ธุรกิจในมัณฑะเลย์ขอสินเชื่อ COVID-19 รอบที่ 2

จากรายงานของหอการค้าและอุตสาหกรรมภูมิภาคมัณฑะเลย์ (MRCCI) มีธุรกิจ 648 ราย ยื่นขอสินเชื่อ COVID-19 รอบที่ 2 เป็นจำนวนเงิน 100 พันล้านจัต โดยสามารถยื่นใบสมัครตั้งแต่วันที่ 29 กรกฎาคมถึง 10 สิงหาคม 2563 พบว่าธุรกิจการผลิตอาหารยื่นขอกู้มากที่สุด เงินกู้รอบที่ 2 ส่วนใหญ่จะออกให้กับธุรกิจด้านการเกษต รปศุสัตว์และประมง การส่งเสริมการค้าและห่วงโซ่อุปทาน การแปรรูปอาหารตลอดจนหน่วยงานตัวแทนจัดหางานในต่างประเทศและศูนย์ฝึกอาชีพ ในการปล่อยกู้นอบแรกมีผู้ยื่นขอสินเชื่อผ่าน MRCCI ทั้งหมด 417 ราย แต่มีเพียง 330 รายเท่านั้นที่ได้รับการอนุมัติ มีการปล่อยเงินกู้จำนวน 1 แสนล้านจัต ให้กับธุรกิจทั้งหมด 3,393 แห่ง ตั้งแต่เดือนเมษายน 63 โดยมีอัตราดอกเบี้ย 1% และระยะเวลาชำระคืนหนึ่งปี

ที่มา: https://www.mmtimes.com/news/more-mandalay-businesses-apply-second-covid-19-loan.html

ตระนาวศรีมีแผนส่งออกผลิตภัณฑ์ทางทะเลไปยังไทย

ตามประกาศของกระทรวงเกษตรปศุสัตว์และชลประทาน แม้ว่าอุตสาหกรรมทั้งหมดในเขตตะนาวศรีจะระงับชั่วคราวในช่วงที่มีการระบาดของโควิด -19 แต่กำลังมีแผนส่งออกผลิตภัณฑ์ทางทะเลไปยังไทย สมาคมสหกรณ์สามแห่งในเมืองเกาะสอง เขตตะนาวศรี ได้ส่งออกผลิตภัณฑ์ประมงไปยังต่างประเทศ ดังนั้นพวกเขามีรายได้ 4.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐจากการส่งออกในปีงบประมาณ 2562-2563 ปัจจุบันเมียนมามีรายได้จากการส่งออกประมงกว่า 750 ล้านดอลลาร์สหรัฐในช่วง 10 เดือนของปีงบประมาณนี้ ขณะนี้กรมประมงได้ประสานงานความร่วมมือกับผู้แปรรูปปลาและผู้ส่งออกเพื่อให้แน่ใจว่าผลิตภัณฑ์ประมงเป็นไปตามกฎและข้อบังคับของประเทศผู้นำเข้ารวมถึงประเทศในยุโรป

ที่มา: https://elevenmyanmar.com/news/taninthari-region-plans-to-export-marine-products-to-thailand

