เมียนมาคาดราคาน้ำตาลพุ่งตามราคาตลาดโลก

ผู้ค้าน้ำตาลในเมียนมาคาดราคาน้ำตลาดจะสูงขึ้นในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าเนื่องจากความต้องการทั่วโลกที่สูงขึ้นและการระบาดของ COVID-19 ทำให้ห่วงโซ่อุปทานหยุดชะงักนำไปสู่การขาดแคลนในบางส่วนของโลกรวมถึงจีน เมียนพยายามมานานหลายปีจะต้องการจะเพิ่มการผลิตน้ำตาล แต่ก่อนหน้ามีข้อกำหนดทางศุลกากรที่เข้มงวดการส่งออกน้ำตาลไปยังจีนจึงหยุดชะงักไปเมื่อต้นปี ขณะเดียวกันชาวไร่อ้อยในพื้นที่ก็ต้องลดการผลิตลงในช่วงหลายปีที่ผ่านมาเนื่องจากต้นทุนที่เพิ่มขึ้น สต๊อกน้ำตาลก่อนหน้านี้ที่เมืองชายแดนมูเซถูกขายจนหมด นอกจากนี้ยังมีความต้องการน้ำเชื่อมบางส่วนจากจีนด้วยเช่นกัน ซึ่งปริมาณสำรองน้ำตาลทั่วโลกกำลังลดลงและราคาสูงขึ้น กระทรวงพาณิชย์ของเมียนมาได้หารือกับโรงงานน้ำตาลไปเมื่อวันที่ 13 ตุลาคมเกี่ยวกับการกำหนดราคาขั้นต่ำอ้อยก่อนสิ้นเดือนนี้ก่อนฤดูการหีบอ้อยจะเริ่มขึ้น ปัจจุบันราคาอ้อยอย่างเป็นทางการอยู่ที่ 42,000 จัตต่อตัน ในอนาคตอาจจะไม่ต่ำกว่า 40,000 จัตต่อตันซึ่งหนุนราคาท้องถิ่นให้สูงในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า เมื่อสต็อกในท้องถิ่นลดลงและพื้นที่เพาะปลูกลดลงราคาอ้อยและน้ำตาลอาจเพิ่มขึ้นอีกในปีหน้า ก่อนหน้านี้เมียนมาส่งออกน้ำตาลทรายดิบไปยังจีนแต่เนื่องจากข้อจำกัดการนำเข้าและการปราบปรามการค้าที่ผิดกฎหมายทำให้ชาวไร่ค่อยๆ เลิกปลูกอ้อยมากขึ้น ในความเป็นจริงคนวงในคาดการณ์การหดตัวของพื้นที่เพาะในปีงบประมาณ 63-64 เหลือเพียง 350,000 เอเคอร์ลดลงร้อยละ 25 เมื่อเทียบกับ 7 ปีที่แล้วและต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ ในขณะเดียวกันก็มีนำเข้าน้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์เนื่องจากโรงงานน้ำตาลมีเพียง 2 แห่งจาก 29 แห่งที่สามารถผลิตน้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์ ปีงบประมาณ 62-63 มีการนำเข้าน้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์มากกว่า 57,000 ตันซึ่งน้อยกว่าก่อนหน้านี้ประมาณร้อยละ 40-50 เนื่องจากราคาที่สูงขึ้นและข้อจำกัดของรัฐบาลเมียนมา

ที่มา: https://www.mmtimes.com/news/myanmar-anticipates-higher-sugar-prices-demand-rises.html

