ปักกิ่งทุ่มทุนพัฒนาเครือข่ายรถไฟความเร็วสูงเชื่อม กัมพูชา ไทย สปป.ลาว และจีน

ปักกิ่งจะมอบเงินทุนสนับสนุน 300 ล้านหยวน หรือเท่ากับ 41.34 ล้านดอลลาร์ เพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางรถไฟความเร็วสูงเชื่อมระหว่าง กัมพูชา ไทย สปป.ลาว และจีน กล่าวโดย Wang Yi รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศจีนระหว่างการประชุมร่วมกับรัฐมนตรีกระทรวงโยธาธิการและขนส่งกัมพูชา Sun Chanthol ณ กรุงพนมเปญ ภายใต้กรอบของคณะกรรมการระหว่างรัฐบาลกัมพูชา-จีน ซึ่งมีนาย Hor Namhong เป็นประธาน และมีเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลเข้าร่วม ซึ่งโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานดังกล่าว ได้แก่ ทางด่วนพนมเปญ-สีหนุวิลล์, ทางด่วนพนมเปญ-บาเวต, ทางด่วนพนมเปญ-เสียมราฐ, โครงการรถไฟกัมพูชา และโครงการคลอง Funan Techo ที่กำลังดำเนินการโดยได้รับการสนับสนุนจากประธานาธิบดี Xi Jinping ของจีน โดยประธานฯ ได้ชี้ให้เห็นว่าจีนได้มีส่วนช่วยในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของกัมพูชา รวมถึงการสร้างถนนยาวกว่า 3,000 กิโลเมตร และโครงสร้างพื้นฐานอื่นๆ เพื่ออำนวยความสะดวกในการขนส่งและปรับปรุงคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของคนในประเทศกัมพูชา ผ่านการสนับสนุนจากจีน ธนาคารโลก และธนาคารพัฒนาเอเชีย (ADB)

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501342655/beijing-commits-300-million-yuan-to-develop-high-speed-rail-network/

สปป.ลาว เริ่มดำเนินการโครงการพลังงานลมขนาดใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

สปป.ลาว เริ่มติดตั้งกังหันพลังงานลมสำหรับโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมในจังหวัดเซกอง หลังจากกังหันและใบพัดจัดส่งมาถึงเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (12 ส.ค.) ซึ่งโครงการดังกล่าววางแผนติดตั้งกังหันลมประมาณ 110 ตัว ในอำเภอดักจึง จังหวัดเซกอง และในอำเภอสานไชน แขวงอัตตะปือ 23 ตัว โดยการก่อสร้างโครงการได้เริ่มขึ้นในช่วงต้นเดือนเมษายน 2023 และคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปี 2025 ด้วยกำลังการผลิตรวม 600 เมกะวัตต์ กระจายไปทั่วพื้นที่สัมปทานกว่า 1,000 เฮกตาร์ ซึ่งไฟฟ้าที่ผลิตได้จะถูกส่งออกไปยังเวียดนามภายใต้กรอบสัญญาระยะเวลา 25 ปี

ขณะที่รายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ขององค์การความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งประเทศญี่ปุ่น (JICA) รายงานว่าการก่อสร้างจะส่งผลกระทบต่อพื้นที่ป่าในระยะสั้น ทำให้ที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่าได้รับผลกระทบเป็นการชั่วคราว และการสร้างถนนสายใหม่ใกล้กับป่าก็อาจทำให้การล่าสัตว์ป่าของชาวบ้านเพิ่มขึ้นในระยะถัด โดยโครงการดังกล่าวสร้างผลกระทบต่อภาคครัวเรือนในแขวงเซกองกว่า 360 ครัวเรือน และอีก 36 หลังคาเรือนในแขวงอัตตะปือ ที่จะได้รับผลกระทบจากการก่อสร้างโครงการพลังงานลม

ที่มา : https://laotiantimes.com/2023/08/14/installation-of-turbines-begins-in-laos-for-se-asias-largest-wind-power-project/

