ความต้องการข้าวโพดของเมียนมาเพิ่มสูงสุดในอาเซียน

ความต้องการข้าวโพดของเมียนมาได้เพิ่มขึ้นในงอาเซียนในปีนี้ทำให้การส่งออกไปจีนลดลงหลังจากรัฐบาลหยุดการส่งออกข้าวโพดเป็นเวลาเก้าเดือนซึ่งเป็นความพยายามในการควบคุมการค้าผิดกฎหมายที่ชายแดนระหว่างสองประเทศ ไทยนำเข้า 400,000 ตันเทียบกับ 100,000 ตันในปีที่แล้ว การขนส่งไปยังเวียดนามเพิ่มขึ้นเป็น 30,000 – 40,000 ตันในปีนี้จาก 10,000 ตันในปีที่แล้ว อย่างไรก็ตามการถูกห้ามนำเข้าของจีนทำให้พื้นที่เพาะปลูกปีนี้ลดลงเหลือ 323,000 เฮกตาร์จาก 404,000 เฮกเตอร์ รัฐบาลจำเป็นต้องส่งเสริมการเพาะปลูกและช่วยเหลือเกษตรกร ซึ่งความต้องการจากไทยช่วยยกระดับราคาให้สูงขึ้น ในขณะที่การส่งออกไปประเทศอื่น ๆ มีการปรับตัวลดลง แต่ก็ไม่ได้สูญเสียตลาดจีนไปซะทีเดียว เพราะจีนเคยซื้อข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ของพม่าถึง 80% ปีที่แล้วส่งออกข้าวโพดจำนวน 1.67 ล้านตันไปยังจีน หากรวมการส่งออกที่ผิดกฎหมายอยู่ที่ประมาณ 2 ล้านตัน ทุกปีเมียนมาผลิตข้าวโพดได้ประมาณ 3.2 ล้านตันจากพื้นที่ 607,000 เฮกเตอร์ โดยเฉพาะในรัฐฉานและเขตสะกาย และเขตมะกเว โดยรัฐฉานมีพื้นที่เพาะปลูกคิดเป็น 46% ของการเพาะปลูกข้าวโพดทั้งประเทศ

ที่มา: https://www.mmtimes.com/news/asean-demand-myanmar-maize-rises.html

ทยควง 4 ชาติร่วม’China-Asean Forum’ หวังผนึกกำลังร่วมกระตุ้นภาคการท่องเที่ยว

ระหว่างวันที่ 19-21 กันยายน 2562 ที่ผ่านมา ณ มณฑล กวางสี  เมืองหนานหนิง สาธารณรัฐประชาชนจีน ได้จัดการประชุมด้านวัฒนธรรมจีน-อาเซียน ครั้งที่ 14 “The 14 th  China-Asean Cultural Forum” เพื่อสร้างแพลตฟอร์มสำหรับ การสื่อสารเชิงลึกและการคิดเชิงปะทะสำหรับการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมและความร่วมมือ ด้านการท่องเที่ยวระหว่างจีน – อาเซียน โดยมีตัวแทนภาครัฐบาล ทั้งจีน อีก 5 ประเทศ ประกอบด้วย ไทย ลาว กัมพูชา เมียนมา ฟิลิปปินส์ เวียดนาม และภาคเอกชน ถือเป็นหนึ่งในกิจกรรมหลักของการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมจีน-อาเซียน เพื่อแบ่งปันแนวปฏิบัติในการพัฒนาอุตสาหกรรมวัฒนธรรม และการท่องเที่ยว ด้านรองผู้ว่าการกระทรวงวัฒนธรรมและศิลปะของกัมพูชาเชื่อว่า “One Belt One Road” ไม่เพียง แต่จะส่งเสริม การบูรณาการและการพัฒนาของจีนและอาเซียน แต่ยังส่งเสริมวัฒนธรรมเอเชียไปทั่วโลก “One Belt One Road” ส่งเสริมการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมระหว่างประเทศในเอเชีย