จีนประกาศสนับสนุนสปป.ลาวเพิ่มเติม

จีนได้ตกลงที่จะสนับสนุนสปป.ลาวผ่านสามโครงการซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการกระชับความสัมพันธ์ร่วมมือระหว่างสองประเทศ คือจีนจะจัดหาวัสดุเพื่อต่อสู้กับโรคไข้เลือดออกในสปป.ลาว การเปิดตัวโครงการพัฒนาชนบทโครงสร้างพื้นฐานระยะที่ 2 และจีนเสนอระบบ Generalized System of Preferences (GSP) สำหรับสินค้าส่งออกของสปป.ลาว 97 % ทั้งสองฝ่ายยังเห็นพ้องในหลักการที่จะอำนวยความสะดวกในการขนส่งสินค้าข้ามพรมแดนระหว่างสปป.ลาวและจีน นอกจากนี้ทั้งสองประเทศยังตกลงที่จะดำเนินนโยบายตรวจคนเข้าเมืองอย่างรวดเร็วสำหรับจีนซึ่งจะให้สิทธิพิเศษบางประการแก่บุคคลเกี่ยวกับขั้นตอนการเข้าออกโดยเฉพาะเจ้าหน้าที่การทูต ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคนิคและแรงงานต่างชาติที่จำเป็นสำหรับโครงการพิเศษ มาตรการเหล่านี้มีเป้าหมายเพื่ออำนวยความสะดวกในกิจกรรมทางเศรษฐกิจในสปป.ลาวในขณะเดียวกันก็ทำให้โครงการพัฒนาของจีนในประเทศดำเนินไปอย่างต่อเนื่องในช่วงที่เกิดการระบาดของโรคโควิด -19 ในระหว่างการประชุมรัฐมนตรีทั้งสองได้หารือเกี่ยวกับความร่วมมือในอนาคต นอกจากนี้จีนยังเดินทางเยือนกัมพูชา มาเลเซีย ไทย และสิงคโปร์ระหว่างวันที่ 11-15 ตุลาคม เพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์กับประเทศในอาเซียน กระทรวงพาณิชย์ของจีนกล่าวว่าอาเซียนและจีนกลายเป็นคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของกันและกัน

ที่มา : http://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_China201.php

สปป.ลาวและจีนเร่งส่งเสริมความเชื่อมโยงในภูมิภาค

จีนได้เปิดทางด่วนอีกเส้นที่เชื่อมทางตอนใต้ของประเทศกับชายแดนสปป.ลาวซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการเสริมสร้างความเชื่อมโยงในภูมิภาคและส่งเสริมความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างจีน – อาเซียน ทางด่วนเวียงจันทน์ – บอเต็นที่กำลังก่อสร้างอยู่ จะลดเวลาในการเดินทางระหว่างสองประเทศ เชื่อกันว่าจะช่วยปรับปรุงเครือข่ายถนนในภูมิภาคส่งเสริมการค้าการลงทุนและการท่องเที่ยวไม่เพียงแต่ระหว่างสปป.ลาวและจีนเท่านั้น แต่ยังครอบคลุมทั่วทั้งภูมิภาค ทางด่วน Xiaomengyang-Mohan สร้างขึ้น ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของทางหลวงคุนหมิง – กรุงเทพฯผ่านสปป.ลาว ทางด่วนสายที่ 2 มณฑลยูนนานทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีนไปยังชายแดนสปป.ลาวก็เปิดให้บริการเร็ว ๆ นี้ เวียงจันทน์ – วังเวียงเป็นด่านแรกของทางด่วนเวียงจันทน์ – บอเต็นและมีกำหนดแล้วเสร็จในเดือนธันวาคมปีนี้ เมื่อสร้างเสร็จจะลดเวลาเดินทางระหว่างเวียงจันทน์และวังเวียงเหลือเพียง 1.5 ชั่วโมง ส่วนที่วางแผนไว้อีกสามส่วนล ได้แก่ วังเวียง – หลวงพระบาง หลวงพระบาง – อุดมไซและอุดมไซ – โบเต็น ยังขึ้นอยู่กับการอนุมัติจากรัฐบาลสปป. ขณะนี้ทางรถไฟสปป.ลาว – ​​จีนสร้างเสร็จแล้วมากกว่า 90% คาดว่าจะมีผู้ใช้บริการรถไฟประมาณ 14 ล้านคนต่อปี จีนมีความตั้งใจที่จะให้ทางรถไฟเชื่อมต่อเมืองหลวงของอาเซียนโดยที่คุนหมิงทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ของภูมิภาค รัฐบาลสปป.ลาวถือว่าทางรถไฟและทางด่วนเป็นหัวใจสำคัญในการเปลี่ยนประเทศจากการไม่มีทางออกสู่ทะเลเป็นการเชื่อมต่อทางบกภายในภูมิภาคลดต้นทุนการขนส่งและกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ

ที่มา : https://www.thestar.com.my/aseanplus/aseanplus-news/2020/10/13/laos-and-china-keen-to-boost-regional-connectivity