ทางการ สปป.ลาว รายงานสถานการณ์ชายฝั่งน้ำโขงใกล้ถึงจุดอันตราย

ระดับแม่น้ำโขงจะยังคงสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องจนเข้าใกล้ระดับอันตราย หลังจากฝนตกหนักเป็นระยะเวลาหลายวัน จากข้อมูลของกรมอุตุนิยมวิทยาและอุทกวิทยา รายงานว่าระดับน้ำโขง ณ จุดกิโลเมตรที่ 4 ในเวียงจันทน์บันทึกไว้ที่ 8.85 เมตร ในวันที่ 8 ส.ค. โดยคาดการณ์ว่าระดับน้ำจะเพิ่มขึ้นเป็น 9.86 เมตร ในวันที่ 9 ส.ค. และเพิ่มขึ้นเป็น 11.92 เมตร ในวันที่ 11 ส.ค. ซึ่งถึงจุดที่สูงกว่าระดับในการเตือนภัยที่ 11.50 เมตร และใกล้ระดับอันตรายที่กำหนดไว้ที่ 12.50 เมตร ขณะเมื่อวันที่ 9 ส.ค. ที่ผ่านมา บางพื้นที่น้ำได้ล้นตลิ่งและค่อยๆ ท่วมพื้นที่ลุ่มต่ำบางส่วนในหมู่บ้านสีทันเตย์ของแขวงหาดไซฟองในเวียงจันทน์ ส่งผลทำให้หลายครัวเรือนได้รับผลกระทบ โดยทางการกำลังจับตาดูสถานการณ์อย่างใกล้ชิดหลังมีการพยากรณ์ฝนตกหนักทั่วประเทศในช่วงวันที่ 9-15 ส.ค. พร้อมกับให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงเตรียมพร้อมรับมือกับผลกระทบจากน้ำท่วมควบคู่ไปกับการดูแลของทางภาครัฐฯ-เอกชน

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Mekong154.php

EXIM Bank พร้อมหนุนการเงิน AMATA City Lao สร้างเมืองอัจฉริยะ

ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) พร้อมสนับสนุนทางด้านการเงินแก่ บริษัท อมตะซิตี้ ลาว จำกัด (AMATA City Lao) ผ่านการร่วมลงนามในสัญญาสนับสนุนทางการเงินมูลค่า 150 ล้านบาท เพื่อใช้เป็นเงินทุนสำหรับซื้อที่ดินและพัฒนาพื้นที่นิคมอุตสาหกรรม อมตะ สมาร์ท แอนด์ อีโค ซิตี้ นาเตย ในแขวงหลวงน้ำทาทางตอนเหนือของ สปป.ลาว ด้านบริษัท AMATA City Lao ซึ่งเป็นบริษัทในกลุ่ม AMATA ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมใน สปป.ลาว ด้วยความเล็งเห็นในศักยภาพของผู้ประกอบการไทยในการสร้างเมืองอัจฉริยะ (Smart City) และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมด้วยนโยบายการปล่อยของเสียเป็นศูนย์ (Zero Waste Discharge) ในนิคมอุตสาหกรรมอมตะ สมาร์ท แอนด์ อีโค ซิตี้ นาเตย มุ่งสู่การเป็นเมืองคาร์บอนต่ำ (Low Carbon City) ในระยะยาว บนพื้นฐานของการดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตามกรอบแนวคิด “ALL WIN” โดยโครงการนี้ออกแบบมาเพื่อรองรับนักลงทุนต่างชาติในอุตสาหกรรมต่างๆ รวมถึงโลจิสติกส์และคลังสินค้า เครื่องจักร ผลิตภัณฑ์ยางและพลาสติก การแปรรูปอาหารและเครื่องดื่ม ตลอดจนเคมีภัณฑ์และยา ด้านการลงทุนบริษัทวางแผนที่จะใช้เงิน 500 ล้านดอลลาร์ ในการพัฒนาที่ดินเฟสแรกครอบคลุมพื้นที่ 8,075 ไร่