การค้าเมียนมาเพิ่มขึ้นแม้มีการระบาดของ COVID-19

จากข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์ พบว่าแม้ว่าการระบาดของ COVID-19 แต่รายรับจากการส่งออกของเมียนมากลับเพิ่มขึ้นประมาณ 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปีงบประมาณปัจจุบัน การค้าชายแดนกับบังกลาเทศ อินเดีย ไทยและจีนเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีงบประมาณที่แล้วรวมทั้งเส้นทางการเดินเรือการค้ารวมจนถึงปีนี้มีมากกว่า 3 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐซึ่งมากกว่าช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว 1.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐ รายได้จากการส่งออกไปจีนลดลงราว 107 ล้านดอลลาร์สหรัฐระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม 2562 ถึง 24 กรกฎาคมของปีงบประมาณนี้เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ในขณะเดียวกันการส่งออกเมล่อนไปยังประเทศจีนลดลงประมาณร้อยละ 20 ในทางกลับกันการส่งออกข้าวโพดได้เพิ่มขึ้นเกือบร้อยละ 50 เมื่อเทียบเป็นรายปีในปีงบประมาณปัจจุบันและแนวโน้มการเติบโตดูสดใส การส่งออกข้าวโพดอยู่ที่ 2.5 ล้านตันเมื่อเทียบกับ 1.5 ล้านตันในปีที่แล้ว ขณะนี้รายได้จากการส่งออกผลไม้ของเมียนมามีมากกว่า 370 ล้านดอลลาร์สหรัฐซึ่งเทียบเท่ากับรายได้ที่เกิดขึ้นในช่วงเดียวกันของปีงบประมาณที่แล้ว อีกทั้งความต้องการกล้วยคุณภาพดีที่ผลิตจากการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อซึ่งชดเชยการส่งออกผลไม้อื่น ๆ เช่น แตงโม และแตงกวาที่ลดลง เมียนมายังเพิ่มความพยายามในการทำตลาดผลไม้อื่น ๆ เช่น อะโวคาโดพันธุ์แฮส (Hass) ตลอดจนอาหารแปรรูปและผลิตภัณฑ์เพิ่มมูลค่าไปยังตลาดต่างประเทศ

ที่มา: https://www.mmtimes.com/news/myanmar-trade-volumes-increase-despite-covid-19.html

สปป.ลาวได้รับเงินทุนเพื่อบรรเทาด้านการศึกษาจากผลกระทบ COVID-19

Global Partnership for Education กำลังจัดสรรเงินช่วยเหลือจำนวน 7 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ผ่านทาง UNICEF เพื่อช่วยตอบสนองและบรรเทาผลกระทบด้านการศึกษาและสังคมในสปป.ลาวจากการระบาดของ COVID-19 UNICEF สปป.ลาวได้ลงนามข้อตกลงการให้ทุนเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา เงินทุนดังกล่าวที่ได้จากการระดมทุนจากหลายๆองค์กรระดับโลก จะนำมาดำเนิน กิจกรรมภายใต้การนำของกระทรวงศึกษาธิการและกีฬาโดย UNICEF จะประสานงานอย่างใกล้ชิดกับภาคีการพัฒนาต่างๆผ่านกลไกของคณะทำงานภาคการศึกษารวมถึงสนับสนุนกิจกรรมต่างๆที่พัฒนาศักยภาพด้านสาธารณสุขของสปป.ลาว Dr.Phouth ตัวแทน UNICEF กล่าวเพิ่มเติมว่า“ เราทุกคนต้องมั่นใจว่าภาคการศึกษาจะกลับมาฟื้นตัวได้ดีอีกครั้งและจะมีส่วนช่วยอย่างยิ่งในการทำให้ประชาชนสปป.ลาวมีประสิทธิภาพมากขึ้นเป็นโครงการที่จะช่วยสนับสนุนพัฒนาการของทุนมนุษย์”

