สปป.ลาว – จีนจัดตั้งกิจการร่วมค้าเพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมการเกษตร

รัฐวิสาหกิจเพื่อการเกษตร (SAS) ของสปป.ลาวได้ลงนามข้อตกลงกับ China’s Guangzhou Zhongheyuan Agriculture Development Co., Ltd. (GZAD) และ บริษัท UAB Global Ltd (UAB) ของฮ่องกง เพื่อร่วมมือกันลงทุนในอุตสาหกรรมเกษตรและการพัฒนาตลาด ข้อตกลงเกี่ยวกับการจัดตั้งบริษัทร่วมทุน CSU Agricultural Innovation Co., Ltd. (CSU) ได้ลงนามในเวียงจันทน์เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว วัตถุประสงค์ของการร่วมทุนคือการพัฒนาและปรับปรุงอุตสาหกรรมการเกษตร รวมถึงด้านปศุสัตว์โดยเฉพาะหมู วัว และแพะ การปลูกผักอินทรีย์และผลิตผลทางการเกษตรอื่น ๆ เพื่อจำหน่ายในตลาดสปป.ลาว จีน และนานาชาติ CSU มุ่งมั่นที่จะสร้างงานสร้างโอกาสทางการตลาดและสร้างรายได้อย่างยั่งยืนให้กับประชาชนและเพื่อผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรที่ปลอดภัยและมีคุณภาพสูงให้กับผู้บริโภคในราคาที่สมเหตุสมผล ความร่วมมือดังกล่าวคาดว่าจะช่วยการทำฟาร์มปศุสัตว์และปรับปรุงระบบการทำฟาร์มในสปป.ลาวโดยใช้เทคโนโลยีและมาตรฐานใหม่และผ่านการฝึกอบรมและความช่วยเหลือด้านเทคนิค

ที่มา : http://annx.asianews.network/content/lao-chinese-joint-venture-boost-agricultural-industry-103707

อาเซียน-จีน หารือเปิดตลาดสินค้า-ลงทุนเพิ่มเติม ไทยเสนอจีนหนุนเชื่อมเส้นทางคุนหมิง-เชียงราย เพิ่มโอกาสการค้า

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน-จีน และอาเซียน-ฮ่องกง โดยระบุว่าจากการหารือระหว่างอาเซียนกับจีนนั้น เนื่องจากมีข้อตกลงเขตการค้าเสรี (FTA) ตั้งแต่ปี 2548 มูลค่าการค้าระหว่างอาเซียน-จีน อยู่ที่ระดับดับ 4.7 แสนล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งถือว่าจีนเป็นคู่ค้าอันดับหนึ่งของอาเซียน โดยจะยกระดับความร่วมมือในอีก 3 เรื่องสำคัญ คือ 1.การเปิดตลาดสินค้าเพิ่มเติม 2.การปรับปรุงกฎระเบียบเรื่องถิ่นกำเนิดสินค้าให้มีความทันสมัยยิ่งขึ้น เพื่อรองรับกับการค้ายุคใหม่ และ 3.การเตรียมเปิดเสรีการลงทุนเพิ่มเติม ซึ่งทางจีนมีกองทุนสำหรับช่วยสนับสนุนการดำเนินการของอาเซียนด้วย และที่ผ่านมาสนับสนุนเงินกองทุนแก่อาเซียน 300 ล้านหยวน โดยจะเพิ่มอีก 50 ล้านหยวน ในโครงการต่างๆ เช่น โครงการแพลตฟอร์มออนไลน์สำหรับการท่องเที่ยวในอาเซียน โครงการฝึกอบรมผู้ประกอบการรวมทั้งเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องกฎระเบียบถิ่นกำเนิดสินค้า เป็นต้น ทางการไทยได้เสนอใช้เงินจากกองทุนของจีนใน 3 โครงการสำคัญ คือ 1.โครงการเส้นทาง R3A ซึ่งเชื่อมเส้นทางระหว่างคุณหมิงกับเชียงราย โดยได้เสนอเรื่องนี้เพื่อเพิ่มโอกาสทางการค้าระหว่างกัน เป็นการค้าข้ามพรมแดนที่จะเป็นประโยชน์กับไทยต่อไปในอนาคต 2.โครงการพัฒนานักธุรกิจรุ่นใหม่ และ 3.โครงการแพลตฟอร์มสำหรับการค้าและนักธุรกิจรุ่นใหม่