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_153_Investor_y23.php

‘สพพ.’เพิ่มช่วยเหลือ สปป.ลาว ฝึกคนขับรถไฟ – ทำแผนธุรกิจสถานี‘บ้านคำสะหวาด’

นายพีรเมศร์ วุฒิธรเนติรักษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน (องค์การมหาชน) เปิดเผยถึงความคืบหน้าโครงการ ก่อสร้างทางรถไฟสายท่านาแล้ง-เวียงจันทน์ ระยะที่ 2 ส่วนที่ 2 (รถไฟไทย-ลาว)  สถานีรถไฟเวียงจันทน์ บ้านคำสะหวาด ซึ่งเป็นโครงการต่อเนื่องจากโครงการระยะแรกของเส้นทาง ว่าขณะนี้โครงการแล้วเสร็จเรียบร้อยและอยู่ระหว่างรอกำหนดการจากทั้งสองประเทศคือไทย และสปป.ลาวที่จะกำหนดให้มีการเปิดใช้สถานีอย่างเป็นทางการ โดยจากการหารือกันระหว่าง สพพ. และตัวแทนรัฐบาลจาก สปป.ลาว ซึ่งได้ร้องขอให้ไทยให้ความช่วยเหลือเพิ่มเติมในเรื่องของการฝึกอบรมพนักงานขับรถไฟ ช่วยทำแผนธุรกิจเตรียมเปิดสถานีบ้านคำสะหวาด เตรียมเสนอรัฐบาลใหม่ขออนุมัติเงินกู้ 1.8 พันล้าน ให้ สปป.ลาว พัฒนาเส้นทางหมายเลข 12 (R12) เชื่อมนครพนม – ลาว – เวียดนาม เพิ่มมูลค่าการค้า 3 ประเทศ

ที่มา : https://www.bangkokbiznews.com/business/economic/1082354

รัฐบาลท้องถิ่น สปป.ลาว เร่งช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยน้ำท่วม

หลายร้อยหมู่บ้านในหลายจังหวัดในภาคกลางและภาคใต้ของ สปป.ลาว กำลังดิ้นรนเพื่อรับมือกับสถานการณ์น้ำท่วมหลังจากฝนตกหนักมาในช่วงหลายวัน ส่งผลทำให้ฟาร์มจำนวนมากในพื้นที่ดังกล่าวได้รับผลกระทบ และประชาชนหลายพันคนในพื้นที่กำลังเข้าสู่ภาวะขาดแคลนอาหารและน้ำดื่ม โดยเฉพาะในพื้นที่ บอลิคำไซ คำม่วน และสะหวันนะเขต ได้รับผลกระทบเป็นอย่างหนัก ซึ่งหน่วยงานท้องถิ่นและพันธมิตรอื่นๆ กำลังเร่งดำเนินการอย่างหนักเพื่อให้ทันต่อการตอบสนองสถานการณ์เร่งด่วน โดยล่าสุดกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคมได้จัดส่งสิ่งของบรรเทาทุกข์ไปยังหน่วยงานแรงงานและสวัสดิการสังคมในเขตพื้นที่จังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศ เพื่อเตรียมพร้อมในการแก้ไขเหตุฉุกเฉินกรณีเกิดภัยพิบัติต่างๆ เพิ่มเติม พร้อมกันนี้กระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคมจะประสานงานกับจังหวัดที่ประสบอุทกภัยต่อไปเพื่อช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบให้กลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติโดยเร็ว ด้านกระทรวงและคณะกรรมการป้องกันและควบคุมภัยพิบัติแห่งชาติ ซึ่งทำงานร่วมกับภาคีการพัฒนาได้ส่งมอบเครื่องอุปโภคบริโภคมูลค่ารวมกว่า 573.93 ล้านกีบ ในการช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมในแขวงบอลิคำไซ คำม่วน และแขวงสะหวันนะเขต