กัมพูชาและจีนร่วมลงนามข้อตกลงทางด้านการค้า

กัมพูชาและจีนได้ลงนามในข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) ณ พนมเปญ โดยมีนายกรัฐมนตรีฮุนเซน และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของจีนเข้าร่วมพิธีลงนาม ซึ่งนายฮุนเซนพูดถึง FTA ว่ามีความสำคัญอย่างยิ่งทั้งทางเศรษฐกิจและการเมืองต่อประเทศกัมพูชา โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศของจีนกล่าวว่าเขตการค้าเสรีจะช่วยให้กัมพูชาก้าวข้ามจากผลกระทบที่กำลังดำเนินอยู่ในปัจจุบันในหลายด้าน ซึ่งฝ่ายกัมพูชามีความมุ่งมั่นอย่างแน่วแน่ที่จะเสริมสร้างความเป็นหุ้นส่วนความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์ที่ครอบคลุมระหว่างกัมพูชาและจีน โดยจะยังคงสนับสนุนจีนอย่างต่อเนื่องในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ร่วมกันระหว่างจีนและยินดีที่จะทำงานร่วมกับจีนเพื่อกระชับความร่วมมือที่ส่งผลประโยชน์ร่วมกันในด้านต่างๆต่อไป

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50772642/cambodia-china-sign-trade-deal/

การลงนามข้อตกลงการค้าเสรีระหว่างกัมพูชาและจีน

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีนจะเดินทางเยือนกัมพูชาอย่างเป็นทางการในวันที่ 11-12 ตุลาคม 2020 ตามการแถลงข่าวของกระทรวงการต่างประเทศ โดนจะจัดการประชุมอย่างเป็นทางการกับรองนายกรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งจะมีการหารือเกี่ยวกับความร่วมมือทวิภาคีในสาขาต่างๆตลอดจนประเด็นในระดับภูมิภาคและระหว่างประเทศ โดยนายกรัฐมนตรีฮุนเซนจะเป็นสักขีพยานในการลงนามในข้อตกลงการค้าเสรีกัมพูชา – จีน (CCFTA) ซึ่งการเยือนกัมพูชาอย่างเป็นทางการของตัวแทนประเทศจีนแสดงถึงความสัมพันธ์อันยาวนานระหว่างกัมพูชาและจีน

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50771818/cambodia-china-free-trade-agreement-to-be-signed-by-monday-during-chinese-state-councilors-visit/

การปิดเมืองชายแดนอาจส่งผลต่อการค้าเมียนมากับจีน

การค้าระหว่างเมียนมาและจีนอาจหยุดชะงักหลังจากชายแดนหลุ่ยลี่ (RUILI) ซึ่งเป็นจุดผ่านแดนสำคัญใกล้กับมูเซในรัฐฉานถูกปิดไปเมื่อวันที่ 15 กันยายน 63 หลังตรวจพบเชื้อ COVID-19  คาดว่าจะปิดเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์และห้ามเดินทางออกนอกเมือง ซึ่งการซื้อขายผ่านชายแดนผ่านกำลังดำเนินการในเมือง Wan Ting ทางฝั่งจีน อย่างไรก็ตามสำนักงานศุลกากรของจีนส่วนใหญ่ปิดตัวการซื้อขายลง แต่ยังสามารถซื้อขายผลไม้ได้ ในขณะที่ทางหลวงของจีนถูกปิดกั้นการขนส่งจึงจำเป็นต้องใช้ถนนเส้นเก่าในการค้าขาย และหากยืดเยื้อต่อไปการค้าชายแดนอาจส่งผลเสียหายสำหรับผู้ค้าในพื้นที่ ผู้ค้าในมูเซให้ข้อมูลว่าการปิดชายแดนเกิดขึ้นหลังจากที่รัฐได้ทำการตรวจสอบประชากรราว 400,000 คน ในเมืองซ่วยหลี่ (Shweli )เพื่อให้แน่ใจว่าปลอดจากการติดไวรัสหากพบผู้ติดเชื้อเพิ่มอาจขยายระยะเวลาการปิดชายแดนออกไป

ที่มา : https://www.mmtimes.com/news/border-town-lockdown-might-affect-myanmar-china-trade.html