ที่มา: https://www.ryt9.com/s/iq03/3039204

ค้าชายแดนเมียนมา – จีน หยุดชะงัก

การค้าชายแดนของเมียนมากับจีนผ่านด่านมูเซในรัฐฉานตอนเหนือได้หยุดชะงักลงเนื่องจากการทำลายสะพานโดยกองกำลังกบฏที่ถนนมัณฑะเลย์ – มูเซและมีการปะทะกันอย่างต่อเนื่อง ด่านมูเซส่วนใหญ่ส่งออกข้าว, ข้าวโพด, น้ำตาล, ผลผลิตทางการเกษตรอื่น ๆ และนำเข้าวัสดุก่อสร้าง เครื่องจักร อิเล็กทรอนิกส์ และวัตถุดิบอื่น ๆ จากจีน มูลค่าการค้าที่ส่งผ่านมูเซอยู่ที่ประมาณ ล้านเหรียญสหรัฐ (4.57 พันล้านจั๊ต) ต่อวันจากงานของกระทรวงพาณิชย์ แม้ว่าจะมีการซ่อมแซมสะพานที่ถูกทำลายแต่ก็ยังคงเป็นการยากที่จะดำเนินการค้าต่อเนื่องจากขาดความมั่นคงในภูมิภาค ปัจจุบันไม่มีการส่งออกผลไม้ไปยังจีน แต่ผู้ค้าส่งสินค้าประมงแม้จะได้รับอนุญาตอย่างเป็นในการส่งออกกำลังประสบกับความสูญเสียอย่างหนัก จนต้องขายสินค้าในประเทศเท่านั้น เช่น ในเมืองในมัณฑะเลย์และย่างกุ้ง รวมทั้งการส่งออกข้าวที่ต้องหยุดชะงักไปด้วย รายงานของกระทรวงพาณิชย์ระบุ ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 61 ถึง 9 ส.ค. 62 การ ส่งออกไปยังจีนผ่านเขตการค้าชายแดนมูเซ มีมูลค่ารวม 2.75 พันล้านดอลลาร์สหรัฐและการนำเข้า 1.53 พันล้านเหรียญสหรัฐ มูลค่าการค้ารวมอยู่ที่ 4.28 ล้านเหรียญสหรัฐ

ที่มา: https://www.irrawaddy.com/news/burma/myanmars-cross-border-trade-china-halted-clashes.html

เวียดนามส่งออกข้าวไปจีนลดฮวบผลจากกฎระเบียบที่เข้มงวด

จากข้อมูลศุลกากรเวียดนาม (Vietnam Customs) เปิดเผยว่าในช่วง 7 เดือนแรกของปี 2562 เวียดนามส่งออกข้าวไปยังจีนอยู่ที่ 318,000 ตัน ลดลงร้อยละ 65.7 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา (yoy) เนื่องมาจากกฎระเบียบการนำเข้าสินค้าเกษตรที่เข็มงวดของจีน รวมไปถึงคุณภาพของสินค้าเกษตรเวียดนามที่ไม่ได้รับรองตามมาตรฐานจีน ซึ่งคาดว่าในปีหน้า การส่งออกข้าวของเวียดนามยังต้องเผชิญกับความท้าทายมากขึ้น โดยคาดว่าในปีนี้ การนำเข้าจากจีนจะลดลงร้อยละ 2.94 คิดเป็นปริมาณประมาณ 3.3 ล้านตัน เนื่องมาจากผู้ผลิตในประเทศจีนมีจำนวนมาก นอกจากนี้ นับตั้งแต่เดือนมกราคม-กรกฎาคมที่ผ่านมา เวียดนามส่งออกสินค้าเกษตรไปยังจีนลดลงร้อยละ 10 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว คิดเป็นมูลค่าราว 3.35 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

