ผู้ประกอบการในประเทศร่วมลงนามกับอุตสาหกรรมปศุสัตว์
อุตสาหกรรมปศุสัตว์เวียดนามคาดว่าจะดึงดูดผู้ผลิตที่มีความเชี่ยวชาญในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า โดยข้อตกลงความร่วมมือระหว่างผู้ประกอบการในประเทศที่มีศักยภาพจะช่วยให้อุตสาหกรรมฯ สามารถยกระดับความสามารถในการแข่งขันได้ ด้วยความร่วมมือและห่วงโซ่อุปทานระหว่างผู้ผลิต โรงฆ่าสัตว์และร้านค้าปลีก ทั้งนี้ จากกรายงานของกระทรวงเกษตรและพัฒนาชนบท (MARD) เปิดเผยว่าปริมาณการผลิตเนื้อสัตว์รวมอยู่ที่ประมาณ 5.14 ล้านตันในปีที่แล้ว ลดลงร้อยละ 4.1 ซึ่งเนื้อหมูเป็นสินค้าที่จำเป็นและมีสัดส่วนของโครงสร้างการบริโภคขนาดใหญ่ อย่างไรก็ตามผลผลิตเนื้อหมูลดลงราว 380,000 ในปีที่แล้ว คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 9-10 เมื่อเทียบกับปี 61 ส่งผลให้ตลาดอาหารในประเทศอย่างมาก ด้วยเหตุนี้ ทางผู้เชี่ยวชาญมองว่าการพัฒนาห่วงโซ่อุปทานสำหรับสินค้าปศุสัตว์และความร่วมมือของผู้ประกอบการในประเทศ เป็นสิ่งที่จำเป็นต่อการพัฒนาอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญต่อการพัฒนาและความยั่งยืนต่ออุตสาหกรรมปศุสัตว์ที่ต้องเผชิญกับการนำเข้าเนื้อสัตว์ด้วยข้อตกลงการค้าเสรีรูปแบบใหม่
ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/591526/domestic-companies-sign-deals-in-livestock-industry.html
เมืองดานัง ต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติมากับเรือท่องเที่ยว 1,250 คน
ในวันที่ 26 มกราคมของปีนี้ เรือสำราญภายใต้ขื่อ “Westerdam” ได้บรรทุกผู้โดยสารที่เป็นชาวต่างชาติ 1,250 คน เข้าเทียบท่าเรือเตียนซา (Tien Sa) ณ กรุงฮานอย ซึ่งเป็นเรือสำราญลำแรกที่เดินทางมายังเมืองดานังในช่วงฉลองรับปีนักษัตรชวด ทั้งนี้ ผู้อำนวยการกระทรวงการท่องเที่ยว ระบุว่าพิธีต้อนรับนักท่องเที่ยวในครั้งนี้ เพื่อทำให้เมืองดานังเป็นที่นิยมในหมู่นักท่องเที่ยวต่างชาติมากยิ่งขึ้น โดยในปีที่แล้ว เมืองดานังได้ต้อนรับเรือสำราญ 101 ลำ เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.2 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว สำหรับนักท่องเที่ยวร่วมเดินทางมายังเซ็นทรัลบีชอยู่ที่ 8.69 ล้านคน ในปี 2562 เพิ่มขึ้นร้อยละ 22.5 เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา อีกทั้ง เป้าหมายในการเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวมายังเมืองดายัง อยู่ที่ 9.8 ล้านคน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามที่จะเปลี่ยนภาคการท่องเที่ยวให้เป็นเสาหลักของเศรษฐกิจท้องถิ่น
ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/da-nang-welcomes-first-1250-foreign-cruise-visitors/167798.vnp
สอดส่ายหาโอกาสธุรกิจขนมขบเคี้ยวในเวียดนาม
โดย SME Go Inter
จากการสำรวจของบริษัท The Harris Poll and Mondelez International เผยว่าพฤติกรรมผู้บริโภคในเวียดนาม ขนมขบเคี้ยวกำลังเข้ามาแทนที่มื้ออาหารดั้งเดิม เนื่องจากวิถีการดำเนินชีวิตสมัยใหม่ที่เปลี่ยนพฤติกรรมของผู้บริโภค ทำให้ขนมขบเคี้ยวสามารถสร้างกำไรทั่วโลกรวมทั้งในเวียดนาม
สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ นครโฮจิมินห์ ระบุว่าขนมขบเคี้ยวมียอดขายเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากนักเรียนและพนักงานออฟฟิสนิยมซื้อในช่วงพักและตลาดกำลังมีความหลากหลายมากขึ้น เพราะมีผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ จากบริษัททั้งในประเทศและต่างประเทศ