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_152_Local_y23.php

สปป.ลาว-ฟิลิปปินส์ พร้อมหนุนอุตสาหกรรมพลังงานทดแทน การค้า และการเกษตร

Mr. Enrique Manalo รัฐมนตรีต่างประเทศฟิลิปปินส์กล่าวถึงโอกาสในการร่วมมือด้านการพัฒนาอุตสาหกรรมพลังงานทดแทน การค้า และภาคการเกษตร ร่วมกับกัมพูชา หลังร่วมหารือกับคณะกรรมาธิการร่วมเพื่อความร่วมมือทวิภาคี สปป.ลาว-ฟิลิปปินส์ (JCBC) นำโดย Mr. Saleumxay Kommasith นอกจากการสนับสนุนในเรื่องข้างต้นทั้งสองฝ่ายยังได้หารือถึงความเป็นไปได้ในการกำหนดเที่ยวบินตรงเชื่อมระหว่างสองประเทศเพื่อหวังกระตุ้นภาคการท่องเที่ยวระหว่างกันในอนาคต ขณะที่ ACEN Renewables บริษัทสัญชาติฟิลิปปินส์ ได้เข้าถือหุ้นในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม ซึ่งเป็นโครงการพลังงานลมโครงการแรกใน สปป.ลาว และโครงการพลังงานหมุนเวียนข้ามพรมแดนโครงการแรกในเอเชีย โดยเชื่อว่าเป็นการสนับสนุนยุทธศาสตร์การเติบโตด้านพลังานสีเขียวของ สปป.ลาว ซึ่งปัจจุบันทั้งสองประเทศได้สานความสัมพันธ์ทางการทูตร่วมกันมาแล้วกว่า 70 ปี โดยได้จัดทำข้อตกลงร่วมกันทั้งหมด 22 ฉบับ ภายใต้การวางกรอบความสัมพันธ์ที่มุ่งเน้นไปที่ความมีมนุษยธรรมมากขึ้น มั่งคั่งขึ้น และมีความยืดหยุ่นมากขึ้น

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_151_Foreign_y23.php

นายกฯ สปป.ลาว ร่วม รมว.เทคโนโลยี หนุนดิจิทัลทรานส์ฟอร์ม

รัฐบาล สปป.ลาว เร่งดำเนินการภายใต้ยุทธศาสตร์ เพื่อสร้างเศรษฐกิจดิจิทัล สังคมดิจิทัล และรัฐบาลดิจิทัล ภายใต้กรอบการขับเคลื่อนวิสัยทัศน์การพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลแห่งชาติ 20 ปี (2021-2040) ยุทธศาสตร์การพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลแห่งชาติ 10 ปี (2021-2030) และแผนพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลแห่งชาติ 5 ปี (2021-2025) โดยกรอบนโยบายต่างๆ คาดว่าจะสนับสนุนการพัฒนาทางสังคมและเศรษฐกิจของ สปป.ลาว ในระยะสั้นและระยะยาว ขณะที่รัฐบาลดิจิทัลยังส่งผลให้มีการจัดการบริการภาครัฐที่โปร่งใสมากขึ้น ซึ่งเชื่อมโยงกับการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ที่มีคุณภาพสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานด้านไอซีที ที่กระทรวงกำลังเตรียมขยายการทดลองใช้ 5G ซึ่งได้พัฒนาใน สปป.ลาว ให้เป็นศูนย์กลางการเชื่อมต่อและเกตเวย์ดิจิทัลภายในภูมิภาค และรับประกันความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่แข็งแกร่ง ด้านนายกรัฐมนตรี Sonexay Siphandone แนะนำให้กระทรวงและสถาบันการวิจัยในประเทศสร้างแผนในการพัฒนาเพื่อเชื่อมโยงกับวิสัยทัศน์ ยุทธศาสตร์ และแผนการพัฒนาสำหรับเศรษฐกิจดิจิทัลแห่งชาติ ภายใต้กรอบงบประมาณประจำปี 2025

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_PMtechnology150.php

ทางการ สปป.ลาว พร้อมแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจ ควบคู่การสร้างความมั่นคง