ที่มา: https://e.vnexpress.net/news/business/industries/steep-plunge-in-rice-exports-to-china-as-import-rules-tighten-3968743.html

สงครามการค้าพ่นพิษพ่อค้าจีนเริ่มเบี้ยวหนี้

หอการค้าไทยเผยได้รับการร้องเรียนจากผู้ส่งออกผลไม้ไทยถูกพ่อค้าจีนเบี้ยวหนี้หลังจากจีนประสบปัญหาเศรษฐกิจชะลอตัวจากสงครามการค้า นายสนั่น อังอุบลกุล รองประธานกรรมการสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้รับร้องเรียนจากสมาชิกหอการค้าไทยและผู้ประกอบการส่งออกผลไม้ไทยว่าถูกนักธุรกิจในประเทศจีนเบี้ยวเงินค่าผลไม้ ต้องการให้รัฐบาลเร่งช่วยเข้าไปช่วยเหลือเนื่องจากผู้ประกอบการไทยส่วนใหญ่เป็นเอสเอ็มอี นอกจากนี้ต้องการให้ ช่วยเจรจากับสถาบันการเงิน เนื่องจากในระยะหลังการปล่อยสินเชื่อให้กับเอสเอ็มอีที่ทำธุรกิจค้าขายกับจีนค่อนข้างที่เข้มงวดมาก อยากให้มีการเร่งสร้างความเชื่อมั่นให้กับภาคเอกชน ภาพรวมยอมรับว่าการส่งออกที่ชะลอตัวของไทยมาจากเศรษฐกิจโลกชะลอตัว รวมถึงสงครามการค้าสหรัฐ-จีน ทำให้ผู้ประกอบการไทยต้องลดกำลังการผลิต ลดการทำงานล่วงเวลา (โอที) ของพนักงานซึ่งจะกดดันรายได้แรงงานให้ลดลงตาม กลุ่มธุรกิจเอสเอมอีหลายรายที่ทำธุรกิจกับจีนก็เริ่มได้รับผลกระทบส่งสินค้าไปแล้วมีทั้งเก็บเงินไม่ได้ และบางรายยังถูกเบี้ยวหนี้

ที่มา: https://www.dailynews.co.th/economic/725488

เวียดนามสืบสวนการทุ่มตลาดสำหรับพลาสติกจากประเทศจีน มาเลเซีย และไทย

เวียดนามดำเนินการตรวจสอบการทุ่มตลาดสำหรับวัตถุดิบพลาสติกจากบริษัทจีน ไทย และมาเลเซีย ที่ส่งผลต่ออุตสาหกรรมในประเทศเวียดนาม โดยการสอบสวนได้เริ่มขึ้นในวันจันทร์ที่ผ่านมา ตามข้อร้องเรียนจากผู้ผลิตพลาสติก 2 กลุ่ม ได้แก่ บริษัท Hung Nghiep Formossa จากประเทศไต้หวันและบริษัท  Youl Chon Vina จากประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งการ นำเข้าผลิตภัณฑ์พลาสติกจากทั้ง 3 ประเทศดังกล่าว ล้วนสร้างความเสียหายต่ออุตสาหกรรมในประเทศอย่างมีนัยสำคัญ เป็นผลมาจากบริษัทดังกล่าวมีสัดส่วนกว่าร้อยละ 77 ของผลผลิตพลาสติกเวียดนาม โดยหลายๆบริษัทได้เสนออัตราภาษีสำหรับสินค้าพลาสติก จากประเทศจีน มาเลเซีย และไทย ทั้งนี้ ได้มีการประกาศเรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดชั่วคราวสำหรับสินค้าอลูมิเนียมที่มาจากประเทศจีน และวัสดุไม้ มาจากประเทศไทยและมาเลเซีย

ที่มา : https://e.vnexpress.net/news/business/industries/vietnam-investigates-plastic-dumping-by-china-malaysia-thailand-3964222.html