ที่มา : https://www.ryt9.com/s/nnd/3045081

พาณิชย์เร่งอัพเกรดเอฟทีเอ

กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า ขณะนี้กรมกำลังอยู่ระหว่างการ เตรียมความพร้อมสำหรับการเจรจายกระดับความตกลงการค้าเสรี (เอฟทีเอ) ระหว่างอาเซียนกับคู่เจรจา หลังจากที่รัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนได้มีมติให้อาเซียนไปเจรจากับคู่เจรจาเพิ่มเติม หลังจากที่เอฟทีเอจับคู่เจรจาหลายกรอบ ทั้งอาเซียน-จีน, อาเซียน-อินเดีย, อาเซียน-เกาหลีใต้ และอาเซียน-ออสเตรเลียนิวซีแลนด์ ได้มีผลบังคับใช้มานานแล้ว และยังไม่มีการปรับปรุงความตกลง ยกเว้นอาเซียน-ญี่ปุ่น ที่ได้มีการอัพเกรดเอฟทีเอไปแล้ว ขณะนี้กำลังรอการบังคับใช้

ที่มา : https://www.ryt9.com/s/tpd/3041888

ปตท. ชงโมเดลธุรกิจLNGเสนอกกพ. หนุนไทยก้าวสู่ฮับในภูมิภาคอาเซียน

ปตท.จัดทำรูปแบบธุรกิจแอลเอ็นจีต่อกกพ.เพื่อผลักดันให้ไทยเป็นฮับในภูมิภาคนี้ มั่นใจไทยมีความพร้อมทั้งความต้องการใช้ โครงสร้างพื้นฐานสถานีรับจ่ายก๊าซแอลเอ็นจีและด้านภูมิศาสตร์ที่เป็นศูนย์กลาง ขณะที่  นายวุฒิกร สติฐิต รองกรรมการผู้จัดการใหญ่หน่วยธุรกิจก๊าซธรรมชาติ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยภายหลังเปิดงาน Gas Day 2019 Energy fuel for today and tomorrow ว่า ปตท.อยู่ระหว่างจัดทำรูปแบบธุรกิจก๊าซธรรมชาติเหลว(LNG)เพื่อผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางซื้อขายก๊าซแอลเอ็นจีในภูมิภาคนี้ (แอลเอ็นจี ฮับ) เพื่อเสนอต่อคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) โดยรูปแบบธุรกิจดังกล่าว ปตท.มีศักยภาพในการส่งออกแอลเอ็นจีไปตลาดในภูมิภาคนี้ เนื่องจากโครงสร้างพื้นฐานรองรับสถานีรับจ่ายแอลเอ็นจี (แอลเอ็นจี เทอร์มินอล) ทำได้อยู่แล้ว โดยปีนี้จะรีโหลดแอลเอ็นจีใส่เรือ เพื่อ ขนไปจำหน่ายให้กับลูกค้า เบื้องต้นได้มีการเจรจากับลูกค้าโรงงานอุตสาหกรรมบางราย และในอนาคตจะต่อยอดไปจำหน่ายในต่างประเทศ ซึ่งทางบริษัทฯ มองว่าประเทศไทยมีความพร้อมที่จะเป็นฮับอาเซียน เนื่องจากมีความได้เปรียบทั้งโครงสร้างพื้นฐาน และมีความต้องการใช้แอลเอ็นจีมาก และด้านภูมิศาสตร์ประเทศไทยเป็นจุดศูนย์กลาง CLMV ทำให้ไทยมีศักยภาพที่จะเป็นฮับแอลเอ็นจี ในอาเซียน โดยกลุ่ม ปตท.ดำเนินธุรกิจก๊าซครบวงจรเพื่อมาใช้ในภาคอุตสาหกรรมปิโตรเคมีและไฟฟ้า โดยการขนส่งก๊าซฯไม่จำเป็นต้องผ่านทางท่อเท่านั้นแต่ขนส่งผ่านรถ และเรือได้

ที่มา : ผู้จัดการรายวัน 360 องศา

อาเซียน-จีน หารือเปิดตลาดสินค้า-ลงทุนเพิ่มเติม ไทยเสนอจีนหนุนเชื่อมเส้นทางคุนหมิง-เชียงราย เพิ่มโอกาสการค้า