คณะกรรมการกลางของพรรคประชาชนปฏิวัติ สปป.ลาว มีมติให้เริ่มมาตรการเพื่อให้แน่ใจว่าเศรษฐกิจจะเติบโตร้อยละ 4.5 ในปีนี้ ในขณะที่กำลังพยายามควบคุมอัตราเงินเฟ้อที่พุ่งสูงขึ้นและชะลอการอ่อนค่าของเงินกีบ โดยคณะกรรมการกลางพรรคเพิ่งมีมติในประเด็นดังกล่าวในการประชุมสมัยที่ 6 ซึ่งสรุปการดำเนินการที่รัฐบาลต้องดำเนินการเพื่อเอาชนะปัญหาทางเศรษฐกิจที่กำลังดำเนินอยู่เพื่อป้องกันไม่ให้ประเทศผิดนัดชำระหนี้ รวมถึงเป็นการบรรเทาผลกระทบทางเศรษฐกิจที่ส่งผลกระทบไปยังภาคประชาชน โดยปัจจุบัน สปป.ลาว กำลังเผชิญกับความท้าทายที่เกี่ยวข้องกับการขาดดุลเงินตราต่างประเทศ อัตราเงินเฟ้อที่พุ่งสูงขึ้น เงินกีบที่อ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่อง และค่าครองชีพที่สูงขึ้น เป็นสำคัญ นอกจากนี้ทางการยังจำเป็นต้องทบทวนนโยบายสินเชื่อเพื่อให้แน่ใจว่าธนาคารพาณิชย์จะปล่อยสินเชื่อให้กับภาคเอกชนมากพอเพื่อกระตุ้นภาคการผลิตในประเทศ

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Partyresolves149.php

สวิตเซอร์แลนด์พร้อมสนับสนุนส่วนความปลอดภัยเขื่อนใน สปป.ลาว

สวิตเซอร์แลนด์มอบเงินกว่า 5.2 ล้านดอลลาร์ เพื่อสนับสนุนความช่วยเหลือด้านเทคนิคและการจัดตั้งสถาบันด้านความปลอดภัยเขื่อนใน สปป.ลาว โดยได้บันทึกความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการเพื่อความปลอดภัยทางเขื่อนใน สปป.ลาว ระหว่าง นาย Bouathep Malaykham อธิบดีกรมอุตสาหกรรมพลังงานและการจัดการความปลอดภัย ร่วมกับ นาย Jesper Lauridsen ผู้อำนวยการ Helvetas Swiss Intercooperation Laos โดยโครงการนี้มุ่งเน้นไปที่สามส่วนสำคัญ ได้แก่ การเพิ่มขีดความสามารถทางเทคนิคให้แก่กระทรวงพลังงานและเหมืองแร่ ให้สามารถทำหน้าที่เป็นหน่วยงานกำกับดูแลความปลอดภัยของเขื่อนอย่างมีประสิทธิภาพ ลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติที่เกิดจากข้อบกพร่องในการออกแบบ การก่อสร้าง การบำรุงรักษา การเฝ้าระวัง และการดำเนินการตามมาตรการป้องกันด้านสิ่งแวดล้อมและสังคม ประเด็นต่อมาเพื่อหวังเสริมสร้างกรอบการใช้กฎหมายให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากลและให้การสนับสนุนแผนกการจัดการพลังงานและความปลอดภัยในอุตสาหกรรมที่จัดตั้งขึ้นใหม่ ส่วนประเด็นสุดท้ายเพื่อหวังสนับสนุนการฝึกอบรมด้านความปลอดภัยทางเขื่อนในการจัดตั้งสถาบันเพื่อสร้างกลุ่มผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยของเขื่อน นอกจากนี้ยังให้ความคุ้มครองที่ดีขึ้นสำหรับประชากรประมาณกว่า 1.5 ล้านคน ที่อาศัยอยู่ท้ายเขื่อน และถือเป็นส่วนสำคัญในการสร้างแหล่งผลิตพลังงานที่ยั่งยืนให้แก่ สปป.ลาว

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_148_switzerland_y23.php