ที่มา : http://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Laos157.php

สปป.ลาว ยกย่องอาเซียนเป็นองค์กรระดับภูมิภาคที่ประสบความสำเร็จ

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสปป.ลาว กล่าวในข้อความที่ส่งถึงชาวลาวเมื่อเร็ว ๆ นี้เนื่องในโอกาสที่ 53 ครบรอบการก่อตั้งกลุ่มและครบรอบ 23 ปีของการเป็นสมาชิกของสปป.ลาว ว่าอาเซียนเป็นภูมิภาคที่สงบสุขและมีเสถียรภาพโดยมีความสำเร็จที่สำคัญในความร่วมมือทางเศรษฐกิจที่ช่วยให้กลุ่มบูรณาการเข้ากับเศรษฐกิจระดับภูมิภาคและระดับโลกและมีส่วนร่วมในการส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจสังคมและปรับปรุงมาตรฐานการดำรงชีวิตของประชาชน ในปี 2020 อาเซียนและหลายภูมิภาคทั่วโลกกำลังเผชิญกับความท้าทายต่างๆที่เกิดจากภัยธรรมชาติและโควิด -19 ซึ่งส่งผลกระทบอย่างมากต่อการพัฒนาเศรษฐกิจสังคมเสถียรภาพทางการเมืองและความมั่นคงในภูมิภาคและโลก เพื่อรับมือกับความท้าทายเหล่านี้อาเซียนได้เสริมสร้างความร่วมมือตามเจตนารมณ์ “แน่นแฟ้นและตอบสนอง” นอกจากนี้อาเซียนและคู่เจรจาได้ตกลงที่จะส่งเสริมความร่วมมือด้านการดูแลสุขภาพชุมชนโดยเฉพาะการป้องกัน COVID-19 ศึกษาและพัฒนาวัคซีนป้องกันไวรัสและจัดตั้งกองทุนอาเซียนเพื่อรับมือกับ COVID-19 และสำรองอุปกรณ์ทางการแพทย์สำหรับกรณีฉุกเฉินนอกเหนือจากการดำเนินการต่อ กิจกรรมทางเศรษฐกิจและสังคมการเชื่อมโยงและห่วงโซ่อุปทานและการลงทุนในขณะที่จัดการกับปัญหาการว่างงาน ลดความยากจนและพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ นักการทูตระดับสูงของสปป.ลาวยังยืนยันด้วยว่าการเป็นสมาชิกอาเซียนได้ช่วยส่งเสริมบทบาทของสปป.ลาวในการประชุมระดับภูมิภาคและระดับนานาชาติ

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/lao-fm-praises-asean-as-successful-regional-organisation/180018.vnp

จีนบริจาคเวชภัณฑ์แพทย์ต่อต้านการแพร่ระบาด COVID-19 แก่สปป.ลาว

รัฐบาลจีนได้บริจาคชุดเวชภัณฑ์ต่อต้านการแพร่ระบาด COVID-19 โดยขนส่งจากเมืองคุนหมิงซึ่งเป็นเมืองหลวงของมณฑลยูนนานทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีนเมื่อเช้าวันศุกร์มุ่งหน้าไปยังสปป.ลาว ซึ่งอุปกรณ์ดังกล่าวประกอบด้วย รถพยาบาล เครื่องเครื่องช่วยหายใจและเครื่องวัดอุณหภูมิอินฟราเรด Hu Baoguo รองนายกเทศมนตรีเมืองคุนหมิงกล่าวว่า “นครเวียงจันทน์และภาคส่วนต่างๆของสังคมได้บริจาคเวชภัณฑ์มูลค่า 261,000 หยวน (37,500 เหรียญสหรัฐ) ให้แก่คุนหมิงนับตั้งแต่มีรายงานการแพร่ระบาดครั้งแรกในจังหวัดเราจะจดจำและรักมิตรภาพของความทุกข์ยากที่มีร่วมกันนี้ตลอดไปและหวังว่าเวชภัณฑ์จะสามารถช่วยงานป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของสปป.ลาวได้อย่างมีประสิทธิภาพ” การช่วยเหลือของจีนมีมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่สปป.ลาวเผชิญกับการแพรระบาดของ COVID-19 ก่อนหน้านี้เมื่อช่วงเดือนมีนาคมที่พบการระบาดครั้งแรกของสปป.ลาวรัฐบาลจีนได้ส่งทีมแพทย์เพื่อช่วยในการป้องกันและควบคุมโรคระบาดในสปป.ลาวและบริจาควัสดุป้องกันการระบาดมูลค่า 4.17 ล้านหยวน

ที่มา: https://www.thestar.com.my/aseanplus/aseanplus-news/2020/08/09/china039s-kunming-donates-anti-pandemic-supplies-to-laos

