียน+3 ครั้งนี้ บรรดาผู้นำจะแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับวิธีการควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัส, การใช้มาตรการป้องกัน และการรักษาผู้ป่วยที่ติดเชื้อโควิด-19 สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า เมื่อเดือนที่ผ่านมา เวียดนามซึ่งดำรงตำแหน่งประธานอาเซียนในปีนี้ได้แจ้งแก่ประเทศสมาชิกว่า การประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนซึ่งเวียดนามจะเป็นเจ้าภาพนั้น จะเลื่อนจากเดือนเม.ย. ไปเป็นช่วงปลายเดือนมิ.ย. สำหรับการประชุมสุดยอดสหรัฐ-อาเซียนนัดพิเศษซึ่งเดิมมีกำหนดจัดขึ้นในช่วงกลางเดือนมี.ค. ที่นครลาสเวกัส ได้ถูกเลื่อนออกไปเช่นกัน เนื่องจากไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ยังคงแพร่ระบาดไปทั่วโลก ทั้งนี้ กลุ่มสมาชิกอาเซียนประกอบด้วยบรูไน กัมพูชา อินโดนีเซีย ลาว พม่า มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ไทย และเวียดนาม

ที่มา : https://www.infoquest.co.th/2020/11643

ครม.อนุมัติบริจาคเพิ่มทุนสมาคมพัฒนาการระหว่างประเทศ 159.91 ล้าน

ศาสตราจารย์นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเผยว่า คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการบริจาคเพิ่มทุนในสมาคมพัฒนาการระหว่างประเทศ (International Development Association : IDA) ครั้งที่ 19 (IDA 19) ของประเทศไทย จำนวน 159.91 ล้านบาท โดยแบ่งชำระออกเป็น 9 งวด ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. 2564-2572 โดยมอบหมายให้กระทรวงการคลัง (กค.) และสำนักงบประมาณ (สงป.) ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ตามที่กระทรวงการคลัง (กค.) เสนอ สมาคมพัฒนาการระหว่างประเทศ (IDA) เป็นสถาบันในกลุ่มธนาคารโลกมีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยเหลือด้านการพัฒนาแก่ประเทศกำลังพัฒนาที่ยากจนที่สุดในรูปแบบเงินให้เปล่า (Grant) และเงินกู้เงื่อนไขผ่อนปรน ในครั้งนี้กระทรวงการคลังเสนอให้ไทยบริจาคเงินเพิ่มทุนใน IDA ครั้งที่ 19 (IDA 19) จำนวน 159.91 ล้านบาท โดยแบ่งชำระออกเป็น 9 งวด ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. 2564-2572 และสามารถบริจาคในรูปแบบเงินบาทได้ จึงไม่มีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน การบริจาคเพิ่มทุนใน IDA 19 สอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) และเป็นการรักษาจุดยืนของประเทศไทยที่สนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจที่ยั่งยืนแก่ประเทศกำลังพัฒนาที่มีฐานะยากจน ซึ่งรวมถึงประเทศในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง โดยประเทศไทยจะได้รับประโยชน์จากผลการพัฒนาของประเทศเหล่านี้ในทางอ้อม ผ่านช่องทางการค้า การลงทุน และความเชื่อมโยงของภูมิภาคและเป็นการส่งเสริมบทบาทภูมิภาคอาเซียนในการเป็นกำลังสำคัญเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจของภูมิภาคและเศรษฐกิจโลกต่อไป

ที่มา : https://mgronline.com/politics/detail/9630000032896

ทรู ดิจิทัล พาร์ค จัด Live งาน TDPK Pitching Day 2020 ครั้งแรก หนุนสตาร์ทอัพป้อนอุตสาหกรรม S-Curve ชิงรางวัลรวมมูลค่า 1.5 ล้านบาท

