ยอดขายเบียร์ลดลงอย่างรวดเร็ว ก่อนช่วงเทศกาลปีใหม่เต๊ต

เบียร์มักจะขายได้ดีที่สุดในช่วงเทศกาลปีใหม่ (เต็ต) แต่ผู้ค้าปลีกส่วนใหญ่จะลดราคาสินค้าเพื่อกระตุ้นให้ผู้คนเข้ามาซื้อ ซึ่งทางรัฐบาลได้ออกมาตรการปราบปรามคนเมาสุราขณะขับรถยนต์ ทั้งนี้ ผู้ประกอบการจำหน่ายไวน์และเบียร์รายหนึ่งในกรุงฮานอย บอกเล่าว่า”ในปีที่แล้ว ยังพอขายเบียร์ได้บ้าง แต่ในปีนี้แค่ต้องรอคำสั่งซื้อ” ถึงแม้ว่าจะลดราคาสินค้าดังกล่าวก็ไม่ได้เพิ่มจำนวนลูกค้ามากเท่าไรนัก ซึ่งทางผู้ประกอบการประเมินว่ายอดขายลดลงร้อยละ 70 เมื่อเทียบกับช่วงปีใหม่ที่แล้ว ขณะที่ ทางฝั่งผู้ซื้อสินค้าทางอินเตอร์เน็ต ระบุว่าเบียร์ดังที่มาจากไซง่อน (Saigon Beer) อยู่ที่ 239,000 ด่อง – ลดราคากว่าร้อยละ 80 จากราคาปกติ นอกจากนี้ ไม่มีผู้ผลิตเบียร์รายใหญ่ ได้แก่ Sabeco, Habeco, Heineken และ Carlsberg เป็นต้น ที่ได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับกฎหมายใหม่ (ผู้ขับขี่รถยนต์ขณะเมาสุรา) แต่ร้านค้าหลายแห่งระบุว่ายอดขายลดลงประมาณร้อยละ 25-30 ซึ่งจากตัวเลขสถิติของสมาคมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เวียดนาม ระบุว่าในปีที่แล้วคนเวียดนามบริโภคเบียร์อยู่ที่ 4.6 พันล้านลิตร เพิ่มขึ้นร้อยละ 10 เมื่อเทียบกับปี 2561

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/beer-sale-drops-remarkably-ahead-of-tet/167669.vnp

เวียดนามตั้งเป้ายอดส่งออกผักผลไม้ 5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2563

จากข้อมูลของสมาคมพืชผักและผลไม้เวียดนาม (VINAFRUIT) เปิดเผยว่ามูลค่าการส่งออกผักและผลไม้ของเวียดนามในปีนี้ อยู่ที่ 5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็นผลมาจากข้อตกลงการค้าเสรีรูปแบบใหม่ (New Generation FTA) ซึ่งข้อตกลงการค้าเสรี EVFTA คาดว่าจะมีผลบังคับใช้ในปี 63 เรื่องภาษีศุลกากรของผักผลไม้เวียดนามอยู่ในระดับร้อยละ 0 ส่งผลให้ยกระดับมูลค่าส่งออกเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ นอกจากนี้ ข้อตกลง CPTPP จะเปิดตลาดใหม่ๆแก่ผลิตภัณฑ์เวียดนาม ทั้งนี้ จากข้อมูลของเลขาธิการสมาคม มองว่าพื้นที่เพาะปลูกผักผลไม้ขนาดใหญ่ควรจะต้องติดฉลากเขียว (VietGAP) และมาตรฐานเอกชน (Global GAP) เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของตลาดที่เข็มงวด อย่างไรก็ตาม ตลาดส่งออกสำคัญของเวียดนามที่มีอัตราการขยายตัวสูง ได้แก่ อาเซียน (26.6%), สหรัฐอเมริกา (10.7%) และสหภาพยุโรป (32.2%) เป็นต้น

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/vietnam-targets-5-billion-usd-from-fruit-vegetable-exports-in-2020/167667.vnp

