ครม.เห็นชอบร่างปฏิญญาอาเซียนการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์รับโลกของงานที่เปลี่ยนไป

เมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม.มีมติเห็นชอบร่างปฏิญญาอาเซียนว่าด้วยการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์สำหรับโลกที่เปลี่ยนแปลงไปของงาน (ASEAN Declaration on Human Resources Development for The Changing World of Work) ซึ่งเป็นการประกาศเจตนารมณ์ทางการเมืองของประเทศสมาชิกอาเซียน ที่ให้ความสำคัญกับผลกระทบที่เกิดขึ้นกับโลกของงาน จากการปฏิวัติอุตสาหกรรม ครั้งที่ 4 การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากรเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ และกระแสการส่งเสริมงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยเน้นการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ให้มีศักยภาพ รองรับการเปลี่ยนแปลงซึ่งจะเป็นโอกาสอันดีต่อกำลังแรงงานให้สามารถใช้ประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงของอนาคตของงานได้ ประกอบด้วยมาตรการสำคัญในด้านการพัฒนาและยกระดับฝีมือแรงงาน เช่น การส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดช่วงวัย การเพิ่มโอกาสการเข้าถึงการพัฒนาทักษะฝีมือแรงงานและโอกาสการจ้างงานสำหรับทุกคน โดยเฉพาะสตรี คนพิการ และผู้สูงอายุ

ที่มา : https://www.matichonweekly.com/hot-news/article_304231

กรมเจรจาฯ เผยบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปไทยมาแรงในตลาดอาเซียน ในช่วงวิกฤตโควิด-19 แนะใช้ประโยชน์จาก FTA ขยายส่งออกเพิ่ม

นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด -19 ส่งผลให้ประชาชนลดการเดินทางและอยู่บ้านมากขึ้น ทำให้มีความต้องการสินค้าอาหารแห้ง และอาหารสำเร็จรูปที่เก็บไว้ได้นานเพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย โดยบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปถือเป็นหนึ่งในสินค้าที่ตอบโจทย์ความต้องการในช่วงวิกฤตนี้ ซึ่งแนวโน้มความต้องการบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่เพิ่มขึ้น ถือเป็นโอกาสของผู้ประกอบการไทยในการเร่งผลิตสินค้าให้เพียงพอกับความต้องการของตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ ในขณะที่ จากสถิติการค้าระหว่างประเทศในช่วงไตรมาสแรกของปี 2563 การส่งออกสินค้าบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปของไทยเติบโตขึ้นถึงร้อยละ 11 จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยไทยส่งออกบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปไปอาเซียน มูลค่า 31.7 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัวถึงร้อยละ 27.3 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2562 ซึ่งมีกัมพูชาเป็นตลาดส่งออกอันดับ 1 ในอาเซียน ส่วนแบ่งตลาดถึงร้อยละ 50 ของการส่งออกไปอาเซียน ตามด้วยเมียนมา สปป.ลาว และเวียดนาม ทั้งนี้ อาเซียนถือเป็นตลาดส่งออกบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปสำคัญที่น่าจับตามอง เนื่องจากมีประชากรจำนวนมาก ประกอบกับนิยมรสชาติอาหารที่คล้ายคลึงกัน โดยเฉพาะอินโดนีเซีย เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และมาเลเซีย ติดอันดับประเทศที่บริโภคบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปสูง 15 อันดับแรกของโลก ส่งผลให้การส่งออกไปอาเซียนเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2562 ไทยส่งออกบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปไปอาเซียนมูลค่า 119.35 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัวร้อยละ 31 จากปี 2561 นอกจากนี้ยังพบว่า ประชากรในอาเซียนยังมีความนิยมรสชาติอาหารที่คล้ายกัน โดยเฉพาะอินโดนีเซีย เวียดนาม ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย ที่ติดอันดับประเทศที่บริโภคบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปสูงสูด 15 อันดับแรกของโลก รวมทั้งยังได้รับแรงหนุนจากความตกลงการค้าเสรี หรือ FTA ที่ยกเว้นการเก็บภาษีนำเข้าสินค้าบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่ส่งออกจากไทยด้วย