ยอดส่งออกข้าวของเวียดนามไปยังแอฟริกาพุ่งสูงขึ้น

คุณ Hoang Duc Nhuan ผู้ให้คำปรึกษาด้านการค้าของเวียดนามในแอลจีเรีย กล่าวว่าการส่งออกข้าวของเวียดนามไปยังตลาดแอฟริกาเพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วงครึ่งแรกของปี 2563 และคาดว่ายังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในอีกหลายเดือนข้างหน้า จนถึงปีถัดไป ส่วนปี 2562 พบว่าเวียดนามส่งออกข้าวไปยัง 35 ประเทศจากทั้งหมด 55 ประเทศในทวีปแอฟริกา ด้วยมูลค่าประมาณ 630 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งประเทศไอวอรีโคสต์, กานา, เซเนกัล, โมซัมบิก, แคเมอรูน, กาบอง, แทนซาเนียและอียิปต์ ล้วนเป็นผู้นำเข้ารายใหญ่ ทั้งนี้ การโจมตีของฝูงตั๊กแตนและการแพร่ระบาดของ COVID-19 ในปัจจุบัน ประกอบกับการเติบโตของประชากรที่สูงขึ้นและการแข่งขันทางด้านราคาข้าวในตลาดต่างประเทศ ทำให้รัฐบาลและชาวแอฟริกาต้องจัดเก็บอาหารและของกิน รวมถึงข้าวเพิ่มสูงขึ้น นอกจากนี้ สำนักงานตลาดเอเชีย-แอฟริกา ภายใต้กระทรวง MOIT ได้ประสานเข้าร่วมกับภารกิจทางการค้าของเวียดนาม โดยจัดสัมมนาและโฆษณาเรื่องยกระดับตลาดแอฟริกา-ตะวันออกกลาง เพื่อดึงดูดนักธุรกิจเวียดนามให้เข้าร่วมงานนี้

ที่มา : https://en.nhandan.org.vn/business/item/8960102-vietnam-sees-hike-in-rice-exports-to-africa.html

ที่ปรึกษารัฐบาลเมียนมาพร้อมหนุนภาคการก่อสร้าง

นางอองซานซูจีที่ปรึกษาแห่งรัฐกล่าวว่ารัฐบาลพร้อมให้การสนับสนุนการก่อสร้างโดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างงานให้มากขึ้น ซึ่งการก่อสร้างมีบทบาทสำคัญในการจัดหาที่อยู่อาศัยให้กับคนยากจนและในทางกลับกันก็ช่วยจัดการการแพร่ระบาดของโควิด -19 มีการเตรียมการเพื่อตอบสนองความต้องการของประชาชนในย่างกุ้ง มัณฑะเลย์ และเนปยีดอด้วยการสร้างอพาร์ทเมนท์ประมาณ 10,000 ห้อง รัฐบาลมีแผนเชิญภาคเอกชนเข้าร่วมในการพัฒนาที่อยู่อาศัยให้เช่ารวมถึงการสร้างตลาด โรงเรียน คลินิก สนามเด็กเล่น และสวนสาธารณะสำหรับผู้อยู่อาศัยภายใต้ระบบการลงทุนภาคเอกชน ภายใต้ระบบดังกล่าวรัฐบาลจะจ่ายซึ่งคาดว่าจะอยู่ที่ 250 พันล้านจัตโดยใช้เงินส่วนเกินจากงบประมาณ จากข้อมูลในปี 2557 จำนวนคนที่อาศัยอยู่ต่ำกว่าเส้นความยากจนในเมียนมาส่วนใหญ่ยังไม่มีที่อยู่อาศัย เป็นผลให้ความต้องการที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องแม้ว่าจะมีการเปิดตัวอพาร์ทเมนท์ราคาประหยัดประมาณ 30,000 ห้อง

ที่มา: https://www.mmtimes.com/news/state-counsellor-promises-continue-supporting-construction-sector.html