ทรู ดิจิทัล พาร์ค ศูนย์กลางเทคและสตาร์ทอัพที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน เปิดโอกาสให้สตาร์ทอัพส่งไอเดียและผลงานธุรกิจในหัวข้อ “10 อุตสาหกรรมเป้าหมาย หรือ 10 S-Curve” ที่เป็นกลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศสู่ยุคดิจิทัล 4.0 ชิงรางวัลรวมมูลค่า 1.5 ล้านบาท พร้อมการสนับสนุนด้านต่างๆ จากทรู ดิจิทัล พาร์ค ที่จะช่วยเพิ่มความคล่องตัวของธุรกิจ อาทิ พื้นที่นั่งทำงานฟรี (Co-Working Space) และ ช่องทางสื่อสารโปรโมตธุรกิจ เป็นต้น โดยได้รับเกียรติจากผู้เชี่ยวชาญในแวดวงเทคโนโลยีและสตาร์ทอัพร่วมตัดสินผลงาน และมอบรางวัลแก่สตาร์ทอัพ ทั้งนี้ ทรู ดิจิทัล พาร์ค ยังคงเดินหน้าสร้างระบบนิเวศสมบูรณ์แบบครบวงจรสำหรับสตาร์ทอัพและผู้ประกอบการรุ่นใหม่ด้านเทคโนโลยี พร้อมสร้างเครือข่ายสตาร์ทอัพอย่างต่อเนื่อง โดยในสถานการณ์ปัจจุบันที่มีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ทรู ดิจิทัล พาร์ค ได้ปรับรูปแบบการจัดงาน Pitching Day ตามมาตรการ Social Distancing ใช้เทคโนโลยีถ่ายทอดสดกิจกรรม Pitching ผ่านระบบออนไลน์ ออกทางช่อง Facebook ของทรู ดิจิทัล พาร์ค และ แพล็ตฟอร์ม ของ ทรู ไอดี ให้ทั้งสตาร์ทอัพและบุคคลทั่วไป สามารถชมการนำเสนอผลงานได้ในพื้นที่ต่างๆ โดยไม่จำเป็นต้องรวมตัวในที่เดียวกันเพื่อลดความหนาแน่นของผู้เข้าร่วมงาน พร้อมมีมาตรการป้องกันการแพร่เชื้อ COVID-19 สร้างความมั่นใจให้แก่ผู้เข้ามาทำงานและประชุมภายในโครงการ

ที่มา : https://www.ryt9.com/s/prg/3108360

AIS ขึ้นสัญญาณ 5G บนมือถือรายแรก ในอาเซียน

นายปรัธนา ลีลพนัง หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านการตลาด กลุ่มลูกค้าทั่วไป บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส กล่าวว่า หลังจากที่ GSMA สมาคมผู้ให้บริการเครือข่ายโทรคมนาคมที่มีสมาชิกมากกว่า 800 รายทั่วโลก ได้ประกาศรับรองให้ เอไอเอสเป็นผู้ให้บริการเครือข่าย 5G รายแรกและรายเดียวในประเทศไทย ที่พร้อมให้คนไทยได้ใช้บริการ 5G เชิงพาณิชย์ อย่างเป็นทางการแล้ว และยังเป็นการนำชื่อเสียงประเทศไทยสู่แวดวงโทรคมนาคมโลก พร้อมปักหมุดไทยเป็นประเทศแรกที่ให้บริการ 5G บนมือถือในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้สำเร็จ “จากเมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2563 ที่ผ่านมา เอไอเอสได้เข้าชำระเงินค่าคลื่น 2600 MHz งวดแรก เรียบร้อยแล้ว และได้รับใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ 2600 MHz เพื่อให้บริการ 5G อย่างเป็นทางการ เป็นรายแรกและรายเดียวในอุตสาหกรรม นอกจากนี้ ยังร่วมกับภาครัฐและภาคอุตสาหกรรม นำประโยชน์ของ 5G มาสนับสนุนการทำงาน อาทิ หุ่นยนต์ที่ช่วยภาคสาธารณสุขรับมือกับไวรัสโควิด-19, ทดสอบการใช้5G ในกิจการท่าเทียบเรือขนส่งสินค้า ควบคุมเครนยกตู้สินค้าได้จากระยะไกล รวมถึงเอไอเอสยังเป็นรายแรก ที่เริ่มเปิดให้บริการ 5G International Roaming เพื่ออำนวยความสะดวกให้ลูกค้าที่เดินทางไปต่างประเทศได้ใช้งาน 5G โดยเริ่มต้นกับ Swisscom ประเทศสวิตเซอร์แลนด์, Etisalat ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และเร็วๆ นี้ กับ China Unicom สาธารณรัฐประชาชนจีน และ SK Telecom ประเทศเกาหลีใต้ อีกด้วย“ทั้งหมดนี้ แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นตั้งใจของเอไอเอสที่พร้อมนำ 5G มาพลิกโฉมและยกระดับประเทศไทยไปอีกขั้นผ่านการผลักดันนวัตกรรมสู่การบริหารจัดการสาธารณูปโภค, ภาคอุตสาหกรรมภาคการผลิตเพื่อเสริมขีดความสามารถอันจะนำมาซึ่งประโยชน์แก่คนไทยต่อไป”

ที่มา : https://www.posttoday.com/economy/news/617198

พาณิชย์เตรียมประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนที่เวียดนาม หวังผลักดันการลงนามข้อตกลง RCEP