ที่มา : https://dtn.go.th/th/

ครม.เคาะแผนพัฒนาแปรรูปอาหาร 6.6 พันลบ.หวังติด TOP10 ผู้ส่งออกอาหารโลก

นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันนี้ว่า ที่ประชุม ครม.มีมติเห็นชอบแผนปฏิบัติการด้านการพัฒนาอุตสาหกรรมแปรรูปอาหารระยะที่ 1 (62-70) โดยคาดว่าจะใช้งบประมาณประจำปี 63-66 ในการดำเนินการ 6,671 ล้านบาท และการสนับสนุนจากเอกชน 2,224 ล้านบาท ซึ่งมีเป้าหมายให้ไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตอาหารอนาคตในอาเซียนในปี 70 และเป็น 1 ใน 10 ของประเทศผู้ส่งออกอาหารของโลก ในด้านเศรษฐกิจคาดว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศจากกลุ่มอาหารจะเติบโตขึ้นเป็น 1.42 ล้านล้านบาท รายได้ธุรกิจเกี่ยวเนื่องกับอุตสาหกรรมอาหารเพิ่มขึ้น 4.5 ล้านล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 7% ต่อปี และจะเกิดการลงทุนใหม่ในอุตสาหกรรมภายในประเทศ 0.48 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 7% ต่อปี สำหรับโครงการนี้ มีวิสัยทัศน์ คือ “ไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตอาหารแห่งอนาคตแห่งอาเซียนควบคู่การขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก” ส่วนสินค้าเป้าหมาย อาทิ ข้าวและธัญพืช ปศุสัตว์ ประมง ผักและผลไม้ อาหารพร้อมรับประทาน เครื่องปรุงรส เกษตรอินทรีย์ เครื่องดื่มสุขภาพ เป็นต้น

ที่มา : https://www.efinancethai.com/LastestNews/LatestNewsMain.aspx?ref=A&id=dFpiMHdKelpvbXM9

รัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน – ญี่ปุ่นแถลงการณ์สู้โควิด-19

อาเซียนจับมือญี่ปุ่นออกถ้อยแถลงร่วมด้านเศรษฐกิจ รับมือวิกฤตโควิด-19  เน้นบรรเทาผลกระทบและเสริมสร้างความยืดหยุ่นทางเศรษฐกิจ พร้อมจัดหาวัตถุดิบและสินค้าส่งออกตลาดโลก  นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า รัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนและญี่ปุ่นได้ออกถ้อยแถลงร่วม “ข้อริเริ่มด้านความยืดหยุ่นทางเศรษฐกิจเพื่อรับมือกับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19” โดยมีเป้าหมายหลัก 3 ประการ คือ  1.รักษาความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจอันใกล้ชิดระหว่างอาเซียนและญี่ปุ่น และรับมือกับความท้าทายทางเศรษฐกิจที่เกิดจากโควิด-19  2. ร่วมมือกันบรรเทาผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดจากโควิด-19 และ 3. เสริมสร้างความยืดหยุ่นทางเศรษฐกิจ โดยได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ของทั้งสองฝ่ายร่วมกันจัดทำแผนปฏิบัติการ เพื่อให้ข้อริเริ่มดังกล่าวเป็นรูปธรรมโดยเร็ว อีกทั้งยังให้ความสำคัญกับการรักษาตลาดที่เปิดกว้าง และส่งเสริมให้เกิดห่วงโซ่อุปทานที่ยืดหยุ่น ทั้งในระดับภูมิภาคและระดับโลก โดยอาเซียนและญี่ปุ่นในฐานะผู้ผลิตหลักของห่วงโซ่อุปทานโลกจะพยายามอย่างเต็มที่ในการจัดหาวัตถุดิบและสินค้าต่างๆ ส่งออกสู่ตลาดโลก เพื่อรักษาเสถียรภาพของตลาด รวมถึงไม่สร้างอุปสรรคต่อการเคลื่อนย้ายสินค้าที่จำเป็น เช่น อาหาร สินค้าโภคภัณฑ์ ยา อุปกรณ์และเครื่องมือทางการแพทย์และสุขภาพ เป็นต้น ตลอดจนร่วมมือกันแก้ไขปัญหาอย่างสร้างสรรค์ให้กับภาคธุรกิจ โดยเฉพาะวิสาหกิจขนาดกลาง ขนาดย่อม และรายย่อย และส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีดิจิทัลในการดำเนินธุรกิจ เพื่อเอื้อให้ภูมิภาคนี้เป็นศูนย์กลางทางการค้าและการลงทุนของโลก รวมทั้งช่วยเสริมสร้างความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชน

ที่มา : https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/877536?utm_source=category&utm_medium=internal_referral&utm_campaign=economic