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน-จีน และอาเซียน-ฮ่องกง โดยระบุว่าจากการหารือระหว่างอาเซียนกับจีนนั้น เนื่องจากมีข้อตกลงเขตการค้าเสรี (FTA) ตั้งแต่ปี 2548 มูลค่าการค้าระหว่างอาเซียน-จีน อยู่ที่ระดับดับ 4.7 แสนล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งถือว่าจีนเป็นคู่ค้าอันดับหนึ่งของอาเซียน โดยจะยกระดับความร่วมมือในอีก 3 เรื่องสำคัญ คือ 1.การเปิดตลาดสินค้าเพิ่มเติม 2.การปรับปรุงกฎระเบียบเรื่องถิ่นกำเนิดสินค้าให้มีความทันสมัยยิ่งขึ้น เพื่อรองรับกับการค้ายุคใหม่ และ 3.การเตรียมเปิดเสรีการลงทุนเพิ่มเติม ซึ่งทางจีนมีกองทุนสำหรับช่วยสนับสนุนการดำเนินการของอาเซียนด้วย และที่ผ่านมาสนับสนุนเงินกองทุนแก่อาเซียน 300 ล้านหยวน โดยจะเพิ่มอีก 50 ล้านหยวน ในโครงการต่างๆ เช่น โครงการแพลตฟอร์มออนไลน์สำหรับการท่องเที่ยวในอาเซียน โครงการฝึกอบรมผู้ประกอบการรวมทั้งเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องกฎระเบียบถิ่นกำเนิดสินค้า เป็นต้น ทางการไทยได้เสนอใช้เงินจากกองทุนของจีนใน 3 โครงการสำคัญ คือ 1.โครงการเส้นทาง R3A ซึ่งเชื่อมเส้นทางระหว่างคุณหมิงกับเชียงราย โดยได้เสนอเรื่องนี้เพื่อเพิ่มโอกาสทางการค้าระหว่างกัน เป็นการค้าข้ามพรมแดนที่จะเป็นประโยชน์กับไทยต่อไปในอนาคต 2.โครงการพัฒนานักธุรกิจรุ่นใหม่ และ 3.โครงการแพลตฟอร์มสำหรับการค้าและนักธุรกิจรุ่นใหม่

ที่มา: https://www.ryt9.com/s/iq03/3039204

กัมพูชาจะเป็นเจ้าภาพงานแสดงสินค้าสิ่งทอและเครื่องแต่งกายในอาเซียน

กัมพูชาจะเป็นเจ้าภาพจัดงานประชุมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มภายในเดือนหน้า ที่กรุงพนมเปญในวันที่ 28-29 คุลาคม จะจัดขึ้นโดย SZ & W Group โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างโอกาสแก่พันธมิตรในอุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม และเป็นการสร้างความมั่นใจในการเติบโตในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงการแบ่งปันแนวคิดที่ดีเพื่อเร่งการเติบโตและพัฒนาอุตสาหกรรม ซึ่งผู้จัดงานได้เชิญผู้นำในอุตสาหกรรมและผู้เชี่ยวชาญจากทั่วทุกมุมโลกมาพูดในงานเพื่อเป็นการถ่ายทอดความรู้ โดยผู้จัดงานคาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมประชุมประมาณ 100-500 คน รวมถึงเจ้าหน้าที่ของรัฐและตัวแทนจาก บริษัท ในอินเดีย เมียนมา เวียดนามจีนและประเทศอื่นๆ และผู้เข้าร่วมอีกกว่า 10-50 คนที่คาดว่าจะจัดแสดงผลิตภัณฑ์และบริการของพวกเขาในงาน โดยในประเทศกัมพูชาอุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มเป็นภาคเศรษฐกิจที่สำคัญที่สุด ซึ่งอุตสาหกรรมมีสัดส่วนมากกว่า 40% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) และมีพนักงานมากกว่า 800,000 คน

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50641199/cambodia-to-host-southeast-asia-textile-and-apparel-expo/

พาณิชย์อุดรช่วยพ่อค้า เปิดตลาดสินค้าเกษตรสู่อาเซียน

พาณิชย์จังหวัดอุดรธานีเตรียมจัดงาน Fruits & Vegetables ESAN Fair 2019 มุ่งสร้างโอกาสให้ผู้ประกอบการสินค้าเกษตรไทยขยายการลงทุนไปยังภูมิภาคเศรษฐกิจอาเซียน แก้ไขปัญหาราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ ชวนอุดหนุนสินค้าเกษตร ในวันที่ 26-30 กรกฎาคมนี้ ที่ตลาดกลางผักและผลไม้ ตลาดอุดรเมืองทอง โดยเห็นว่าประเทศไทยมีข้อได้เปรียบจากการเป็นศูนย์กลางทางภูมิศาสตร์ในภูมิภาคอาเซียน โดยเฉพาะประเทศในกลุ่ม CLMVT ปัจจุบันมีการเติบโตทางเศรษฐกิจเนื่องจากมีการพัฒนาประเทศให้ทันต่อยุคประชาคมเศรษฐกิจ ซึ่งยังเป็นตลาดรองรับสินค้าไทยได้เป็นอย่างดี นอกจากนั้นประเทศไทยสามารถพัฒนาเป็น Trading Nation กระจายสินค้าจากกลุ่มประเทศ CLMV สู่ตลาดโลก เนื่องจากกลุ่มประเทศ CLMV ยังมีประสบการณ์น้อยกว่าในการทำการตลาด