ด้านผลกระทบและโอกาสของผู้ประกอบการไทย – ปัจจุบันตลาดของขนมขบเคี้ยวของเวียดนามมีอัตราการเติบโตที่รวดเร็ว เป็นโอกาสของสินค้าและบริการจากไทยในการขยายตลาดเข้าสู่เวียดนาม ขณะเดียวกันเวียดนามมีผลิตภัณฑ์ขนมขบเคี้ยวจากต่างชาติ เช่น Nestle หรือ Lay’s เป็นต้น สำหรับขนมขบเคี้ยวแบรนด์ไทยที่มีวางจำหน่าย เช่น สาหร่ายเถ้าแก่น้อย ขาไก่โลตัส เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม ยังมีโอกาสสำหรับขนมขบเคี้ยวแบรนด์ไทยอื่นๆ ที่จะเข้าสู่ตลาด ดังนี้
- แนวโน้มประชากรเวียดนามวัยรุ่นถึงวัยทำงานจำนวนมาก ด้วยกำลังซื้อที่เพิ่มมากขึ้น
- พฤติกรรมบริโภคที่เปลี่ยนไป (ขนมขบเคี้ยวเปลี่ยนไปเป็นการบริโภคทดแทนมื้ออาหาร)
- ตลาดเวียดนามมีความหลากหลายมากขึ้น
- คนเวียดนามเปิดกว้างต่อสินค้าใหม่ๆ
ความกดดันในการควบคุมเงินเฟ้อเพิ่มสูงขึ้น ปี 2563
ผู้เชี่ยวชาญระบุว่าในปีนี้การควบคุมราคาและเงินเฟ้อมีความซับซ้อนและยากลำบากมากขึ้น โดยราคาเนื้อหมูมีความผันผวนอย่างมากในปีที่แล้วส่งผลกระทบต่อตลาดอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากราคาลดลงในช่วงครึ่งแรกของปีและจากนั้นปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี ราคาเนื้อหมูลดลงต่ำสุดอยู่ที่ 28,000-32,000 ด่องต่อกิโลกรัม หลังจากนั้น ราคาจะค่อยๆปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นตั้งแต่เดือน ก.ค.-ต.ค. ทั้งนี้ ทางผู้อำนวยการสถาบันเศรษฐศาสตร์และการเงิน ระบุว่าหลังจากที่ราคาเนื้อหมูพุ่งสูงขึ้นกว่าร้อยละ 50 ในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปีที่แล้ว การควบคุมอัตราเงินเฟ้อต่ำกว่าร้อยละ 4 ในปีนี้ ซึ่งมีความไม่แน่นอนเมื่อดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือน ธ.ค. เพิ่มสูงขึ้นร้อยละ 5.23 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีที่ผ่านมา นับว่าอยู่ในระดับสูงสุดในรอบ 9 ปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม หากราคาเนื้อหมูยังอยู่ในระดับสูงในไตรมาสแรก ค่าเฉลี่ยอาจอยู่ในระดับร้อยละ 3.5 สำหรับเป้าหมายของสภาแห่งชาติ ต้องการคงระดับอัตราเงินเฟ้อให้อยู่ต่ำกว่าร้อยละ 4 ในปีนี้ ซึ่งการจัดการราคาและควบคุมเงินเฟ้อในปีนี้จะต้องดำเนินการอย่างรอบคอบ ยืดหยุ่นและเขิงรุก
ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/pressure-mounts-to-control-inflation-in-2020/167711.vnp
เงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศไหลเข้าเมืองดานัง 700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2562
จากรายงานของกรมการวางแผนและการลงทุน (Municipal Department of Planning and Investment) เปิดเผยว่าเม็ดเงินทุนจากต่างชาติไหลเข้าบริเวณชายฝั่งทะเลของเมืองดานัง ด้วยมูลค่า 700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยจากทั้งหมด มีมูลค่า 440 ล้านดอลลาร์สหรัฐที่ลงทุนในโครงการจดทะเบียนใหม่ 132 โครงการ ซึ่งเพิ่มสูงขึ้นเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ขณะที่ มูลค่าราว 120 ล้านดอลลาร์สหรัฐที่ถูกอัดฉีดเข้าไปในโครงการที่ดำเนินการอยู่ 16 โครงการ นอกจากโครงการลงทุนจากต่างประเทศแล้ว