นักลงทุนต่างชาติพร้อมที่จะลงทุนโครงการที่อยู่อาศัย

ในปัจจุบันหนี้ไม่พ้นจากปรากฎการณ์การขยายตัวอย่างรวดเร็วของความเป็นเมืองทั่วโลก โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา เช่น เวียดนามที่มีจำนวนประชากรเติบโตอย่างรวดเร็วจากในปี 1990 อยู่ที่ 66 ล้านคนมาจนถึงปี 2562 ที่ขยายตัวเพิ่มขึ้นถึง 96.5 ล้านคน ซึ่งนับว่าเวียดนามอยู่ในอันดับที่ 3 ของประเทศที่มีประชากรมากที่สุดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ขณะที่ อัตราการเกิดต่ำส่งผลให้มีการย้ายไปสู่เมืองมากขึ้น ด้วยเหตุนี้ เวียดนามต้องเผชิญกับความไม่สมดุลระหว่างอุปทานที่อยู่อาศัยกับความต้องการที่แท้จริง โดยจากข้อมูลของ JLL พบว่าอุปทานรวมของอพาร์ทเมนท์ในเมืองสำคัญ ณ ไตรมาสที่ 4/62 อยู่ที่ 201,707 ยูนิต ซึ่งอัตราดังกล่าวยังอยู่ในระดับต่ำ ซึ่งทางคุณสตี่เฟน (Country Head) มองว่าควรมุ่งเน่นไปที่ตลาดที่อยู่อาศัย เนื่องจากเป็นความต้องการที่แท้จริง ทั้งนี้ เขตเมืองทุกวันนี้กำลังเผชิญกับปัญหาที่ดินลดน้อยลงจากราคาอสังหาริมทรัพย์พุ่งสูงขึ้น เป็นผลมาจากจำนวนประชากรเพิ่มขึ้น การให้บริการโครงสร้างพื้นฐานที่มากเกินไปและการขาดแคลนของสิ่งอำนวยความสะดวกขั้นพื้นฐาน เป็นต้น นอกจากนี้ ในอีก 10 ปีข้างหน้า เวียดนามจะอยู่ในช่วงกลุ่มประชากรยุคทอง จากการจ้างงานอุตสาหกรรมและบริการเพิ่มสูงขึ้น และ 1 ใน 4 ของประชากรรวมจะอยู่ในวัย 10-24 ปี ด้วยเหตุนี้จะเป็ยแรงผลักดันให้ราคาที่อยู่อาศัยไม่สูงมากนัก สำหรับโครงการที่อยู่อาศัยและโครงการพาณิชย์นั้น นักลงทุนต่างชาติส่วนใหญ่มักจะค้นหาที่ดินถูกต้องตามกฎหมาย (การชดเชยค่าเสียหาย,สถานที่รื้อถอน เป็นต้น) อย่างไรก็ตาม สินทรัพย์ดังกล่าวมักจะหาได้ยาก เนื่องจากตลาดอสังหาฯเวียดนามยังคงไม่สมบูรณ์และค่อนข้างชนบท

ที่มา : https://english.vov.vn/economy/foreign-investors-ready-to-invest-big-in-vietnam-housing-409122.vov

การส่งออกยังคงมีความสำคัญต่ออุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ ในปีนี้