โครงการรถไฟสปป.ลาว – จีนกำลังดำเนินการแล้วเสร็จแม้จะมีการระบาดของ COVID-19

การก่อสร้างทางรถไฟสปป.ลาว – ​​จีนกำลังดำเนินไปตามแผนซึ่งแล้วเสร็จสมบูรณ์ไปแล้วกว่าร้อยละ 91.11 ของโครงการแม้จะมีอุปสรรคจากการระบาดของ COVID-19 ตามรายงานล่าสุดใน China Daily อุโมงค์ทางรถไฟสำหรับข้ามพรมแดนมีความยาว 9.59 กิโลเมตรเป็นส่วนหนึ่งของโครงการที่แล้วเสร็จและได้รับการขนานนามว่า “อุโมงค์มิตรภาพ” ประกอบด้วยอุโมงค์ 7.17 กิโลเมตรในมณฑลยูนนานประเทศจีนและ 2.42 กิโลเมตรที่ชายแดนสปป.ลาว ในช่วงการระบาดของ COVID-19ที่ผ่านมาคาดการณ์อาจส่งผลให้โครงการมีความล่าช้า แต่จากการที่รัฐบาลมีความกระตือรือร้นที่จะเดินหน้าก่อสร้างทางรถไฟโดยได้มีการอำนวยความสะดวกในงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด แม้จะมีข้อจำกัดในการเดินทางแต่รัฐบาลได้อนุญาตให้เปิดสายการบินเที่ยวบินระหว่างเวียงจันทน์และคุนหมิงเป็นกรณีพิเศษ เพื่ออำนวยความสะดวกในการก่อสร้างทางรถไฟและโครงการขนาดใหญ่อื่น ๆ ที่กำลังดำเนินการในสปป.ลาว โครงการทางรถไฟสปป.ลาว – ​​จีน       ถือเป็นยุทธศาสตร์ของแผนริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทางของจีน (One Belt One Road) และแผนของสปป.ลาวในการเปลี่ยนประเทศจากการไม่มีทางออกสู่ทะเลเป็นการเชื่อมโยงทางบกภายในภูมิภาค รัฐบาลสปป.ยังเชื่อว่าโครงการรถไฟเชื่อมต่อสปป.ลาว-จีน จะช่วยส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมในสปป.ลาวในอนาคตอันใกล้นี้

ที่มา : http://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Laosc181.php

สปป.ลาว เหยื่อกับดักหนี้จีนรายล่าสุด

รถไฟความเร็วสูงจีน – สปป.ลาวมูลค่า 6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ กำลังดำเนินการแล้วเสร็จในปลายปี 64 โครงการรถไฟความเร็วสูงถือเป็นความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจและสังคมที่ประสบความสำเร็จภายใต้พรรคปฏิวัติของประชาชนลาว แต่ความก้าวหน้าดังกล่าวอาจมาพร้อมกับการสูญเสียอธิปไตยบางอย่างให้กับเพื่อนบ้านยักษ์ใหญ่ทางเหนืออย่างจีนที่  เป็นนายทุนใหญ่ของโครงการดังกล่าว รายงานล่าสุดชี้ให้เห็นว่าสปป.ลาวจะเป็นประเทศล่าสุดที่ตกเป็นเหยื่อของกับดักหนี้ Belt and Road Initiative (BRI) โดยประเทศต่างๆ หากผิดนัดชำระหนี้ที่เกี่ยวข้องกับโครงสร้างพื้นฐานหรือโครงการ จะถูกกดดันในการยกสัมปทานบางอย่างให้แก่จีนแทนการชำระหนี้ ปัจจุบันทุนสำรองเงินตราต่างประเทศของสปป.ลาวลดลงต่ำกว่า 1 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งอาจไม่เพียงพอต่อการชำระหนี้งวดประจำปีของโครงการ ซึ่งจะนำไปสู่การทำให้สปป.ลาวต้องสูญเสียอธิปไตยของประเทศไปบางส่วน รายงานข่าวยังชี้ให้เห็นอีกว่ากระทรวงการคลังสปป.ลาว ได้ขอให้จีนซึ่งเป็นเจ้าหนี้ต่างชาติรายใหญ่ที่สุดปรับโครงสร้างหนี้เพื่อหลีกเลี่ยงการผิดนัดชำระหนี้ ข้อมูลจากรายงานชี้ให้เห็นว่าการเติบโตสปป.ลาวอาจมีการขยายตัวได้ดีจากการเข้ามาลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานของนักลงทุนจีน แต่สิ่งที่สปป.ลาวยังเป็นกังวลและให้ความสนใจคือความสามารถในการชำระหนี้ ที่อาจหากไม่มีประสิทธิภาพอาจนำซึ่งการสูญเสียอธิปไตยของชาติก็เป็นได้