ที่มา : https://www.banmuang.co.th/

โครงการทางหลวงแผ่นดินสปป.ลาว ส่งเสริมการท่องเที่ยวในอาเซียน

การเดินทางข้ามอาเซียนมีแนวโน้มที่จะง่ายขึ้นเนื่องจากแผนของรัฐบาลสปป.ลาวในการสร้างทางด่วนและมอเตอร์เวย์สามสายซึ่งครอบคลุมระยะทางกว่า 1,700 กิโลเมตรจะเชื่อมโยงประเทศกับจีนและเวียดนาม ทางพิเศษ ซึ่งเริ่มก่อสร้างแล้ว 113.5 กม. ทางทิศเหนือจากเมืองหลวงและอนุญาตให้เข้าถึงเมืองท่องเที่ยวของวังเวียงได้อย่างง่ายดาย โครงการนี้เสร็จสมบูรณ์ 30% แล้วคาดว่าจะเปิดในปี 2564 ทางด่วนมูลค่า 45,000 ล้านบาทเป็นส่วนหนึ่งของโครงการที่จะเชื่อมโยงเวียงจันทน์กับจีนตอนใต้ ในอนาคตจะสร้างมอเตอร์เวย์ 450 กม. จากวังเวียงไปยังบ่อเต็นเมืองชายแดนที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับเมืองโมฮันของจีน ซึ่งจะต้องใช้เงินลงทุนเพิ่มอีก 80,000 ล้านบาท ทางด่วนสายใหม่ไม่เพียงแต่จะทำให้การเดินทางไปจีนเร็วขึ้นเท่านั้น แต่ยังช่วยให้การเดินทางจากประเทศไทยง่ายขึ้นด้วย เมื่อทางพิเศษแล้วเสร็จผู้ใช้ทางสามารถเดินทางจากเมืองหลวงสปป.ลาวไปยังวังเวียง ทั้งหมดจะถูกสร้างขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการของนักเดินทาง รัฐบาลยังวางแผนที่จะสร้างอีกสองมอเตอร์เวย์เพื่ออำนวยความสะดวกการขนส่งทั้งในประเทศและระหว่างประเทศอีกด้วย ที่มา:https://www.bangkokpost.com/thailand/general/1708174/laos-highway-projects-to-boost-asean-travel

รถไฟความเร็วสูงจีน-สปป.ลาว อีกหนึ่งเส้นทางเชื่อมจีนสู่อาเซียน

ปัจจุบันจีนเป็นประเทศที่เข้ามาลงทุนใน มากที่สุดด้วยมูลทุนสะสมกว่า 5.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 30% ของมูลค่าเงินลงทุนจากต่างประเทศสะสมทั้งหมด โดยเฉพาะ เส้นทางรถไฟสายคุนหมิง-สิงคโปร์ภายใต้ยุทธศาสตร์ One Belt, One Road ที่ถือสัดส่วน 70% ของโครงการ ผลดีต่อการขนส่งไปจีนคือลดต้นทุนได้ถึง 40 – 70% และเส้นทางยังผ่านเขตเศรษฐกิจพิเศษอย่างร่วมบ่อเต็นบ่อหาน แขวงหลวงน้ำทา เขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำ แขวงบ่อแก้ว และเขตเศรษฐกิจเฉพาะอุตสาหกรรมและการค้าเวียงจันทน์-โนนทอง นครหลวงเวียงจันทน์ ซึ่งทั้ง 3 เขตเศรษฐกิจมีความสำคัญทางด้านเป็นศูนย์กระจายสินค้า แหล่งบันเทิงที่สำคัญ เช่น นิคมอุตสาหกรรม Vita โอกาสของผู้ประกอบการไทยคือลงทุนในภาคการผลิต ธุรกิจท่องเที่ยว ค้าปลีก ซึ่งในอนาคตจะเชื่อมกับรถไฟความเร็วสูงภายใต้โครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor : EEC) ซึ่งจะเป็นประตูสู่การลงทุนในกลุ่ม CLMV ได้เป็นอย่างดี

ที่มา: http://www.exim.go.th/doc/adn/48780_0.pdf

19 มิถุนายน 2560