จากคำแถลงการณ์ของประธานสมาคมปูนซีเมนต์เวียดนาม เปิดเผยว่าในปีนี้ มีจำนวน 2 โครงการปูนซีเมนต์ใหม่ที่จะเปิดให้ดำเนินการในจังหวัดเหงะอาน ด้วยกำลังการผลิตอยู่ที่ 2-2.5 ล้านตันต่อปี และอีกแห่งอยู่ที่จังหวัดทัญฮว้า ทำการผลิตได้ 4.6 ล้านตัน สิ่งเหล่านี้จะทำให้อุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ในประเทศ มีกำลังการผลิตรวมมากกว่า 100 ล้านตัน ขณะที่ ความต้องการในประเทศมีอยู่ประมาณ 70 ล้านตัน ซึ่งการส่งออกยังคงมีความสำคัญต่อุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ในปีนี้ ทั้งนี้ ยอดขายปูนซีเมนต์ในประเทศยังคงชะลอตัว เนื่องจากการก่อสร้างโครงการสาธารณูปโภคพื้นฐานที่ซบเซาและการชะลอตัวของตลาดอสังหาฯอีกด้วย สำหรับปริมาณส่งออกปูนซีเมนต์ในปีนี้คาดว่าอยู่ที่ 34 ล้านตัน แต่ในปี 2564 จะลดลงมาอยู่ที่ 25 ล้านตัน นอกจากนี้ ทางสมาคมมองว่าผู้ผลิตปูนซีเมนต์ควรใช้เทคโนโลยีขั้นสูง เพื่อยกระดับคุณภาพและมูลค่าสินค้า ขณะที่ลดการผลิตทางด้านสิ่งแสดล้อม เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันได้

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/571389/maintaining-exports-critical-to-cement-industry-this-year.html

ข้อตกลงการค้าสหรัฐฯ-จีน ส่งผลธุรกิจให้มีการเติบโตสูงขึ้น

เมื่อเร็วๆนี้ สหรัฐฯ และจีน ลงนามในข้อตกลงการค้าเพื่อผ่อนคลายความตึงเครียดระหว่างทั้ง 2 มหาอำนาจเศรษฐกิจ นับว่าเป็นข่าวดีต่อผู้ประกอบการเวียดนามที่จะรองรับกับความท้าทายและโอกาสในการทำธุรกิจที่จะเกิดขึ้น โดยหัวหน้าสถาบันเศรษฐกิจและนโยบายเวียดนาม (VEPR) ระบุว่าสหรัฐฯและจีนมีแนวโน้มที่จะหาทางจัดการกับความตึงเครียดทางการค้าเพิ่มมากยิ่งขึ้นเพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบของเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับจีนที่ส่งสัญญาว่าจะปฏิบัติตามหลักเศรษฐกิจโลก ทั้งนี้ จากผู้เชี่ยวชาญด้านธนาคาร ระบุว่าในปัจจุบัน สหรัฐฯและจีนต่างถอยออกมาจากภาวะสงครามการค้า ซึ่งทางสหรัฐฯได้ถอดจีนออกจากรายชื่อผู้บิดเบือนอัตราแลกเปลี่ยนแล้วและจีนจะซื้อสินค้าจากสหรัฐฯมากยิ่งขึ้น นับว่าเป็นการเริ่มต้นที่ดีแต่ก็ยังลำบากว่าผลจะออกเป็นอย่างไร ซึ่งสงครามการค้าจะมีผลต่อเศรษฐกิจเวียดนามทั้งในแง่ที่ได้รับประโยชน์และเสียผลประโยชน์ เนื่องจากผลของการค้าทั้งสหรัฐฯและจีน จะทำให้เสียโอกาสในการขายทั้งสองประเทศดังกล่าว ในทางกลับกัน สินค้าจำนวนมากที่มาจากสหรัฐฯและจีน จะโอนย้ายมายังเวียดนามและสร้างแรงกดดันต่อธุรกิจในประเทศ แต่ในข้อตกลง CPTPP และ EVFTA จะส่งผลอย่างมากต่อเศรษฐกิจเวียดนามในระยะยาว

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/571326/us-china-trade-deal-forces-firms-to-grow.html