ดอน เตรียมร่วมประชุม รมว.ต่างประเทศอาเซียน-สหรัฐ รับมือโควิด

นายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศมีกำหนดเข้าร่วมประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน-สหรัฐ สมัยพิเศษ ว่าด้วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ผ่านระบบการประชุมทางไกล ในวันพฤหัสบดีที่ 23 เม.ย. 2563  เวลา 08.00 – 10.00 น. ตามเวลาในประเทศไทย โดยรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของลาว ในฐานะประเทศผู้ประสานงานความสัมพันธ์อาเซียน-สหรัฐ จะเป็นประธานการประชุมร่วมกับนายไมค์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ ทั้งสองฝ่ายจะเน้นการแลกเปลี่ยนข้อมูลและแนวปฏิบัติที่เป็นเลิศอย่างโปร่งใสและทันท่วงที การเสริมสร้างขีดความสามารถในการตอบสนองต่อภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุขโดยใช้กลไกด้านสาธารณสุขที่อาเซียนมีบทบาทนำ อย่างไรก็ตาม ภายหลังการประชุมนั้น รมว.ต่างประเทศลาว และสหรัฐ ในฐานะประธานร่วมของการประชุมจะออกแถลงการณ์ร่วม เพื่อสะท้อนเจตนารมณ์ที่อาเซียนและสหรัฐ จะร่วมมือกันรับมือกับสถานการณ์โควิด-19 เพื่อเสริมสร้างศักยภาพด้านสาธารณสุขและเตรียมความพร้อมรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉินด้านสาธารณสุขในอนาคตด้วย

ที่มา : https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/877160?utm_source=category&utm_medium=internal_referral&utm_campaign=foreign

“ผู้นำอาเซียน” เปิดประชุมทางไกล เน้นย้ำ “ร่วมมือ-คุมโรค-รักษาการค้า” ทางรอดโควิด-19

การประชุมสุดยอดอาเซียนสมัยพิเศษว่าด้วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ “โควิด-19” ในวันนี้ (14 เม.ย.) โดยมีนายกรัฐมนตรี เหวียน ชวน ฟุก แห่งเวียดนาม ในฐานะประธานอาเซียน เป็นผู้นำการประชุม โดยผู้นำของประเทศสมาชิกอาเซียนทั้ง 10 ประเทศได้ร่วมประชุมแลกเปลี่ยนข้อมูล เกี่ยวกับสถานการณ์การแพร่ระบาดภายในประเทศ และมาตรการที่รัฐบาลของประเทศต่าง ๆ ใช้เพื่อควบคุมโรคระบาดและบรรเทาผลกระทบ ในการประชุมสุดยอดอาเซียนสมัยพิเศษครั้งนี้ ยังมีการประชุมอาเซียน+3 ซึ่งร่วมการประชุมกับจีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ เพื่อแลกเปลี่ยนสถานการณ์ปัจจุบันและประสบการณ์การในการรับมือกับโรคระบาดของแต่ละประเทศอีกด้วย

ที่มา : https://www.prachachat.net/world-news/news-449394

ผู้นำอาเซียนเตรียมประชุมทางไกลหารือสู้โควิด-19 สัปดาห์หน้า

ผู้นำประเทศสมาชิกสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรือ อาเซียน กำลังเตรียมจัดการประชุมทางไกลร่วมกันในสัปดาห์หน้า เพื่อหารือเกี่ยวกับวิธีการรับมือกับการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 แหล่งข่าวทางการทูตเปิดเผยว่า การประชุมสุดยอดทางโทรศัพท์คาดว่าจะมีขึ้นในวันที่ 14 เม.ย. พร้อมเสริมว่า อาเซียนซึ่งประกอบด้วยสมาชิก 10 ชาติ กำลังพิจารณาที่จะจัดการประชุมทางไกลร่วมกับผู้นำญี่ปุ่น, จีน และเกาหลีใต้ด้วย โดยคาดว่านายหลี่ เค่อ เฉียง นายกรัฐมนตรีจีน, นายชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น และประธานาธิบดีมูน แจ อิน ของเกาหลีใต้ จะเข้าร่วมการประชุมสุดยอดทางไกลอาเซียน+3 ครั้งนี้ บรรดาผู้นำจะแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับวิธีการควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัส, การใช้มาตรการป้องกัน และการรักษาผู้ป่วยที่ติดเชื้อโควิด-19 สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า เมื่อเดือนที่ผ่านมา เวียดนามซึ่งดำรงตำแหน่งประธานอาเซียนในปีนี้ได้แจ้งแก่ประเทศสมาชิกว่า การประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนซึ่งเวียดนามจะเป็นเจ้าภาพนั้น จะเลื่อนจากเดือนเม.ย. ไปเป็นช่วงปลายเดือนมิ.ย. สำหรับการประชุมสุดยอดสหรัฐ-อาเซียนนัดพิเศษซึ่งเดิมมีกำหนดจัดขึ้นในช่วงกลางเดือนมี.ค. ที่นครลาสเวกัส ได้ถูกเลื่อนออกไปเช่นกัน เนื่องจากไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ยังคงแพร่ระบาดไปทั่วโลก ทั้งนี้ กลุ่มสมาชิกอาเซียนประกอบด้วยบรูไน กัมพูชา อินโดนีเซีย ลาว พม่า มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ไทย และเวียดนาม