กระทรวงพาณิชย์ เตรียมเข้าร่วมประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนอย่างไม่เป็นทางการ (AEM Retreat) ครั้งที่ 26 และการประชุมอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ณ สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม เร่งพิจารณาเห็นชอบแผนงานด้านเศรษฐกิจที่จะผลักดันให้อาเซียนดำเนินการให้สำเร็จในปี 2563 ติดตามการดำเนินการตาม AEC Blueprint พร้อมเตรียมการประชุมรัฐมนตรี RCEP โดยอธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้มอบหมายให้ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงพาณิชย์ นำคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนอย่างไม่เป็นทางการ (AEM Retreat) ครั้งที่ 26 และการประชุมอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ณ สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม โดยมีประเด็นหารือที่สำคัญ เช่น การพิจารณาเห็นชอบแผนงานด้านเศรษฐกิจที่เวียดนามในฐานะประธานอาเซียนผลักดันให้อาเซียนดำเนินการให้สำเร็จในปี 2563 การติดตามการดำเนินการตาม AEC Blueprint โดยเฉพาะเรื่องการอำนวยความสะดวกทางการค้าของอาเซียน การเตรียมการประชุมระดับรัฐมนตรี RCEP และการหารือกับสภาที่ปรึกษาธุรกิจอาเซียนเรื่องการดำเนินงานของอาเซียน เป็นต้น

ที่มา : https://www.trjournalnews.com/16415

ก.แรงงาน เปิดคอร์สฝึกแรงงานเพื่อนบ้าน เสริมความเข้มแข็งภูมิภาคอาเซียน

ก.แรงงาน โดยสถาบันพัฒนาฝีมือแรงงานนานาชาติ กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน เปิดคอร์สอบรมแรงงาน เพื่อนบ้าน กว่า 10 หลักสูตร สร้างความเข้มแข็งลุ่มน้ำโขงและในภูมิภาคอาเซียน โดยทางกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่าความผันผวนทางเศรษฐกิจภายในประเทศไทย เกิดจากปัจจัยหลายด้าน อาทิ การลดลงของปริมาณกำลังแรงงานไทย การปรับเปลี่ยนด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่รวดเร็ว ขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศเพื่อนบ้าน เป็นต้น รวมถึงนักลงทุนจากกลุ่มประเทศอาเซียนที่มีศักยภาพ ได้แก่ สิงคโปร์ มาเลเซีย และไทย หันมาลงทุนในประเทศ CLMV (กัมพูชา สปป.ลาว เมียนมา และเวียดนาม) เพิ่มขึ้น ส่งผลต่อความต้องการแรงงานที่มีความรู้และทักษะฝีมือเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ด้วยเหตุนี้ จีงกำหนดยุทธศาสตร์ความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งนี้ กพร. ได้จัดตั้งสถาบันพัฒนาฝีมือแรงงานนานาชาติขึ้น เพื่อเป็นศูนย์กลางในการพัฒนาฝีมือและศักยภาพแรงงานในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง เพื่อยกระดับขีดความสามารถของแรงงานเพิ่มขึ้น ด้วยจำนวน 13 หลักสูตร อาทิ การออกแบบว็บไซต์ด้านโปรแกรม WordPress การโฆษณาและการตลาดด้านการท่องเที่ยว การประยุกต์ใช้พลังงานแสงอาทิตย์เพื่อการเกษตร เทคนิคการขับรถยกสินค้าอย่างปลอดภัย และเทคนิคการซ่อมเครื่องยนต์เล็กเพื่อการเกษตร เป็นต้น

ที่มา : https://www.ryt9.com/s/prg/3102138

เกษตรฯชงอาเซียนเพิ่มปริมาณสำรอง‘ข้าวฉุกเฉิน’ รองรับภัยพิบัติ-โรคระบาด

นายระพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กล่าวว่า ได้รับมอบหมายจากนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นผู้แทนประชุมคณะมนตรีองค์กรสำรองข้าวฉุกเฉินของอาเซียนบวกสาม (ASEAN Plus Three Emergency Rice Reserve (APTERR) Council) หรือคณะมนตรีแอปเทอร์ ครั้งที่ 8 โดยที่ประชุมทบทวนปริมาณข้าวสำรองให้เหมาะสมกับความต้องการการบริโภคในภาวะวิกฤติ ทั้งนี้ไทยเสนอให้คณะมนตรีแอปเทอร์พิจารณาเพิ่มปริมาณข้าวสำรองในประเทศสมาชิกอาเซียนบวกสามในรูปสัญญา (Earmarked Stock) ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ภัยพิบัติ รวมทั้งโรคระบาดในคน พืช และสัตว์ที่ทวีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น เช่น การระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 โรคอหิวาต์อัฟริกาในสุกร (African Swine Fever) เป็นต้นนอกจากนี้ยังมีภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศได้แก่ ภัยแล้ง พายุไต้ฝุ่น ตลอดจนปริมาณความต้องการบริโภคตามจำนวนประชากรในภูมิภาคที่เพิ่มขึ้นด้วยปัจจุบันมีปริมาณข้าวสำรองรวมของภูมิภาคในการซื้อขายข้าวเพียง 7.87 แสนตัน

ที่มา : https://www.naewna.com/local/474256