ยอดคำสั่งซื้อยานยนต์ ‘VinFast’ มากกว่า 67,000 คัน ในปี 2562

จากรายงานของบริษัทวินฟาสต์ (VinFast Trading and Production LLC) เป็นบริษัทในเครือวินกรุ๊ป (Vingroup) เปิดเผยว่าในปี 2562 ได้รับยอดคำสั่งซื้อยานยนต์มากกว่า 17,000 คัน และกว่า 50,000 คันสำหรับรถจักรยานยนต์ไฟฟ้ โดยบริษัทได้เปิดตัวสกูตเตอร์ไฟฟ้ายี่ห้อแรกชื่อ “Klara” ในเดือนพฤศจิกายน 2561 และในปัจจุบัน มีการวางจำหน่ายออกมาอีก 3 แบรนด์ รวมไปถึง Ludo, Impes และ Klara S. มีการผลิตสกูตเตอร์สูงถึง 45,118 คัน ทั้งนี้ ในปี 2563 VinFast ได้เปิดตัว ‘VinFast Lux V8’ เป็นการหยิบยืมพื้นฐานโมเดลทั้งสองรุ่นก่อน และจำหน่ายรถโดยสารไฟฟ้า รวมไปถึงทางบริษัทวางแผนที่จะส่งออกยานยนต์ไฟฟ้าไปยังตลาดสหรัฐอเมริกา นอกจากนี้ ในปัจจุบัน ที่ตั้งโรงงานผลิตยานยนต์ของบริษัท VinFast อยู่ที่เขตเศรษฐกิจ Dinh Vu-Cat Hai Eco nomic Zone ซึ่งติดตั้งอุปกรณ์เทคโนโลยีที่ทันสมัย ประกอบกับมีการผลิตยานยนต์อยู่ที่ 250,000 คัน และจำนวนผลิตยานยนต์ไฟฟ้าอยู่ที่ 500,000 คันต่อปี ในช่วงเฟสแรก

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/571324/over-67000-orders-for-vinfast-vehicles-in-2019.html

ชาวเกษตรกรจังหวัดจ่าวิญ เก็บปูทะเลเพื่อช่วงเทศกาลเต็ตและกำไรเพิ่มสูงขึ้น

ชาวเกษตรกรในลุ่มแม่น้ำโขงของจังหวัดจ่าวิญ (Tỉnh Trà Vinh) กำลังเข้าสู่การเก็บเกี่ยวปูทะเลในช่วงเทศกาลเต็ต (ปีแห่งจันทรคติ) และจะได้กำไรสูงถึง 1,300-1,500 ดอลลาร์สหรัฐต่อเฮกตาร์ เนื่องจากความต้องการเพิ่มสูงขึ้นในช่วงเทศกาลจะมาถึงตรงกับวันที่ 25 มกราคม โดยชาวเกษตรกรในจังหวัดดังกล่าวเป็นหนึ่งในผู้เพาะพันธ์ปูทะเลรายใหญ่ที่สุดของบริเวณปากแม่น้ำโขง ซึ่งแหล่งเพาะพันธ์ส่วนใหญ่อยู่ในบริเวณชายฝั่ง Cau Ngang, Duyen Hai และ Chau Thanh และเมือง Duyen Hai เป็นต้น ทั้งนี้ ผู้ประกอบการเพาะพันธ์ปูแห่งหนึ่ง ระบุว่าเกษตรกรผู้เลี้ยงปูส่วนใหญ่ได้กำไรสูงในปีที่แล้ว เนื่องจากราคาปรับตัวสูงขึ้น และราคารับซื้อจะอยู่ที่ 6.5–14 ดอลลาร์สหรัฐต่อกิโลกรัม รวมไปถึงราคาของปูทะเลมีเสถียรภาพมากกว่ากุ้งกุลาดำและกุ้งขาขาว นอกจากนี้ กรมการเกษตรและพัฒนาชนบทในจังหวัดได้ส่งเสริมชาวเกษตรกรบริเวณชายฝั่งให้เพาะพันธ์ปูทะเล และการหมุนเวียนของปูทะเลและกุ้งที่อยู่ในบ่อน้ำเดียวกันเพื่อลดความสูญเสีย รวมไปถึงการให้ความรู้ในการพัฒนาฟาร์มขั้นสูงและวิธีการที่เหมาะสมต่อการเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศ

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/tra-vinh-farmers-harvest-mud-crab-for-tet-earn-high-profit/167541.vnp