จีน สปป.ลาว ร่วมมือบังคับใช้ด้านกฎหมายด้านความมั่นคง

 สมาชิกสภาแห่งของรัฐบาลจีนและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงความมั่นคงแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนได้หารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการรักษาความปลอดภัยสาธารณะของ สปป.ลาว ถึงความร่วมมือระหว่างสองประเทศในการสร้างชุมชนจีน – ลาว พร้อมกับการศักราชใหม่สำหรับความสัมพันธ์ทวิภาคีเสริมสร้างความร่วมมือด้านความมั่นคงสำหรับโครงการสำคัญและโครงการทางถนนและความร่วมมือในการปกป้องความมั่นคงของชาติการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ เช่น โทรคมนาคม การคอรัปชั่น การพนันออนไลน์ และการสร้างความสามารถในการบังคับใช้กฎหมายเพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ทวิภาคีต่อไป

ที่มา : http://www.xinhuanet.com/english/2019-08/06/c_138288334.htm

จับตาสินค้าจีนทะลักเข้าไทยพิษทรัมป์

ผอ.การสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยถึงกรณีสหรัฐฯ เตรียมปรับขึ้นภาษีนำเข้าจากจีนลอตใหม่ 10% ตั้งแต่ 1 ก.ย.62 ว่า การปรับขึ้นภาษีครั้งนี้ มีสินค้าจำนวน 3,812 รายการ โดยมี 7 รายการที่ซ้ำกับที่สหรัฐฯขึ้นภาษีไปครั้งก่อน 25% มูลค่า 200,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ที่บังคับใช้ไปแล้ว โดยส่วนใหญ่เป็นสินค้าส่วนที่เหลือเกือบทั้งหมดที่สหรัฐฯนำเข้าจากจีนและยังไม่ได้ขึ้นภาษี ครอบคลุมสินค้า เช่น อาหาร อุปกรณ์เครื่องใช้ภายในบ้าน อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เสื้อผ้าและรองเท้า เครื่องประดับ และของเล่น ซึ่งจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อผู้บริโภคสหรัฐฯ แต่ยกเว้นสินค้าบางรายการ เช่น ยา และแร่ Rare Earth ซึ่งหากเดินหน้าขึ้นภาษีจริง ผลกระทบทางตรงต่อการส่งออกไทยและผลกระทบทางอ้อมกรณีที่สินค้าไทยเป็นวัตถุดิบของจีน แล้วจีนส่งออกไปสหรัฐฯ ประเมินว่ามีไม่มากนักเมื่อเทียบกับการขึ้นภาษีครั้งที่ผ่านมา และบางส่วนเป็นสินค้าที่ไทยนำเข้าสุทธิในปี 61 และปี 62 โดยกระทรวงพาณิชย์จะติดตามผลกระทบอย่างใกล้ชิด อย่างไรก็ตาม พบว่ามีสินค้าที่ไทยมีโอกาสส่งออกเพิ่มขึ้นได้ โดยเฉพาะสินค้าเกษตรมีโอกาสส่งออกเพิ่มในตลาดสหรัฐฯกว่า 725 รายการ โดยเป็นสินค้าที่ไทยมีส่วนแบ่งตลาดและสามารถแข่งขันได้ กระทรวงพาณิชย์จะประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชน เพื่อหารือในประเด็นนี้ และประเมินผลกระทบและทำแผนรับมือ เบื้องต้นมีแผนรุกตลาดในสินค้าที่มีศักยภาพ และพัฒนาส่งออกผ่านออนไลน์ นอกจากนี้ จะติดตามสถานการณ์การนำเข้าอย่างใกล้ชิด เพื่อป้องกันสินค้าไหลเข้ามาไทยเป็นจำนวนมากจากมาตรการภาษีระหว่างสหรัฐฯและจีนที่อาจส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมในประเทศและผู้บริโภค แต่ก็ยังไม่พบการนำเข้าที่ผิดปกติในช่วงที่ผ่านมา.