รัฐบาลสปป.ลาวดำเนินการขั้นตอนใหม่เพื่อป้องกัน Covid -19 ระลอกสอง

การแพร่ระบาด Covid -19 อย่างต่อเนื่องในประเทศเพื่อนบ้านและประเทศอื่น ๆ ทำให้สปป.ลาวต้องเพิ่มมาตรการเพื่อปกป้อง จากไวรัสระลอกสอง สำนักนายกรัฐมนตรีได้ออกประกาศเมื่อวันที่ 7 ส.ค.โดยสรุปถึงความท้าทายที่สปป.ลาวต้องเผชิญและความเสี่ยงสูงที่เกิดจากวิกฤตสุขภาพโลก รัฐบาลจำเป็นต้องเพิ่มความพยายามในการป้องกันและควบคุมไวรัสเป็นสองเท่า ประกาศระบุว่ากระทรวงความมั่นคงสาธารณะควรร่วมมือกับหน่วยงานแห่งชาติเพื่อการป้องกันและควบคุมโควิด -19 เพื่อเสริมสร้างการตรวจสอบที่จุดผ่านแดนและบังคับใช้การควบคุมชายแดนที่เข้มงวดยิ่งขึ้น หากพบผู้อพยพผิดกฎหมายจะได้รับการทดสอบ Covid-19 ก่อนที่จะถูกส่งไปยังศูนย์กักกันที่รัฐกำหนด ประชาชนจะได้รับแจ้งเมื่อมีการเข้ามาอย่างผิดกฎหมายเพื่อให้ทุกคนตระหนักถึงความจำเป็นในการป้องกันไวรัส กระทรวงความมั่นคงสาธารณะได้รับคำสั่งให้ร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ในเวียงจันทน์และแขวงต่างๆเพื่อให้แน่ใจว่าสถานบันเทิง รวมถึงบาร์ คาราโอเกะและไนต์คลับยังคงปิดอยู่ หากละเมิดกฎระเบียบของรัฐบาลจะได้รับคำเตือนปรับหรือถูกเพิกถอนใบอนุญาตประกอบธุรกิจ นอกจากนี้ยังมีการเตรียมออกนโยบาย Fast-Track กับเวียดนามและจีน อีกทั้งกระตุ้นให้เผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของโควิด -19 ต่อไปรวมถึงอันตรายและความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องและศักยภาพของระลอกที่สอง

ที่มา : http://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Govt_takes_153.php

“เวียดนามแอร์ไลน์” วางแผนที่จะขายเครื่องบิน ช่วยลดต้นทุน

จากการระบาดของไวรัสโควิด-19 ในปัจจุบัน เวียดนามแอร์ไลน์ (Vietnam Airlines) เปิดเผยว่าสายการบินอาจขาดทุนที่ 645 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปีนี้ และทางสายการบินสามารถให้บริการเที่ยวบินเพียง 14.5 ล้านไฟล์ทในปีนี้ ลดลงร้อยละ 36.8 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน รวมถึงรองรับจำนวนผู้โดยสารระหว่างประเทศ 2 ล้านคน และ 12.3 ล้านคนสำหรับผู้โดยสารในประเทศ อย่างไรก็ตาม รายได้ของสายการบินดังกล่าวในปีนี้ ประมาณ 1.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (40.5% ของรายได้ในปีก่อน) สำหรับรายรับของบริษัทใหญ่อย่างเดียว พบว่าขาดทุน 14.4 ล้านล้านด่ง ลดลงร้อยละ 56.4 ทั้งนี้ การระบาดของไวรัส ส่งผลให้ธุรกิจไม่มีกระแสเงินสดและขาดทุนอย่างมาก ด้วยเหตุนี้ เวียดนามแอร์ไลน์ดำเนินใช้มาตรการต่างๆ เพื่อลดต้นทุนและเจรจากับหน่วยงาน EU Export Credit Agency (ECA) และธนาคารในประเทศ รวมถึงยังขอการสนับสนุนจากภาครัฐฯ ด้วยเหตุนี้ จึงวางแผนที่จะขายแอร์บัส A321 ปี 2550 จำนวน 6 ลำ และขายแอร์บัส A321 ปี 2551 จำนวน 3 ลำ แผนดังกล่าวจะดำเนินการในปีหน้า

ที่มา : http://dtinews.vn/en/news/018/69302/vietnam-airlines-plans-to-sell-off-aircraft-to-save-losses.html