ในปีทีแล้วเมืองดานังได้อนุมัติโครงการด้านการเงินจากในประเทศ ด้วยมูลค่า 8.82 ล้านล้านด่อง ทำให้มูลค่าเงินทุนของโครงการที่มาจากในประเทศปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นมากกว่า 104 ล้านล้านด่อง ซึ่งจากตัวเลขเม็ดเงินทุนดังกล่าว เป็นผลมาจากการเร่งปฏิรูปด้านการบริหารของรัฐบาลที่จะอำนวยความสะดวกแก่นักลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศ นอกจากนี้ เมืองดานังยังมุ่งเน้นในการส่งเสริมกิจกรรมต่างๆ เพื่อสร้างกลยุทธ์การลงทุนในรูปแบบพาร์ทเนอร์ (Strategic Investors) ได้แก่ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ สิงคโปร์ สหรัฐอเมริกา และญี่ปุ่น เป็นต้น
ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/571472/fdi-inflow-in-da-nang-hits-nearly-700m-in-2019.html
ยอดขายเบียร์ลดลงอย่างรวดเร็ว ก่อนช่วงเทศกาลปีใหม่เต๊ต
เบียร์มักจะขายได้ดีที่สุดในช่วงเทศกาลปีใหม่ (เต็ต) แต่ผู้ค้าปลีกส่วนใหญ่จะลดราคาสินค้าเพื่อกระตุ้นให้ผู้คนเข้ามาซื้อ ซึ่งทางรัฐบาลได้ออกมาตรการปราบปรามคนเมาสุราขณะขับรถยนต์ ทั้งนี้ ผู้ประกอบการจำหน่ายไวน์และเบียร์รายหนึ่งในกรุงฮานอย บอกเล่าว่า”ในปีที่แล้ว ยังพอขายเบียร์ได้บ้าง แต่ในปีนี้แค่ต้องรอคำสั่งซื้อ” ถึงแม้ว่าจะลดราคาสินค้าดังกล่าวก็ไม่ได้เพิ่มจำนวนลูกค้ามากเท่าไรนัก ซึ่งทางผู้ประกอบการประเมินว่ายอดขายลดลงร้อยละ 70 เมื่อเทียบกับช่วงปีใหม่ที่แล้ว ขณะที่ ทางฝั่งผู้ซื้อสินค้าทางอินเตอร์เน็ต ระบุว่าเบียร์ดังที่มาจากไซง่อน (Saigon Beer) อยู่ที่ 239,000 ด่อง – ลดราคากว่าร้อยละ 80 จากราคาปกติ นอกจากนี้ ไม่มีผู้ผลิตเบียร์รายใหญ่ ได้แก่ Sabeco, Habeco, Heineken และ Carlsberg เป็นต้น ที่ได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับกฎหมายใหม่ (ผู้ขับขี่รถยนต์ขณะเมาสุรา) แต่ร้านค้าหลายแห่งระบุว่ายอดขายลดลงประมาณร้อยละ 25-30 ซึ่งจากตัวเลขสถิติของสมาคมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เวียดนาม ระบุว่าในปีที่แล้วคนเวียดนามบริโภคเบียร์อยู่ที่ 4.6 พันล้านลิตร เพิ่มขึ้นร้อยละ 10 เมื่อเทียบกับปี 2561
ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/beer-sale-drops-remarkably-ahead-of-tet/167669.vnp
เวียดนามตั้งเป้ายอดส่งออกผักผลไม้ 5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2563
จากข้อมูลของสมาคมพืชผักและผลไม้เวียดนาม (VINAFRUIT) เปิดเผยว่ามูลค่าการส่งออกผักและผลไม้ของเวียดนามในปีนี้ อยู่ที่ 5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็นผลมาจากข้อตกลงการค้าเสรีรูปแบบใหม่ (New Generation FTA) ซึ่งข้อตกลงการค้าเสรี EVFTA คาดว่าจะมีผลบังคับใช้ในปี 63 เรื่องภาษีศุลกากรของผักผลไม้เวียดนามอยู่ในระดับร้อยละ 0 ส่งผลให้ยกระดับมูลค่าส่งออกเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ นอกจากนี้ ข้อตกลง CPTPP จะเปิดตลาดใหม่ๆแก่ผลิตภัณฑ์เวียดนาม ทั้งนี้ จากข้อมูลของเลขาธิการสมาคม มองว่าพื้นที่เพาะปลูกผักผลไม้ขนาดใหญ่ควรจะต้องติดฉลากเขียว (VietGAP) และมาตรฐานเอกชน (Global GAP) เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของตลาดที่เข็มงวด อย่างไรก็ตาม ตลาดส่งออกสำคัญของเวียดนามที่มีอัตราการขยายตัวสูง ได้แก่ อาเซียน (26.6%), สหรัฐอเมริกา (10.7%) และสหภาพยุโรป (32.2%) เป็นต้น