ที่มา: https://www.thairath.co.th/news/business/1629121

ผู้ทำการค้าในสปป.ลาว ประสบปัญหาหลังจากการระงับการนำเข้าจุดผ่านแดนท้องถิ่นเข้าสู่ประเทศจีน

ผู้ทำการค้าในจังหวัดทางตอนเหนือของสปป.ลาวมีทางเลือกน้อยลงในการนำสินค้าเข้าประเทศจีนหลังจากทางการจีนสั่งห้ามนำเข้าจุดผ่านแดนท้องถิ่น ผลิตภัณฑ์ทั้งหมดรวมถึงสินค้าเกษตรสามารถเข้าสู่ประเทศจีนได้เฉพาะที่ด่านชายแดนบ่อเต็น ในแขวงหลวงน้ำทา การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวส่งผลกระทบต่อการส่งออกในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ซึ่งทางการสปป.ลาวยังไม่ได้รับข้อมูลที่เป็นทางการจากคู่ค้าจีนว่าเหตุใดจึงถูกห้ามนำเข้า ซึ่งส่งผลกระทบต่อผู้ค้าจำนวนมากในแขวงพงสาลีและอุดมไซ เนื่องจากต้องใช้จ่ายเพิ่มเพื่อขนส่งสินค้า อย่างไรก็ตามผู้ค้าในจังหวัดหลวงน้ำทายังไม่ได้รับผลกระทบเนื่องจากนักธุรกิจจีนในภูมิภาคสามารถส่งออกสินค้าไปยังประเทศจีนผ่านด่านชายแดนทั้งในและต่างประเทศ อีกทั้งตอนนี้จีนเป็นนักลงทุนต่างชาติที่ใหญ่ที่สุดในสปป.ลาวและเป็นคู่ค้ารายใหญ่อันดับสองของประเทศ การเพิ่มขึ้นของนักลงทุนจีนในสปป.ลาวและโครงการความร่วมมือที่เพิ่มขึ้นระหว่างรัฐบาลทั้งสองเป็นเหตุผลหลักที่ทำให้การนำเข้าจากจีนเพิ่มขึ้นการส่งออกของสปป.ลาวไปยังประเทศจีน กระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าคาดว่าจะเพิ่มขึ้นในปีนี้ ในขณะที่การนำเข้าจะลดลง

ที่มา : http://annx.asianews.network/content/traders-suffer-after-curb-import-entry-points-china-101193

จีนผู้นำเข้าข้าวรายใหญ่ของเมียนมา

จากรายงานของกระทรวงพาณิชย์ เมียนมาส่งออกข้าวและข้าวหักไปยังจีน ประเทศในภูมิภาคแอฟริกา และสหภาพยุโรป โดยเฉพาะจีนและประเทศในภูมิภาคอื่นๆ นำเข้าข้าวคิดเป็นหนึ่งในสามของการส่งออกทั้งหมด มีรายรับ 423.869 ล้านเหรียญสหรัฐจากการส่งออกไปยัง 58 ประเทศและ 88.606 ล้านเหรียญสหรัฐจากการส่งออกข้าวหักไปยัง 28 ประเทศของปีงบประมาณนี้ (1 ต.ค.61 – 14 มิ.ย.62) มีรายรับรวม 512.475 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยมีผู้นำเข้าหลัก 5 อันดับ ได้แก่ จีน ฟิลิปปินส์ แคเมอรูน ไอวอรี่โคสต์ และกานา เมียนมาส่งออกข้าวหักมากกว่า 1.68 ล้านตันไปยัง 88 ประเทศ และส่งออกไปยังประเทศจีนมากกว่า 36% จากสถิติพบว่าปีงบประมาณนี้มีรายรับ 423.869 ล้านเหรียญสหรัฐจากการส่งออกข้าวมากกว่า 1.35 ล้านตันและข้าวหักไป 54 ประเทศ ปัจจุบันมีพื้นที่ปลูกมากกว่า 16.6 ล้านเอเคอร์ที่เก็บเกี่ยวได้ในปี 60 – 61 จากพื้นที่นาข้าวมากกว่า 17.6 ล้านไร่

ที่มา: https://elevenmyanmar.com/news/china-and-regional-countries-top-rice-and-broken-rice-buyers-list