ที่มา : https://www.infoquest.co.th/2020/11643

ครม.อนุมัติบริจาคเพิ่มทุนสมาคมพัฒนาการระหว่างประเทศ 159.91 ล้าน

ศาสตราจารย์นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเผยว่า คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการบริจาคเพิ่มทุนในสมาคมพัฒนาการระหว่างประเทศ (International Development Association : IDA) ครั้งที่ 19 (IDA 19) ของประเทศไทย จำนวน 159.91 ล้านบาท โดยแบ่งชำระออกเป็น 9 งวด ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. 2564-2572 โดยมอบหมายให้กระทรวงการคลัง (กค.) และสำนักงบประมาณ (สงป.) ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ตามที่กระทรวงการคลัง (กค.) เสนอ สมาคมพัฒนาการระหว่างประเทศ (IDA) เป็นสถาบันในกลุ่มธนาคารโลกมีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยเหลือด้านการพัฒนาแก่ประเทศกำลังพัฒนาที่ยากจนที่สุดในรูปแบบเงินให้เปล่า (Grant) และเงินกู้เงื่อนไขผ่อนปรน ในครั้งนี้กระทรวงการคลังเสนอให้ไทยบริจาคเงินเพิ่มทุนใน IDA ครั้งที่ 19 (IDA 19) จำนวน 159.91 ล้านบาท โดยแบ่งชำระออกเป็น 9 งวด ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. 2564-2572 และสามารถบริจาคในรูปแบบเงินบาทได้ จึงไม่มีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน การบริจาคเพิ่มทุนใน IDA 19 สอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) และเป็นการรักษาจุดยืนของประเทศไทยที่สนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจที่ยั่งยืนแก่ประเทศกำลังพัฒนาที่มีฐานะยากจน ซึ่งรวมถึงประเทศในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง โดยประเทศไทยจะได้รับประโยชน์จากผลการพัฒนาของประเทศเหล่านี้ในทางอ้อม ผ่านช่องทางการค้า การลงทุน และความเชื่อมโยงของภูมิภาคและเป็นการส่งเสริมบทบาทภูมิภาคอาเซียนในการเป็นกำลังสำคัญเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจของภูมิภาคและเศรษฐกิจโลกต่อไป

ที่มา : https://mgronline.com/politics/detail/9630000032896

ทรู ดิจิทัล พาร์ค จัด Live งาน TDPK Pitching Day 2020 ครั้งแรก หนุนสตาร์ทอัพป้อนอุตสาหกรรม S-Curve ชิงรางวัลรวมมูลค่า 1.5 ล้านบาท