ที่มา : https://asiatimes.com/2020/09/laos-the-latest-china-debt-trap-victim/

อุโมงค์ข้ามพรมแดนรถไฟจีน-สปป.ลาว แล้วเสร็จเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา

“อุโมงค์มิตรภาพข้ามพรมแดนจีน-สปป.ลาว” ความยาวรวม 9.59 กม. จากจีนมายังสปป.ลาวซึ่งจะเป็นส่วนหนึ่งของโครงการรถไฟความเร็วสูงจีน – สปป.ลาวที่จะเป็นเส้นทางจากคุนหมิไปยังเวียงจันทน์เมืองหลวงของสปป.ลาว แล้วเสร็จเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา โครงการดังกล่าวเกิดจากความร่วมมือระหว่าง Liu Juncheng จาก China Railway Kunming Group Co. Ltd.ของประเทศจีนและรัฐบาลสปป.ลาว ทางรถไฟถูกมองว่าเป็นโครงการเชื่อมต่อเชิงกลยุทธ์ตามแผนโครงการ one belt one road  สอดคล้องไปกับยุทธศาสตร์ของสปป.ลาวในการเปลี่ยนจากประเทศที่ไม่มีทางออกสู่ทะเลไปเป็นศูนย์กลางเชื่อมโยงทางบก  ที่จะมีส่วนสำคัญการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของสปป.ลาว ผ่านด้านการค้าและการท่องเที่ยวที่โครงการดังกล่าวจะเป็นส่วนช่วยส่งเสริมให้มีการเติบโต

ที่มา : http://www.china.org.cn/business/2020-09/14/content_76699866.htm

กล้วย ทำรายได้สูงสุดในการส่งออกสินค้าเกษตรของสปป.ลาว ไปยังจีน

ทางการสปป.ลาวยืนยันว่าปีนี้กล้วยยังคงทำรายได้สูงสุดในบรรดาสินค้าเกษตรส่งออกไปยังประเทศจีน แม้ว่ารัฐบาลจะสั่งห้ามปลูกกล้วยมากขึ้นก็ตาม กระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า รายงานว่าสปป.ลาวส่งออกกล้วยไปยังจีนเป็นมูลค่า 116 ล้านดอลลาร์ ในช่วง 7 เดือนแรกของปีนี้ ปีที่แล้วมีรายได้ราว 185.6 ล้านเหรียญสหรัฐฯ แม้ว่าจำนวนนักลงทุนและสวนกล้วยในประเทศจะลดลง หลังจากที่รัฐบาลบังคับใช้คำสั่งห้ามไม่ให้มีพื้นที่ปลูกใหม่และปิดบริษัทที่ฝ่าฝืนกฎระเบียบ แต่มูลค่าการส่งออกกล้วยยังคงอยู่ในระดับสูง การค้าขายระหว่างสปป.ลาวและจีนในปีนี้ได้รับผลกระทบจากโควิด -19 แต่การส่งออกสินค้าโดยเฉพาะกล้วยยังอยู่ในเกณฑ์ดี เนื่องจากความร่วมมือและการเจรจาที่ดีระหว่างทางการสปป.ลาวและจีนยุทธศาสตร์การเกษตรปี 68 ระบุว่ากล้วยเป็นสินค้าส่งออกทางการเกษตรอันดับต้น ๆ สร้างโอกาสในการทำงานและสร้างรายได้ให้คนในท้องถิ่นเพื่อให้อยู่เหนือความยากจน แต่พื้นที่เพาะปลูกบางแห่งทำร้ายสิ่งแวดล้อม เนื่องจากรัฐบาลขาดการจัดการการจัดสรรที่ดินที่ไม่สมบูรณ์และการจดทะเบียนธุรกิจที่หละหลวม ด้วยเหตุนี้ผู้ค้าและนักลงทุนจึงได้รับการสนับสนุนให้ทำสัญญากับครอบครัวเกษตรกรรมเพื่อปลูกพืช แต่ยังไม่มีการบังคับใช้กฎระเบียบโดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เกี่ยวข้องกับองค์กรการส่งเสริมการลงทุนการจัดการสารเคมีการคุ้มครองพืชการคุ้มครองผู้บริโภคและการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม

ที่มา : https://www.phnompenhpost.com/business/bananas-largest-slice-laos-export-pie-china