ทรู ดิจิทัล พาร์ค ศูนย์กลางเทคและสตาร์ทอัพที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน เปิดโอกาสให้สตาร์ทอัพส่งไอเดียและผลงานธุรกิจในหัวข้อ “10 อุตสาหกรรมเป้าหมาย หรือ 10 S-Curve” ที่เป็นกลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศสู่ยุคดิจิทัล 4.0 ชิงรางวัลรวมมูลค่า 1.5 ล้านบาท พร้อมการสนับสนุนด้านต่างๆ จากทรู ดิจิทัล พาร์ค ที่จะช่วยเพิ่มความคล่องตัวของธุรกิจ อาทิ พื้นที่นั่งทำงานฟรี (Co-Working Space) และ ช่องทางสื่อสารโปรโมตธุรกิจ เป็นต้น โดยได้รับเกียรติจากผู้เชี่ยวชาญในแวดวงเทคโนโลยีและสตาร์ทอัพร่วมตัดสินผลงาน และมอบรางวัลแก่สตาร์ทอัพ ทั้งนี้ ทรู ดิจิทัล พาร์ค ยังคงเดินหน้าสร้างระบบนิเวศสมบูรณ์แบบครบวงจรสำหรับสตาร์ทอัพและผู้ประกอบการรุ่นใหม่ด้านเทคโนโลยี พร้อมสร้างเครือข่ายสตาร์ทอัพอย่างต่อเนื่อง โดยในสถานการณ์ปัจจุบันที่มีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ทรู ดิจิทัล พาร์ค ได้ปรับรูปแบบการจัดงาน Pitching Day ตามมาตรการ Social Distancing ใช้เทคโนโลยีถ่ายทอดสดกิจกรรม Pitching ผ่านระบบออนไลน์ ออกทางช่อง Facebook ของทรู ดิจิทัล พาร์ค และ แพล็ตฟอร์ม ของ ทรู ไอดี ให้ทั้งสตาร์ทอัพและบุคคลทั่วไป สามารถชมการนำเสนอผลงานได้ในพื้นที่ต่างๆ โดยไม่จำเป็นต้องรวมตัวในที่เดียวกันเพื่อลดความหนาแน่นของผู้เข้าร่วมงาน พร้อมมีมาตรการป้องกันการแพร่เชื้อ COVID-19 สร้างความมั่นใจให้แก่ผู้เข้ามาทำงานและประชุมภายในโครงการ

ที่มา : https://www.ryt9.com/s/prg/3108360

AIS ขึ้นสัญญาณ 5G บนมือถือรายแรก ในอาเซียน

นายปรัธนา ลีลพนัง หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านการตลาด กลุ่มลูกค้าทั่วไป บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส กล่าวว่า หลังจากที่ GSMA สมาคมผู้ให้บริการเครือข่ายโทรคมนาคมที่มีสมาชิกมากกว่า 800 รายทั่วโลก ได้ประกาศรับรองให้ เอไอเอสเป็นผู้ให้บริการเครือข่าย 5G รายแรกและรายเดียวในประเทศไทย ที่พร้อมให้คนไทยได้ใช้บริการ 5G เชิงพาณิชย์ อย่างเป็นทางการแล้ว และยังเป็นการนำชื่อเสียงประเทศไทยสู่แวดวงโทรคมนาคมโลก พร้อมปักหมุดไทยเป็นประเทศแรกที่ให้บริการ 5G บนมือถือในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้สำเร็จ “จากเมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2563 ที่ผ่านมา เอไอเอสได้เข้าชำระเงินค่าคลื่น 2600 MHz งวดแรก เรียบร้อยแล้ว และได้รับใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ 2600 MHz เพื่อให้บริการ 5G อย่างเป็นทางการ เป็นรายแรกและรายเดียวในอุตสาหกรรม นอกจากนี้ ยังร่วมกับภาครัฐและภาคอุตสาหกรรม นำประโยชน์ของ 5G มาสนับสนุนการทำงาน อาทิ หุ่นยนต์ที่ช่วยภาคสาธารณสุขรับมือกับไวรัสโควิด-19, ทดสอบการใช้5G ในกิจการท่าเทียบเรือขนส่งสินค้า ควบคุมเครนยกตู้สินค้าได้จากระยะไกล รวมถึงเอไอเอสยังเป็นรายแรก ที่เริ่มเปิดให้บริการ 5G International Roaming เพื่ออำนวยความสะดวกให้ลูกค้าที่เดินทางไปต่างประเทศได้ใช้งาน 5G โดยเริ่มต้นกับ Swisscom ประเทศสวิตเซอร์แลนด์, Etisalat ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และเร็วๆ นี้ กับ China Unicom สาธารณรัฐประชาชนจีน และ SK Telecom ประเทศเกาหลีใต้ อีกด้วย“ทั้งหมดนี้ แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นตั้งใจของเอไอเอสที่พร้อมนำ 5G มาพลิกโฉมและยกระดับประเทศไทยไปอีกขั้นผ่านการผลักดันนวัตกรรมสู่การบริหารจัดการสาธารณูปโภค, ภาคอุตสาหกรรมภาคการผลิตเพื่อเสริมขีดความสามารถอันจะนำมาซึ่งประโยชน์แก่คนไทยต่อไป”

ที่มา : https://www.posttoday.com/economy/news/617198